เฉินลั่วถามอย่างสบายๆ ทว่าท่านหมอเฝิงฟังแล้วราวกับมีฟ้าคำรามลั่นอยู่ในหู
เขาไม่เข้าใจเลยว่าเฉินลั่วต้องการทำอะไร
ถ้าหากเพียงอยากให้เขาไปถวายการรักษาฮ่องเต้อย่างเดียว เฉินลั่วทั้งใช้วิธีละมุนละม่อมโดยไปเชิญตัวเขาที่ร้านขายยา ทั้งใช้กำลังข่มขู่โดยให้ใต้เท้าจินกักขังเขาไว้ แต่หลังจากที่เขาแสดงอำนาจให้ตนดูแล้ว เฉินลั่วก็คล้ายกับไม่รีบร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทิ้งเขาไว้โดยไม่สนใจ ราวกับไม่มีเรื่องนี้อยู่ก็ไม่ปาน
ตกลงเฉินลั่วมีแผนการอะไร
และเกินอะไรขึ้นฮ่องเต้กันแน่
และตอนนี้จู่ๆ เฉินลั่วก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหันว่าเขาผสมเครื่องหอมเป็นหรือไม่ ภายในใจของเขาแปรปรวนอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นถึงได้ดูแจ่มใสขึ้น แต่เบื้องหน้ายังคงกล่าวอย่างระมัดระวังว่า สูตรการทำเครื่องหอมนี้เป็นสินเจ้าสาวของอาจารย์แม่ของข้า นางเอามาจากบ้านเดิม ข้าติดตามท่านอาจารย์ เรียนวิชาการแพทย์เป็นหลัก ถึงแม้ตอนยังหนุ่มจะเคยทำเครื่องหอมสองสามประเภทเพื่อเอาใจภรรยามาก่อน ทว่าล้วนเป็นการทำตามสูตร ไม่ได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าใต้เท้าเฉินถามเรื่องนี้ไปทำไมหรือ
อ้อ! เฉินลั่วยกจอกชาขึ้นมาเป่าใบชาที่ลอยละล่องอยู่บนน้ำชา หัวเราะอย่างไม่ใส่ใจนัก ไม่ตอบคำถามแต่หันศีรษะไปกล่าวกับซ่างไห่ว่า ข้าว่าอาจารย์เฉาอวิ๋นนั้น พวกเจ้าก็อย่าเพิ่งให้เขาเพ่นพ่านไปไหน ให้อยู่แต่ในวัดต้าเจวี๋ยไปก่อน ทำเครื่องหอมที่เขาถนัดมาให้ข้าดูสักสองสามอย่าง
แล้วก็บอกท่านหมอเฝิงว่า หากเจ้าทำเครื่องหอมเป็น ก็ทำให้ข้าด้วยสักสองสามชนิด
จากนั้นทอดถอนใจกล่าว มิใช่ว่าข้ายังมีภาระหน้าที่ต้องจัดการอยู่หรอกหรือ พวกเจ้าไม่อาจเอาแต่สนใจความขุ่นแค้นของตัวเองโดยไม่สนใจความเป็นความตายของข้า!
เฉาอวิ๋นได้ยินแล้วดวงตาทั้งสองข้างเป็นประกาย อยากจะแหงนหน้าขึ้นฟ้าหัวเราะยาวๆ เหลือเกิน
เมื่อครู่เฉินลั่วพูดอะไรออกมา
เขาได้รับบัญชาจากฮ่องเต้มาที่วัดต้าเจวี๋ยเพื่อดูว่าเครื่องหอมที่เขาทำคู่ควรกับชื่อเสียงจริงหรือไม่
สวรรค์ยังยืนอยู่ข้างเขาจริงๆ
หากเขาทำเครื่องหอมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานออกมาได้ ไม่ว่าเขาจะฆ่าคนมาแล้วกี่คน ขโมยมรดกตกทอดของผู้อื่นมาจริงหรือไม่ หรือมีความแค้นอะไรกับท่านหมอเฝิงก็ตาม ทั้งหมดล้วนไม่เป็นปัญหา มิใช่เรื่องที่จะหยิบมาข่มขู่เอาชีวิตเขาได้อีกต่อไปแล้ว
เฉาอวิ๋นลุก พรวด ขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น กล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า ใต้เท้าเฉิน ท่านวางใจ ก่อนที่เรื่องนี้จะมีการพิสูจน์ให้แน่ชัด ข้าจะไม่เพ่นพ่านไปไหนอย่างแน่นอน ท่านอยากให้ทำเครื่องหอมอะไรหรือ ข้าทำให้ท่านช่วงนี้เลยดีหรือไม่ หากท่านมีเครื่องหอมอะไรที่ชื่นชอบเป็นพิเศษก็บอกข้าได้ ข้าค่อนข้างมีพรสวรรค์ด้านการทำเครื่องหอม เครื่องหอมทั่วๆ ไปล้วนไม่คณามือข้า
ท่านหมอเฝิงฟังแล้วสีหน้าย่อมไม่ค่อยน่าดูนัก
เขากังวลว่าเพื่อบรรลุหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาจากฮ่องเต้แล้วเฉินลั่วจะปกป้องเฉาอวิ๋น แต่ถ้าจะกลับคำในเวลานี้ก็ดูไม่ค่อยเหมาะสมนัก
มุมปากของเขาเปิดๆ ปิดๆ ถึงกับไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากอย่างไรดีไปชั่วขณะ
หวังซีเห็นแล้วรู้สึกร้อนใจ มองไปที่เฝิงเกาครั้งหนึ่ง
เฝิงเกากลับมีความกังวลเต็มดวงหน้าและดูไม่รู้จะทำอย่างไรดีเช่นกัน
หวังซีอดลอบถอนหายใจไม่ได้
บางทีนี่อาจจะเป็น ‘โชคชะตา’ ที่ท่านย่าของนางมักจะพูดถึงบ่อยๆ
นางหลับตาลงทั้งสองข้าง ยกมือขึ้นอย่างขลาดกลัว คล้ายลูกแกะน้อยอ่อนแอที่หลงเข้าไปในฝูงหมาป่าอย่างกะทันหัน พลางกล่าว ใต้…ใต้เท้าเฉิน ข้าผสมเครื่องหอมเป็น ข้าทำได้หรือไม่
ทุกคนต่างตกตะลึง
ท่านหมอเฝิงยิ่งแล้วใหญ่รู้สึกเสียใจภายหลังยิ่งนัก
เขาลังเลนานไปหน่อย หวังซีที่เขาอุตส่าห์ปกป้องอยู่ด้านหลังจึงกระโดดออกมา
หนี้ที่เขาติดค้างสกุลหวังนั้น เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ก็คงชดใช้ให้ไม่หมด
ท่านหมอเฝิงส่ายศีรษะด้วยความขมขื่น
ดวงตาของเฉินลั่วกลับมีประกายวาบผ่าน กล่าวว่า เช่นนั้นก็รบกวนคุณหนูแล้ว! ช่วยใช้สูตรเครื่องหอมที่อยู่ในมือท่านผู้เฒ่าเฝิง ทำเครื่องหอมจินและเครื่องหอมหยาที่กล่าวถึงเมื่อครู่นี้ออกมาให้ข้าดูหน่อย
หวังซีย่อเข่าขานรับอย่างยิ้มแย้ม
ดวงตาของเฉาอวิ๋นแดงก่ำไปหมด
นี่เฉินลั่วคงอยากเตรียมการเผื่อเอาไว้ก่อนกระมัง หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา ก็ยังมีคนทำเครื่องหอมเป็นเหมือนๆ กับเขาอยู่อีกผู้หนึ่ง?
ใต้เท้าเฉิน! เขากล่าวอย่างแข็งขัน ท่านอยากลองดูหรือไม่ การทำเครื่องหอมนั้นมิใช่ว่าจะเรียนกันได้ในหนึ่งวันหนึ่งคืน จะทำได้ดี ยิ่งต้องใช้ความพากเพียร พรสวรรค์และประสบการณ์ ไม่อาจขาดอะไรไปได้
เขากล่าวจบ ยังปรายตามองหวังซีครั้งหนึ่งด้วย
คล้ายกำลังพูดว่า เด็กสาวอายุน้อยที่ดูอ่อนหวานเช่นนางนี้ จะทำเครื่องหอมดีๆ ออกมาได้อย่างไร
เฉินลั่วลูบคาง ขบคิดพิจารณาครู่หนึ่งและพยักหน้าเห็นด้วยอย่างเหนือความคาดหมายของหวังซี กล่าวว่า ที่เจ้ากล่าวมาก็มีเหตุผล เช่นคุณหนูก็อยู่ที่นี่ทำเครื่องหอมให้ข้าสักเตาหนึ่งดีหรือไม่
เฉาอวิ๋นลิงโลดยินดี
หวังซีกลับลอบขุ่นเคืองใจเหลือจะกล่าว
เฉินลั่วผู้นี้ ตกลงกำลังช่วยใครอยู่กันแน่
นี่เขาต้องการทำอะไรกันนะ?
เพียงแต่ว่าเขาพูดมาแล้ว ต่อหน้าคนจำนวนมากขนาดนี้นางไม่อาจปฏิเสธได้ จำต้องยิ้มแย้มลุกขึ้นมาและขานรับคำ เจ้าค่ะ อย่างนอบน้อมเท่านั้น
เฉาอวิ๋นช่วยเตรียมอุปกรณ์ทำเครื่องหอมให้หวังซีอย่างกระตือรือร้นและรู้สึกลิงโลดยินดีกับหายนะของผู้อื่น
เสียงอึกทึกหนึ่งดังเข้ามาจากด้านนอก มีเสียงของบุรุษดังขึ้นว่า ท่านผู้บังคับบัญชาสูงสุด ข้าน้อยเย่ว์เผิงขอเข้าพบขอรับ!
เสียงนั่นคำรามลั่นคล้ายทำให้หูหนวกได้ ราวกับฟ้าลั่นก็ไม่ปาน ทำให้ซ่างไห่และคนอื่นๆ ต่างตกใจ ดวงตาเผยความตื่นตระหนกออกมาให้เห็นหลายส่วน
หวังซีมองแล้วเหยียดริมฝีปาก รู้สึกว่าซ่างไห่เสแสร้งเกินไปหน่อย
ถึงแม้เย่ว์เผิงผู้นั้นจะเสียงดัง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้ซ่างไห่ตกใจจนกลายสภาพเป็นเช่นนี้หรอกกระมัง
เฉินลั่วกลับไม่คิดจะเชิญเย่ว์เผิงเข้ามา ตอบราบเรียบเสียงหนึ่งว่า พวกเจ้าไปพักผ่อนก่อน ข้าเสร็จธุระจากที่นี่แล้วค่อยว่ากันอีกที
เย่ว์เผิงขาน ขอรับ ด้วยเสียงแหบห้าว
เฉินลั่วกล่าวกับซ่างไห่ว่า ต้องจัดเตรียมสถานที่ทำเครื่องหอมให้คุณหนูท่านนี้ใหม่หรือไม่
น้ำเสียงคล้ายกลัวว่าเฉาอวิ๋นจะสร้างปัญหา
ซ่างไห่ไม่ตอบตกลงได้ด้วยหรือ
มีแววดุร้ายสายหนึ่งวาบผ่านดวงหน้าของเฉาอวิ๋น
เพียงแต่ว่าไม่มีผู้ใดไปสังเกตสังกาเขาเท่านั้น
หวังซีไปที่ลานบ้านแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากสถานที่ทำเครื่องหอมของเฉาอวิ๋นนักโดยมีเย่ว์เผิงเป็นคนพาไป
เฝิงเกาอยากตามไปอยู่เป็นเพื่อน แต่เฉินลั่วปฏิเสธ
ส่วนตัวเขาเชิญซ่างไห่และซ่างซานไปพูดคุยด้วย ทิ้งท่านหมอเฝิง เฝิงเกาและเฉาอวิ๋นสามคนไว้ที่เรือนปีก
***
หวังซีที่ถูกพาตัวมายังลานบ้านที่ไม่คุ้นเคยนั้นไม่รู้ว่าที่เรือนปีกของเฉาอวิ๋นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เฉินลั่วให้นางพาสาวใช้มาปรนนิบัติอยู่ข้างกายได้หนึ่งคน นางจึงพาไป๋ซู่ที่อ่านหนังสือได้มากที่สุดมาด้วย
เมื่อมาถึงเรือนปีก นางเขียนรายการสิ่งของที่ต้องใช้ให้ไป๋ซู่หนึ่งรายการ ให้นางนำไปมอบให้เย่ว์เผิง เย่ว์เผิงรับรายการสิ่งของของนางไปหยิบเครื่องเทศมาให้นาง นางใช้โหราบอนขาว ตะไคร้ จันทน์ขาว โกฐสอ ผักชีล้อม โกฐชฎามังสีและอื่นๆ ทำเครื่องหอมคลายกังวลตามสูตรเครื่องหอมจากความทรงจำได้หนึ่งเตา
ไป๋ซู่ใช้ตาชั่งขนาดเล็กขานน้ำหนักให้หวังซีอยู่ด้านข้าง เพื่อให้มั่นใจว่าปริมาณที่ใช้ไม่ผิดพลาดจากสูตรมากเกินไป
หวังซีอดบ่นเสียงเบาไม่ได้ว่า หากรู้ว่าเฉินลั่วอยู่ด้วยแต่แรก พวกเราค่อยมากันวันอื่น กว่าจะทำเครื่องหอมนี้เสร็จ ฟ้าก็มืดกันพอดี พวกเราอย่าหวังจะได้กลับไปเลย
ไป๋ซู่รู้สึกว่าคุณหนูของพวกนางช่างดูสบายๆ ไร้ความกังวลเหลือเกิน เวลานี้ควรเป็นห่วงว่าเฉินลั่วจะเปลี่ยนโฉมหน้ากลายเป็นอริมากกว่ามิใช่หรือ
นางกดดันจนมือไม้สั่นไปหมดแล้ว
มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
ประตูมิได้ปิดงับไว้นี่นา!
หวังซีขบคิด เงยหน้าขึ้นเห็นเฉินลั่วยืนอยู่หน้าประตูประหนึ่งต้นอวี้ท้าสายลม เคาะวงกบประตูอยู่
นับว่าเขาเป็นบัณฑิตผู้หนึ่ง!
หวังซีวิจารณ์อยู่ในใจ ทว่าไม่แสดงออกทางสีหน้า หันไปถอนสายบัวให้เฉินลั่วยิ้มๆ เอ่ยเรียกเสียงหนึ่งว่า ใต้เท้าเฉิน
เฉินลั่วพยักหน้ายิ้มๆ ท่าทางสุภาพเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยถาม คงมิได้รบกวนคุณหนูหวังกระมัง ไปด้วย พลางเดินเข้ามาไปด้วย
หวังซีอดวิพากษ์วิจารณ์อีกครั้งไม่ได้
หากข้าบอกว่าเจ้ารบกวนข้า เจ้าจะยืนอยู่ที่หน้าประตูต่อไปโดยไม่เข้ามาอย่างนั้นหรือ?
ไม่รบกวนอะไร! นางตอบเฉินลั่วยิ้มๆ ข้าเตรียมเครื่องเทศเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังจะผสมเครื่องหอมพอดี! กล่าวถึงตรงนี้ รอยยิ้มของนางหวานหยดขึ้นหลายส่วน จริงด้วย ข้ายังไม่ได้ขอบคุณท่านเลย คราก่อนต้องรบกวนชิงกูช่วยนำปิ่นดอกไม้มาส่งคืนให้ข้า ยังเร่งมาตอนเทศกาลแข่งเรือมังกรอีก ช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้ข้าได้พอดี ต้องขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง!
นางรู้สึกว่าตนจำเป็นต้องกล่าวขอบคุณเฉินลั่วอย่างเป็นทางการสักครั้งหนึ่ง
เฉินลั่วกลับเอ่ยถามอย่างแปลกใจว่า กอบกู้ชื่อเสียง? เกิดอะไรขึ้นหรือ
หวังซีตกใจไปครั้งใหญ่
เขาไม่ได้ตั้งใจเลือกเทศกาลแข่งเรือมังกรเป็นวันส่งปิ่นดอกไม้ไปให้นางอย่างนั้นหรือ
เช่นนั้นตนก็อย่าเอ่ยถึงมันเลยก็แล้วกัน
ดูจากท่าทางของเขาแล้ว อย่างน้อยเขาก็เป็นคนสั่งให้คนช่วยตามหาปิ่นดอกไม้และนำไปส่งให้
อย่างไรคำขอบคุณนี้ก็ยังคงต้องขอบคุณอยู่ดี
หวังซีเพียงกล่าวอย่างคลุมเครือไปว่า ก็ไม่มีอะไรแล้ว เพียงแปลกใจเล็กน้อยที่วันนั้นชิงกูเป็นคนนำปิ่นดอกไม้ไปส่งให้ข้าเท่านั้น จากนั้นนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างรวดเร็ว ใต้เท้าเฉินท่านมาที่นี่มีธุระอะไรหรือ เพราะอยากรู้ว่าสูตรเครื่องหอมในมือท่านหมอเฝิงมีอะไรแตกต่างจากของเฉาอวิ๋น หรือว่าเป็นเพราะท่านมีอะไรต้องการสอบถามข้า?
เฉินลั่วได้ยินแล้วมองนางเงียบๆ ครู่หนึ่ง
ดวงตาของเขาดำขลับ เวลามองผู้คนจริงจังเป็นอย่างยิ่ง เสมือนกับว่าบนโลกนี้นอกจากเจ้าก็ไม่มีผู้อื่นอีกแล้วก็ไม่ปาน ให้ความรู้สึกเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ทำให้คนรู้สึกอึดอัดเหลือจะกล่าว
หวังซีอดรู้สึกระคายคอไม่ได้ กระแอมไอเบาๆ ครั้งหนึ่ง
เฉินลั่วหัวเราะขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดวงตาดำขลับประหนึ่งบ่อน้ำมรกต กระจ่างใสเป็นระลอกคลื่นน้อยๆ แฝงความอบอุ่นของวสันตฤดูเอาไว้
มีเรื่องขอคำชี้แนะจริงๆ! เขากล่าว เสียงพูดทุ้มต่ำกว่ายามปกติหลายส่วน ฟังดูไพเราะเล็กน้อย ข้าอยากถามว่าเจ้าเคยดมกลิ่นยางกำยานมาก่อนหรือไม่ มันเป็นกลิ่นเช่นไร
หวังซีตะลึงงัน
กฤษณา จันทน์ขาว และยางกำยานนั้น กล่าวได้ว่าเป็นเครื่องเทศสามประเภทที่ใช้บ่อยที่สุดในการผสมเครื่องหอม เพียงแต่ว่ากฤษณาและจันทน์ขาวนำมาทำเครื่องหอมจวิน ส่วนยางกำยานราคาแพงและหายาก ส่วนใหญ่นำมาทำเครื่องหอมเฉิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการนำมาใช้เพียงลำพังเลย ถ้าหากมิใช่คนที่รักกลิ่นหอม ก็คงไม่มานั่งจำแยกกลิ่นของเครื่องเทศแต่ละชนิดทีละอย่างทีละอย่างจริงๆ
แต่หากพูดว่าเฉินลั่วไม่เคยได้กลิ่นยางกำยานมาก่อน ก็ดูเป็นไปไม่ค่อยได้
นางนึกถึงรายการเครื่องเทศของตัวเองเมื่อครู่นี้ไม่ได้เบิกยางกำยานมาด้วย จึงไม่อาจหยิบมาให้เฉินลั่วลองดมได้ จึงขบคิดอย่างละเอียด พยายามใช้คำพูดธรรมดาอธิบายกลิ่นของยางกำยานให้ได้มากที่สุด
ค่อนข้างคล้ายกลิ่นพริกไทย นางกล่าว แต่ก็ไม่เหมือนเสียทีเดียว กลิ่นของมันเย็นสดชื่นกว่าพริกไทย เหมือนกลิ่นของใบการบูรผสมกับใบต้นอาน[1] มีกลิ่นเปรี้ยวจางๆ และเจือกลิ่นหอมหวานเล็กน้อยด้วย กลิ่นเป็นเอกลักษณ์มาก ขอเพียงเจ้าได้ดมสักครั้งหนึ่ง เจ้าจะไม่มีทางลืมมันได้เลยตลอดไปเป็นนิจ
หวังซีนึกถึงครั้งแรกที่ตัวเองได้ดมกลิ่นของยางกำยานขึ้นมา
รู้สึกว่ากลิ่นของมันฉุนเกินไป ไม่ค่อยชอบเท่าไรนัก
แต่เมื่อดมนานเข้า กลับรู้สึกว่ามันหอมมาก
เฉินลั่วได้ยินแล้วหัวเราะ คิก ออกมา กล่าวว่า เหตุใดข้าฟังแล้วไม่เหมือนเป็นเครื่องเทศ เหมือนเป็นของกินมากกว่า?
คำพูดของเขาหมายความว่าอย่างไร
หวังซีไม่ค่อยพอใจนัก กล่าวว่า ความจริงแล้วเครื่องเทศจำนวนมากใช้ทำได้ทั้งเครื่องหอมและอาหาร ยกตัวอย่างเช่น จันทน์แปดกลีบ อบเชยและชะเอม ล้วนเป็นวัตถุดิบผสมเครื่องหอมชั้นดีทั้งสิ้น
เฉินลั่วกล่าวสัพยอกยิ้มๆ ว่า อาหารชนิดใดต้องใช้ชะเอมหรือ ข้าเพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก! เจ้าเปิดหูเปิดตาข้าแล้ว!
แหงนมองฟ้าจากก้นบ่อ! วิสัยทัศน์คับแคบ!
หวังซีถอนใจกล่าว อาหารตุ๋นของเฉาซ่านขาดชะเอมไม่ได้!
อาหารตุ๋นของเฉาซ่าน?
ใช่! หวังซีกล่าวด้วยความมั่นใจ อาหารตุ๋นเองก็แบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท อย่างอาหารตุ๋นของหูเป่ยและหูหนานชอบผัดด้วยน้ำตาล เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าอาหารตุ๋นแดง ทางเจียงหนานชอบอาหารตุ๋นขาว ใช้เพียงน้ำกับวัตถุดิบให้ความเผ็ดร้อนเท่านั้น ยังมีอีกประเภทหนึ่งใช้สีจากผงขมิ้น เรียกว่าอาหารตุ๋นเหลือง อย่างสู่จงของพวกข้านั้น ไม่ว่าจะเป็นอาหารตุ๋นแดง อาหารตุ๋นขาวหรืออาหารตุ๋นเหลือง อย่างไรก็ต้องเติมพริกซื่อชวนและพริกชี้ฟ้าลงไปด้วย ส่วนอาหารตุ๋นของเฉาซ่านก็ต้องเติมชะเอมกับน้ำปลา
ขณะที่นางกล่าวก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ได้กินอาหารตุ๋นมานานแล้ว พูดจนน้ำลายเกือบจะไหลออกมาเลยทีเดียว
…………………………………………………………………..
[1] ต้นอาน ต้นยูคาลิปตัส
ตอนต่อไป