หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 312 – ออกจากภูเขามาร

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 312 – ออกจากภูเขามาร

เลื่อนระดับเป็นจิตวิญญาณใหม่ในร้อยปี จุดนี้โม่เทียนเกอเต็มไปด้วยความมั่นใจในตนเอง ไม่ได้พูดพล่อยเลย ด้วยคุณสมบัติของนาง บวกกับโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ปัจจุบันนี้ยังมีฉินซีอีก ขอเพียงไม่เกิดเหตุไม่คาดหมาย การผูกจิตวิญญาณในร้อยปีเป็นเรื่องที่อยู่ในกำมือมาก

แน่นอนว่า เรื่องการผูกจิตวิญญาณก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์โดยสิ้นเชิง จุดนี้นางเข้าใจ ดังนั้นในร้อยปีนี้นางจะต้องฝึกตนอย่างหนักจึงจะถูก

หลังออกจากการกักตน ฉินซีจัดการธุระจนเสร็จ ถามโม่เทียนเกออย่างนึกขึ้นมาได้ว่า “ในเมื่อข้าผูกจิตวิญญาณสำเร็จแล้ว เหตุใดตอนที่ออกจากการกักตนไม่มีปรากฏการณ์สวรรค์”

ฉินซีผูกจิตวิญญาณ พลังวิญญาณทั่วทั้งโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนแทบจะกลายเป็นมุกวิญญาณทั้งหมด แต่นอกจากนี้แล้วไม่ได้มีวายุอัสนีเมฆาเคลื่อนไหว ไม่มีวัตถุวิญญาณที่กลั่นตัวขึ้นมาจากพลังวิญญาณ ไม่เหมือนกับผูกจิตวิญญาณใหม่ได้สำเร็จจริง ๆ

คำถามนี้ตอนที่โม่เทียนเกอก่อเกิดตานเคยประสบมาแล้ว นางเอ่ยว่า “โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนนี้เป็นพื้นที่ปิด จะมีปรากฏการณ์สวรรค์ได้อย่างไร ตอนที่ข้าก่อเกิดตานก็ไม่มี จนกระทั่งพริบตาที่ออกมาจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนจึงเกิดปรากฏการณ์สวรรค์”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้” ฉินซีถามอีกว่า “สถานการณ์ภายนอกเป็นเช่นใด พวกเราสามารถออกไปหรือไม่”

โม่เทียนเกอไม่ตอบ ทว่าร่ายคาถาเปิดท้องฟ้าของโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน

ท้องฟ้าสีแดง แผ่นดินสีดำ ภูเขามารเมื่อเทียบกับก่อนที่พวกเขาเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนกับเปลี่ยนเป็นคนละโลก โชคดีที่ฟ้าแลบฟ้าร้องภูเขาเคลื่อนหินถล่มเหล่านั้นล้วนยุติลงแล้ว

“หนึ่งปีก่อนจึงเพิ่งจะเสถียร แต่ว่ากำแพงอาคมอิสระยังคงเยอะมาก” โม่เทียนเกอเอ่ย “หนึ่งปีมานี้ไม่มีกำแพงอาคมพังทลายแล้ว”

“เช่นนั้นก็ดี” ฉินซีพินิจพิเคราะห์โลกภายนอก เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราสามารถเตรียมตัวออกไปแล้ว”

“เอ๊ะ?” โม่เทียนเกองุนงงอยู่บ้าง “พวกเราจะออกไปเลยหรือ กำแพงอาคมภายนอกยังเยอะมากนะ”

ฉินซียิ้มบาง ๆ เหลือบมองนางหนึ่งที “เจ้าลืมแล้วหรือ ปัจจุบันนี้ข้าเลื่อนระดับเป็นจิตวิญญาณใหม่แล้ว กำแพงอาคมเล็ก ๆ เหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอีกต่อไปแล้ว”

โม่เทียนเกอคิดดูแล้วยิ้ม “ปรับตัวไม่ได้ไปชั่วขณะ” ถึงภูเขามารจะอันตราย แต่สำหรับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ ขอเพียงไม่ไปที่สถานที่อันตรายอย่างลึก ๆ ของซากโบราณสถานเหล่าเซียนก็ไม่มีอันตรายใหญ่หลวงอะไร เดิมทีพวกเขาสองคนถูกขังอยู่ที่นี่ หากต้องการจะออกไปมีเรื่องที่ต้องแก้ไขมากมาย ปัจจุบันนี้ฉินซีพอผูกจิตวิญญาณ ปัญหาเหล่านั้นล้วนไม่เป็นปัญหาแล้ว อย่างเช่นกำแพงอาคมพวกนี้ อย่างเช่นหนทางที่จะออกไป

ปีนั้นฉินซีกับเยี่ยไห่ติดอยู่ที่ภูเขามาร เป็นเยี่ยไห่ใช้พลังวิญญาณทั้งหมดช่วยฉินซีจึงทำให้เขาหลบหนีออกไปได้ ปัจจุบันนี้เขาเลื่อนระดับเป็นจิตวิญญาณใหม่แล้ว การออกจากภูเขามารสามารถอาศัยระดับการฝึกตนของตนเองล้วน ๆ ทลายกำแพงอาคม

เพียงแต่วันเวลาอันสงบสุขเช่นนี้ หวนคิดกลับไป ทั้งสองคนล้วนรู้สึกยากจะละทิ้ง

หลายวันให้หลัง ทั้งสองคนตระเตรียมสิ่งของทั้งหมดพร้อม ออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน

พอออกจากโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนก็สัมผัสได้ถึงวายุทิพย์อันรุนแรง

ฉินซีขมวดคิ้ว โบกแขนเสื้อหนึ่งครา พลังวิญญาณสายหนึ่งถาโถมขึ้นมา สกัดกั้นวายุทิพย์พวกนี้ไว้นอกพลังวิญญาณ จากนั้นขึ้นเมฆบิน จับจูงกันไปยังซากโบราณสถานเหล่าเซียน

บนเส้นทางนี้ ทั้งสองคนพบเห็นซากศพจำนวนมาก รอบ ๆ ร่างของบางร่างยังกระจัดกระจายไปด้วยกระเป๋าเอกภพและอาวุธเวท ฯลฯ โม่เทียนเกอไม่เกรงใจสักนิด เก็บทั้งหมดเข้ากระเป๋า

การท่องภูเขามารคราวนี้ ตัวนางเองไม่ได้พบวัตถุพิสดารอะไรเลย แต่เก็บกำไรมาก็ไม่น้อย สิบปีก่อนก่อนจะหนีเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ทั้งสองคนก็หยิบกำไรมาได้ไม่น้อย ยิ่งบวกกับครั้งนี้ผู้ฝึกตนจำนวนมากถูกกำแพงอาคมกลืนกินเข้าไป สิ้นชีพอยู่ที่นี่ ปัจจุบันนี้กำแพงอาคมเสถียรแล้ว วัตถุที่หลงเหลือของคนเหล่านี้กลับกำไรพวกเขาไป

เห็นโม่เทียนเกอเก็บกระเป๋าเอกภพที่กระจัดกระจายอย่างร่าเริง ฉินซีรู้สึกขบขัน “เจ้ามีสมบัติล้ำค่าอย่างโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ยามปกติยังมีสำนักอาจารย์ให้กราบกราน ไม่ได้ขาดศิลาวิญญาณรึเปล่า ทำไมยังชมชอบเก็บสิ่งของขนาดนี้”

โม่เทียนเกอเอ่ยอย่างเต็มไปด้วยเหตุผลว่า “ท่านไม่เคยขาดศิลาวิญญาณ ย่อมจะไม่รู้ความขมขื่นของการขาดศิลาวิญญาณ สิ่งของวางอยู่ตรงหน้า ไม่เก็บได้อย่างไร” คิดถึงตอนแรกเริ่มที่เร่ร่อนไปทั่วกับท่านอารอง แค้นที่ไม่อาจแบ่งศิลาวิญญาณหนึ่งก้อนเป็นสองส่วนมาใช้ ความขมขื่นของการขาดศิลาวิญญาณเช่นนี้ นางจดจำไว้ในใจอยู่เสมอ ดังนั้นบอกนางที่เผชิญกับกระเป๋าเอกภพเหล่านี้ให้ทำเป็นมองไม่เห็นมันเป็นไปไม่ได้หรอก

เดินตลอดทางเก็บตลอดทาง ทั้งสองคนเดินไปยังซากโบราณสถานเหล่าเซียนช้า ๆ

แผ่นดินไหวภูเขาสะเทือนไปหนึ่งรอบก่อนหน้านี้ ทิวทัศน์ของภูเขามารเปลี่ยนไปหมด ทั้งสองคนเสียเวลานานมากจึงหาพบเส้นทางที่ถูกต้อง

โชคดีที่ในการพังทลายของกำแพงอาคมครั้งนี้ ยอดเขาว่านเริ่นถูกตัดขาดเป็นสองส่วน ความสูงที่หลงเหลือพวกเขาสามารถบินขึ้นไปตรง ๆ ไม่จำเป็นต้องระแวดระวังอย่างตอนขามา

ขึ้นยอดเขาว่านเริ่น กลับไปถึงซากโบราณสถานเหล่าเซียนอีกครั้ง โม่เทียนเกอถามว่า “ซือเกอ ทำลายกำแพงอาคมตรงนี้จะไม่มีอันตรายอะไรใช่ไหม”

พวกเขาถูกขังในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน ทางเข้าของภูเขามารปิดไปแต่แรกแล้ว อยากจะออกไปได้แต่ผ่านไปจากสถานที่ซึ่งฉินซีค้นพบในปีนั้น และปีนั้นฉินซีเพื่อที่จะทำลายกำแพงอาคมได้ใช้ทักษะลับของวิชาสังสารวัฏสามวิญญาณ์ เพิ่มระดับการฝึกตนไปถึงจิตวิญญาณใหม่เป็นการชั่วคราว หลังจากออกไปพลังชีวิตบาดเจ็บสาหัส ระดับการฝึกตนหล่นกลับไปที่ระดับหลอมรวมพลังวิญญาณตรง ๆ เสียเวลาไปสิบปีจึงฟื้นฟูพลังชีวิต

ฉินซีรู้ว่านางกังวลอะไร ยิ้มบาง ๆ เอ่ยว่า “อันนี้เจ้าวางใจได้ กระบวนการทำลายอาคมไม่ได้อันตรายเลย ปัจจุบันนี้ข้ามีระดับการฝึกตนจิตวิญญาณใหม่อย่างแท้จริง จะไม่ได้รับบาดเจ็บ”

“อืม” โม่เทียนเกอวางใจได้เล็กน้อย ปัจจุบันนี้เขาเพิ่งจะเลื่อนระดับเป็นจิตวิญญาณใหม่ ยังไม่ได้ทำระดับชั้นให้มั่นคง หากได้รับบาดเจ็บอีก อาจจะไม่เท่ากับตอนยังไม่ได้ผูกจิตวิญญาณ

“ไป ทางนี้” หลังจากเสาะหารอบหนึ่ง ในที่สุดเสาะหาพบสถานที่อันเหมาะสม ฉินซีดึงนางบินไปยังกำแพงอาคมตำแหน่งนั้น

………..

เวลาห่างจากที่ภูเขามารเปิดครั้งที่แล้วมาสิบปีแล้ว แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นยังคงไม่สงบลง

จากโบราณถึงปัจจุบัน ภูเขามารคงอยู่ที่เทียนจี๋มานับล้านปี หนังสือที่บันทึกการสำรวจก็มีเป็นแสนกว่าปี คนที่สิ้นชีพข้างในไม่รู้ว่ามากมายเท่าไหร่ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่คนตายจะมากอย่างนี้

เก้าสิบกว่าปีก่อน ตอนที่ภูเขามารเปิดขึ้นครั้งก่อนครั้งที่แล้ว กำแพงอาคมใหญ่พังทลาย ผู้ฝึกตนมากมายสิ้นชีพภายใน ตอนนั้นทั่วทั้งเทียนจี๋โกลาหล เรียกกันว่าภัยพิบัติที่หลายพันปียากจะพบพาน

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าภูเขามารเปิดครั้งถัดมา คนที่ตายจะมากยิ่งกว่า ผู้ฝึกตนหลอมรวมพลังวิญญาณกับสร้างฐานพลังนอกเสียจากออกมาล่วงหน้า ทั้งหมดตายอยู่ในภูเขามาร หนีรอดไม่ได้สักคน ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานดีหน่อย แต่ก็เพียงหนีออกมาสองสามส่วนในสิบส่วน แม้กระทั่งผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ก็มีอยู่ครึ่งหนึ่งที่สิ้นชีพอยู่ข้างใน!

แน่นอนว่ากำแพงอาคมพังทลายอันที่จริงไม่ใช่สาเหตุหลักที่พวกผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่สิ้นชีพลงเลย เหตุที่มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่มากมายขนาดนี้สิ้นชีพลงเป็นเพราะการชิงดีชิงเด่นกันของพวกเขาที่วังอวี้เสิน เพียงแต่สาเหตุนี้ผู้ฝึกตนทั่วไปหรือแม้แต่ศิษย์ทั่วไปของสำนักใหญ่ก็ไม่รู้

เหล่าผู้ฝึกตนทั่วไปเพียงทราบว่าภูเขามารเปิดครั้งที่แล้ว ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ทยอยกันเข้าไปสามสิบกว่าคน ที่มีชีวิตออกมายี่สิบคนก็ยังไม่ถึง ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ที่สิ้นชีพอยู่ภายในมีสิบกว่าคนเต็ม ๆ ในนี้ห้าหกคนมาจากเจ็ดสำนักใหญ่!

ตัวเลขนี้ทำเอาเทียนจี๋สั่นสะเทือน

ต้องรู้ว่าแม้แต่สำนักเทียนเต้าสำนักอันดับหนึ่งของเทียนจี๋ก็มีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ไม่เกินเจ็ดคน นับอย่างนี้แล้ว เจ็ดสำนักใหญ่เท่ากับว่าทุก ๆ สำนักสูญเสียผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ไปหนึ่งคน!

ในเจ็ดสำนักใหญ่ ทุก ๆ สำนักล้วนต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจึงมีผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ถือกำเนิดขึ้นมาสักคน ความสูญเสียเยี่ยงนี้เทียบกับอสูรมารใด ๆ แล้วร้ายแรงยิ่งกว่า

สิบปีมานี้ผู้ฝึกตนแทบจะทั่วทั้งเทียนจี๋ล้วนทอดถอนใจ เจ็ดสิบปีก่อนพวกเขาประสบกับการก่อจลาจลของสัตว์ปีศาจอันมีขนาดที่พบเห็นได้ยากมาครั้งหนึ่ง แล้วดันประสบกับความโกลาหลของภูเขามารสองครั้งซ้อน ระดับการฝึกเซียนของเทียนจี๋เกรงว่าต้องผ่านไปหลายร้อยปีจึงจะฟื้นฟูดังเดิม

…………………………

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท