บทที่ 238 ไม่มีใครกล้าโกงผม
บทที่ 238 ไม่มีใครกล้าโกงผม
โจวอี้ไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องการตั้งบริษัทบันเทิงนี้สักเท่าไหร่ ระหว่างทางมาที่นี่ เขาได้รับโทรศัพท์จากหยางเซี่ยวหาง และได้รู้ว่าหยางกรุ๊ปได้เริ่มขั้นตอนการโอนที่ดินและกำลังจัดเตรียมเอกสาร
ตราบใดที่เขาโอนเงินและเซ็นชื่อในเอกสารเหล่านั้น เขาก็จะไม่ต้องกังวลใด ๆ และที่ดินสี่ร้อยไร่ในหลี่ซานนั้นก็จะเป็นของเขา
ซื้อที่ดิน และสร้างโรงเรียน
นี่คือความคิดเร่งด่วนที่สุดของโจวอี้ในตอนนี้
เพราะเขาทราบดีว่าการสร้างโรงเรียนให้ดีได้นั้นต้องใช้เวลานาน
เขายังต้องหาบริษัทออกแบบ บริษัทก่อสร้าง และยังมีขั้นตอนการก่อสร้างที่ยาวนาน ซึ่งกว่าจะเปิดโรงเรียนได้อย่างเป็นทางการและรับเด็กเร่ร่อนเข้ามาอยู่อาศัยได้นั้น อย่างเร็วที่สุดอาจใช้เวลาหนึ่งหรือสองปีเลยทีเดียว
ดังนั้นหากเขาสามารถทำให้มันเร็วขึ้นได้อีกหนึ่งวัน มันก็หมายความว่าเขาสามารถช่วยเด็กเร่ร่อนได้เร็วขึ้นอีกหนึ่งวันด้วย
“คุณจะขายไหม?” โจวอี้ถามย้ำ
“แน่นอน! ผมจะขาย แต่ผมมีหนึ่งคำถามก็คือ คุณจะโอนเงินทั้งหมดให้ผมหลังจากจัดการเอกสารเสร็จได้เร็วแค่ไหน”
“ถ้าคุณรีบ ผมโอนเงินให้คุณได้เดี๋ยวนี้เลย” โจวอี้ตอบ
เดี๋ยวนี้?
หัวใจของเหมิงไห่เผิงเต้นโครมคราม เขามองโจวอี้ด้วยความเคารพมากขึ้น
สงสัยว่าเงิน 320 ล้านหยวนน่าจะไม่ใช่เงินจำนวนมากสำหรับชายหนุ่มแซ่โจวผู้นี้
“ม…ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้คุณโจว รอให้เราทำเอกสารซื้อขายเสร็จก่อนจะดีกว่า ขั้นตอนที่เกี่ยวข้องคงเสร็จสิ้นภายในหนึ่งสัปดาห์ คุณสามารถโอนมัดจำให้ผมก่อน 50% แล้วค่อยโอนอีก 50% ที่เหลือให้ผมหลังจากการถ่ายโอนอาคารเสร็จสิ้น ตกลงไหม?”
“มันยุ่งยากเกินไป ผมไม่มีเวลาว่างขนาดนั้น เอาหมายเลขบัญชีของคุณมาเถอะ แล้วผมจะโอนเงินทั้งหมดให้คุณเลย สำหรับขั้นตอนการโอนอาคาร ก็แค่ส่งเอกสารมาให้ผมเซ็นทีหลังก็พอ” โจวอี้โบกมือ
ส่วนเหมิงไห่เผิงพูดไม่ออก
เขาทำธุรกิจมาหลายปี แต่ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน?
อีกฝ่ายไม่กลัวว่าเขาจะเชิดเงินหนีเลยเหรอ?
นี่มันเงิน 320 ล้านเชียวนะ!
จางเหิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็รีบพูดขึ้นว่า “เจ้านาย คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ไม่งั้นในกรณีที่…”
“ไม่มีกรณีไหนทั้งนั้น” โจวอี้โบกมือและพูดอย่างเฉียบขาด “ตราบใดที่อาคารหลังนี้ไม่มีขางอกออกมาและวิ่งหนีไปได้ ผมก็ไม่กลัวว่าเขาจะหอบเงินหนีไปไหนหรอก เพราะจนถึงตอนนี้ยังไม่มีใครสักคนที่กล้าโกงผม!”
“…”
ทั้งสามคนพูดไม่ออก
กริ๊งงง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
โจวอี้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูหมายเลขโทรเข้า และเดินออกไปสองสามก้าวเพื่อรับสาย
“เหล่าหวง เกิดอะไรขึ้น?”
“ใช่ หยางกรุ๊ปเสร็จสิ้นขั้นตอนแล้ว พวกเขารวดเร็วจริง ๆ…”
“อืม หยางเซี่ยวหางเพิ่งโทรหาผมและขอให้ผมไปเซ็นเอกสารพวกนั้น หลังจากที่ผมลงนามและสัญญามีผลบังคับใช้ ที่ดินสี่ร้อยไร่ในหลี่ซานก็จะเป็นของผม…”
“ผมจำได้ว่าตระกูลของคุณมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยใช่ไหม โครงการของผมมอบให้คุณดูแลได้ไหม? อะไรนะ? ติดโครงการใหญ่อยู่เหรอ? งั้นก็ช่างเถอะ แค่แนะนำบริษัทอสังหาริมทรัพย์ให้ผมทีหลังก็ได้ แต่อย่าลืมว่าต้องเป็นบริษัทใหญ่ เพราะผมต้องการให้การก่อสร้างเสร็จเร็วที่สุด…”
“เอาน่า คุณอย่าบ่นมากเลย ขายของให้ผมแล้วเอาเงินไปหมุนสิ ตอนนี้ผมยากจนมาก ถ้าผมไม่มีเงินหมื่นล้านพวกนั้นที่คุณจะต้องให้ผมมา หลังจากนี้ผมคงยุ่งยากแน่ ๆ…”
“ตอนนี้ผมกำลังซื้อตึก ถ้าไม่มีอะไรสำคัญก็อย่าโทรมา…”
จากนั้นโจวอี้ก็วางสาย
และเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็นจางเหิง ไป๋ไค หรือเหมิงไห่เผิงต่างก็รู้สึกใจเต้นจากการที่ได้ยินประโยคที่โจวอี้พูดกับคนในสาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาของเหมิงไห่เผิงที่ถึงกับเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
จู่ ๆ เขาก็มีแรงกระตุ้นอยากที่จะรู้จักตัวตนของชายหนุ่มคนนี้
เขาเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจของจินหลิง และเขารู้ว่าหยางกรุ๊ปต้องการประกาศประมูลที่ดิน แต่แล้วกลับยกเลิกการประมูลกะทันหัน
กลายเป็นว่าหยางกรุ๊ปขายที่ดินให้กับชายหนุ่มตรงหน้าเขานี่เอง
ยิ่งไปกว่านั้น ชายหนุ่มคนนี้ดูสนิทสนมกับหวงไห่เทามาก
ไม่สิ! จากบริบทการคุย มันคล้ายกับหวงไห่เทาเป็นเหมือนแรงงานภายใต้คำสั่งของชายหนุ่มคนนี้เลยด้วยซ้ำ
แล้วไอ้เงินหมื่นล้านที่พูดกับหวงไห่เทาคืออะไร? หวงไห่เทาติดเงินชายหนุ่มคนนี้หมื่นล้าน หรือว่าพวกเขาทำธุรกิจร่วมกันแล้วได้กำไรมา?
เหมิงไห่เผิงจ้องมองไปที่โจวอี้ ทันใดนั้นก็เกิดความกลัวขึ้นมา
เขาหันไปมองรถที่จอดอยู่ใกล้ ๆ และจำได้ว่ามันคือรถของเฉิงฮ่าว!
ใครบ้างล่ะที่มีสิทธิ์ใช้รถของเฉิงฮ่าว? แม้แต่คนขับที่ยืนรออยู่ก็ดูเหมือนจะเป็นคนขับรถคนสนิทของเฉิงฮ่าวไม่ใช่เหรอ?
โจวอี้ไม่รู้ว่าผู้คนรอบข้างกำลังคิดอะไรอยู่ เขาขอเลขบัญชีธนาคารของเหมิงไห่เผิงและโอนเงินกว่า 320 ล้านหยวนต่อหน้าอีกฝ่าย
“คุณโจว ผมจะให้ใบเสร็จ” เหมิงไห่เผิงพูดพลางยิ้มแป้น
“ตกลง” โจวอี้พยักหน้า
ในไม่ช้าเขาก็ได้ใบเสร็จมา จากนั้นก็ยัดมันลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันไปถามจางเหิงว่า “มูลค่าการตกแต่งแพงไหม? ผมเพิ่งได้ยินจากภรรยาว่าอุปกรณ์ชั้นนำของโลกราคาแพงมาก เงินพอไหม? ถ้าไม่พอก็บอกมาตอนนี้เลย แล้วผมจะให้เงินอีกก้อน”
“ตอนนี้พอแล้วครับ” จางเหิงยิ้มแห้ง
เขาไม่เคยคิดว่าโจวอี้จะรวยขนาดนี้ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินโจวอี้พูดว่าไม่ค่อยมีเงิน
แต่ตอนนี้ทำไมโจวอี้ถึงร่ำรวยและดูมีอิทธิพลมากขนาดนี้?
หรือว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายพยายามทำตัวไม่เด่น?
“ถ้าเงินไม่พอก็ติดต่อผมมาทันทีนะ” โจวอี้กำลังจะจากไป แต่จู่ ๆ เขาก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้และถามว่า “แล้วบริษัทจะเสร็จเมื่อไหร่?”
“การตกแต่งจะแล้วเสร็จก่อนปีใหม่ และจะเปิดดำเนินธุรกิจได้อย่างช้าที่สุดก็หลังปีใหม่ครับ” จางเหิงตอบอย่างเร่งรีบ
“แล้วการรับสมัครคนล่ะ อย่ารอจนกว่าจะเปิดนะ เราควรมีพนักงานเอาไว้ก่อน” โจวอี้แนะนำ
“เจ้านายไม่ต้องกังวล! เรากำลังสรรหาผู้มีความสามารถในช่วงที่เรากำลังตกแต่งบริษัท หลังจากเปิดบริษัทแล้ว เราจะสามารถดำเนินการได้ทันที” จางเหิงให้คำมั่นสัญญา
“อืม ดีมาก”
โจวอี้พยักหน้า จากนั้นโบกมือให้ทุกคนและขึ้นรถกลับออกไป
เหมิงไห่เผิงมองดูรถหรูที่หายไปในระยะไกลก่อนจะลดเสียงลงเพื่อถามจางเหิง “นี่ ประธานจาง ผมอยากถามว่าเขาเป็นใคร? ดูเหมือนว่าเขาจะยิ่งใหญ่มาก”
จางเหิงขมวดคิ้วเล็กน้อยและขู่ว่า “ประธานเหมิง เจ้านายของเราไม่ชอบทำตัวเด่น เขาไม่ต้องการให้คนนอกรู้ว่าเขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ Collection Entertainment วันนี้คุณได้รู้เพราะความบังเอิญ แต่ผมหวังว่าคุณจะเก็บมันเป็นความลับได้ ไม่อย่างนั้นเจ้านายของผมจะโกรธมาก และผลที่ตามมาคงจะร้ายแรง”
“แน่นอน ๆ ผมจะไม่แพร่งพรายเรื่องนี้” เหมิงไห่เผิงรีบสัญญา
“อืม ขอบคุณมาก” จางเหิงลังเลหลังจากพูดเช่นนั้น แต่เขาคิดว่าควรทำให้อีกฝ่ายรู้สึกกดดันมากขึ้นอีกเล็กน้อย จึงพูดต่อไปว่า “ผมบอกคุณอีกอย่างก็ได้ ผู้ถือหุ้นอีกสองคนของบริษัทเราก็คือจางซิ่วจือ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทอัญมนีสีน้ำเงิน และหวงไห่เทา ผู้นำตระกูลหวงแห่งจินหลิง”
“พวกเขาด้วยเหรอ?” เหมิงไห่เผิงตกใจสุดขีด
หวงไห่เทานั้น เขารู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
แต่จางซิ่วจือนั้นคือภรรยาของหยางเซี่ยวหาง ประธานของหยางกรุ๊ป!
สองคนนี้เป็นผู้ถือหุ้นของ Collection Entertainment?
บริษัทนี้… ขนาดยังไม่ได้เปิดอย่างเป็นทางการ แต่กลับมีเบื้องหลังที่ลึกซึ้งมาก!