บทที่ 257 ยาทลายขอบเขต
บทที่ 257 ยาทลายขอบเขต
ผ่านไปเพียงห้านาที เกาเซินก็กินจนเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้คนหนุ่มสาวหลายคนที่โต๊ะเดียวกันถึงกับตะลึง และเกือบจะรู้สึกว่าเขาถูกความตะกละครอบงำ!
“พี่เซิน สบายดีไหม” คนตรงข้ามถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ไปกันเถอะ!” เกาเซินดูกระสับกระส่าย
“ไปไหนเหรอ?”
“ไปไหนก็ดีกว่าอยู่ที่นี่ ไปกันเถอะ” เกาเซินพูด เขารีบลุกขึ้นและเดินอ้อมไปอีกด้าน
“ประตูอยู่ทางโน้น พี่เซิน…”
“เงียบเถอะน่า!”
ทันใดนั้น เกาเซินก็เร่งฝีเท้าเดินไปอีกฝั่ง เอามือปิดหน้าแล้วเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
คนอื่น ๆ รู้สึกงงงวยและรู้สึกว่าวันนี้เกาเซินผิดปกติจริง ๆ
มันเหมือนกับ…
มีสัตว์มีพิษอยู่ในร้านอาหารที่ทำให้เขาอยากจะบินหนีไปให้พ้น ๆ
เกาเซินไม่รู้ว่าคนอื่นคิดอย่างไร หลังจากที่ออกมาจากร้านอาหารได้สำเร็จก็รู้สึกหายใจหายคอคล่องขึ้น เขาหันศีรษะไปทางหน้าต่าง มองไปยังชายสองคนกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างใน และยกมือขึ้นปาดเหงื่อบนหน้าผาก
“เกาเซิน… ไหนเรื่องมันเป็นยังไง เล่ามา” อวี๋ซินหยางขมวดคิ้ว
“เห็นผู้ชายในเสื้อแจ็กเก็ตสีฟ้าอ่อนตรงหน้าต่างนั่นไหม?” เกาเซินถาม
“เห็นสิ!”
อีกฝ่ายพยักหน้าช้า ๆ สายตาก็จ้องมองตามไป
เกาเซินพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “นายน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับหยางไค่และหยางเทียนเจิ้นผู้เป็นพ่อ ตอนนี้ไม่รู้ข่าวคราวว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม แต่คงมีจุดจบได้ไม่ดีนัก และคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ก็คือเขา”
เมื่อได้ฟัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
มีข่าวลือว่าสองพ่อลูกตระกูลหยางได้ล่วงเกินคนที่โหดร้ายเข้าให้ ดังนั้นครอบครัวฮวงฟู่ที่อยู่เบื้องหลังตระกูลหยางจึงมาสอนบทเรียนให้กับสองพ่อลูกและขอโทษขอโพยผู้ชายคนนั้น
และคนโหดเหี้ยมที่ว่าก็กำลังทานอาหารกับคนอื่น ๆ?
ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจ… ไม่แปลกใจที่สีหน้าเกาเซินกลายเป็นซีดเซียวเมื่อเห็นอีกฝ่าย
“ว่าแต่… นายรู้ได้ยังไงว่าเป็นเขา” อวี๋ซินหยางถาม
“เพราะฉันติดตามหยางไค่อยู่และเห็นทั้งหมดน่ะสิ” เกาเซินยิ้มแหย
แท้จริงแล้วเกาเซินเป็นคนที่ติดตามหยางไค่…
“เกาเซิน นั่นคือสาเหตุที่พ่อทุบตีนายหรือไง?”
“อืม!” เกาเซินพยักหน้า
ทันใดนั้นก็ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้จึงหยุดเดิน สีหน้าแสดงความลังเลออกมา
“เกิดอะไรขึ้น?” อวี๋ซินหยางถาม
“นายไปรอที่ลานจอดรถก่อน ฉันขอทำอะไรสักอย่าง” หัวใจของเกาเซินเต้นตึกตักขณะเดินกลับไปที่ร้านอาหาร เขาจ่ายเงินค่าอาหารให้โต๊ะของโจวอี้แล้วจากไปอย่างเงียบ ๆ
เขาต้องการมีความสัมพันธ์อันดี…
แม้ว่าชายคนนั้นจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนจ่ายค่าอาหารมื้อนี้ให้ แต่หากในอนาคตเผลอไปยั่วยุโดยไม่ได้ตั้งใจ น้ำใจในครานี้คงทำให้เขารอดปลอดภัยไปได้…
…
บ่ายโมง
พวกโจวอี้ทานอาหารเสร็จก็เดินมาเตรียมคิดเงิน แต่ได้รับแจ้งมาว่ามีคนจ่ายให้แล้ว
“บอกผมได้ไหมว่าใครเป็นคนจ่าย?” ชายหนุ่มถาม
“เขาชื่อเกาเซินครับ รูปร่างสูงและยังเด็ก” แคชเชียร์ตอบ
“ใคร?”
“เขาเป็นลูกชายเจ้าของโรงแรมเสิ่งถัง” แคชเชียร์ตอบตามตรง
“ลูกชายของบอสเกาแห่งโรงแรมเสิ่งถัง? โรงแรมเสิ่งถังอยู่ใกล้ ๆ นี้เหรอ ทำไมถึงมาที่นี่กัน… ไม่ได้อยู่ในโรงแรมของเขาเองเหรอ?” โจวอี้ถาม
“เอ่อ… ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“แล้วคนอื่นล่ะ?”
“จ่ายเงินแล้วก็ออกไปเช่นกันครับ”
“ไปแล้ว? และทิ้งคุณงามความดีไว้ให้ดูต่างหน้างั้นเหรอ?”
โจวอี้รู้สึกแปลก ๆ เขาจดจำชื่อนี้ไว้และออกจากร้านอาหารไปพร้อมกับลูกสาว
ช่วงบ่ายแก่ ๆ
หลังจากงีบหลับกับลูกสาวแล้ว โจวอี้ก็ส่งเธอให้ถงหู่ดูแลต่อ ส่วนตัวเขาเองไปที่ครัวของโรงแรมเพื่อทำยาจีนให้กับทีมงานและนักแสดงของถังหว่าน
ถัดจากนั้น
รถออฟโรดได้จอดเทียบอยู่ริมถนนบริเวณใกล้เคียง
โจวอี้และถงหู่ลงจากรถและส่งยาจีนที่ต้มแล้วไปที่สตูดิโอ ถังหว่านใช้โอกาสนี้เข้าไปนั่งในรถ Knight XV เพื่อใช้เวลาอยู่กับลูกสาว
เวลานี้… ทุกคนมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ทำให้โจวอี้รู้สึกปลื้มใจ
“เอาล่ะ ทุกคนเขยิบไปดื่มยาตรงมุมนั้นนะ” ถังจี้โจวบอกให้ฝูงชนรอบ ๆ ชายหนุ่มถอยห่างออกไป ส่วนตัวเองค่อย ๆ เดินเข้าไปมากใกล้ขึ้น “อีกประมาณสามวัน การถ่ายทำส่วนของคุณจะมาถึงแล้ว คุณมีเวลาไหม?”
“ผมมีเวลาครับ เพราะไม่ต้องไปทำงาน” ชายหนุ่มเอ่ยถามต่อไปว่า “จะใช้เวลากี่วันในการถ่ายทำบทของผมเหรอ?”
“มีฉากไม่เยอะมาก สามารถถ่ายทำได้ภายในสามวัน”
“โอเคครับ แล้วผมจะมาใหม่ในวันพุธ”
เมื่อเห็นผู้เป็นพ่อไม่อยู่แล้ว ถังเหมียวเหมี่ยวจึงร้องไห้เสียงดัง เธอไม่อยากกลับ และยืนยันที่จะไปกับถังหว่าน
ในท้ายที่สุด หลังโจวอี้กลับมา สองสามีภรรยาก็หว่านล้อมเอาสิ่งของมาล่อจนเด็กหญิงใจอ่อน
วันต่อมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์
ชายหนุ่มได้รับโทรศัพท์จากหลานอวี้หรง และได้รู้ว่าพบส่วนผสมยาหลายชนิดแล้ว
ดังนั้นโจวอี้จึงรีบไปยังแหล่งที่มีการขาย และซื้อทั้งหมดมาในราคาสูงลิ่ว จากนั้นก็ตรงกลับไปที่ย่านช็องเซลิเซ่ ลานติง วิลล่า
เขาจำเป็นต้องปรับแต่งตัวยา
เพราะยาทลายขอบเขตสามารถช่วยให้เขาพัฒนาความสำเร็จได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากกินยาทลายขอบเขตเข้าไป เขาก็ไม่กล้ารับประกันว่าจะไปถึงระดับปรมาจารย์
ภายในโรงยิมของวิลล่า
ถงหู่ยืนอยู่หน้าเตายา มองดูโจวอี้ที่กำลังคัดแยกส่วนผสมยา เขาลังเลอยู่นานว่าจะเข้าไปพูดด้วยดีไหม แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจเดินเข้าไปหา “พี่… ผมคิดว่าพี่วิตกกังวลมากเกินไป รากฐานเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ส่วนการกินยาก็แค่การส่งเสริมการพัฒนา ผมว่าพี่ควรเลื่อนการกินยาทะลวงขอบเขตออกไปก่อน”
“ฉันรู้ แต่ฉันต้องแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะปกป้องตัวเองและผู้คนรอบข้าง เพราะงั้นต้องไปถึงระดับปรมาจารย์เท่านั้น ถึงจะทำให้ฉันอุ่นใจ” โจวอี้ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ผมสามารถปกป้องพี่ได้นะ รวมถึงเหมียวเหมี่ยวด้วย”
“ผมรู้ว่าทั้งพี่และคุณย่าจะปกป้องเรา แต่พี่ไม่สามารถติดตามผมไปทุกครั้งที่ออกไปข้างนอกได้ใช่ไหมล่ะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายหนุ่มก็หวนนึกถึงการต่อสู้ในตระกูลฮัว และฉากที่ฮัวหมานเหรินที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ถูกสังหารต่อหน้า เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ความปรารถนาที่จะแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมามากขึ้น
“จริง ๆ แล้ว…” ถงหู่อ้าปากค้างแต่ไม่ได้พูดต่อ
โจวอี้เคยต้มยามาก่อน แต่ไม่ค่อยได้ผสมยาบ่อยนัก
สามชั่วโมงต่อมา
การผสมยาครั้งแรกจบลงด้วยความล้มเหลว…
เจ็ดชั่วโมงต่อมา
การผสมยาครั้งที่สองก็จบลงด้วยความล้มเหลวเช่นกัน
“ครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
จากประสบการณ์สองครั้งแรกสามารถทำให้กระบวนการต่าง ๆ ราบรื่นมากขึ้น แต่เขาก็กลัวว่าจะล้มเหลวอีกครั้ง
เนื่องจากส่วนผสมยาหลักที่ใช้ทำยามีค่ามาก อีกทั้งจำนวนที่ซื้อจากหลานอวี้หรงยังน้อยมากเช่นกัน มันจึงรองรับการกลั่นได้เพียงสามครั้งเท่านั้น!
เวลาผ่านไปทีละน้อย
เมื่อไฟค่อย ๆ ดับลง กลิ่นของยาก็ฟุ้งกระจาย
“จับตัว … ”
บนหน้าผากของโจวอี้มีเหงื่อผุดซึม และแววตาฉายความความมุงมั่น
พลังปราณของเขาถูกส่งเข้าไปในเตายา มันโอบอุ้มยาเม็ดเล็ก ๆ สองเม็ดเพื่อป้องกันไม่ให้มันยุบลงเมื่อหยิบขึ้นมา
หลังจากการกลั่นครั้งที่สาม ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จในการนำเม็ดยาทลายขอบเขตที่ใสสะอาดสองเม็ดจากเตายาออกมาได้สำเร็จ
หลังจากที่พวกมันแข็งตัวอย่างสมบูรณ์แล้ว โจวอี้จึงหยิบขวดหยกมาจากมือถงหู่และใส่เม็ดยาทลายขอบเขตสองเม็ดลงไป จากนั้นก็อุดปากขวดไว้อย่างแน่นหนา
“ถงหู่ ดูแลเหมียวเมี่ยวและเสี่ยวรุ่ยให้ดี ฉันจะกินยาทลายขอบเขตแล้วกลับห้องไปพักผ่อน” โจวอี้กล่าว
“ได้สิ!”