บทที่ 208 ใครขู่ใคร?
บทที่ 208 ใครขู่ใคร?
ดังคำกล่าวที่ว่า “เดือนมืด ลมพัดแรง ฤกษ์สังหาร”
ขณะที่โจวอี้เดินออกจากบ้าน เขาเห็นซุนเหมาไฉนั่งยอง ๆ สูบบุหรี่อยู่ที่ประตู อีกฝ่ายดับก้นบุหรี่ทันทีและกลับไปขึ้นรถนั่งประจำตำแหน่งคนขับรถตู้
โจวอี้ขึ้นไปนั่งที่นั่งข้างคนขับ
ก่อนที่เขาจะขึ้นรถ เขาเหลือบไปเห็นรถที่จอดอยู่ใต้แสงไฟสลัว ๆ ในระยะไกล
“ไม่มีใครลงมาจากรถเลยเหรอ?” โจวอี้ถาม
“มีอยู่คนหนึ่ง” ซุนเหมาไฉกระซิบ
โจวอี้แสดงสีหน้าเย้ยหยัน
ตั้งแต่นั่งรถออกมาจากเมืองฉู่ถึงจินหลิง เขาถูกคนของกั๋วฉินเซิงตามมาตลอดทาง
แต่เขาไม่กังวล
เมื่อเขารู้ว่าถงหู่ได้ก้าวเข้าสู่ระดับปรมาจารย์แล้ว เขาจึงมอบลูกสาวของเขาให้ถงหู่เป็นผู้คุ้มกัน
“เราไปกันเลยไหม” ซุนเหมาไฉถาม
“ไม่ต้องห่วง ไปกันเลย” โจวอี้หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดไฟ
ชั้นสองของวิลล่า
ร่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในห้องเห็นใครบางคนเดินเข้ามา
อีกฝ่ายที่กำลังเดินเข้ามาเป็นชายหนุ่ม ดูแล้วน่าจะอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ
แต่อีกฝ่ายดูแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะจังหวะที่มั่นคงเวลาเดิน ซึ่งแสดงว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ฝึกยุทธ์
เขากำลังพิจารณาว่าจะฆ่าชายหนุ่มคนนี้ดีหรือไม่?
ส่วนคนที่แซ่โจวนั่นน่ะสมควรตาย
ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงเย็นชาที่ด้านนอกประตู
“ยังไม่ลงมืออีกเหรอ?”
เขาถูกพบแล้ว?
สีหน้าของชายวัยกลางคนร่างกำยำเปลี่ยนไป เขาผลักประตูเปิดออกพร้อมกับแทงมีดสีดำไปที่คอของอีกฝ่ายทันที
“โอ้?” ถงหู่ยกมือขึ้นรับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเคลื่อนไหวช้าแต่ที่จริงแล้วมันเร็วมาก ในพริบตา เขาคว้าข้อมือของคู่ต่อสู้ไว้ได้ มีดสีดำถูกหยุดก่อนจะถึงคอเขาเพียงครึ่งนิ้ว
กร๊อบ…
ถงหู่หักข้อมือของคู่ต่อสู้อย่างง่ายดาย
“เป็นไปได้ยังไง!?” สีหน้าของชายวัยกลางคนร่างกำยำเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และใช้เวลาเพียงหนึ่งวินาทีจากความตกใจเป็นความกลัว
เขาเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่ห่างจากระดับกึ่งปรมาจารย์เพียงหนึ่งก้าว
ตอนนี้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมากเมื่อพบว่ากลิ่นอายของชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นน่ากลัวมาก เขาเคยสัมผัสกลิ่นอายที่แข็งแกร่งแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันมีให้เห็นเฉพาะผู้ที่แข็งแกร่งระดับปรมาจารย์เท่านั้น
ชายหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาเป็นปรมาจารย์!
“ฮ่าฮ่า!” ถงหู่เยาะเย้ยและมองไปหมัดของอีกฝ่ายที่กำลังต่อยมา เขาไม่หลบแต่ซัดฝ่ามือสวนไปที่หน้าผากของอีกฝ่ายในพริบตา ฝ่ามือนี้ทรงพลังมากจนสมองของชายวัยกลางคนแหลกเละอยู่ในกะโหลก ของเหลวสีแดงและสีขาวไหลทะลักออกจากรูจมูก ปาก และดวงตา
“อ่อนแอฉิบหาย”
ถงหู่สบถ คลายข้อมือของฝ่ายตรงข้าม และมองดูชายวัยกลางคนล้มพับลงเหมือนโคลน จากนั้นเขาก็สะบัดมือที่เปื้อนเลือด ก่อนจะกดโทรศัพท์มือถือโทรออกไปหาโจวอี้ “ฆ่าไปหนึ่ง”
“ฉันจะส่งคนไปเก็บศพ นายดูแลเด็ก ๆ ไว้นะ” โจวอี้ตอบกลับมา
รถตู้หน้าบ้านเคลื่อนออกไปทันที
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา รถตู้ก็มาถึงเฮฟเว่นคลับ เมื่อลดกระจกหน้าต่างรถลง โจวอี้ก็กล่าวทักทายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตู จากนั้นก็ผ่านไปอย่างราบรื่น
ไม่นานรถก็มาจอดที่ลานจอดรถ
หลังจากดับเครื่องยนต์แล้วพวกเขาไม่ได้ลงจากรถ แต่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างเงียบ ๆ
ไม่กี่นาทีต่อมา
ร่างหนึ่งปีนข้ามมากำแพงมาอย่างเงียบ ๆ วิ่งมาที่ลานจอดรถ ใช้รถต่าง ๆ เป็นที่กำบัง ลอบเร้นกายมาหยุดหลังรถตู้ในเวลาไม่นานนัก
โจวอี้ผลักประตูรถเปิดออกและปรากฏตัวต่อหน้าอีกฝ่ายในพริบตา
“กำลังตามหาผมอยู่ละสิ” โจวอี้ถามด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายเมื่อมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของอีกฝ่าย
“แก…” ชายร่างกำยำก้าวถอยหลังไปสองสามก้าว มีดคมกริบถูกชักออกมาอยู่ในมือ
เขารู้สึกหวาดกลัวเพราะอีกฝ่ายปรากฏตัวต่อหน้าเขาเร็วเกินไป เร็วจนเขามองไม่ทัน!
นอกจากนี้เขายังมีความรู้สึกไม่ดีอยู่ในใจ เพราะสหายที่แอบเข้าไปในช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่าไม่ได้ออกมาอีกเลย และไม่ได้ส่งข้อความถึงเขาด้วยซ้ำ
“อย่ากลัวเลย ผมจะไม่รีบฆ่าจนกว่าจะรีดข้อมูลออกมาจนหยดสุดท้ายซะก่อน” โจวอี้ยิ้ม
“แกรู้ว่าเราตามแกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?” ชายร่างใหญ่ถามอย่างระแวดระวัง
“ตั้งแต่ออกจากลานจอดรถที่ตลาดวัตถุดิบยาในเมืองฉู่แล้ว” โจวอี้ยิ้มและพูดต่ออีกว่า “ผมตอบคำถามของคุณแล้ว ดังนั้นคุณควรตอบคำถามของผมบ้าง กั๋วฉินเซิงมาที่จินหลิงแล้วหรือยัง”
“ไม่”
“อ้อ งั้นคุณก็ตามผมมาเพื่อดูว่าผมพักอยู่ที่ไหนใช่ไหม?”
“ถูกต้อง”
“โอเค! งั้นผมจะให้ไอ้สุนัขแก่นั่นมีชีวิตอยู่อีกสักสองสามวันนะ” โจวอี้หยิบเข็มเงินออกมาและยิ้มจาง ๆ “ขณะที่คุณยังมีชีวิตอยู่ตอนนี้ โทรหาเขา! ผมจะคุยกับเขา”
“หืม?” ทันใดนั้น ชายร่างกำยำก็ปรากฏตัวต่อหน้าโจวอี้ และมีดที่แหลมคมก็เตรียมแทงเข้ามายังตำแหน่งหัวใจของโจวอี้อย่างแยบยล
“มั่นใจในตัวเองมากเกินไปหน่อยไหม?” โจวอี้ไม่แม้แต่จะเลิกคิ้ว เขาเบี่ยงตัวเล็กน้อยหลบไปด้านข้างก่อนจะคว้าข้อมือของอีกฝ่ายที่ถือมีดไว้ และเข็มเงินในมืออีกข้างของโจวอี้ก็แทงเข้าไปที่คอของอีกฝ่ายทันที
ในขณะที่ร่างกายของคู่ต่อสู้แข็งค้าง โจวอี้ก็ชกขมับของอีกฝ่ายด้วยกำปั้น
ทว่าแรงหมัดที่โจวอี้ชกออกไปนั้นกลับไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ เพียงทำให้อีกฝ่ายหมดสติไปแทน
จากนั้นโจวอี้ก็คว้ามีดในมือของคู่ต่อสู้และปักลงไปที่คอของอีกฝ่ายโดยตรง
เขาค้นหาโทรศัพท์ของชายร่างกำยำ ก่อนจะถ่ายรูปและส่งไปให้กั๋วฉินเซิง
เขามีเบอร์ของกั๋วฉินเซิงเพราะอีกฝ่ายเคยยื่นนามบัตรให้เขา
เมืองฉู่
กั๋วฉินเซิงนั่งคุกเข่าอยู่ในห้องโถง
ทันใดนั้นหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเขาก็สว่างขึ้นมา เขาก็ลืมตาและเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์
เมื่อเขาเห็นรูปภาพที่ถูกส่งมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เวลานี้โทรศัพท์มือถือดังขึ้น และเขาพบว่าเป็นหมายเลขลูกน้องของเขา
กั๋วฉินเซิงเงียบไปครู่หนึ่ง แต่เขายังคงกดปุ่มรับสาย
“เห็นภาพแล้วนะ? ขอสัมภาษณ์สักครู่ได้ไหม รู้สึกยังไงที่เห็นลูกน้องของคุณนอนจมกองเลือด ตกใจไหม โกรธไหม หรือหวาดกลัว?” เสียงเยาะเย้ยของโจวอี้ดังมาจากปลายสาย
“แกมันไอ้สารเลวน่าตาย!” กั๋วฉินเซิงตวาดกลับ
“คนที่เคยบอกว่าผมสมควรตาย ทุกคนล้วนตายแทนผมกันหมด และผมยังคงมีชีวิตอยู่ดี”
กั๋วฉินเซิงเงียบไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดอย่างเย็นชาว่า “มาตกลงกันไหม”
“ว่ามา!”
“ขายหญ้าเสวียนหมิงให้ฉัน แล้วเราจะเลิกเป็นศัตรูกัน”
“ไม่ขาย”
“ถ้าแกไม่ขาย ฉันจะไปที่ตลาดมืด ไม่ว่าแกจะมีใครหนุนหลังหรือมีอำนาจแค่ไหน ฉันเชื่อว่าด้วยเงินล่อลวง จะมีนักฆ่าจำนวนนับไม่ถ้วนในโลกของผู้ฝึกยุทธ์มองหาแก แกจะตายแบบไม่มีหลุมฝัง!” กั๋วฉินเซิงขู่
“จ้างนักฆ่า? ว้าว ๆ คิดว่าผมทำไม่ได้บ้างงั้นเหรอ? เอางี้ไหม ทำไมเราไม่ลองมาวัดกันดูว่าใครจะตายก่อนกัน?” โจวอี้หัวเราะเยาะ
“ลองวัดดูก็ได้! ตอนนี้ฉันอยู่บนเครื่องบินไปต่างประเทศแล้ว แกไปจ้างไอ้พวกนักฆ่าในตลาดมืดพวกนั้นมาตามล่าฉันได้เลย พวกมันหาฉันไม่เจอแน่!” กั๋วฉินเซิงหัวเราะเยาะ
“น่าสนใจ แต่คุณรู้ไหมว่าทำไมผมถึงไม่กลัวคุณ”
“ทำไม?”
“เพราะพวกเราสำนักโอสถไม่เคยกลัวภัยคุกคามใด ๆ หากผมใช้ความสัมพันธ์ทั้งหมดของผม รวมไปถึงขอให้อาจารย์ผมที่เป็นประมุขช่วยเหลือ ผมเชื่อว่าจะมีนิกายที่แข็งแกร่งและผู้ฝึกยุทธ์มากมายนับไม่ถ้วนในจีนยินดีตามล่าคุณไปทั่วโลกเพื่อเอาหัวคุณกลับมาให้ผม ส่วนค่าหัวน่ะเหรอ? แค่ยาไม่กี่เม็ดก็ซื้อชีวิตคุณได้แล้วล่ะนะ! ฮ่าฮ่าฮ่า” โจวอี้หัวเราะเสียงดัง
“แกเป็นศิษย์ของสำนักโอสถ? ศิษย์ของฉู่เทียนฮุ่ย?” เส้นเลือดบนขมับของกั๋วฉินเซิงปูดโปนออกมาทันที
“ไอ้แก่ รู้เยอะดีนี่หว่า! รู้แม้แต่ชื่อของอาจารย์ที่เป็นประมุขสำนักโอสถ” โจวอี้พูดด้วยรอยยิ้ม “จะบอกอะไรให้นะ ผมมีสถานะอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นคือผมเป็นสมาชิกของคณะกรรมการกำกับดูแลเถิงหลง เป็นไง แปลกใจไหม? ถ้าผมเอ่ยปากขอเหลาเหลียงให้ใช้พลังของชาติ คุณคิดว่าผมจะตามหาคุณไม่เจอรึไง?”
“ไอ้เxี้ย! ทำไมศิษย์ของสำนักโอสถอย่างแกถึงเข้าร่วมที่นั่นได้!? แก…”
สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก
เขาไม่กลัวสำนักโอสถ
เขาไม่กลัวว่าสำนักโอสถจะใช้เส้นสายตามหาเขาที่ต่างประเทศ
แต่เขากลัวอำนาจของประเทศจีน!
หากเจ้าหน้าที่รัฐจีนและกองกำลังใหญ่ของโลกผู้ฝึกยุทธ์จับมือกัน เขาคงต้องซ่อนตัวอยู่ในมุมโลกที่ไม่มีคนอาศัยอยู่ เขาถึงจะมีชีวิตรอดไปได้!