เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล – ตอนที่ 163 กินดื่ม

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

ฉัง​เคอ​ไม่​กลับ​สวน​ร่ม​วสันต์​ ​ออกจาก​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ก็​ตรง​ไป​ที่​สวน​ร่ม​หลิว​เลย​ ​เล่าเรื่อง​ดังกล่าว​ให้​หวัง​ซีฟัง

หวัง​ซี​ตะลึงงัน​ ​ถาม​ว่า​ ​“​ซือ​จู​คิด​จะ​ทำ​อะไร​”

“​คง​คิด​จะ​ช่วย​ออกหน้า​ให้​ฉัง​เหยี​ยน​กระมัง​”​ ​ฉัง​เคอ​กล่าว​คาดเดา​อย่าง​เหนื่อยอ่อน​ ​“​ช่วงนี้​พวกเรา​ต่าง​ไม่​ค่อย​ให้ความสนใจ​พี่สาว​สาม​เท่าไร​นัก​ ​คาด​ว่า​คงมี​คน​รู้สึก​ว่า​หากแต่​งงา​นอ​อก​ไป​เช่นนี้​ ​คง​ทำให้​ชื่อเสียง​เสื่อมเสีย​อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้​ ​หาก​พวก​ข้า​ปรากฏตัว​ออก​สู่​สายตา​ทุกคน​อย่าง​รักใคร่​กลมเกลียว​กันได​้​ ​ก็​จะ​ช่วยรักษา​ชื่อเสียง​ของ​นาง​เอาไว้​ได้​ ​หาก​พวกเรา​ยัง​ต่อว่า​นาง​ว่า​เป็น​คน​ผิด​อีก​ ​นั่น​ก็​เป็น​เพราะ​พวกเรา​จิตใจ​คับแคบ​ ​ไม่มี​ความรัก​ให้​พี่สาว​น้องสาว​”

หวัง​ซี​แสยะ​ยิ้ม​เย็น​พลาง​ร้อง​ ​‘​เพ​้ย​’​ ​เสียง​หนึ่ง​ ​ถาม​ฉัง​เคอ​ว่า​ ​“​เจ้า​คิด​จะ​ทำ​เช่นไร​”

“​ข้า​ไม่มีทาง​ไปร​่วม​พิธี​ปักปิ่น​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​”​ ​ฉัง​เคอ​กล่าว​อย่าง​เย็นชา​ ​“​เมื่อก่อน​ใครๆ​ ​ออก​ไป​ข้างนอก​ก็​ไม่เคย​คิดถึง​ข้า​ ​บัดนี้​ส่ง​พัดมา​ให้​ใน​ฤดูใบไม้ร่วง​เช่นนี้​ ​ไม่​สาย​ไป​หน่อย​หรือ​ ​ผู้ใด​อยาก​ไป​ก็​ไป​เถอะ​!​”

หวัง​ซี​รู้สึก​ว่าที่​ฉัง​เคอ​กล่าว​มามี​เหตุผล​ ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​“​เช่นนั้น​เจ้า​คง​ต้อง​ไป​ติดสินบน​คนที​่​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​สักหน่อย​แล้ว​ ​จะ​ได้​ไม่​ถูก​ผู้อื่น​เอา​ไป​แต่งเติม​เรื่องราว​”

หาก​ถูก​คำ​ว่า​ ​‘​อกตัญญู​’​ ​กด​ทับ​เอาไว้​ ​ไม่ต้อง​พูดถึง​ฉัง​เคอ​ ​แม้แต่​นาย​หญิง​สาม​เอง​ก็​ถูก​ตำหนิ​ไป​ด้วย

ฉัง​เคอ​พยักหน้า​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​ทราบ​แล้ว​ ​ตอน​ข้ามา​หา​เจ้าที่​นี่​ได้​ให้​สาวใช้​ใหญ่​ข้าง​กาย​ข้า​ไปหา​มารดา​ของ​ข้า​เป็น​ที่​เรียบร้อย​แล้ว​ ​ด้วย​นิสัย​ของ​มารดา​ข้า​ ​เกรง​ว่า​เวลานี้​คง​ไป​คุย​กับฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​แล้ว​”

“​เช่นนั้น​ก็ดี​!​”​ ​หวัง​ซีจึง​รั้ง​ฉัง​เคอ​ให้​อยู่กิน​ข้าว​กับ​นาง​ที่นี่​ ​ยัง​กล่าว​ด้วยว่า​ ​“​เผื่อว่า​มี​คน​ไป​ตามหา​เจ้าที่​เรือน​ ​เจ้า​จะ​ไม่มี​ข้ออ้าง​อะไร​เลย​แม้แต่​ข้อ​เดียว​ ​อยู่กิน​ข้าว​กับ​ข้า​ที่นี่​ ​ดีร้าย​ก็​ถือเป็น​แขก​”

ฉัง​เคอ​หัวเราะ​ ​กล่าวว่า​ ​“​เช่นนั้น​ก็​รบกวน​เจ้า​คนเดียว​ไม่​ไปหา​คนอื่น​แล้ว​ ​เชิญ​คุณหนู​พาน​มากิ​นข​้าว​ด้วยกัน​ดี​หรือไม่​ ​ข้า​จะ​ขอยืม​มาลา​มา​ไหว้พระ​ ​ใช้​ห้องครัว​ของ​เจ้า​ทำกับข้าว​สัก​สอง​สาม​อย่าง​ ​ให้​พวก​เจ้า​ลอง​ชิม​ดู​ว่า​รสชาติ​เป็น​อย่างไรบ้าง​”

นาง​ให้ความสำคัญ​กับ​การ​แต่งงาน​กับ​เวิน​จง​มาก​ ​คิด​ว่า​ตระกูล​เวิน​เป็น​ครอบครัว​ใหญ่​ ​พอ​มี​จำนวน​สมาชิก​ใน​ครอบครัว​มาก​ ​ญาติพี่น้อง​ก็​มาก​ตาม​ ​ใน​หมู่​เด็กสาว​และ​สะใภ้​ด้วยกัน​ต่อให้​ไม่​อยาก​เปรียบเทียบ​ก็​ถูก​นำ​ไป​เปรียบเทียบ​อยู่ดี​ ​แม้น​นาง​ถือกำเนิด​มาจาก​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ ​แต่​บิดา​ของ​นาง​เป็น​บุตร​อนุ​ ​ทั้ง​ยัง​ตัวเปล่า​ไร้​ยศ​ตำแหน่ง​ ​เนื่องจาก​ตอนนี้​ยัง​ไม่ได้​แยก​บ้าน​ออกจาก​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ ​เดิน​ไป​ไหน​มา​ไหน​คนภายนอก​จึง​ยัง​เรียก​นาง​ว่า​ ​‘​คุณหนู​จวน​โหว​’​ ​อยู่​ก็​เท่านั้น​ ​หาก​ต้องการ​ยืน​อย่างมั่นคง​หลังจากที่​แต่ง​เข้า​ตระกูล​เวิน​แล้ว​ ​ก็​ต้อง​มีทั​กษะ​ที่​นำ​ออกมา​อวดอ้าง​ได้​ถึง​จะ​ดี

ฉัง​เคอ​สนใจ​ฝีมือ​ของ​เรือน​ครัว​หวัง​ซี

อาหาร​เลิศ​รส​ต้อง​แบ่งปัน​กับ​ผู้อื่น​ถึง​จะ​มีความหมาย

ตระกูล​หวัง​ไม่​หวง​เคล็ดลับ​การ​ทำอาหาร

หวัง​ซี​ไม่​เพียง​ให้​แม่ครัว​ใน​เรือน​ครัว​ของ​นาง​สอน​ฉัง​เคอ​ทำอาหาร​เท่านั้น​ ​ยังอยู่​ข้างๆ​ ​คอย​ชี้แนะ​ฉัง​เคอ​ด้วยตัวเอง​อีกด้วย​ ​ถึงขั้น​ให้​คน​ไป​สืบ​รส​ปากของ​เวิน​จง​ ​ออกแบบ​รายการอาหาร​หนึ่ง​เล่ม​มอบให้​ฉัง​เคอ​เป็นพิเศษ​ ​ยัง​กล่าว​เย้า​นาง​ด้วยว่า​ ​“​เจ้า​จะ​เก็บ​เอาไว้​เป็น​สมบัติ​ตกทอด​ของ​ครอบครัว​ก็ได้​ ​เพียงแต่ว่า​ตอน​มอบให้​บุตรชาย​หญิง​ของ​เจ้า​ต้อง​อย่า​ลืม​บอก​พวกเขา​ว่านี​่​เป็น​ของ​ที่​ท่าน​น้า​สกุล​หวัง​ของ​พวกเขา​เป็น​คน​มอบให้​พวกเขา​”

ฉัง​เคอ​อาย​จน​หน้าแดง​ก่ำ​ ​วิ่งไล่​หวัง​ซีส​่ง​เสียง​โหวกเหวก​ไประ​ลอก​หนึ่ง

คำ​ว่า​ ​‘​ตั้งใจ​และ​ขยัน​’​ ​เอาชนะ​ได้​ทุกสิ่ง​ ​แม้น​ระยะเวลา​เรียน​การครัว​ของ​ฉัง​เคอ​จะ​สั้น​ ​แต่​เพราะ​มีพื​้น​ฐาน​ ​จึง​มีพัฒ​นาการ​ที่​รุดหน้า​ ​อาหาร​ไหว​หยาง​ที่นาง​ทำ​ออกมา​หน้าตา​ไม่เลว​เลย​จริงๆ

แน่นอน​ว่า​หวัง​ซีย​่​อมต​อบ​รับ​ด้วยความยินดี​ ​ให้​ไป๋​กั่ว​ไป​เชิญ​คุณหนู​พาน​มา​ ​ยัง​กล่าว​ด้วยว่า​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​เจ้า​ควร​เรียน​ทำ​ขนม​ด้วย​สัก​สอง​อย่าง​ ​ตราบใดที่​เป็น​สตรี​ ​ไม่มี​ผู้ใด​ไม่​ชอบ​กิน​ขนมหวาน​ ​หาก​บังเอิญ​พานพบ​กับ​หนึ่ง​ใน​หมื่น​ที่​ไม่​ชอบ​กิน​ของหวาน​ ​เจ้า​ก็​ทำ​ขนม​รสเค็ม​ให้​นาง​สัก​อย่าง​ ​กล่าวคือ​ ​ไม่​อาจ​ปล่อย​ให้​คน​มา​ข่มขวัญ​ได้​”

ฉัง​เคอ​หัวเราะ​คิก​ ​กล่าวว่า​ ​“​จาก​ที่​เจ้า​พูด​มา​ ​ตระกูล​เวิน​นั่น​ดู​คล้าย​เป็น​รัง​พยัคฆ์​แดน​มังกร​ก็​ไม่​ปาน​ ​มี​เจ้า​คอย​ชี้แนะ​อยู่​ข้างๆ​ ​เช่นนี้​ ​ข้า​ไม่เชื่อ​ว่า​ข้า​จะ​ทำงาน​ครัว​ไม่​เป็น​เลย​แม้แต่​อย่าง​เดียว​”

“​ถูกต้อง​!​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​โอ้อวด​ ​“​หาก​พูดถึง​เรื่อง​ทำการค้า​ ​โลก​นี้​มี​คน​มี​ความสามารถ​มากมาย​ ​พวก​ข้า​ไม่กล้า​บอกว่า​ตัวเอง​เป็นหนึ่ง​ใน​ใต้​หล้า​ ​แต่​ถ้า​พูดถึง​เรื่อง​กิน​ ​พวก​ข้ามั​่น​ใจ​ว่า​เป็น​กลุ่มคน​ที่อยู่​บน​ยอด​สูงสุด​กลุ่ม​นั้น​”

ทั้งสอง​คน​พากั​นคุย​เรื่องไร้สาระ​เจ้า​ประโยค​หนึ่ง​ข้า​ประโยค​หนึ่ง​ ​ฉัง​เคอ​รู้สึก​ว่าความ​กรุ่น​โกรธ​ที่​ได้รับ​มาจาก​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​มลาย​หาย​ไป​แล้ว​ ​กลับมา​อารมณ์ดี​อีกครั้ง

คุณหนู​พาน​มาช​้า​เล็กน้อย​ ​ตอน​นาง​มาถึง​ฉัง​เคอ​ไป​ที่​เรือน​ครัว​แล้ว

ช่วงนี้​นาง​ ​‘​เฝ้าไข้​’​ ​อยู่​ที่​เรือน​โหวฮู​หยิน​ ​แต่​ทุกคน​ต่าง​กระจ่างแจ้ง​แก่​ใจดี​ว่า​โหวฮู​หยิน​กำลัง​แสร้ง​ป่วย​เท่านั้น​ ​คุณหนู​พาน​ไป​ช่วย​โหวฮู​หยิน​กิน​ของ​บำรุง​ร่างกาย​ที่​เรือน​โหวฮู​หยิน​ทุกวัน​ ​ทั้ง​ไม่​ค่อย​ได้​ขยับ​ร่างกาย​ ​ใบหน้า​จึง​ดูก​ลม​แป้น​ขึ้น

หวัง​ซีกับ​ฉัง​เคอ​ไป​เรียก​นาง​ออกมา​ ​นาง​คล้าย​ลูกนก​ที่​ได้รับ​การปล่อยตัว​ออกจาก​กรง​ ​อยาก​มาหา​จน​แทบจะ​ทนไม่ไหว

“​เช่นนั้น​เหตุใด​เจ้า​ถึง​มาช​้า​ขนาด​นี้​”​ ​หวัง​ซี​ไม่เชื่อ​นาง​ ​แกล้ง​หยอก​นาง​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​ต้อง​หลอก​ให้​พวก​ข้า​ดีใจ​เล่น​ ​เป็น​เพียง​คำพูด​ตามมารยาท​เท่านั้น​”

คุณหนู​พาน​กลัว​ตัวเอง​จะ​อ้วน​ไป​กว่านี​้​ ​ทุกครั้งที่​มาหา​หวัง​ซีจะ​ม้วน​อาภรณ์​ขึ้น​เพื่อ​กระโดด​เชือก

นาง​กระโดด​เชือก​ไป​ด้วย​กล่าว​ไป​ด้วยว่า​ ​“​ข้า​จะ​หลอก​พวก​เจ้า​ไป​เพื่อ​อัน​ใด​ ​ที่​ช้า​เพราะ​ข้า​ไปดู​ความ​ครึกครื้น​มาต​่าง​หาก​”

หวัง​ซี​เบิก​ดวงตา​โต

คุณหนู​พาน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ด้วย​เสียง​หอบ​ว่า​ ​“​ได้ยิน​ว่า​คุณหนู​ซือ​ต้องการ​พา​ฉัง​เหยี​ยน​กับ​อา​เคอ​เข้า​วัง​ไปร​่วม​พิธี​ปักปิ่น​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​?​ ​คุณหนู​ซือ​ยัง​เป็น​คนกลาง​ให้​ฉัง​เหยี​ยน​กับ​อา​เคอ​คืนดีกัน​ด้วย​?​ ​ว่า​กัน​ว่านาย​หญิง​สาม​โกรธ​มาก​ ​วิ่ง​ไป​ต่อว่า​ที่​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ครั้งหนึ่ง​ ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​โกรธ​จน​ต้อง​นอนลง​ ​เรียกหา​ท่าน​ป้า​ของ​ข้า​ไป​ตัดสิน​ความ​ ​ข้า​ไป​ส่ง​ท่าน​ป้า​ที่​กำลัง​ป่วย​ ​อยู่​ที่​เรือนฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​พัก​หนึ่ง​ถึง​ได้มา​ที่นี่​”

หวัง​ซี​รีบ​ถาม​อย่าง​กังวลใจ​ ​“​แล้ว​ผู้ใด​เป็น​ฝ่าย​ชนะ​”

เพราะ​นี่​เกี่ยวพัน​กับ​เรื่อง​ที่​ฉัง​เคอ​จะเข้า​หรือไม่​เข้า​วัง

คุณหนู​พาน​เม้มปาก​กลั้น​ยิ้ม​ ​กล่าวว่า​ ​“​แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​นาย​หญิง​สาม​กับ​ท่าน​ป้า​ของ​ข้า​เป็น​ฝ่าย​ชนะ​อยู่​แล้ว​ ​หาไม่​แล้ว​ข้า​จะ​มาที​่​นี่​อย่าง​กระปรี้กระเปร่า​ขนาด​นี้​หรือ​”

หวัง​ซีฟัง​แล้ว​เข้าใจ​ความหมาย​ ​รีบ​กล่าวว่า​ ​“​เช่นนั้น​ข้า​ต้อง​ขอบคุณ​โหวฮู​หยิน​กับ​พี่สาว​พาน​แทน​พี่สาว​เคอ​แล้ว​”

คุณหนู​พาน​กล่าว​ยิ้ม​ๆ​ ​ว่า​ ​“​แต่​ไม่​อาจ​ขอบคุณ​ปากเปล่า​ ​ข้า​เอง​ก็​ไม่ต้องการ​อะไร​ ​แค่​เจ้า​แบ่ง​ชาย​อด​เหลือง​จาก​ยอดเขา​เหมิง​ซาน​ที่​เจ้า​ใช้​รับรอง​ข้า​ใน​วันนั้น​มา​ให้​ข้า​สักหน่อย​ก็​พอ​”

“​เจ้า​ช่างกล​้า​คิด​นัก​!​”​ ​หวัง​ซียิ​้​มก​ล่าว​ ​“​ชานั​่​นข​้า​เอง​ก็​เอา​มาด​้วย​เพียง​ไม่​กี่​เหลี่ยง​เท่านั้น​ ​ดื่ม​ใกล้​หมด​แล้วด้วย​ ​อย่างมาก​ก็​ห่อ​ให้​เจ้า​เอา​กลับ​ไป​ชิม​ได้​เพียง​ห่อ​เล็ก​ๆ​ ​เท่านั้น​”

หลังจากที่​ทั้งสอง​คนสนิท​สนม​กัน​แล้วก็​ค้นพบ​ว่าต่าง​ฝ่าย​ต่าง​เป็น​คน​เปิดเผย​ตรงไปตรงมา​ ​ยิ่ง​ได้​พูดคุย​ก็​ยิ่ง​ถูกคอ​ ​ความสัมพันธ์​จึง​พัฒนา​ไป​อย่าง​ก้าว​กระโดด

หวัง​ซี​ห่อ​ใบชา​ให้​คุณหนู​พาน​เพียง​หนึ่ง​ป้าน​เล็ก​เท่านั้น​จริงๆ

คุณหนู​พาน​ค่อนขอด​หวัง​ซี​ว่า​ตระหนี่ถี่เหนียว​ไป​ด้วย​ ​ให้​สาวใช้​คนสนิท​รีบ​นำ​ใบชา​กลับ​ไป​ที่​สวน​ร่ม​วสันต์​ไป​ด้วย​ ​ถึง​ได้​อยู่​รับประทาน​มื้อ​เย็น​ที่​สวน​ร่ม​หลิว

คุณหนู​พาน​กล่าว​ชม​ไก่​ผัด​พริก​ที่​ฉัง​เคอ​ทำไม​่​ขาดปาก​ ​ดื่ม​น้ำ​บัวลอย​ข้าวหมาก​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ไป​ด้วย​ ​ใช้​มือ​โบก​พัด​ที่​มุม​ปาก​พลาง​ร้อง​ว่า​เผ็ด​ไป​ด้วย​แต่​ก็​หยุด​กิน​ไม่ได้

ฉัง​เคอ​หัวเราะ​คิก​ ​รู้สึก​ประสบความสำเร็จ​เป็นอย่างมาก

ซือ​จู​พา​ฉัง​เหยี​ยน​ไปร​่วม​พิธี​ปักปิ่น​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​ด้วย​ ​ฉัง​เหยี​ยน​ดู​สลด​หดหู่​เล็กน้อย​ ​แต่​ตระกูล​หัน​ไม่ทราบ​เรื่อง​ ​รู้สึก​ว่านี​่​เป็นเกียรติ​ที่​หา​ได้​ยาก​ยิ่ง​ ​ตอน​นำ​รายการ​เครื่องเรือน​มาส​่ง​ที่​จวน​หย่ง​เฉิง​โหว​ได้​ทราบ​ข่าว​แล้วก็​กลับ​ไป​เล่า​ให้​คน​ตระกูล​หัน​ฟัง​ ​คุณหนู​หัน​ยัง​ส่ง​ปิ่นทอง​ฝัง​อัญมณี​มา​ให้​ฉัง​เหยี​ยน​ด้วย

หวัง​ซี​แอบ​พูด​กับ​ฉัง​เคอ​และ​คุณหนู​พาน​เป็นการ​ส่วนตัว​ว่า​ ​“​น่าเสียดาย​คุณหนู​หัน​ ​บุปผา​งาม​แต่​วาง​ผิด​ที่​”

ฉัง​เคอ​ไม่​กล่าว​คำ​ใด​ ​คิดถึง​เรื่อง​ของ​ตระกูล​หลิว​และ​หลิวจ​้ง​ขึ้น​มา​ ​รู้สึก​ว่า​ตระกูล​สามี​ของ​คุณหนู​พาน​ก็​ดูเหมือน​มิใช่​คน​จิตใจ​ดี​อะไร​นัก

นาง​อด​ถอนหายใจ​ไม่ได้

กระทั่ง​ถึง​วัน​จัด​พิธี​ปักปิ่น​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​ ​ซือ​จู​พา​ฉัง​เหยี​ยน​เข้า​วัง​ ​ส่วน​หวัง​ซี​และ​คนอื่นๆ​ ​ดื่ม​สุรา​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​อยู่​ที่​สวน​ร่ม​หลิว

สุรา​สีเหลือง​ทองอร่าม​บรรจุ​อยู่​ใน​จอกแก้ว​สีใส​ ​ดู​คล้ายทองคำ​เหลว​ ​เพียงแต่ว่า​รสชาติ​ยัง​ไม่​ค่อย​เผ็ดร้อน​นัก

หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​ยัง​ต้อง​ฝัง​อีก​สัก​ระยะ​หนึ่ง​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​ต้อง​เชื่อฟัง​ผู้เชี่ยวชาญ​จริงๆ​ ​สุรา​เก่าแก่​ผสม​กับ​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​สด​ใหม่​ของ​ปีนี​้​ ​ต้อง​ฝังดิน​เป็นเวลา​หกสิบ​วัน​เต็ม​ถึง​จะ​เปิด​ฝา​ได้​ ​ขาด​ไป​เพียงแค่​สิบ​วัน​ ​แต่​รสชาติ​ต่างกัน​ลิบลับ​”​

คุณหนู​พาน​กลับ​ชอบ​รสชาติ​นี้​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้า​รู้สึก​ว่า​ใช้ได้​แล้ว​ ​รส​กลมกล่อม​กว่า​สุรา​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​ที่​ขาย​ใน​ตลาด​เสียอีก​”​ ​นอกจากนี้​นาง​ชอบ​สี​ของ​มัน​มาก​ ​“​มอง​แล้ว​สบาย​ตา​สบายใจ​ ​หาก​ตกแต่ง​อะไร​ลง​ไป​ได้​คงดี​กว่านี​้​”

ฉัง​เคอ​เอง​ก็​ชอบ​สี​เช่นนี้​ ​กล่าวว่า​ ​“​เหมือนทอง​คำเปลว​เลย​ ​ใส่​เก๋ากี้​ลง​ไป​สักหน่อย​ดี​หรือไม่​?​ ​หรือไม่ก็​ของ​อะไร​ที่​สีเขียว​ๆ​”

“​แน่นอน​ว่า​เก๋ากี้​ทำให้​ดู​สวย​กว่า​”​ ​หวัง​ซีก​ล่าว​ ​“​เพียงแต่ว่า​หาก​แช่​เก๋ากี้​นาน​ไป​จะ​ทำให้​สุรา​เปลี่ยนเป็น​สีแดง​ ​ส่งผล​ต่อ​สี​ของ​มัน​ได้​ ​แต่​ถ้า​แช่​ ณ​ ​ตอนนั้น​เลย​ ​มัน​ก็​มักจะ​จม​อยู่​ก้น​จอก​ ​นี่​นับเป็น​ทักษะ​พิเศษ​หนึ่ง​จริงๆ​ ​เกรง​ว่า​คง​ต้อง​ไปหา​ผู้เชี่ยวชาญ​เรื่อง​สุราชั​้น​ดี​ถึง​จะ​ใช้การได้​”

คุณหนู​พาน​กลับ​ถือโอกาส​ตอนที่​พวก​นาง​คุย​กัน​จิบ​สุรา​อีก​คำ​หนึ่ง​ ​กล่าวว่า​ ​“​ข้าว​่า​ไปหา​ผู้เชี่ยวชาญ​เรื่อง​สุราชั​้น​ดี​ก็​ไม่มี​ประโยชน์​ ​ตอน​อยู่​เจียง​หนา​นข​้า​เอง​ก็​เคย​ลิ้มลอง​สุรา​เก่าแก่​เลิศ​รส​มา​ไม่น้อย​ ​แต่​สุรา​ที่​หมัก​ออกมา​ได้​เหมือน​ของ​เจ้า​นี้​ ​มีน​้อย​ยิ่งนัก​ ​แม้แต่​เจ้า​ยัง​หาวิ​ธี​ไม่ได้​ ​คนอื่นๆ​ ​ก็​น่าจะ​ทำไม​่​ได้​เช่นกัน​”

หวัง​ซี​ได้รับ​คำชม​ก็ดี​ใจ​เป็นอย่างมาก​ ​เล่าเรื่อง​ที่นาง​หมัก​สุรา​ตอน​อยู่​สู่​จง​ให้​คุณหนู​พาน​กับ​ฉัง​เคอ​ฟัง

ไป๋​กั่ว​ยื่น​ศีรษะ​ผลุบ​ๆ​ ​โผล่​ๆ​ ​เข้ามา​ดู​อยู่​หลายครั้ง

หวัง​ซี​หา​โอกาส​หนึ่ง​ดึง​นาง​ไป​คุย​ที่​ลานบ้าน​ ​“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”

ไป๋​กั่ว​ยิ้ม​ขัดเขิน​ ​ตอบ​ว่า​ ​“​ไม่มี​เรื่อง​อะไร​เจ้าค่ะ​ ​เพียงแต่ว่า​ใต้เท้า​เฉิน​ให้​หวัง​สี่​นำ​ความ​มาแจ้ง​ว่า​ให้​พวก​ข้า​จับตาดู​ท่าน​เอาไว้​ให้​ดี​ ​วันนี้​อย่า​ให้ท่า​นอ​อก​ไป​ไหน​”

นี่​ยัง​ไม่​นับว่า​มีเรื่อง​อีก​หรือ

หวัง​ซี​ไม่เข้าใจ

ไป๋​กั่ว​กล่าว​ ​“​คนที​่​นำ​ความ​มาแจ้ง​ไม่ได้​บอกอะ​ไร​อย่าง​อื่น​แก่​หวัง​สี่​เลย​เจ้าค่ะ​ ​หวัง​สี่​เอง​ก็​ไม่รู้​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​เช่นกัน​ ​แต่​หวัง​สี่​บอกว่า​ ​ใต้เท้า​เฉิน​มิใช่​คนพูด​อะไร​ส่ง​ๆ​ ​ในเมื่อ​เขา​กำชับ​มา​เช่นนี้​ ​ทาง​ที่​ดี​พวกเรา​ควร​แจ้ง​ให้ท่าน​ทราบ​เอาไว้​”

หวัง​สี่​กำชับ​พวก​นาง​เป็นการ​ส่วนตัว​ว่า​ไม่ว่า​อย่างไร​พวก​นาง​ก็​ต้อง​หลอกล่อ​ให้​หวัง​ซี​อยู่​แต่​ใน​บ้าน​ให้​ได้​ ​นาง​คิด​ว่า​เรื่อง​นี้​ไม่จำเป็น​ต้อง​บอก​หวัง​ซี

อย่างไร​เสียดู​จาก​ท่าที​ของ​หวัง​ซี​แล้ว​ ​ก็​ไม่​เหมือน​คน​ต้องการ​ออกจาก​บ้าน​อยู่​แล้ว

หวัง​ซียั​งคิด​เรื่อง​จะ​ใส่​อะไร​ลง​ไป​ใน​สุรา​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​สีทอง​นั่น​อยู่​ ​คิด​ว่า​ในเมื่อ​ไป๋​กั่ว​พูด​ไม่​ค่อย​รู้เรื่อง​เช่นนั้น​รอ​ถึง​ตอนกลางคืน​แล้ว​นาง​ค่อย​ไป​ถาม​เฉินลั​่ว​เอง​ก็แล้วกัน​ ​จึง​ไม่ได้​เก็บ​เรื่อง​ดังกล่าว​มา​ใส่ใจ​ ​ย้อนกลับ​ไป​ใน​ห้อง​อีกครั้ง​ ​คุย​เรื่อง​หมัก​สุรา​กับ​คุณหนู​พาน​และ​ฉัง​เคอ​ต่อ

คุณหนู​พาน​ยัง​กล่าว​กับ​หวัง​ซีด​้วย​ว่า​ ​“​เจ้า​หมัก​สุรา​ได้ดี​ขนาด​นี้​ ​มิสู​้​เมื่อถึง​ฤดูใบไม้ร่วง​แล้ว​จัดงาน​เลี้ยง​สัก​งาน​ ​เชิญ​เหล่า​สหาย​มา​เล่น​ที่​บ้าน​?​”

นาง​รู้สึก​ว่า​ทำ​เช่นนั้น​จะ​เป็นผลดี​ต่อ​ชื่อเสียง​ของ​หวัง​ซี​ ​รวมถึง​เป็นประโยชน์​ต่องาน​แต่ง​ของ​หวัง​ซีด​้วย​ ​เนื่องจาก​ใน​บรรดา​ญาติ​อย่าง​พวก​นาง​เหล่านี้​ ​มี​เพียง​หวัง​ซี​เท่านั้น​แล้ว​ที่​ยัง​ไม่ได้​หมั้น​หมาย

ฉัง​เคอ​เอง​ก็​เห็นดี​ด้วย​เช่นกัน​ ​กล่าวว่า​ ​“​ถ้า​เจ้า​รู้สึก​ว่าการ​เชิญ​แขก​เป็นเรื่อง​ยุ่งยาก​ ​ก็​ควร​ใส่​สุรา​ดอก​หอม​หมื่น​ลี้​นี้​ไว้​ใน​รายการ​ของขวัญ​ ​ส่ง​ไป​ให้​แต่ละ​บ้าน​คนละ​เล็ก​ละ​น้อย​”

หวัง​ซี​ใคร่ครวญ​เรื่อง​นี้​ขึ้น​มา​จริงๆ​ ​อย่างไรก็ตาม​ ​เมื่อก่อน​ตอน​อยู่​ตระกูล​หวัง​นาง​เป็น​ลูกมือ​ช่วย​ท่าน​ปู่​ของ​นาง​หมัก​สุรา​มาโดยตลอด​ ​นี่​นับเป็น​ครั้งแรก​ที่นาง​หมัก​สุรา​ด้วยตัวเอง​ ​สุรา​ที่​หมัก​ได้​มี​ไม่​มาก​ ​หาก​ต้องการ​มอบให้​ผู้อื่น​ ​คง​ต้อง​ลงแรง​กับ​การ​หา​ขวด​บรรจุ​สุรา​แล้ว​ ​พยายาม​แบ่ง​ไป​ให้​ทุก​บ้าน​บ้าน​ละ​หน่อย

พวก​นาง​จึง​ถกเถียง​กัน​ว่า​ควรจะ​ใช้​อะไร​บรรจุ​สุรา​ดี

พอ​มีเรื่อง​ให้​ทำ​ ​เวลา​ก็​มักจะ​ผ่าน​ไป​ไว​เสมอ​ ​กว่า​พวก​นาง​จะ​รับประทาน​อาหารเย็น​และ​ตัดสินใจ​เลือก​ขวด​บรรจุ​สุรา​จน​แล้วเสร็จ​ ​คน​เฝ้ายาม​กลางคืน​ก็​เริ่ม​ตี​กลอง​บอก​เวลา​แล้ว​ ​แต่​ซือ​จู​กับ​ฉัง​เหยี​ยน​ที่​เข้า​วัง​ไปร​่วม​พิธี​ปักปิ่น​ของ​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​กลับ​ยัง​ไม่​กลับมา

ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​กล่าว​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ว่า​ ​“​นี่​ไม่น่า​เป็นไปได้​นี่​นา​!​ ​วัง​หลวง​จะ​ปิดประตู​วัง​แล้ว​”

ซือห​มัว​มัว​เอง​ก็​ใจเต้น​อย่าง​ร้อนใจ​เช่นกัน​ ​ทว่า​ได้​แต่​กล่าว​ปลอบใจฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​ว่า​ ​“​เกรง​ว่า​องค์​หญิง​ฟู่​หยาง​คงมี​เรื่องส่วนตัว​ต้องการ​คุย​กับ​คุณหนู​ซือ​ ​ก็​เลย​รั้ง​พวก​นาง​ไว้​อีก​ครู่หนึ่ง​”

“​ต่อให้​เป็น​เช่นนั้น​ ​ก็​น่าจะ​กลับมา​แล้ว​นี่​นา​!​”​ ฮู​หยิน​ผู้เฒ่า​กล่าว​อย่าง​ไม่สบายใจ

………………………………………………………….

ตอนต่อไป

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

Status: Ongoing
เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล นางเติบโตมาท่ามกลางความรักและอบอุ่น ส่วนเขามีแต่ความเย็นชาและหวาดระแวง หัวใจของเขาพลันหลอมละลายเมื่อได้พบนาง…หวังซี บุตรสาวจากตระกูลพ่อค้าแสนร่ำรวยเดินทางมาพักอาศัยชั่วคราวที่บ้านญาติ ณ เมืองหลวงที่นั่นนางได้พบกับ เฉินลั่ว ชายหนุ่มแสนเย็นชาที่พักอยู่ข้างบ้านนางและเขามีนิสัยราวกับเป็นขั้วตรงข้าม นางสดใส เขากลับเย็นชา ชอบทำหน้าปั้นปึ่งทั้งวันแต่ด้วยเหตุบังเอิญหลายอย่างทำให้นางได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเฉินลั่วและเรื่องราวซับซ้อนในวังหลวงหลายครั้งพานพบ จากคนแปลกหน้ากลายเป็นผู้รู้ใจท่ามกลางคลื่นลมมากมายในเมืองหลวง บุปผางดงามกลับค่อยๆ ผลิบานในใจของคนทั้งคู่…เสน่ห์รักคุณหนูต่างสกุล

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท