หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 273

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 273 – กำแพงอาคมสลายไป

สามวันให้หลัง หูจงไห่ผู้นั้นส่งข้อความมาจริง ๆ เพียงแต่ในตอนนั้นโม่เทียนเกออยู่ระหว่างการฝึกตน เขามาพบฉินซีแล้วก็ไป

หลังหูจงไห่ไป ฉินซีส่งเครื่องรางสื่อสารให้นาง บอกว่าด้านนี้ไม่มีหวัง ครั้งสุดท้ายที่ศิลาเมฆานิ่งปรากฏที่เขาอวี้เหิงเป็นเรื่องเมื่อหลายร้อยปีก่อน ไม่ทราบที่อยู่ คงจะถูกใช้ไปนานแล้ว แร่อวี้สุ่ยพันปีนั้นเคยปรากฏเมื่อหลายปีก่อน แต่น่าเสียดายที่หูจงไห่หาพบคนที่ซื้อแร่อวี้สุ่ยพันปีนั้นไป คนผู้นั้นดื้อรั้นไม่ยอมปล่อยมือไม่ว่าเขาจะเสนอเงื่อนไขอะไรก็ตาม

ถึงหูจงไห่เป็นเพียงผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง แต่เขาเป็นคนของตระกูลฝึกเซียนอันดับหนึ่งสำนักเทียนเต้า คนผู้นั้นไม่ยอมไว้หน้า ถึงแม้ฉินซีจะออกหน้าด้วยตัวเองก็คาดว่าจะไม่มีหวัง

โม่เทียนเกอได้รับข่าวนี้แล้วในใจมีความผิดหวังอยู่บ้าง แต่ปลุกกำลังใจขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ที่นี่ไม่ได้รับ ด้านเมืองคุนจงยังมีความหวัง ถั่วหอมสวรรค์นี้ในเมื่อไม่ถือว่าหายาก ถึงนางจะเก็บไม่ได้ก็จะมีคนอื่นเก็บได้ ถึงเวลาออกจากภูเขามารก็แลกเปลี่ยนหรือซื้อจากคนแล้วค่อยแลกเปลี่ยนกับคนผู้นั้นก็พอ

กำแพงอาคมของภูเขามารสรุปแล้วยังอีกนานเท่าไหร่จะสลายไป ใครก็บอกไม่ได้ แต่คำนวณจากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ เร็วที่สุดยังอีกสองเดือน ช้าที่สุดอาจจะกว่าครึ่งปี จากนั้นคงอยู่ประมาณหนึ่งเดือน กำแพงอาคมนั้นจะค่อย ๆ แกร่งขึ้นมาใหม่จนกระทั่งไม่สามารถเข้าออก

เพื่อที่จะเร่งเข้าไปในชั่วพริบตาแรกที่กำแพงอาคมภูเขามารสลายไป คนที่มาเขาอวี้เหิงยิ่งมายิ่งมาก โชคดีที่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานล้วนวางภูมิมาก ความวุ่นวายไม่มาถึงพวกเขา

วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า กำแพงอาคมของภูเขามารยิ่งมายิ่งอ่อนกำลัง พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในที่สุดก็นั่งไม่ติด ทุกวันคนที่ออกไปไต่ถามข่าวคราวยิ่งมายิ่งมาก เรือนที่เดิมทีเงียบสงบก็ยิ่งมายิ่งอึกทึก

จนตอนหลังโม่เทียนเกอก็ไม่ฝึกตนแล้ว ทุกวันเพียงนั่งสมาธิชั่วครู่ ไม่หลอมโอสถก็หลอมสร้างอาวุธเวท เพิ่มความแข็งแกร่งให้ตนเองอีกหนึ่งส่วนสำหรับเข้าภูเขามาร

วันหนึ่งในสองเดือนให้หลัง จู่ ๆ ก็มีข่าวมาถึง กำแพงอาคมของภูเขามารวันมะรืนนี้ก็จะสลายไปแล้ว!

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทั่วเขาอวี้เหิงทันที ผู้ฝึกตนทุกคนกรูกันไปที่หลังเขาอวี้เหิง แย่งกันยึดครองตำแหน่งดี ๆ ที่สามารถเข้าภูเขามารได้ในวินาทีแรก

พวกเขากลุ่มเล็ก ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหว

ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษเสมอ พวกเขาไม่จำเป็นต้องยอมรับการควบคุมของสำนักเทียนเต้าอย่างผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังหรือหลอมรวมพลังวิญญาณ ทว่ามีคนนำทางไปถึงนอกเขตแดนของเขาอวี้เหิงกับภูเขามารอย่างรวดเร็ว

พื้นที่ซึ่งนำไปสู่ส่วนที่ราบเรียบที่สุดของภูเขามารคือหุบเขาแห่งหนึ่ง พรตเต๋าคูมู่ทราบว่าโม่เทียนเกอไม่เคยมาจึงได้แนะนำให้นางอย่างละเอียด กำแพงอาคมตรงนี้จะอ่อนลงที่สุด เป็นทางเข้าที่ปลอดภัยที่สุด

พวกนี้โม่เทียนเกอล้วนเคยอ่านจากแผ่นหยกที่ประมุขเต๋าจิ้งเหอมอบให้แล้ว แต่พรตเต๋าคูมู่มีประสบการณ์ตรง ฟังเขาพูดสักรอบไม่แน่ว่าจะมีผลรับอื่นอีก

เงยหน้าขึ้นมอง หุบเขาเล็ก ๆ นี้ปัจจุบันคลาคล่ำไปด้วยผู้ฝึกตนนั่งกันเต็ม พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานย่อมครอบครองพื้นที่ที่ดีที่สุด โม่เทียนเกอกวาดมอง ทั้งใกล้และไกลมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอย่างน้อยที่สุดร้อยคน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานของเทียนจี๋มีอยู่เป็นพัน นับกันเช่นนี้แล้วก็ไม่ถือว่ามากเกินไป

ห่างจากพวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเป็นระยะทางร้อยจ้างจึงเป็นพื้นที่ซึ่งผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังและหลอมรวมพลังวิญญาณพักผ่อน ดูจำนวนคนมีเป็นหลายสิบเท่าของพวกเขา

เห็นสายตาของนางตกลงบนร่างของผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้ ถงเทียนอวิ้นส่ายหน้าถอนหายใจเอ่ยว่า “ในคนพวกนี้ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเอาชีวิตรอดสักกี่คน เฮ้อ!”

สายตาโม่เทียนเกอสั่นไหว ภูเขามารเป็นสถานที่อันตราย พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานยังไม่สามารถปกป้องตัวเอง อย่าว่าแต่ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังและหลอมรวมพลังวิญญาณเหล่านี้เลย ทุกครั้งที่ภูเขามารเปิด ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนกรูกันมา คนที่สามารถมีชีวิตรอดออกมากลับไม่ถึงครึ่ง กว่าครึ่งที่ตายอยู่ในนี้ล้วนเป็นผู้ฝึกตนระดับต่ำ

มองไปสี่ทิศกลับไม่มีเงาร่างของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ในจิตหยั่งรู่ก็สัมผัสไม่ได้ โม่เทียนเกออดส่งเสียงลับไปหาฉินซีไม่ได้ว่า “ซือเกอ เหตุใดไม่มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ซือฟุเล่า มาถึงแล้วมิใช่หรือ”

ฉินซีกำลังหลับตานั่งสมาธิ ได้ยินคำพูดของนางก็ไม่ได้ลืมตา ผ่านไปพักหนึ่งจึงส่งเสียงลับตอบนางว่า “ซือฟุมาถึงนานแล้ว เรื่องของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่พวกเราควบคุมไม่ได้ แค่รอคอยอย่างวางใจก็พอ”

โม่เทียนเกอคิด ๆ ดูแล้วก็ใช่ ซือฟุในเวลาปกติไร้วินัย การทำธุระกลับไม่เคยเลินเล่อ คิดว่าจะต้องมีสถานที่อื่นให้รอคอย

เวลาผ่านไปทีละนิด ๆ เริ่มแรกคนมากมายขนาดนี้มารวมตัวกันยังสามารถได้ยินเสียงพูดคุยไม่ขาดสาย ถึงตอนท้ายทุกคนล้วนสามารถสัมผัสถึงการอ่อนกำลังลงของกำแพงอาคม สายตาเพียงจับจ้องไปที่สุดปลายของหุบเขาซึ่งบรรจบกับภูเขามาร หุบเขาซึ่งมีผู้คนหลายพันคนกลับกลายเป็นเงียบสงัด

อีกาทองคำกระต่ายหยก* ลอยขึ้นและตกลง หนึ่งวันผ่านพ้นไป ตอนบ่ายของวันที่สอง ในที่สุดก็เห็นว่าที่สุดปลายของหุบเขา กำแพงอาคมซึ่งเป็นดั่งม่านแสงมืดลงช้า ๆ จนกระทั่งสลายไปมองไม่เห็น

ในหุบเขาเกิดเสียง “หึ่ง” นับไม่ถ้วนดังขึ้น จากนั้นฝูงคนเริ่มผลักดันกัน ชุลมุนไร้ที่เปรียบ

โชคดีที่พวกเขาเหล่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานอยู่ด้านหน้าสุด พวกเขาย่อมไม่เป็นอย่างผู้ฝึกตนระดับต่ำเหล่านี้ที่ควบคุมตัวเองไม่ได้

และในขณะนี้ ผู้ที่เข้าหุบเขาไปเป็นคนแรกไม่ใช่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเลย เพียงเห็นในอากาศจู่ ๆ ปรากฏแสงหลบหนีหลายสาย แรงกดดันอันไร้เทียมทานกวาดผ่าน

โม่เทียนเกอใจสั่น แรงกดดันประเภทนี้จะต้องเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

ตามคาด ผู้ฝึกตนเหล่านี้ทิ้งตัวลงยังที่ซึ่งกำแพงอาคมสลายไปอย่างรวดเร็ว พอดีเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หลายท่าน

ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้ก็ไม่พูดจา ต่างคนต่างก้าวไปข้างหน้าเข้าไปในกำแพงอาคมช้า ๆ ร่างหายลับไปอย่างรวดเร็ว

ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานยังไม่ขยับ เพราะว่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้กำลังบินมาคนแล้วคนเล่า เข้าสู่ภูเขามาร

โม่เทียนเกอในที่สุดก็ได้เห็นร่างของประมุขเต๋าจิ้งเหอ ประมุขเต๋าจิ้งเหอกับผู้ฝึกตนบุรุษที่สวมชุดดำทั้งร่างคนหนึ่ง, ผู้ฝึกตนศีรษะล้านคนหนึ่งรวมทั้งประมุขเต๋าหัวเหยียนก้าวเข้าข้างในโดยไม่มองพวกเขา

ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่เข้าภูเขามารครั้งนี้ไม่ถือว่ามากมาย โม่เทียนเกอนับดูมีประมาณยี่สิบกว่าคน แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานก็มาร้อยกว่าคน พอเทียบกันผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ถือว่ามากแล้ว

นี่ไม่น่าประหลาดเลย โลกฝึกเซียนในปัจจุบันนี้ แปลงเทพเป็นเพียงเรื่องในตำนาน ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ขั้นท้ายไม่กี่คนของเทียนจี๋ล้วนไม่เคยพบผู้ฝึกตนแปลงเทพ

ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่เหล่านี้ส่วนใหญ่ติดอยู่ที่ขั้นต้นไม่คืบหน้าสักชุ่น นอกจากพวกที่มีอายุขัยมากยังไม่ยอมแพ้ ส่วนใหญ่ยอมแพ้ที่จะเลื่อนขั้นแล้ว ด้วยเหตุนี้เอง พอภูเขามารปรากฏบนโลก เหล่าผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่อายุขัยไม่มากหรือว่าถูกขังอยู่ในระดับใดระดับหนึ่งโดยไม่มีความหวังเลยพวกนั้นล้วนไม่คิดจะปล่อยโอกาสนี้ ไม่ว่าอย่างไรความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเลื่อนขั้นก็น้อยมากแล้ว อีกทั้งฝึกตนมาถึงจุดสูงสุดของขอบเขตที่โลกฝึกเซียนในปัจจุบันนี้สามารถมาถึงได้แล้ว ยังจะมีอะไรที่ไม่สามารถเสี่ยงอันตรายเล่า

ทว่าผู้ฝึกตนก่อเกิดตานกลับมีน้อยคนที่คิดเช่นนี้ พวกเขาเป็นผู้ฝึกตนระดับสูงแล้ว ส่วนใหญ่มีสถานะไม่ต่ำทราม ขอเพียงมีความหวังจะเลื่อนขั้นเป็นจิตวิญญาณใหม่ล้วนจะไม่เข้าภูเขามารอย่างบุ่มบ่าม พวกอย่างโม่เทียนเกอกับฉินซีเป็นเพียงกรณีพิเศษ ในผู้ฝึกตนก่อเกิดตานร้อยกว่าคนเบื้องหน้าก็หาไม่พบสักกี่คน

รอจนผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทั้งหมดล้วนเข้าภูเขามาร ในฝูงคนของผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในที่สุดมีคนที่อดรนทนไม่ได้ เข้าไปเป็นคนแรก กลุ่มเล็ก ๆ ของโม่เทียนเกอไม่เร็วไม่ช้า เบียดเข้าภูเขามารอยู่ในฝูงคน

พอผ่านสถานที่ซึ่งเดิมทีกำแพงอาคมคงอยู่ มีเทียนเกอเพียงรู้สึกสายตาพร่าเลือนไปหน่อย ภาพที่อยู่เบื้องหน้าไม่เหมือนเดิมอย่างใหญ่หลวง

ไม่มีหินประหลาดขรุขระอย่างที่จินตนาการ แล้วก็ไม่มีหมอกสลัวเลือนรางอย่างที่นึกเอาไว้ ทว่าเขียวชอุ่ม คล้ายกับว่าพวกเขายังคงอยู่ที่เขาอวี้เหิง ปราณเซียนล่องลอย พลังวิญญาณกดดันผู้คน

โม่เทียนเกอหันหน้ากลับไปดู พบว่าพื้นที่ซึ่งเขาสองลูกบรรจบกันแปลกประหลาดอยู่บ้าง ตอนที่อยู่ในหุบเขา กำแพงอาคมหายไปแล้วพวกเขาเห็นว่าภูเขามารก็มืดครึ้ม ดังนั้นนางจึงนึกอย่างผิด ๆ ว่าภูเขามารควรจะมืดมิด ตอนนี้อยู่ในภูเขามาร มองปากทางของเขาอวี้เหิง เห็นชัด ๆ ว่าไม่มีสิ่งใดขวางกั้นสายตา แต่กลับมองเหตุการณ์ภายนอกไม่เห็น เห็นเพียงผู้คนปรากฏตัวที่ปากทางไม่หยุด คล้ายกับว่าเป็นม่านพลังเคลื่อนย้าย

“สหายเต๋าทั้งหลาย” ในหมู่พวกเขา คนอื่นล้วนไม่อินังขังขอบอยู่บ้าง ดังนั้นบทบาทของผู้นำเป็นหน้าที่ของพรตเต๋าคูมู่มาโดยตลอด ขณะนี้เข้าภูเขามารแล้วก็ยังคงเป็นพรตเต๋าคูมู่ที่เอ่ยปากก่อน “เรื่องเส้นทางพวกเราได้ปรึกษากันมาแล้ว ก็ดำเนินการตามแผนเลยนะ”

ทุกคนพากันพยักหน้า ไม่มีคำคัดค้าน

ก่อนเข้าภูเขามาร พวกเขามีเวลาสองเดือนสืบข่าวคราว ตกลงแผนการ พวกนี้เดิมทีโม่เทียนเกอทราบไม่มาก แล้วก็ไม่ได้สอดมือเข้าไป จะอย่างไรฉินซีเป็นคนที่เชื่อถือได้ เขาไม่พูดว่าไม่ได้ คิดว่าไม่น่ามีปัญหา

สถานที่ที่พวกเขาอยากไปไม่ถือว่าอันตรายมาก ถึงอย่างไรในหมู่พวกเขา นอกจากพรตเต๋าคูมู่กับถงเทียนอวิ้น คนอื่น ๆ ล้วนยังมีอายุขัยหลายร้อยปี ไม่มีความจำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายใหญ่โตจริง ๆ

แต่มีข้อตกลงอีกอย่างว่า ในเวลาหนึ่งเดือนที่กำแพงอาคมสลายไป พวกเขามีเวลาครึ่งเดือนที่สามารถเคลื่อนไหวโดยอิสระ หากคิดจะไปยังสถานที่อันตรายเกินไป คนอื่น ๆ เพียงนึกตามใจชอบว่าจะตามไปหรือไม่ ผู้ที่ไม่ต้องการจะรออยู่ที่เดิม หากเวลาผ่านไปแล้วไม่กลับมาก็ขอให้โชคดีแล้วกัน

ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานไม่เหมือนผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง, หลอมรวมพลังวิญญาณ ส่วนใหญ่ไม่ชอบเคลื่อนไหวเป็นกลุ่มเป็นก้อน พวกเขาประสบการณ์มาก นิสัยก็เห็นแก่ตัวมาก อันตรายและผลประโยชน์มักจะคำนวณอย่างชัดแจ้ง น้อยมากที่จะทำอะไรเพื่อคนอื่น แม้แต่กับสหายก็เช่นเดียวกัน

โม่เทียนเกอย่อมไม่มีความเห็นต่อเรื่องนี้ จุดประสงค์ที่นางเข้าหุบเขาไม่เหมือนกับผู้อื่น สิ่งที่ผู้อื่นต้องการเป็นสมบัติของฟ้าดิน สิ่งที่นางต้องการคือโครงกระดูก

โครงกระดูกของบิดาอยู่แห่งใด ฉินซีทราบดี และช่วงนี้นางฟังฉินซีเอ่ยถึงเป็นครั้งคราว ในปีนั้นเขาเคยพบสมบัติประหลาดอะไรสักอย่างในสถานที่อันตรายนั้น เพียงแต่ไม่สะดวกที่จะเก็บกลับมา การมาภูเขามารคราวนี้เดิมทีเขาก็วางแผนจะไปเก็บสมบัติประหลาดชิ้นนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเขาสองคนจำเป็นต้องออกจากกลุ่ม ถึงอย่างไรฉินซีก็จะไม่บอกเกี่ยวกับสมบัติประหลาด คนอื่นก็ต่างคนต่างมีเป้าหมาย จะไม่มาเสี่ยงอันตรายด้วยกันกับพวกเขา

กลุ่มเจ็ดคนฟังคำสั่งของพรตเต๋าคูมู่ เดินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ

เริ่มแรก ทิวทัศน์ของภูเขามารกับเขาอวี้เหิงไม่แตกต่างกันเลย แต่อย่างช้า ๆ สีเขียวขจีเหล่านั้นก็จืดจางลงไปมาก ยิ่งมายิ่งแห้งแล้ง ยิ่งมายิ่งมืดครึ้ม ในอากาศเป็นเขตแดนและกำแพงอาคมทุกแห่งหน พลังวิญญาณเคลื่อนไหวอย่างกราดเกรี้ยว ลมกรรโชกเป็นครั้งคราว ถ้าหากโชคไม่ดีพบสักแห่งสองแห่ง ศีรษะกับร่างกายก็จะไปอยู่คนละที่ได้อย่างง่ายดาย

พวกเขาเดินไปได้ไม่ไกลก็ได้ยินเสียงกรีดร้องหลายเสียง โม่เทียนเกอหันหน้าไปดู พบว่าเป็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลัง, หลอมรวมพลังวิญญาณเหล่านั้น หลายคนในหมู่พวกเขาไม่เคยเข้าภูเขามาร เพียงแค่ฟังตำนาน ซื้อแผนที่และข้อมูลของภูเขามารสักชิ้นสองชิ้นก็อาศัยความคิดชั่วแล่นเข้าภูเขามารมาแล้ว

คนเหล่านี้ไม่มึความแข็งแกร่งเพียงพอ แล้วก็ไม่มีประสบการณ์และความตื่นตัวเพียงพอ พอเข้าภูเขามารก็ถูกสายลมและกำแพงอาคมเหล่านั้นพบเข้าอย่างง่ายดาย เสียชีวิตในพริบตา

สิ่งที่ทำให้โม่เทียนเกอรู้สึกว่าไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีคือในนั้นถึงกับมีกูเหนียงน้อยผู้หนึ่งที่สหายถูกลมพัดไปแล้ว นางดันกลัวจนร้องไห้ ตะโกนออกมาดื้อ ๆ ว่าอยากกลับ เห็นแล้วคนอื่น ๆ ก็ขมวดคิ้ว

ไม่ว่าอยู่ข้างนอกจะเป็นอย่างไร เข้าภูเขามารแล้ว ชีวิตก็ไม่ใช่สิ่งที่ตนเองจะสามารถควบคุมได้ ถึงแม้จะตายในพริบตาก็จะไม่มีคนเห็นใจ

…………………………………………………..

*อีกาทองคำหมายถึงดวงอาทิตย์ กระต่ายหยกหมายถึงดวงจันทร์

ตอนที่ 274 – แรกเข้า

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท