เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล – ตอนที่ 60 ขนมบ๊ะจ่าง

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

หวังซีกลัวว่าจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นทำให้เฉาอวิ๋นวิ่งหนีไป

พอมีจวนชิ่งอวิ๋นโหวก็ไม่เหมือนกันแล้ว

เฉาอวิ๋นอาศัยทำการค้ากับสตรีชั้นสูงเพื่อให้ได้มีชื่อเสียง จวนชิ่งอวิ๋นโหวเป็นตระกูลชั้นสูงระดับบนสุดของจิงเฉิง ปั๋วหมิงเย่ว์บอกไปครั้งหนึ่ง ไม่ต้องพูดถึงเฉาอวิ๋น แม้แต่วัดต้าเจวี๋ยก็ต้องเปิดประตูอำนวยความสะดวกให้นาง

นางยิ้มร่ากล่าวขอบคุณปั๋วหมิงเย่ว์ กล่าวว่า ท่านว่าวันที่สิบเดือนห้าเป็นอย่างไร

ผ่านเทศกาลแข่งเรือมังกรไปพอดี เป็นเวลาที่ไม่ค่อยยุ่ง ทุกคนต่างมีเวลาว่าง

ปั๋วหมิงเย่ว์กลัวแต่ว่าหวังซีจะไม่ไป กล่าวว่า เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้ ข้าจะให้เฉาอวิ๋นรอเจ้าอยู่ที่วัดตั้งแต่เช้า

เจ้าอย่าได้บิดพลิ้วไม่ไปเป็นอันขาด!

เขาเติมอีกหนึ่งประโยคอยู่ในใจ กำลังจะสะบัดแขนเสื้อจากไป

หวังซีไม่รู้ว่าตัวเองไปทำให้คุณชายน้อยที่เอาแต่ใจท่านนี้ขุ่นเคืองใจตอนไหน ทว่าก็มิได้เก็บมาใส่ใจ เพียงร้องเรียกเขาเอาไว้ เอ่ยถึงคำวิจารณ์ที่เขามีต่อการเกี่ยวดองของพวกเขาขึ้นมา …ความจริงแล้วข้าก็แค่เหี่ยวเฉาคล้ายต้นหลิวในฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น คุณชายปั๋วดูแคลนข้า ข้าก็เข้าใจได้ แต่ที่ข้าไม่เข้าใจก็คือ จวนชิ่งอวิ๋นโหวที่ใหญ่โตโอฬาร เหตุใดคำพูดลับๆ ของคุณชายปั๋วไม่กี่ประโยค กลับปล่อยให้คนเอาไปแพร่ถึงจวนเซียงหยางโหวได้รวดเร็วขนาดนั้น?…

…แม้นจะไม่มีการสานต่อ แต่จิตใจคนนี้ยากแท้หยั่งถึง ผู้ใดจะกล้ารับประกันว่าต่อไปจะไม่มีใครหยิบยกเอาเรื่องนี้ออกมาพูด?…

…เรือนชั้นในของคุณชายปั๋วคงต้องจัดระเบียบสักหน่อยแล้ว

เป็นถ้อยคำที่ทำเอาดวงหน้าของปั๋วหมิงเย่ว์คล้ายกำลังลุกเป็นไฟ

เขาเป็นคนพูดถ้อยคำนี้จริงๆ และยังเป็นเขาที่ให้คนเอาไปกระซิบถึงหูของฮูหยินผู้เฒ่าจวนเซียงหยางโหวเป็นพิเศษ

แต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงก็คือ สตรีอย่างหวังซีผู้นี้จะไม่ออกไพ่ตามหลักปกติ ถึงกับกักเขาไว้ตรงนี้เพื่อไล่เลียงถาม

ทำให้เขาดูเหมือนถูกจับเปลือยกายยืนอยู่ใต้พระอาทิตย์แล้วปล่อยให้ผู้คนล้อมวงกันดูก็ไม่ปาน

น่าขายหน้าเกินไปแล้ว!

ปั๋วหมิงเย่ว์พลันอยากระบายความโกรธกับคนของจวนเซียงหยางโหวเล็กน้อย

เขาพูดเช่นไรพวกเขาก็แพร่ออกไปเช่นนั้นหมด?

ตอนฮ่องเต้ทรงตำหนิเสนาบดีกรมคลังเซี่ยสือในห้องทรงพระอักษรจนกลายเป็นสุนัขเลือดท่วมหัวแล้วให้ขันทีเด็กเหล่านั้นนำความไปแจ้ง ขันทีเด็กเหล่านั้นยังต้องปรับเปลี่ยนพระราชดำรัสก่อนเลย แล้วเหตุใดพอไปถึงจวนเซียงหยางโหวจึงไม่รู้จักปรับเปลี่ยนบ้าง

นี่มิใช่ว่าจวนเซียงหยางโหวทำให้พวกเขาต้องผิดใจกับผู้อื่นหรอกหรือ

ปั๋วหมิงเย่ว์กล่าวแก้ตัวโดยสัญชาตญาณ เซียงหยางโหวฮูหยินผู้เฒ่าผู้นั้นช่างน่ารำคาญใจยิ่งนัก! ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ชอบเข้าหาท่านย่าของข้า เสมือนกับว่าพี่สาวน้องสาวของพวกข้าล้วนเป็นคนรุ่นหลังของนาง ไม่ต้องพูดถึงเรื่องงานแต่งของข้า แม้แต่งานแต่งของหกเจี่ยเอ๋อร์ของพวกข้า นางก็อยากยื่นมือเข้ามาสอด

ความหมายโดยนัยก็คือ เขามิได้ตอบโต้หวังซี แต่ตอบโต้จวนเซียงหยางโหว

หวังซีเองก็รู้สึกว่าจวนเซียงหยางโหวนั่นช่างน่ารำคาญใจมากจริงๆ ต่อให้ปั๋วหมิงเย่ว์ไม่พึงพอใจนางผู้นี้ จวนเซียงหยางโหวในฐานะคนกลาง ก็ไม่ควรเอาสิ่งที่ปั๋วหมิงเย่ว์พูดมาบอกกล่าวให้จวนหย่งเฉิงโหวฟังอย่างละเอียดขนาดนั้น

นางกล่าวเช่นนั้น เรื่องที่ไม่เห็นคนจวนหย่งเฉิงโหวอยู่ในสายตาก็เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคงจะเป็นเพราะรู้สึกว่าจวนหย่งเฉิงโหวทำให้นางเสียหน้า นางก็เลยตั้งใจฉีกหน้าคนจวนหย่งเฉิงโหวสักครั้งหนึ่ง

เดิมทีหวังซีเองก็ไม่ได้อยากไปสืบสาวราวเรื่องกับเรื่องนี้ ได้ยินแล้วแสร้งกล่าวอย่างร้อนใจว่า เช่นนั้นจวนเซียงหยางโหวคงมิได้ปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกไปข้างนอกหรอกกระมัง

จากการคาดการณ์ของนาง จวนเซียงหยางโหวต้องปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกไปอย่างแน่นอน

หนึ่งเพื่อปัดข้อครหาออกไป จวนชิ่งอวิ๋นโหวกับจวนหย่งเฉิงโหวเกี่ยวดองกันไม่สำเร็จ ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับจวนเซียงหยางโหว และสองเพื่อเหยียบย่ำจวนหย่งเฉิงโหวต่อไป ด้วยการพูดว่า หญิงสาวของพวกเขาล้วนไม่มีดีอะไร พวกเจ้าดู คุณหนูต่างสกุลของพวกเขาปั๋วหมิงเย่ว์ยังดูแคลน

ตอนนี้แค่รอดูว่าจวนเซียงหยางโหวเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนฟังกี่มากน้อยแล้วเท่านั้น!

ปั๋วหมิงเย่ว์พานพบเรื่องการขันแข่งในเรือนชั้นในมามาก จึงนึกภาพออกได้ในทันที

สีหน้าเขาพลันเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองยิ่งนัก กระโจนตัวออกมาโดยไม่ต้องคิด คุณหนูหวัง เรื่องนี้ข้าจะหาคำอธิบายมาให้เจ้าเอง! เจ้าวางใจได้!

หวังซีมองเงาหลังที่หงุดหงิดของเขาแล้ว ความประทับใจที่มีต่อปั๋วหมิงเย่ว์ดีขึ้นมาก

นางหมุนกายไปหาท่านหมอเฝิง แจ้งวันเดินทางไปวัดต้าเจวี๋ยให้ท่านหมอเฝิงทราบ

ท่านหมอเฝิงกลับมีอาการใกล้ความจริงแล้วขลาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งกลัวว่าเฉาอวิ๋นผู้นั้นจะมิใช่ศิษย์พี่ใหญ่ที่เขาตามหามาหลายสิบปี ขณะเดียวกันก็กลัวว่าจะเป็นเขา รู้สึกลังเลตัดสินใจไม่ได้เล็กน้อย

หวังซีแนะนำเขา ยื่นศีรษะเข้าไปก็เป็นดาบ ดึงศีรษะกลับมาก็เป็นดาบ มิสู้บุกเข้าไปอย่างสง่างามดูว่าตกลงแล้วเฉาอวิ๋นผู้นั้นเป็นใครกันแน่ดีกว่า หากมิใช่ ท่านก็ยังต้องใช้เวลาตามหาต่อไปอีก!

บัดนี้ท่านหมอเฝิงเองก็เป็นคนอายุล่วงเลยวัยหกสิบปีแล้ว ต่อให้อยากตามหา เกรงว่าก็คงจะออกไปตะลอนได้อีกไม่กี่ปีแล้ว

เพียงแต่ว่านางไม่อาจพูดถ้อยคำดังกล่าวออกไป ท่านหมอเฝิงกลับคิดตามความคิดของนางทัน อดถอนหายใจครั้งหนึ่งไม่ได้ กล่าวกับหวังซีว่า เช่นนั้นก็ตกลงกันตามนี้! ข้าจะไปบอกอาเกาไว้ ถึงเวลาให้เขาพาคนไปด้วยสักสองสามคน

หลายปีก่อนหน้าโน้นท่านหมอเฝิงไม่คิดจะรับศิษย์ เฝิงเกาได้ใช้แซ่ตามเขา ยังได้เรียนรู้ภายใต้การดูแลของเขา ก็นับว่าเป็นวาสนา ด้วยเหตุนี้ท่านหมอเฝิงก็เลยไม่เหมือนอาจารย์คนอื่นๆ มีเรื่องอะไรก็บอกกล่าวครั้งหนึ่ง มีลูกศิษย์ไปด้วยหนึ่งกลุ่มใหญ่ ช่วยลดปัญหาด้ไม่น้อย

คนที่เขาพาไปด้วยได้ ก็คือพวกเสมียนเด็กในร้านขายยา

หวังซีครุ่นคิด รู้สึกว่าไม่ปลอดภัย กล่าวว่า ข้าจะบอกหวังสี่เอาไว้ด้วยคำหนึ่ง ให้เขาระวังเอาไว้สักหน่อย

ตระกูลหวังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของสำนักคุ้มภัยเวยอู่ จากหลายต่อหลายรุ่นที่ผ่านมา มีความสัมพันธ์ต่อกันที่ไม่เลวเลย

สำนักคุ้มภัยเวยอู่มีสาขาอยู่ที่จิงเฉิงด้วยเช่นเดียวกัน อยากไปขอยืมคนของพวกเขามาใช้งานสักสองสามคนนั้นไม่ใช่ปัญหาอะไร

ท่านหมอเฝิงตอบรับในทันที

เขาเอาชีวิตไปเสี่ยงคนเดียวได้ แต่ไม่อาจเอาหวังซีที่เป็นเสมือนหลานสาวของเขา คนที่เคารพเขาและช่วยเหลือเขาทุกอย่างไปอยู่ในที่อันตรายได้

หวังซีกลับจวนหย่งเฉิงโหวไปด้วยความพึงพอใจ

ฮูหยินผู้เฒ่ารีบให้คนมาเรียกนางไปหา ถามอย่างร้อนใจว่า เจ้ากับปั๋วหมิงเย่ว์คุยกันชัดเจนแล้ว?

คุยชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ! หวังซีรู้สึกว่าคนของจวนเซียงหยางโหวไม่สัตย์ซื่อ นางจึงโยนหินใส่คนในบ่อซ้ำลงไป กล่าวว่า ปั๋วหมิงเย่ว์บอกว่าเรื่องนี้อาจมีการเข้าใจผิด ถึงแม้เขาจะไม่ค่อยพอใจที่จวนเซียงหยางโหวสอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องการแต่งงานของเขา ทว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีคนถือเอาเรื่องที่เขากล่าวล้อเล่นกับย่าของเขามาเป็นเรื่องจริงแล้วปล่อยข่าวออกมา อย่างไรก็ตาม เขาเป็นคนไม่เลวเลยทีเดียว เขาบอกว่าจะหาคำอธิบายให้ข้าเอง

ฮูหยินผู้เฒ่าพรูลมหายใจยาวออกมาครั้งหนึ่ง ประนมมือทั้งสองข้างขึ้นสวด อมิตาภพุทธ แล้วกล่าวว่า เรื่องนี้ปั๋วหมิงเย่ว์ช่วยออกหน้าทำให้กระจ่างได้ก็ดีแล้ว

นางยังมีหลานชายและหลานสาวอีกหลายคนที่ยังไม่ได้หมั้นหมาย!

ส่วนจวนเซียงหยางโหวนั้น นางไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

หวังซีรู้สึกว่าการปลุกคนแสร้งหลับให้ตื่นนั้นเป็นเรื่องยากเกินไป และนางเองก็ไม่มีความสามารถนี้ไปบอกผู้อื่นว่าต้องทำตัวอย่างไรด้วย ฮูหยินผู้เฒ่าอยากคิดอย่างไรก็คิดไปอย่างนั้นดีแล้ว

***

ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เทศกาลแข่งเรือมังกรปีนี้จิงเฉิงไม่จัดงานแข่งเรือมังกร หลังจากที่สตรีของจวนหย่งเฉิงโหวต่างมอบถุงหอมห้าพิษ เชือกถักห้าสีและถุงหอมขับไล่วิญญาณร้ายให้กันและกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เริ่มห่อขนมบ๊ะจ่างกัน

ช่วงเทศกาลนี้อากาศร้อนขึ้นมาแล้ว บ๊ะจ่างหวานและบ๊ะจ่างเค็มแต่ละชนิดล้วนเก็บไว้ให้คนในครอบครัวรับประทาน ส่วนบ๊ะจ่างเจที่แช่ในน้ำด่างแล้วโดยมากจะส่งไปให้ญาติสนิทมิตรสหายเป็นของขวัญเทศกาล

แม่ครัวของหวังซีแสดงฝีมือเต็มที่ มีบ๊ะจ่างใบไผ่ บ๊ะจ่างพุทรา บ๊ะจ่างชาหวาน บ๊ะจ่างหมอน บ๊ะจ่างคนงาม บ๊ะจ่างเรือมังกร บ๊ะจ่างทรงกรวย บ๊ะจ่างถั่วกวน บ๊ะจ่างหมูรมควัน บ๊ะจ่างหมูเค็ม และบ๊ะจ่างแปดขุมทรัพย์อะไรต่างๆ…มีแต่ที่เจ้าคิดไม่ถึง ไม่มีที่พวกนางห่อออกมาไม่ได้ เวลาหนึ่งวัน ห่อบ๊ะจ่างออกมาได้หลายตะกร้าไม้ไผ่

หวังซีเองก็ไม่ตระหนี่ถี่เหนียว รวบรวมบ๊ะจ่างแต่ละอย่างแต่ละชนิดส่งไปให้ทุกเรือน แม้แต่ลู่หลิงและคุณหนูรองอู๋ ก็ให้คนเอาไปส่งให้ด้วยเล็กน้อย

ฮูหยินผู้เฒ่าใช้ตะเกียบคีบบ๊ะจ่างเจกระจิ๋วหลิวที่ขนาดใหญ่ไม่เกินจอกเหล้า ทว่าสีดุจหิมะแรก กลิ่นสดชื่นแตะจมูกชิ้นหนึ่งมาอย่างรู้สึกอัศจรรย์ใจ ถามหวังซีว่า นี่เป็นบ๊ะจ่างของที่ใดหรือ

หวังซีกล่าวยิ้มๆ นี่เป็นบ๊ะจ่างของตระกูลหวังของพวกข้า เป็นบ๊ะจ่างที่ใช้ข้าวเหนียวของหูเป่ย ใบจ้งห่อบ๊ะจ่างของก่วงตง และวิธีการห่อแบบสี่มุมของจินหลิงห่อออกมา ไม่เติมอะไรลงไปทั้งนั้น รับประทานด้วยการจิ้มกินกับน้ำตาล หากไม่ชอบจิ้มกินกับน้ำตาล กินเปล่าๆ เลยก็อร่อยมากเช่นกัน หรือแม้แต่ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นแล้วกินแบบเย็นๆ กลิ่นหอมของใบจ้งก็ยิ่งเด่นชัด รสชาติเป็นเอกลักษณ์ ก็อร่อยมากเช่นกัน…

…เพราะฉะนั้นแล้วบ๊ะจ่างนั้นจะอร่อยหรือไม่อร่อย ทั้งหมดล้วนขึ้นอยู่กับข้าวและใบห่อบ๊ะจ่างว่าดีหรือไม่ หากท่านไม่เชื่อ ก็ลองชิมดูเจ้าค่ะ

ฮูหยินผู้เฒ่าชอบกินอาหารหวาน จิ้มน้ำตาลที่หวังซีส่งมาให้แล้วชิม

ความนุ่มเหนียวของข้าวเหนียว กลิ่นหอมละมุนของใบจ้ง ทั้งหมดหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน เปรียบเทียบกับบ๊ะจ่างชนิดอื่นๆ แล้ว คล้ายกับว่ากินแล้วรู้สึกสดชื่นยิ่งกว่าข้าวแปดขุมทรัพย์[1]ชามหนึ่งเสียอีก

บ๊ะจ่างนี้อร่อย! ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวชม ให้ซือหมัวมัวเอาบ๊ะจ่างเจชนิดอื่นๆ ที่หวังซีเอามาแบ่งไปให้หลานชายและหลานสาวอีกสองสามคนของตัวเอง

หวังซียิ้มกล่าว นี่สำหรับแสดงความกตัญญูต่อท่าน ท่านกินเถิดเจ้าค่ะ ด้านโหวฮูหยิน นายหญิงรองและนายหญิงสาม ข้าล้วนให้คนเอาไปส่งให้แล้ว

จากนั้นแกะเปลือกสีทองอร่ามมันแวววาวของบ๊ะจ่างสี่มุมขนาดใหญ่เท่ากำปั้นลูกหนึ่งให้นาง กล่าวว่า ท่านลองชิมชิ้นนี้ บ๊ะจ่างชาหวานของเจียซิง ใช้ชาหวานของภูเขาอู่เจินทำ ก็อร่อยมากๆ เหมือนกันเจ้าค่ะ

ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นในจานมีบ๊ะจ่างชนิดต่างๆ กองพูนขึ้นมา กล่าวยิ้มๆ ว่า เจ้าเด็กคนนี้ บ๊ะจ่างพวกนี้คงใช้เวลาทำไปไม่น้อยเลยกระมัง

โชคดีที่ครอบครัวของพวกเขามีร้านขายของจิปาถะ ขึ้นเหนือล่องใต้ จึงสะดวกสบายกว่าผู้อื่นเล็กน้อย

หวังซียังไม่ทันได้ตอบ หางตาก็เหลือบไปเห็นซือจูกำลังเดินเข้ามาโดยมีสาวใช้สองสามคนห้อมล้อมอยู่ นางพลันเปลี่ยนวิธีการพูดในทันที นานๆ ทีกว่าข้าจะได้มาเฉลิมฉลองเทศกาลแข่งเรือมังกรที่จิงเฉิงสักครั้งหนึ่ง มีของแปลกใหม่อะไรก็อยากให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้ดูด้วย วัตถุดิบเหล่านี้ ข้าเตรียมการมาเกือบสองเดือนแล้ว โชคดีที่ร้านค้าของที่บ้านส่งมาให้ ไม่อย่างนั้นต่อให้มีเงินก็ไร้หนทางแล้ว

ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าหงึกๆ กล่าวว่า ข้าอยู่มาอายุอานามขนาดนี้ นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นบ๊ะจ่างหลากหลายชนิดถึงเพียงนี้

หวังซีรีบรับคำอย่างชาญฉลาด บ๊ะจ่างนั้นถึงแม้จะดี ทว่ากินมากไปก็ไม่ย่อย ท่านเลือกชิมแบบที่เห็นว่าน่าสนใจก็พอ ข้ายังให้สาวใช้เอาชาเหมาเจียนจากเขาหวงซานที่ออกใหม่ของปีนี้มาด้วย ท่านกินบ๊ะจ่างแล้วดื่มช่วยย่อย

ดีๆๆ! ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มจนริ้วรอยบนใบหน้าปรากฏออกมา ทอดถอนใจกล่าว เมื่อก่อนข้ายังกังวลว่าแม่ของเจ้าจะลำบาก แต่ดูแล้ว เจ้าไม่บ่ายเบี่ยงข้า แสดงว่าแม่ของเจ้าย่อมมีชีวิตที่ดียิ่ง

เป็นเช่นนั้น! หวังซีรีบสร้างความดีความชอบให้บิดาของตนต่อหน้าฮูหยินผู้เฒ่า กล่าวว่า ท่านพ่อของข้าดีต่อท่านแม่ของข้ามาก ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ให้ท่านแม่ของข้ามาก่อน แม้แต่ข้ากับพี่ชายของข้าล้วนมาทีหลัง!

แน่นอนว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อว่าจะมีบุรุษที่รักภรรยาของตัวเองมากกว่าบุตรชายหญิงได้ แต่ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ชวนให้ดีใจมาก หัวเราะฮ่าออกมา

ซือจูแสยะยิ้มเย็น

หวังซีผู้นี้ นอกจากประจบประแจงผู้ใหญ่แล้วทำอะไรเป็นบ้าง

นางก้าวออกไปทำความเคารพฮูหยินผู้เฒ่า

ฮูหยินผู้เฒ่ารีบบอกให้นางมานั่ง ให้ซือหมัวมัวแกะบ๊ะจ่างให้นาง เจ้าลองชิมดู! แม่ครัวที่เรือนครัวของอาซีเป็นคนทำทั้งหมด ล้วนแล้วแต่มีรสชาติดีทั้งนั้น

ซือจูเองก็นับว่าเป็นคนพบเห็นอะไรมามาก แค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นอาหารชั้นดีที่หาได้ยากยิ่ง ประกอบกับได้ยินบทสนทนาเพียงช่วงท้าย รู้ว่านี่เป็นของที่หวังซีอุตส่าห์เตรียมการมาสองเดือนเพื่อแสดงความกตัญญูต่อฮูหยินผู้เฒ่าโดยเฉพาะ นอกจากจะกินอย่างไม่รู้สึกว่าเป็นภาระแล้ว ยังรู้สึกอารมณ์เบิกบานอีกด้วย

นางกินบ๊ะจ่างต่างชนิดกันสี่ถึงห้าลูกติดๆ กันอย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบเรียบร้อย

ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวอย่างสงสารว่า เจ้าระวังจะกินจนอาหารไม่ย่อย! อยากกินเมื่อไรกลับไปก็ให้สาวใช้ต้มให้เจ้า

ซือจูมิได้เอะใจ

กระทั่งตอนเย็นเมื่อกลับไปแล้วถึงรู้ว่า ความจริงหวังซีส่งบ๊ะจ่างไปที่หัวหน้าของแต่ละบ้าน ด้านคุณหนูพานมีโหวฮูหยินดูแล ส่วนบ๊ะจ่างที่ฉังเหยียนกินเป็นส่วนของบ้านรอง มีเพียงนางเท่านั้น แม้นกล่าวว่าอาศัยอยู่ในลานบ้านหลังเดียวกับฮูหยินผู้เฒ่า ทว่าไม่ขึ้นตรงกับหัวหน้าของบ้านใดเลย ก็เลยไม่มีส่วนของนาง

…………………………………………………………………

[1] ข้าวแปดขุมทรัพย์ ข้าวที่หุงกับธัญพืชและผลไม้แห้งต่างๆ เช่น เม็ดบัว ลูกเดือย ถั่ว พุทธา และอื่นๆ

ตอนต่อไป

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

Status: Ongoing
เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล นางเติบโตมาท่ามกลางความรักและอบอุ่น ส่วนเขามีแต่ความเย็นชาและหวาดระแวง หัวใจของเขาพลันหลอมละลายเมื่อได้พบนาง…หวังซี บุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าแสนร่ำรวยเดินทางมาพักอาศัยชั่วคราวที่บ้านญาติ ณ เมืองหลวงที่นั่นนางได้พบกับ เฉินลั่ว ชายหนุ่มแสนเย็นชาที่พักอยู่ข้างบ้านนางและเขามีนิสัยราวกับเป็นขั้วตรงข้าม นางสดใส เขากลับเย็นชา ชอบทำหน้าปั้นปึ่งทั้งวันแต่ด้วยเหตุบังเอิญหลายอย่างทำให้นางได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเฉินลั่วและเรื่องราวซับซ้อนในวังหลวงหลายครั้งพานพบ จากคนแปลกหน้ากลายเป็นผู้รู้ใจท่ามกลางคลื่นลมมากมายในเมืองหลวง บุปผางดงามกลับค่อยๆ ผลิบานในใจของคนทั้งคู่…เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท