หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 307 – พัดแห่งสวรรค์และโลกา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 307 – พัดแห่งสวรรค์และโลกา

หลังจากกำแพงอาคมใหญ่ของภูเขามารพังทลาย กำแพงอาคมเล็กมากมายก็พังทลายตามลงมา ภูเขามารเกือบครึ่งล้วนถูกม้วนเข้าไป

โม่เทียนเกอและฉินซีโชคยังดี เข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนได้ทันเวลา ไม่ได้รับผลกระทบ คนอื่น ๆ กลับไม่ได้โชคดีขนาดนั้น ผู้ที่สามารถหนีออกจากภูเขามารทันเวลามีน้อยยิ่งกว่าน้อย แม้แต่ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็มีไม่น้อยที่ล้มลงข้างใน

การท่องภูเขามารครั้งนี้เทียบกับแปดสิบกว่าปีก่อนแล้วยังอเนจอนาถกว่า ผู้ฝึกตนระดับสูงบาดเจ็บล้มตายอย่างย่อยยับ ถึงขนาดที่เทียบกับการก่อจลาจลของสัตว์ปีศาจครั้งก่อนแล้วยังร้ายแรงกว่า เทียนจี๋ครึกโครมขึ้นมาพักหนึ่ง

แน่นอนว่าเรื่องราวเหล่านี้พวกเขาสองคนยังไม่ทราบ ในช่วงเวลาที่หลบซ่อนที่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนนี้ โม่เทียนเกอจะเปิดไปดูทิวทัศน์ภายนอกเป็นครั้งคราว พบว่าปฏิกิริยาลูกโซ่ที่เกิดขึ้นจากกำแพงอาคมพังทลายไม่เคยหยุดนิ่งมาตลอด ฟ้าถล่มดินทลาย อัสนีแลบแปลบปลาบ ทั่วทั้งภูเขามารแผ่นดินไหวภูเขาสะเทือน

ไม่อาจออกไป ทั้งสองคนได้แต่ปล่อยวางเรื่องของภายนอกลงชั่วคราว ใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน

ก่อนอื่น ฉินซีเนื่องจากการใช้เลือดสกัด สูญเสียความแข็งแกร่งไป โชคดีที่พลังวิญญาณในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนความเข้มข้นสูงยิ่ง รักษาบาดเจ็บที่นี่เร็วกว่าที่ข้างนอกอยู่บ้าง

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดคือ ฉินซีพูดว่าพลังวิญญาณในนี้เขาต้องใช้วิชาสังสารวัฏสามวิญญาณ์แปรรูปแล้วจึงจะสามารถดูดซึมเข้าสู่ตานเถียนได้อย่างรวดเร็ว หากมิเช่นนั้น ความเร็วในการฝึกตนเทียบกับภายนอกแล้วก็ไม่ได้จะเร็วกว่าสักกี่มากกี่น้อย สถานการณ์เช่นนี้ทั้งสองคนใคร่ครวญอยู่เป็นนาน สุดท้ายเดาว่าโลกหล้าแปรเปลี่ยนไปแล้ว วิชาเวทยุคปัจจุบันก็ผ่านการวิวัฒนาการ ส่วนในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนยังคงรักษาความเข้มข้นของพลังวิญญาณยุคปฐมกาลเอาไว้จึงปรากฏสถานการณ์เช่นนี้ โม่เทียนเกอเพราะว่าสิ่งที่ฝึกฝนคือวิชาเวทปฐมกาล ดังนั้นไม่มีผลกระทบ ส่วนฉินซี วิชาสังสารวัฏสามวิญญาณ์พอดีมีที่มาจากปฐมกาล

แต่โม่เทียนเกอยังคิดอีกว่าศาสตร์หยางบริสุทธิ์ของเขามาจากหยวนเป่า หยวนเป่าอาศัยอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนของจงมู่หลิงทั้งปี ก็เป็นเหมือนกัน เพราะอะไรถึงไม่ไหวล่ะ หลังจากถามฉินซีเช่นนี้ ฉินซีก็คิดไม่ตก อาจบางทีหยวนเป่านึกว่าเขาจะไม่ได้เข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนอีก ดังนั้นมีเคล็ดวิชาอะไรที่ไม่ได้พูด?

คำถามนี้ด้วยระดับการฝึกตนของทั้งสองคนยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้ เลยแค่โยนเข้ากรุไป จะอย่างไรอยู่ที่นี่ก็มิใช่ว่าไม่สามารถฝึกตน

อย่างที่สอง ออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนไม่ได้ โม่เทียนเกอว่างอย่างสิ้นเชิง ค่อย ๆ จัดระเบียบแปลงสมุนไพรในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนกับฉินซีสองคนอย่างเรียบง่าย หญ้าวิญญาณหมื่นปีมากมายนางเก็บเกี่ยวไปแล้วยังไม่ได้หลอมปรุงเป็นโอสถ ยังมีหญ้าวิญญาณมากมายที่ยังคงเติบโตอยู่ในแปลงสมุนไพร นางสั่งการหุ่นเชิดสองตัวให้เก็บเกี่ยวทีละต้น จัดระเบียบแปลงสมุนไพรเสียใหม่

หญ้าวิญญาณพวกนี้ถูกพวกนางหลอมปรุงจนกลายเป็นโอสถ ทักษะหลอมยาของฉินซีก็สูงยิ่ง ทั้งสองคนทำงานร่วมกัน ความเร็วในการหลอมยาเร็วมาก หนึ่งปีให้หลังในที่สุดก็จัดระเบียบแปลงสมุนไพรแล้วเสร็จ

เวลานี้ อาการบาดเจ็บของฉินซีหายดีแล้ว โม่เทียนเกอเริ่มครุ่นคิดเรื่องการหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพ

ก่อนหน้านี้ เดิมทีนางวางแผนว่าจะขอให้ช่างหลอมอุปกรณ์ของโรงเรียนมาหลอมสร้างแทนตัวเอง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องอยู่ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนนานเท่าไร ทุกสิ่งได้แต่พึ่งตนเอง ให้ตนเองเริ่มเรียนการหลอมอุปกรณ์ใหม่อีกครั้ง แต่พรสวรรค์ในการหลอมอุปกรณ์ของนางมันไม่เท่าไหร่จริง ๆ ในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนหญ้าวิญญาณมีอยู่ทุกที่ วัตถุดิบนานาชนิดที่จำเป็นในการหลอมสร้างกลับไม่มาก สุดท้ายยังเป็นฉินซีที่มองจนขัดตา ลงมือหลอมสร้างแทนนาง

พรสวรรค์ในการเรียนเรื่องจิปาถะของฉินซีสูงเยี่ยมกว่านาง การหลอมยาก็ดี การหลอมอุปกรณ์ก็ดี แม้แต่ทักษะวาดเครื่องรางยังอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ แต่เรื่องอย่างการหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพเขาก็ไม่กล้าอวดเบ่ง เสียเวลามากมายฝึกมือใหม่อีกครั้ง

ทั้งสองคนเรียนรู้การหลอมอุปกรณ์พลาง ค่อย ๆ ฝึกตนพลาง เวลาก็ผ่านไปปีแล้วปีเล่าเช่นนี้……

เริ่มแรก โม่เทียนเกอไปดูนอกโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนบ่อยครั้งว่าสรุปแล้วเป็นอย่างไร แต่ภูเขามารกำแพงอาคมพังทลายครั้งนี้กินเวลานานมาก ถึงตอนท้าย นางนาน ๆ จะไปดูสักครั้ง

เปิดโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนอีกครั้ง เห็นว่าภายนอกยังคงฟ้าดินมืดมิด โม่เทียนเกอถอนหายใจออกมา

นี่เป็นปีที่ห้าแล้ว กำแพงอาคมยังคงไม่เสถียร ไม่รู้จริง ๆ ว่าพวกเขาต้องเวลาใดจึงจะสามารถออกไป ก่อนที่กำแพงอาคมพังทลาย ซือฟุไปที่วังอวี้เสิน ไม่รู้ว่าได้หนีออกไปหรือไม่ ยังมีเจินจี ตอนนี้หายตัวไปหลายปีแล้ว ปัจจุบันนี้กลับไปได้แล้วหรือยัง

“อย่าคิดแล้ว เวลามาถึงย่อมจะสามารถออกไป” เสียงของฉินซีดังออกมาจากด้านหลัง

โม่เทียนเกอโบกแขนเสื้อ ลบทิวทัศน์ภายนอกทิ้งไป หมุนตัวมา “ออกมาทำไมเล่า” พวกเขาหลอมสร้างพัดแห่งสวรรค์และโลกาล้มเหลวหนึ่งครั้งแล้ว เขากักตัวเองอยู่ในเรือนมาหลายวันแล้ว พูดว่าไม่สามารถล้มเหลวได้อีก ต้องวิเคราะห์คุณสมบัติของวัตถุดิบให้ดี ๆ

ฉินซียิ้มเอ่ยว่า “ศึกษาเสร็จแล้ว ดังนั้นออกมา”

“อ้อ?” โม่เทียนเกอแววตาเปล่งประกาย “เช่นนั้นพวกเราสามารถหลอมสร้างใหม่แล้วสิ?”

“อืม……” ฉินซีคิดแล้วเอ่ยว่า “น่าจะได้ หลายวันนี้เจ้าฝึกตนเป็นอย่างไร”

“ราบรื่นมาก” โม่เทียนเกอยื่นมือออกไป “ท่านดู”

ฉินซีจับชีพจรของนาง แยกพลังวิญญาณสายหนึ่งไปสำรวจ ผ่านไปพักหนึ่ง เก็บพลังวิญญาณกลับ ยิ้มเอ่ยว่า “ที่นี่การฝึกตนของเจ้าเป็นการลงแรงครึ่งเดียวได้ผลลัพธ์สองเท่าจริง ๆ”

ยาฟ้ากระจ่างบวกกับโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ความเร็วในการฝึกตนของนางเทียบกับผู้ฝึกตนทั่วไปแล้วมันเร็วดุจเหินบินโดยแท้ ถึงจะพบเจอกับคอขวดก็มีฉินซีผู้ประสบการณ์ล้นเหลือชี้นำ ไม่ต้องกังวลใจจนเกินไปเลย

“เช่นนั้นท่านเล่า เมื่อใดจะผูกจิตวิญญาณ” พวกเขาสองคนถูกขังอยู่ที่นี่ ก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดจะสามารถออกไป ระดับการฝึกตนของฉินซีไปถึงขีดจำกัดแล้ว สภาวะจิตใจก็ปรับสำเร็จแล้ว สามารถกล่าวได้ว่าการผูกจิตวิญญาณเป็นเรื่องที่ทางน้ำไหลเกิดคูคลอง*

คำถามนี้ทำให้ฉินซีครุ่นคิดไปพักใหญ่ สุดท้ายเขาเอ่ยว่า “ตอนที่ข้าผูกจิตวิญญาณจะต้องให้วิชาสังสารวัฏสามวิญญาณ์เป็นหลักชี้นำ ผูกจิตวิญญาณที่นี่ก็ไม่มีผลกระทบ แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อน หลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพของเจ้าออกมาก่อนเถอะ”

โม่เทียนเกอยิ้มเอ่ยว่า “อายุผูกจิตวิญญาณที่น้อยที่สุดที่รู้กันในเทียนจี๋คือสองร้อยแปดปี ปัจจุบันนี้ท่านสองร้อยหกปีพอดี ผูกจิตวิญญาณขณะนี้ยังสามารถสร้างสถิติ ผ่านไปไม่กี่ปีก็จะไม่ได้ฮือฮาขนาดนั้นแล้ว หรือว่าท่านไม่คิดที่จะทำลายสถิตินี้”

ฉินซีส่ายหน้า ยิ้มบาง ๆ เอ่ยว่า “แก่งแย่งชื่อเสียงจอมปลอมพวกนี้มาทำอะไร ช้าไปปีสองปีไม่ได้เสียหาย”

ได้ยินคำพูดนี้ โม่เทียนเกอโล่งใจมาก สภาวะจิตใจของฉินซีหลายปีมานี้ร้อนรนเกินไป จึงผูกจิตวิญญาณล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้เขาสงบนิ่งเช่นนี้ ทราบได้ว่าสภาวะจิตใจมั่นคง หากเป็นเช่นนี้ เวลาผูกจิตวิญญาณแทบจะไม่มีอุปสรรคใหญ่แล้ว

อันที่จริงสภาวะจิตใจของฉินซีมั่นคงยิ่ง หลายปีก่อนทั้งหมดเป็นการเดินเข้ากับดักที่ตัวเองวางเอาไว้ ในจิตใจจึงปรากฏรอยรั่ว ต้นกำเนิดของรอยรั่วนี้ก็คือโม่เทียนเกอ ปัจจุบันนี้ทั้งสองคนยืนยันความรักแล้ว เขาก็ย่อมจะฟื้นฟูสู่ความใจสงบไร้คลื่นลมดังเดิม

ทั้งสองคนพูดกันอีกสักครู่แล้วกลับไปต่างคนต่างฝึกตนโดยไม่ต้องเอ่ย

วิชาเวทของพวกเขาสองคนไม่มีส่วนที่ขัดแย้งกัน คนหนึ่งหยางบริสุทธิ์คนหนึ่งอินบริสุทธิ์ กลับจะส่งเสริมซึ่งกันและกัน ดังนั้นก็ไม่ต้องแบ่งห้องฝึกตนเป็นสองห้อง ฝึกตนด้วยกันในห้องฝึกตนดั้งเดิมของโม่เทียนเกอตรง ๆ เลย

ปรับลมหายใจกันไปหนึ่งวัน ทั้งสองคนไม่ว่าจะพลังวิญญาณหรือว่าสภาวะจิตใจล้วนฟื้นฟูสู่จุดสูงสุด พร้อมที่จะหลอมสร้างอาวุธเวท

การหลอมสร้างอาวุธเวทคู่ชีพเทียบกับอาวุธเวทสามัญไม่ได้ อาวุธเวทสามัญถึงจะต้องจดจำผู้เป็นนาย ตอนหลอมสร้างก็ไม่ต้องให้ตัวคนอยู่ในสถานที่ อาวุธเวทคู่ชีพกลับต้องเพิ่มเลือดสกัดของผู้ฝึกตนตอนที่หลอมสร้าง ดังนั้นถึงฉินซีจะยึดเอาเรื่องของการหลอมอุปกรณ์ไปแต่ยังต้องการความร่วมมือของตัวโม่เทียนเกอ

ผ่านการหลอมสร้างที่ล้มเหลวไปหนึ่งครั้ง ฉินซีครั้งนี้รอบคอบเป็นพิเศษ ศิลาเมฆานิ่งเพียงมีพอให้พวกเขาหลอมสร้างอีกหนึ่งครั้ง หากล้มเหลวอีกก็ต้องเสาะหาวัตถุดิบกันใหม่ พอดีว่าศิลาเมฆานิ่งหาได้ยากอย่างยิ่ง ไม่แน่ว่าจะต้องเสียเวลาไปหลายสิบปี

ไฟหลอมในการหลอมอุปกรณ์ฉินซีใช้ไฟแท้สุดหยางของตนเอง เดิมทีศิลาแสงตะวันหรือไฟแท้ไท่หยางของเสี่ยวหั่วล้วนไม่เลว แต่ไฟแท้สุดหยางของฉินซีร้อนกว่าหน่อย แล้วยังมียาฟื้นฟูพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนที่สามารถกินได้ ดังนั้นจึงเลือกใช้ไฟแท้สุดหยาง

ทุกสิ่งเตรียมพร้อมสรรพ ทั้งสองคนกักตัวอยู่ในห้องหลอมอุปกรณ์ วางเขตอาคมลงไปไม่ให้สัตว์อสูรทั้งสองรบกวนได้ เริ่มการหลอมสร้าง

การหลอมสร้างนี้ใช้เวลาไปหนึ่งเดือนกว่าเต็ม ๆ

ระยะเวลาเท่านี้สำหรับอาวุธเวทคู่ชีพไม่นับว่านานสักนิด หากมิใช่ไฟแท้สุดหยางของฉินซีหลอมวัตถุดิบได้เร็วมาก แล้วยังผ่านการฝึกมือมา อย่างน้อยที่สุดก็ต้องใช้เวลาหลายเดือน

หนึ่งเดือนกว่าให้หลัง ทั้งสองคนก้าวออกมาจากห้องหลอมอุปกรณ์ พัดแห่งสวรรค์และโลกาสำเร็จในขั้นต้นแล้ว

กระดูกมังกรเป็นโครงพัด ผ้าปักไหมสวรรค์เป็นหน้าพัด ศิลาเมฆานิ่งกับศิลาแสงจันทร์มายาหลังจากหลอมแล้วกลายเป็นสีย้อม วาดเป็นรูปขุนเขาสายน้ำบุปผาวิหคบนหน้าพัด สุดท้ายให้แร่อวี้สุ่ยพันปีเคลือบฉาบ หลอมสร้างอย่างระมัดระวัง ความแข็งของกระดูกมังกร ความคงทนของแร่อวี้สุ่ยพันปี สองสิ่งรวมจากสองเป็นหนึ่ง พัดแห่งสวรรค์และโลกานี้หลอมสร้างสำเร็จ แทบจะสามารถพูดได้ว่าเป็นอาวุธเวทที่ทนทานที่สุดแล้ว ถึงจะเป็นกระบี่อัคนีสามพลังหยางของฉินซีก็ไม่มีทางทำลายได้จนหมดสิ้น

ด้านรูปลักษณ์ของอาวุธเวท แรกเริ่มทั้งสองคนขัดแย้งกัน ฉินซีทึกทักไปเองว่าควรจะเป็นพัดกลม โม่เทียนเกอยืนยันว่าเป็นพัดจีบ หากนางชอบสวมชุดชาววังก็ช่างเถอะ แต่ทุกวี่วันล้วนสวมชุดเต๋าของโรงเรียนเสวียนชิง บนผมก็มีปิ่นเพียงอันสองอัน ถือพัดกลมแล้วจะคล้ายตัวอะไร ไม่สู้พัดจีบดีกว่า บุรุษสตรีล้วนเหมาะสม หากบางครั้งอยากแต่งเป็นบุรุษก็สามารถแกล้งเป็นนักปราชญ์อะไรก็ได้

ฉินซีเถียงนางไม่ได้ ได้แต่ยอม

รอจนพัดแห่งสวรรค์และโลกาออกจากเตาหลอม กลับเป็นโม่เทียนเกอจ้องมองไม่วางตา ความละเอียดอ่อนของขุนเขาสายน้ำที่สร้างขึ้นจากศิลาเมฆานิ่งและศิลาแสงจันทร์มายาแยกแยะจริงเท็จไม่ออกเลย บุปผาวิหคปลาแมลงสดใสดั่งมีชีวิต ยังไม่เอ่ยถึงประสิทธิภาพแท้จริง ตัวของพัดนี้เองงดงามยิ่งแล้ว

ทั้งสองคนออกจากห้องหลอมอุปกรณ์ ฉินซีเห็นนโม่เทียนเกอรักพัดแห่งสวรรค์และโลกาจนไม่ยอมปล่อยมือจึงเอ่ยล้อเลียนว่า “ข้ายังพูดว่าเจ้าไม่เหมือนสตรี ที่แท้ก็ชมชอบสิ่งของที่งดงาม”

โม่เทียนเกอเล่นพัดแห่งสวรรค์และโลกาในมือ เอ่ยว่า “สิ่งของที่งดงามใครจะไม่ชอบ? ข้าเพียงลุ่มหลงน้อยนักเท่านั้น” อย่างเช่นตอนที่เพิ่งเข้าโรงเรียนเสวียนชิง วัตถุอย่างปิ่นแหวนพวกนั้นที่เขาส่งมาอันที่จริงนางก็ชมชอบยิ่ง แต่ชมชอบส่วนชมชอบ หลังจากหยิบเล่นแล้วยังคงฝึกตนสำคัญที่สุด

“เอาล่ะ ลองพลังของอาวุธเวทก่อนเถอะ งดงามไม่งดงามเป็นเรื่องรอง”

“อืม” ได้ยินคำเตือนของฉินซี โม่เทียนเกอเงยหน้าขึ้นถามว่า “ลองอย่างไร”

ฉินซีคิดแล้วเอ่ยว่า “สมบัติชิ้นนี้กักขังได้สังหารได้ กักขังก็สามารถป้องกัน ไม่สู้ข้าลองป้องกันก่อน?”

“ดี” โม่เทียนเกอสะบัดพัดแห่งสวรรค์และโลกา กางหน้าพัดออกมา แสงเจิดจ้าสีสันสดใสในพริบตา สะท้อนทิวทัศน์ขุนเขาสายน้ำอันเปล่งประกายดุจของจริง

ฉินซียื่นมือซ้ายออกไป เพ่งสมาธิ แสงสีทองวูบวาบ กระบี่อัคนีสามพลังหยางปรากฏขึ้นในฝ่ามือเขา เขาสะบัดแขน ตัวกระบี่กลายเป็นแสงสีทอง ปกคลุมด้วยไฟแท้ หมุนวนรอบตัวเองสองรอบ ทันใดนั้นหันเหทิศทาง ทิ่มแทงไปทางโม่เทียนเกอ

โม่เทียนเกอมองอย่างละเอียด พัดแห่งสวรรค์และโลกาหลุดจากมือทันใด ภาพขุนเขาสายน้ำขยายใหญ่ขึ้นทันควัน ดุจดั่งขุนเขาแท้จริงสายน้ำแท้จริง ครอบคลุมเข้าใส่แสงกระบี่

หลังถูกขุนเขาสายน้ำโอบล้อม แสงกระบี่หยุดชะงักลง ปรากฏร่างจริงของกระบี่อัคนีสามพลังหยาง ตัวกระบี่เริ่มพุ่งซ้ายบุกขวา แต่ภายใต้การสกัดกั้นของขุนเขาสายน้ำที่คล้ายมีตัวตนคล้ายไร้ตัวตนพวกนี้ ถึงกับไม่อาจบุกทะลวงผ่าน

ในที่สุดฉินซีเก็บกระบี่อัคนีสามพลังหยางกลับมา เอ่ยอย่างจนแต้มว่า “เพียงอาศัยตัวกระบี่โจมตีไม่แตก ดูท่าข้าต้องออกกระบวนท่ากระบี่แล้ว”

ลองพัดแห่งสวรรค์และโลกาคราแรก พลังอำนาจไม่แย่ โม่เทียนเกอยินดีไม่รู้แล้ว ถึงจะเป็นเพียงตัวกระบี่ของกระบี่อัคนีสามพลังหยาง ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นต้นทั่วไปก็ไม่อาจสกัดกั้น ลองเช่นนี้แล้ว นางมีความมั่นใจต่อพัดแห่งสวรรค์และโลกามากมายนัก

……………………………..

*ทางน้ำไหลเกิดคูคลอง (水到渠成) คือทางที่น้ำไหลก็จะเกิดเป็นคูคลองโดยอัตโนมัติ หมายความว่าเมื่อปัจจัยเหมาะสมเรื่องราวก็จะสำเร็จได้เอง

ตอนที่ 308 – สาบานเลือด

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท