The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 935 – ทิ้งเมิ่งเถียน

ตอนที่ 935 - ทิ้งเมิ่งเถียน

DND.
คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาคือชายวัยกลางคนใบหน้าเศร้าหมองดุดันจิตสังหารชั่วร้ายแสดงให้เห็นในแววตา
“ไอ้ปีศาจ!”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระหายเลือด
“เจ้าฆ่าลูกชายข้าแล้วยังจัดการคนรุ่นหลังในตระกูลข้าอีกเจ้าติดค้างโลหิตของข้า! เจ้าไม่คิดจะชดใช้สักหน่อยเรอะ?”
ชายตรงหน้าเขาคือเจ้าตระกูลเฉา!เขาคือผู้นำตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดในดินแดนพรสวรรค์นอกจากสำนักต่างๆ!
ไม่แปลกใจเลยที่เขาอยากจะควบคุมนายหญิงซือถูเขามักจะต้องการความงามของนายหญิงซือถูมาตั้งแต่อายุยังน้อย และเขายังสังหารสามีของนายหญิงซือถูไปด้วย!
และยิ่งไม่แปลกที่เขาจะต้องปลอมตัวเพราะถ้าหากดินแดนพรสวรรค์รู้ ตระกูลเฉาจะถูกทำลายล้าง
“ข้าไม่เคยติดหนี้ผู้ใดแต่หนี้เดียวที่ข้าไม่เคยชดใช้ก็คือหนี้เลือด!”
ซือหยูพูดเขาไม่เคยสังหารผู้บริสุทธิ์ เขาไม่เคยเสียใจ
“ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้ในวันนี้แหละ!”
เมื่อเผยใบหน้าเจ้าตระกูลเฉาไม่ทนการมีอยู่ของซือหยูอีกต่อไป เขากู่ร้องพุ่งพรวดเข้าหาดั่งเงา
แต่น่าเสียดายที่มิติกำลังปั่นป่วนวุ่นวายคลื่นพลังมิติพุ่งมาด้านหน้าพาเจ้าตระกูลเฉาไปยังอีกทิศทาง! เจ้าตระกูลเฉาโกรธแค้นและเริ่มพุ่งเข้าไปต่อด้วยตาแดงก่ำ เขาดูราวกับคนคลั่ง!
อสูรจันทร์ม่วงขมวดคิ้วแน่นแต่แรกเขามั่นใจว่าจะกำจัดซือหยูได้ เขาจึงปรากฏตัวออกมา แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะคุมตัวซือหยูไม่ได้แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเช่นนี้!
“อย่ามาอวดดีให้มากนัก!”
เขาตะโกนและเข้าร่วมวงการตามฆ่าซือหยู
กลับกันซือหยูใช้เนตรวิญญาณมองดูทิศทางของมิติ เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่ามิติที่ใดจะปั่นป่วน ดังนั้นเขาจึงหลบหนีได้อย่างง่ายดายและพาตัวเองไปยังจุดอื่น
แต่เขาก็รู้ว่านี่เป็นเพียงวิธีชั่วคราวในการรับถือซือหยูได้แต่ปล่อยให้ตัวเองถูกไล่ตามต่อไป
ซือหยูเคลื่อนไปด้านหน้าเพื่อหลบเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงนั้นไล่ตามอย่างร้อนรนมาโดยตลอ ดระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่เคยไกลกัน
พวกเขาไล่ล่ากันไปอย่างนั้นทั้งวันสุดท้ายอสูรจันทร์ม่วงก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
เขาพูด
“เจ้าเด็กนั่นแปลกนัก!มันเป็นแค่ภูติระดับหก แต่พลังของมันแม้แต่ภูติระดับเก้าก็เทียบไม่ได้!”
หากเป็นภาวะปกติถ้าภูติระดับเก้าถูกตามล่าทั้งวันแบบนี้ พลังชีวิตจะหายไปเป็นจำนวนมาก แต่ซือหยูยังกลับดูมีเรี่ยวแรง!
“ถ้าอย่างนั้น…พวกเราก็จำเป็นต้องฆ่ามันให้ตาย!”
เจ้าตระกูลเฉาจ้องมองซือหยูไม่วางตาเขาอยากจะสังหารซือหยูเสียให้ได้
พวกเขาเดินทางข้ามดินแดนมากมายมาตลอดวันและอยู่ในชายแดนของดินแดนพรสวรรค์กับเขตกลางเวลานี้พวกเขาอยู่ใกล้กับเมืองเทียนหยา
ยิ่งไปไกลในมิติโกลาหลเท่าใดพวกเขาก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้นนั่นก็เพราะว่าขนาดของพื้นที่ที่โกลาหลนั้นกว้างจนแทบไม่อยากเชื่อ!
และไม่ใช่พวกเขาที่ได้รับผลกระทบเหล่าสิ่งมีชีวิตอื่นก็ติดอยู่ในพื้นที่เหล่านี้ พวกมันมิอาจบินหรือขยับผ่านได้ บางคนเป็นคนตระกูลซือถูที่เข้ามาที่นี่โดยบังเอิญ
ยังมีกลุ่มวิหคที่หลงทางอยู่ด้วยเช่นกันทุกสิ่งได้รับผลกระทบจากมิติโกลาหลนี้
อสูรจันทร์ม่วงกับเจ้าตระกูลเฉาถูกมิติโกลาหลล้อมอีกครั้งพวกเขาถูกพลังย้ายมายังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก พวกเขาชินชากับเรื่องแบบนี้แล้ว พวกเขาจึงมองไปยังทิศทางของซือหยูและไล่ตามต่อไปไม่ให้คลาดสายตา
และโชคดีเป็นอย่างมากที่การถูกเคลื่อนย้ายในครั้งนี้ไม่ได้ทำให้พวกเขาคลาดกับซือหยูแต่ห่างกับซือหยูเพียงยี่สิบศอกเท่านั้น!
เมื่อเห็นทั้งสองซือหยูใจหาย แต่โชคดีที่เขาเตรียมตัวไว้แล้ว เขาไม่ลังเลและใช้คุกเทวะห้าธาตุเพื่อปล่อยคลื่นห้าชีพจรออกมาป้องกันตัวเอง
ปั้ง…
คลื่นที่เหินเข้ามาปกป้องตัวซือหยูถูกเจ้าตระกูเฉากับอสูรจันทร์ม่วงซัดเข้าอย่างจังฝ่ามือของอสูรจันทร์ม่วงทำอะไรไม่ได้เลย ส่วนเจ้าตระกูลเฉาก็ทำได้คลื่นสะเทือนเล็กน้อย แต่มันก็ถูกป้องกันได้ในท้ายสุด
“นั่นมันเกราะอะไรกัน?”
เจ้าตระกูลเฉาพูดออกมาทั้งสองตกใจ
ซือหยูตาเป็นประกายแสงสีเขียวเปล่งจากแขน จากนั้นเมิ่งเถียนที่หมดสติก็ถูกซือหยูใช้พลังปลุกทันที!
เมื่อเมิ่งเถียนลืมตาสิ่งแรกที่ได้เห็นก็คือภาพเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงโจมตีคลื่นวารีอย่างบ้าคลั่ง
“ชีวิตเจ้าอยู่ในมือข้าแต่พวกมันก็ลงมือโดยไม่สนใจ พวกมันทิ้งเจ้า! นี่คือสิ่งที่เจ้ากำลังเจอ…”
ซือหยูอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับเมิ่งเถียนอย่างใจเย็น
เมิ่งเถียนมองภาพตรงหน้าและตระหนักได้ทันทีว่าเจ้าตระกูลเฉากับอสูรจันทร์ม่วงทิ้งเขาแล้วดังนั้นถ้าซือหยูตาย เขาก็จะถูกฆ่าปิดปากเช่นกัน!
“เจ้าอยากรอดข้าก็เหมือนเจ้า …เจ้ากับข้ามีเป้าหมายเดียวกัน…”
ซือหยูพูด
เมิ่งเถียนใจหาย
“เจ้าอยากให้ข้าโต้กลับเรอะ?”
เมื่อวันก่อนเขายังเป็นฝ่ายเดียวกับอสูรจันทร์ม่วงและเจ้าตระกูลเฉาอยู่เลย มันเป็นยาที่ยากจะกลืนลงคอไปได้
“ทำไมเล่า?เจ้าสงสารพวกมัน แต่พวกมันทำแบบที่เจ้าคิดหรือไม่?”
ซือหยูถาม
“แล้วเราก็แค่ต้องป้องกันมันเจ้าไม่ต้องฆ่าพวกมัน!”
เมื่อได้ฟังเมิ่งเถียนคิดหนัก แม้ว่าเขาจะรับใช้นายคนเดียวกัน เขาก็ไม่จำเป็นต้องยอมทิ้งชีวิต
ความป่าเถื่อนเริ่มฉายผ่านแววตาเมิ่งเถียนกล่าว
“เจ้าอยากให้ข้าทำอะไร?เจ้าคงไม่ปล่อยข้าสินะ?”
ซือหยูส่ายหน้าซึ่งไม่แปลก ถ้าหากปล่อยตัวเมิ่งเถียนไป เขาจะเข้าร่วมกับฝ่ายเจ้าตระกูลเฉาอีกครั้ง จากนั้นก็จะควบคุมฝูงวิหคมาจู่โจมเขา
“ใช้วิชาฝึกสัตว์อสูรของเจ้าเรียกกลุ่มสัตว์อสูรที่กระจายไปกลับมาถ้ามีอะไรไม่ชอบมาพากล ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย…”
ซือหยูบอก
เมิ่งเถียนยอมทำตามแผน
“ย่อมได้!”
เมื่อพูดจบเขาเรียกขลุ่ยสีม่วงออกมาอีกครั้ง เขาเริ่มบรรเลงบทเพลง เสียงขลุ่ยดังก้องกังวาลโดยไม่สนใจมิติโกลาหล มันดังไปถึงทุกทิศทาง.ไอลีนโนเวล.
เหล่าวิหคที่ไร้ผู้นำกลับมามีผู้นำอีกครั้งมันกรีดร้องตามเสียงขลุ่ยมาอย่างรวดเร็ว
วิหคจ้าวเทวะระดับสามตัวหนึ่งพุ่งถลาลมเข้ามาในทันทีมันเข้าจู่โจมใส่อสูรจันทร์ม่วงก่อน…
“เมิ่งเถียนกล้าดียังไงมาทำร้ายข้า? ท่านกระดูกโลหิตไม่มีวันอภัยให้เจ้าแน่!”
อสูรจันทร์ม่วงสังหารวิหคที่เข้ามาและต่อว่าเมิ่งเถียนต่อไป
“อย่ายอมให้มันบงการเจ้า!”
เมิ่งเถียนเป่าขลุ่ยและถอนหายใจแรง
“ถ้าข้าไม่ทำอะไรเจ้าตอนนี้ข้าก็ต้องรอให้คนข้างหลังฆ่าข้าสินะ? ถอยไปซะ มิเช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือน! พวกเจ้ารู้พลังของวิหคเหล่านี้ดี! หากรวมฝูงได้เมื่อไหร่ แม้แต่วิญญาณเจ้าก็หนีไม่พ้น!”
เจ้าตระกูลเฉาดูลังเลแต่เขาก็จ้องมองซือหยูอยู่
“ขอโทษด้วยแต่นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะล้างแค้นให้ลูกข้า!”
“อสูรจันทร์ม่วงเข้าไปพร้อมกันเลย! เกราะมันต้องใช้พลังมาก มันจะหมดพลังแล้ว!”
เจ้าตระกูลเฉาเห็นว่าเกราะของซือหยูอ่อนกำลังลง
อสูรจันทร์ม่วงเองก็ไม่เมตตาซือหยูเช่นกันเขารวมพลังกับเจ้าตระกูลเฉา
ซือหยูใจหายมันเป็นอย่างที่เจ้าตระกูลเฉาพูด คลื่นห้าชีพจรนั้นใช้พลังจำนวนมากไปแล้ว เขารักษาเกราะได้อีกไม่นาน
เรื่องดีคือฝูงวิหคกำลังมารวมตัวกันหลังจากได้ยินเสียงขลุ่ยตอนนี้มันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้ว
“ล้อมเจ้าตระกูลเฉาก่อน!”
ซือหยูตะโกนเมื่อจ้องมองอสูรจันทร์ม่วง
แท้จริงแล้วซือหยูกลัวอสูรจันทร์ม่วงมากกว่าเจ้าตระกูลเฉานั่นก็เพราะเขาคือหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ตัวตนของซือหยู
ถ้าหากเขารู้ว่าซือหยูเซี่ยนตรงหน้าคือซือหยูซือหยูก็จะไม่มีทางปกปิดตัวตนได้อีกต่อไป! ดังนั้นเขาจึงมีภัยต่อซือหยูมากกว่าเจ้าตระกูลเฉา
ส่วนเจ้าตระกูลเฉานั้นซือหยูมีหลายวิธีที่จะสังหาร ถึงแม้ว่าจะต้องเปลืองแรงไปบ้าง แต่อย่างไรเขาก็ต้องจัดการอสูรจันทร์ม่วงก่อน!
ในตอนนั้นเหล่าวิหคบุกเข้าไปจากทั่วทั้งฟ้า มันล้อมเจ้าตระกูลเฉาเอาไว้ เจ้าตระกูลเฉาไม่กล้าประมาทกับวิหคเหล่านี้แม้ตัวเองจะเป็นจ้าวเทวะระดับหก
เขาจึงล้มเลิกความคิดที่จะทำลายคลื่นห้าชีพจรและรับมือกับพวกวิหคแทนซือหยูกระโดดไปพร้อมกับคลื่นห้าชีพจรตรงไปหาอสูรจันทร์ม่วง
เมื่อปีกโบกสะบัดซือหยูเพิ่มความเร็วขึ้นราวกับระเบิด เขาเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่เท่ากับอสูรจันทร์ม่วง อสูรจันทร์ม่วงมองตามและขมวดคิ้ว
เขารู้ว่าเกราะป้องกันของซือหยูทำลายได้ยากและเขายังมีกลเม็ดซ่อนเอาไว้อีกมาก เขาค่อนข้างมีภัย
ถ้าหากต่อสู้ตัวต่อตัวเขารู้ว่าเขาทำอะไรซือหยูไม่ได้เลย แต่ซือหยูสามารถเอาชีวิตเขาได้! ความคิดเช่นนี้ทำให้เขาไม่พอใจ และเขาก็หนีไปโดยไม่พูดสักคำเดียว เขาพยายามจะเข้าใกล้เจ้าตระกูลเฉาเพื่อร่วมมือกันต้านทาน
แต่ซือหยูย่อมไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นซือหยูสะบัดแขนเรียกมุกบาดาลพุ่งไปทางอสูรจันทร์ม่วง
อสูรจันทร์ม่วงเคยเจออันตรายของมุกบาดาลาแล้วเขาจึงรีบถอยด้วยความสะพรึงกลัว ลำแสงสีม่วงเองก็พุ่งออกมาจากหน้าผาก
ซือหยูหลบลำแสงจากนั้นเขาก็เรียกเส้นไหมที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าซัดไปทางกะโหลกของอสูรจันทร์ม่วง
อสูรจันทร์ม่วงสัมผัสอันตรายได้และรีบเรียกกระบี่สีม่วงเล่มเล็กออกมากระบี่นี้มีพลังวิญญาณแผ่ออกมาอย่างน่าตกใจ มันแตกต่างจากสมบัติวิญญาณธรรมดาๆ
นี่คือสมบัติวิญญาณชั้นแนวหน้าที่มีเพลิงอันแข็งแกร่งอยู่พวกที่ต่ำกว่าจ้าวเทวะระดับห้าไม่มีทางทนเพลิงนี้ได้แน่นอน
“กระบี่กลืนฟ้าดิน!”
อสูรจันทร์ม่วงตะโกน
เขาเป็นปรมาจารย์กระบี่เมื่อซัดกระบี่หนึ่งครั้ง เงากระบี่จะซ้อนทับกันมาพร้อมกับเพลิงอันไร้ขอบเขต
แม้ว่าวิชากระบี่ของเขาจะไม่เทียบเท่าระดับของปิงหวูชิงมันก็อ่อนด้อยกว่าไม่มาก เพลิงอันน่ากลัวนี้ก็มีพลังมากด้วย
ซือหยูไม่ถอยแต่พุ่งไปข้างหน้าเขาดีดนิ้ว เพลิงที่พุ่งเข้ามากระจายไปทั่วฟ้า มันไม่ทำตามคำสั่งของอสูรจันทร์ม่วงและหนีหายจากตัวซือหยูไป จากนั้นเพลิงก็ดับมอด
เมื่อเพลิงดับหมดแล้วพลังกระบี่ที่เหลือจึงทำอะไรคลื่นวารีของซือหยูไม่ได้อีก แต่ในภาพที่อสูรจันทร์ม่วงเห็นนั้นเหมือนกับซือหยูบุกเข้ามาจากทะเลเพลิงแต่เพลิงก็ตกอยู่ในการควบคุมของเขาและดับมอดไปเอง การต่อสู้อันแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เขาตกตะลึงอีกครั้ง
“เพลงกระบี่คลั่งนภา!”
“กระบี่กระชากโลกา!”
“กระบี่ทลายหยินหยาง!”
เขาใช้วิชากระบี่พร้อมกันถึงเก้าวิชาแต่ละวิชานั้นแข็งแกร่งตระการตายิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ซือหยูก็ยังคงรุดหน้ามาเรื่อยๆ อสูรจันทร์ม่วงมิอาจออมมือ เจ้าตระกูลเฉาที่จัดการกับวิหคอยู่เพิ่งจะหันมามอง
เขาชักสีหน้าและตะโกน
“หนีเร็ว!อย่าไปสู้กับมัน มันสำเร็จเพลิงประสานใจแล้ว! กระบี่เพลิงม่วงทำอะไรมันไม่ได้!”
“อะไรนะ?เพลิงประสานใจเรอะ? นั่นมันระดับหลังจากทะลวงม่านพลังวิถีเพลิง!”
อสูรจันทร์ม่วงงุนงงเขาเพิ่งจะรู้ถึงความลึกล้ำและความน่ากลัวของซือหยู
เขาคิด…ภาพใต้รูปลักษณ์ธรรมดานี้มีพรสวรรค์อะไรซ่อนอยู่กันแน่?
เมื่อรู้ว่าวิชาใช้ไม่ได้ผลอสูรจันทร์ม่วงจึงกัดฟันหนี

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท