หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 324 – พบถังเซิ่นอีก

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 324 – พบถังเซิ่นอีก

ถึงจะไม่ได้พบถังเซิ่นมาสี่สิบปีแล้ว แต่น้ำเสียงนี้ โม่เทียนเกอจะไม่จำผิด ถึงอย่างไรพวกเขาถูกขังในเจดีย์บรรลุเต๋าของสภาปี้เซวียนด้วยกันมายี่สิบปี คุ้นเคยกับโทนเสียงและรูปแบบการใช้ประโยคของถังเซิ่นแต่แรก

พวกเขาหยุดอยู่ข้างนอก ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนที่จับถังเซิ่นพูดอย่างไม่แยแสสักนิดว่า “ปล่อยเจ้ารึ เด็กน้อย เพื่อจะช่วยชีวิตเจ้าข้าแทบจะถูกคนอื่นทำลายไปแล้ว เจ้าปฏิบัติต่อผู้มีพระคุณช่วยชีวิตเช่นนี้หรือ”

ถังเซิ่นอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ “ข้า ข้า ……”

ในห้อง โม่เทียนเกอที่เก็บงำลมปราณขมวดคิ้วเล็กน้อย ความหมายของคำพูดนี้ หรือว่าถังเซิ่นเป็นคนที่คนผู้นี้แย่งมาจากมือคนอื่นหรือ

คิดถึงตรงนี้ นางไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดีอยู่บ้าง ถังเซิ่นคนนี้นี่! เขาไม่รู้หรือว่าร่างเขามีร่างหยางบริสุทธิ์ ไม่กระทำการอย่างเก็บเนื้อเก็บตัวก็จะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงค้นพบไหม? ร่างหยางบริสุทธิ์ถึงจะไม่ได้ดึงดูดสายตาผู้คนเท่าร่างอินบริสุทธิ์ แต่หากมีผู้ฝึกตนสตรีระดับสูงสักคนสองคนจิตใจสั่นคลอนก็เป็นภัยพิบัติแล้ว! ถึงเขาจะคิดไม่ถึง เว่ยเฮ่าหลานก็ไม่น่าจะคิดไม่ถึงด้วยหรือเปล่า ถึงกับให้เขามาคุนอู๋อย่างนี้! ไม่รู้ว่าเดิมทีมีคนมากับเขาหรือไม่ หากว่ามี ขณะนี้ไปอยู่ที่ใดเสียแล้ว

คำถามมากมายขนาดนี้ล้วนต้องให้ถังเซิ่นมาตอบอธิบาย โม่เทียนเกอกำพัดแห่งสวรรค์และโลกาในมือแน่น ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ช่วยถังเซิ่นก่อนค่อยว่ากัน

“เด็กน้อย เจ้าโชคดีนะถึงได้มาพบกับตัวข้าผู้อาวุโส ต้องสำนึกบุญคุณรู้ไหม” คนผู้นี้พูดจบ จู่ ๆ ปราณกระบี่หนึ่งสายแทงทะลุเข้าหน้าต่าง

โม่เทียนเกอคลี่พัดแห่งสวรรค์และโลกา ขุนเขาสายน้ำปรากฏราง ๆ สกัดแสงกระบี่สายนี้เอาไว้ จากนั้นแขนเสื้อสะบัด จานวางม่านพลังเริ่มเคลื่อน ธงวางม่านพลังยกขึ้น ม่านพลังสี่อารักษ์ร้อยบุปผาสะสมพลังเตรียมพร้อม!

“หึ!” คนผู้นี้พอโจมตีไม่เข้าเป้าก็ล่าถอยทันที เอ่ยเสียงเย็นว่า “แค่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นต้นก็กล้าซุ่มโจมตีใส่ข้า! ทักษะเก็บงำลมหายใจของเจ้าถึงจะสูงส่ง น่าเสียดายที่จิตหยั่งรู้ของเต้าเหยีย* พบเจ้าก่อนก้าวหนึ่งแล้ว!”

โม่เทียนเกอในใจเย็นเยียบ ที่แท้เป็นเช่นนี้! นางนึกว่าจิตหยั่งรู้ของตนเองแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว แต่จิตหยั่งรู้ของคนผู้นี้ก็ไม่อ่อนด้อย ก่อนที่นางจะเก็บงำลมปราณก็ค้นพบนางแล้ว! จุดนี้ภายหลังต้องจับสังเกตเอาไว้ ละเลยอีกไม่ได้เป็นอันขาด

แต่ว่าคนผู้นี้ถึงจะเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นปลาย แล้วยังเป็นผู้ฝึกกระบี่ นางก็ไม่กลัว! การใช้พัดแห่งสวรรค์และโลกานี้นางคลำทางไปถึงปากกระตูแล้ว แล้วยังมีม่านพลังอารักษ์ร้อยบุปผาอยู่นี่ อัตราชนะสูงยิ่ง ถึงไม่ชนะ นางก็สามารถหนีไป

ม่านพลังสี่อารักษ์ร้อยบุปผาเริ่มเคลื่อนไหว ลำแสงปรากฏ สี่สัตว์เทพอารักษ์วูบไหวขึ้นมาอย่างรางเลือนทั้งสี่มุม เหนือแสงเงายังมีกลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนล่องลอย ไม่ว่าจะเป็นสี่อารักษ์หรือร้อยบุปผาล้วนเป็นผลลัพธ์ของพลังวิญญาณปรากฏวูบวาบ ไม่ได้เป็นของจริง แต่เจตนาฆ่าฟันที่แฝงอยู่ข้างในกลับเป็นของจริง!

แสงกระบี่วูบขึ้นมาอีกครั้ง แทงเข้ามาจากหน้าต่าง แต่พริบตาที่สัมผัสกับม่านพลังสี่อารักษ์ร้อยบุปผาก็ถูกแสงเงาสกัดกั้น ในเวลาเดียวกัน กลีบดอกไม้นับไม่ถ้วนพรั่งพรูออกไป แทบจะกลืนกินคนผู้นี้ไปแล้ว

โม่เทียนเกอมองเห็นคนผู้นี้ดึงถังเซิ่นผ่านหน้าต่าง แสงกระบี่ร่ายรำรอบตัว กลีบดอกไม้ทั้งหมดถูกสกัดไว้ภายนอก สุดท้ายปราณกระบี่พลุ่งพล่านขึ้นมา สะบัดกลีบดอกไม้ทั้งหมดถอยไป

กลีบดอกไม้กระจัดกระจาย เผยโฉมผู้ฝึกตนบุรุษที่สวมชุดสีฟ้าด้านใน

“เป็นท่าน!” โม่เทียนเกอตะโกนเสียงหลง

พอได้ยินเสียงของนาง สองคนนี้อึ้งไปพร้อมกัน แล้วถังเซิ่นก็ดีใจเป็นการใหญ่ “ผู้อาวุโสเยี่ย!”

ผู้ฝึกกระบี่ก่อเกิดตานขั้นปลายที่สวมชุดสีฟ้าผู้นี้ก็คือจิ่งสิงจื่อ!

จิ่งสิงจื่อผ่อนความเคลื่อนไหวเผยสีหน้าหวาดระแวง ผ่านไปพักหนึ่งจึงคล้ายกับจะจำเสียงของนางออก “ท่านคือ……โม่ชิงเวย?!”

ธงวางม่านพลังในมือโม่เทียนเกอสะบัดเบา ๆ ม่านพลังสี่อารักษ์ร้อยบุปผาก็หยุดลง

นางเอ่ยว่า “มิผิด สหายเต๋าจิ่ง ไม่ได้พบกันนาน”

ถึงจะพูดประโยคนี้ออกไปโดยสงบ ในใจโม่เทียนเกอกลับปั่นป่วนรุนแรง ครั้งล่าสุดที่พบจิ่งสิงจื่อก็คือครั้งนั้นที่เจอกับซงเฟิงซ่างเหริน เกือบจะโดนแผนร้าย ภายหลังนางตื่นขึ้นมา จิ่งสิงจื่อไม่อยู่แล้ว ฉินซีให้เขาไปก่อนก้าวหนึ่ง

การกระทำนี้ทำให้โม่เทียนเกอในตอนนั้นรู้สึกโล่งอก ถึงแม้ว่าเรื่องราวไม่ได้เกิดขึ้น แต่เห็นจิ่งสิงจื่อก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าดีใจเสมอ

ปัจจุบันเรื่องราวผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว นางกับฉินซีผ่านไปได้ด้วยดีมาก ทิ้งจิ่งสิงจื่อไว้ในซอกมุมของสมองแต่แรก กลับคาดไม่ถึงว่าเขาก็หนีออกมาจากภูเขามาร แล้วยังมาเจอกันที่นี่

จิ่งสิงจื่อเงียบไปสักพักจึงเอ่ยว่า “ไม่ได้พบกันนาน”

แสงไฟในห้องสว่างขึ้น โม่เทียนเกอถอยออกจากหน้าต่าง จิ่งสิงจื่อพาถังเซิ่นทิ้งตัวลงมา

ไม่ได้พบกันสิบกว่าปี จิ่งสิงจื่อยังคงเป็นเหมือนเก่า เพียงแต่เขาในเวลานี้คล้ายจะมีอาการบาดเจ็บบนร่าง พลังวิญญาณบนร่างไม่เสถียรอยู่บ้าง

ถังเซิ่นกลับมีความสุข พอเห็นลักษณะของโม่เทียนเกอก็ตื่นเต้นยินดีขึ้นมาก่อนเลย “ผู้อาวุโสเยี่ย เป็นท่านจริง ๆ! ท่านเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานแล้ว!”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ไปทางเขา ระดับการฝึกตนของถังเซิ่นยังคงเป็นสร้างฐานพลังขั้นกลาง แต่ไปถึงจุดสูงสุดแล้ว ที่มาคุนอู๋ครั้งนี้อาจจะเป็นการมาหาประสบการณ์กระมัง?

จากนั้นเอ่ยกับจิ่งสิงจื่อว่า “สหายเต๋าจิ่ง ไม่ทราบว่าสหายผู้นี้ของข้าล่วงเกินท่านที่ใด หากว่ามี ข้าก็ขออภัยท่านแทนเขาก่อน”

จิ่งสิงจื่อมองนาง แล้วมองถังเซิ่น ขมวดคิ้วว่า “พวกท่านรู้จักกันหรือ”

“ถูกแล้ว” โม่เทียนเกอยังคงยิ้มเอ่ยว่า “ยังต้องขอให้สหายเต๋าจิ่งโปรดละมืออันสูงส่งด้วย”

ผ่านไปครู่หนึ่ง เห็นจิ่งสิงจื่อไม่มีปฏิกิริยา นางเอ่ยอีกว่า “หากสหายข้าผู้นี้มีที่ผิดพลาดอันใด สหายเต๋าจิ่งโปรดบอกมา ข้าจะชดใช้แทนเขา”

“ชดใช้?” จิ่งสิงจื่อเหลือบมองนางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “สหายเต๋าชิงเวยจะชดใช้อย่างไรเล่า สหายน้อยผู้นี้บนร่างครอบครองร่างหยางบริสุทธิ์ สำหรับผู้ฝึกตนสตรีเป็นเป้าหมายที่ดีในการดูดกลืน บุคคลเช่นนี้ เกรงว่าชดใช้ไม่ได้กระมัง?”

โม่เทีนยเกอตีหน้านิ่ง จิ่งสิงจื่อถึงกับรู้ร่างของถังเซิ่นหรือ ถังเซิ่นผู้นี้สรุปว่าทำอะไรถึงดึงดูดความสนใจของคนอื่น ต้องทราบว่า ร่างกับรากวิญญาณถึงจะปิดบังผู้ฝึกตนระดับสูงไม่ได้ แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงใครบ้างจะว่างขนาดไม่มีเรื่องก็ไปตรวจสอบร่างของผู้ฝึกตนระดับต่ำกันเล่า

“แต่ว่า” จิ่งสิงจื่อพลิกลิ้น “ในเมื่อสหายเต๋าชิงเวยพูดแล้ว เช่นนั้นข้าไม่ปล่อยคนก็จะไม่ดี สหายเต๋าเด็กน้อยนี้ก็นำตัวไปแล้วกัน” สายตาของเขาไหววูบ แต่เอ่ยอีกว่า “เพียงแต่ไม่รู้ว่าสหายเต๋าโส่วจิ้งรู้แล้วจะหึงหวงหรือไม่”

โม่เทียนเกอชะงัก สีหน้าเย็นชา “เรื่องนี้มิต้องให้สหายเต๋าจิ่งเป็นกังวล!”

จิ่งสิงจื่อยิ้ม ไม่ได้เกิดโมโห เอ่ยกับถังเซิ่นว่า “เด็กน้อย เจ้าไปได้แล้ว”

เป็นอิสระอย่างง่ายดายขนาดนี้ ถึงเซิ่นไม่กล้าเชื่อถืออยู่บ้าง “ผู้อาวุโส ท่านยอมปล่อยข้าจริงหรือ”

จิ่งสิงจื่อหลุบตาลง เอ่ยว่า “หากเป็นคนอื่นมาก็ช่างเถอะ โม่ชิงเวยเอ่ยปาก ข้าจะกล้าไม่อนุญาตได้อย่างไร”

จิ่งสิงจื่อไว้หน้านางขนาดนี้ โม่เทียนเกอควรจะมีความสุข แต่ความหมายในคำพูดของเขาคล้ายกับว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์พิเศษอะไรกัน นี่ทำให้นางอัดอั้นตันใจ กำลังรู้สึกหงุดหงิดก็ได้ยินจิ่งสิงจื่อกล่าวต่อว่า “ไม่ว่าจะพูดอย่างไร ก่อนหน้านี้เป็นข้าที่ผิดต่อท่านและฉินโส่วจิ้ง วันนี้คืนเด็กน้อยนี้ให้ท่านก็ถือว่าชดเชยแล้ว”

โม่เทียนเกออึ้งไป ความไม่มีความสุขในใจสลายไปเหมือนหมอกควัน เรื่องนั้นไม่ใช่ความผิดของจิ่งสิงจื่อ เขาก็ตกอยู่ในแผนร้าย แต่เขายังรู้สึกว่าตนเองผิดต่อนางและฉินซี ก็นับว่าเป็นมิตรไมตรีอยู่บ้าง

เงียบงันไปครู่หนึ่ง โม่เทียนเกอเอ่ยปากเบา ๆ ว่า “ขอบคุณสหายเต๋าจิ่งมาก”

จิ่งสิงจื่อโบกมือ หาเก้าอี้นั่งลงไป กำลังจะรินชาแต่จู่ ๆ กลับไอออกมาสองคำ

โม่เทียนเกอฟังออกถึงพลังวิญญาณที่ปั่นป่วนในเสียงไอของเขา เห็นได้ชัดว่าบนร่างมีอาการบาดเจ็บ กดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว

นางคิดแล้วล้วงขวดหยกหนึ่งใบจากอกเสื้อวางลงไป เอ่ยว่า “โอสถพวกนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ข้าขอบคุณท่านแทนเขา” ฟังจากบทสนทนาของถังเซิ่นกับเขาก่อนหน้านี้ จิ่งสิงจื่อแย่งตัวถังเซิ่นมาจากในมือคนอื่น จากจุดนี้นับว่าเขาช่วยชีวิตถังเซิ่น

สายตาของจิ่งสิงจื่อตกลงยังขวดหยก ไม่ได้ปฏิเสธ “เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ขยิบตาให้ถึงเซิ่น เอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราขอตัวก่อนล่ะ วันหลังค่อยพบกัน”

จิ่งสิงจื่อพยักหน้า แต่หมุนตัวไปไม่มองพวกเขาอีก

โม่เทียนเกอสะบัดมือเอาผ้าเช็ดหน้าไหมขาวออกมา พาถังเซิ่นบินจากไป

ท้องฟ้ามืดแล้ว ประตูเมืองคุนจงปิดสนิท ประตูเมืองมีกำแพงอาคม ทำลายอาคมยุ่งยากถึงสิบส่วน โม่เทียนเกอคิดแล้วพาถังเซิ่นไปเสาะหาสาขาที่โรงเรียนเสวียนชิงตั้งไว้ในเมืองคุนจง พักเท้าอยู่ชั่วคราว

ผู้อาวุโสก่อเกิดตานหนึ่งคนมาถึง ทำให้ผู้รับผิดชอบในสาขานี้ตึงเครียดถึงสิบส่วน พอรู้ว่าโม่เทียนเกอเพียงพักค้างคืนก็จัดเรือนอันยอดเยี่ยมหลังหนึ่งให้

รอจนทั้งสองคนเข้าพักในเรือน โม่เทียนเกอไล่คนอื่นออกไปแล้วจึงมีโอกาสถามถังเซิ่น “เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าถึงมาคุนอู๋ แล้วยังตกอยู่ในมือของคนอื่นอีก”

ถังเซิ่นเห็นผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเคารพนบนอบต่อโม่เทียนเกอ กำลังรู้สึกตื่นตะลึง ได้ยินคำถามก็รีบเอ่ยตอบว่า “ผู้อาวุโสเยี่ย ข้ามาหาท่าน”

“อ้อ?” โม่เทียนเกอยิ่งไม่เข้าใจ “วันนั้นข้าทิ้งสถานะชื่อแซ่ไว้แล้ว ในเมื่อมาหาข้า ไปขอพบที่โรงเรียนเสวียนชิงก็ได้ เหตุใดกลับถูกคนจับตัวไปกลางทางเล่า สรุปว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงอะไร ยังมี เจ้ามาหาข้ามีธุระอันใด” คงไม่ใช่ว่าสภาปี้เซวียนเกิดปัญหาหรอกกระมัง

ได้ยินคำถามนี้ ถังเซิ่นแจ้งเรื่องราวเหล่านี้แก่นางทีละเล็กละน้อย ไม่กล้าเก็บงำ

ที่แท้ ถังเซิ่นมาถึงคุนอู๋เป็นเรื่องสิบกว่าปีก่อนแล้ว หลายปีมานี้ สภาปี้เซวียนไม่มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานออกมาเลย ถังเซิ่นก็รักษาการเป็นผู้อาวุโสมาโดยตลอด แต่ว่าตั้งแต่ที่ค้นพบสายแร่ศิลาวิญญาณในตงไห่ สถานการณ์ของสภาปี้เซวียนดีขึ้นอย่างมากมาย ต้องการโอสถวัตถุวิญญาณอะไรก็ล้วนซื้อหาได้

ถังเซิ่นมาถึงคุนอู๋กลับเป็นเพราะสภาปี้เซวียนมีผู้ฝึกตนขั้นปลายสองคนฝึกตนได้ราบรื่น สามารถเตรียมตัวเพื่อก่อเกิดตาน ส่วนโอสถของก่อเกิดตานถึงจะเป็นที่คุนอู๋ก็ได้แต่กำศิลาวิญญาณไม่มีที่ซื้อ เว่ยเฮ่าหลานจนหนทาง คิดได้ว่าโม่เทียนเกอจะพูดอย่างไรก็เป็นศิษย์สำนักใหญ่ ไม่แน่ว่ามีหนทาง จึงคิดจะมาหานางให้ช่วยคิดวิธี

ถังเซิ่นได้ยินเรื่องนี้ก็พยายามอย่างหนักให้ได้มาคุนอู๋ เว่ยเฮ่าหลานเดิมทีไม่เห็นด้วย แต่ถังเซิ่นดื้อดึงมาก ทนเขาตื้อไม่ได้ก็เลยปล่อยให้เขามา

ว่าไปแล้วก็โชคร้าย ถังเซิ่นไม่ได้เป็นคุณชายถังที่ไม่เข้าใจอะไรเลยอย่างในอดีตแล้ว พอถึงคุนอู๋ก็เก็บตัวทำธุระมาโดยตลอด แต่ลักษณะคุณชายตระกูลใหญ่ทั้งตัวของเขาสุดท้ายแล้วยังดึงดูดคนชั่ว ความแข็งแกร่งของเขาเดิมทีก็ไม่อ่อนด้อย หลังจากสังหารกลับ บังเอิญเจอกับผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนหนึ่ง เกิดสนใจในตัวเขาขึ้นมา ผลคือพอสำรวจดูก็ค้นพบคุณสมบัติร่างของเขา จับกุมเขาทันควัน!

เวลานั้นกำลังเป็นเวลาที่ภูเขามารเปิด ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ผู้นี้เก็บเขาไว้ข้างกาย เข้าภูเขามาร เดิมทีตั้งใจว่าหลังออกจากภูเขามารจะจัดการเขา เหมือนกับว่าเตรียมจะให้เป็นเตาหลอมให้ผู้เยาว์

ใครจะรู้ว่าภูเขามารจะเกิดเหตุเปลี่ยนแปลงอย่างนั้น ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้สิ้นชีพลงในภูเขามาร ถังเซิ่นก็ตกอยู่ในมือของศิษย์ผู้ฝึกตนนี้

ระดับการฝึกตนของศิษย์ของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี้คือก่อเกิดตานขั้นกลาง เพราะว่าวังอวี่เสินอันตราย ผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่นี่ก็เลยให้ศิษย์ของตนเองพาถังเซิ่นออกจากภูเขามารไปก่อน ก็เพราะเหตุนี้ทั้งสองคนจึงหนีรอด

……………………………

*เต้าเหยีย (道爷) เต้าคือเต๋า เหยียคือปู่ เป็นการยกตนเป็นปู่อีกฝ่ายแบบชาวเซียนละมั้งคะ

ม่านพลังสี่คชสารร้อยบุปผา ขอเปลี่ยนเป็นม่านพลังสี่อารักษ์ร้อยบุปผา ค่ะ คือ สี่อารักษ์ (四象) คำว่า “อารักษ์” 象 แปลว่าช้างได้ค่ะ ซึ่งด้วยความที่เราจำได้ว่าตัวนี้แปลว่าช้างก็เลยไม่ได้หาข้อมูลเพิ่ม เพิ่งมารู้ว่า 四象พอรวมกันเป็นศัพท์ดาราศาสตร์จีนที่หมายถึงทั้งแผนภูมิดวงดาวสี่ทิศค่ะ คือเขาจะแบ่งท้องฟ้าเป็นสี่ส่วน ตามสี่ทิศ แต่ละทิศมี 7 กลุ่มดาว รวมเป็น 28 กลุ่มดาว แล้วก็มีสัตว์เทพประจำทิศด้วยค่ะ ถ้าใครเคยอ่านการ์ตูนพลิกตำนานมาพบรักก็ตามนั้นเลยค่ะ ความจริงจะแปลว่าอารักษ์ก็ไม่ค่อยจะตรงหรอกนะคะ 555

ตอนที่ 325 – ข้อมูลวงใน

เปิดรับโดเนท (ให้ผู้เขียน)

หากคุณอยากจะสนับสนุนผู้เขียน (ไม่ใช่เรา) สามารถโอนเงินมาให้เราเพื่อนำไปซื้อ ‘เหรียญ’ ของเว็บ qitian ได้ค่ะ แล้วเราจะเอาเหรียญไปกดสนับสนุนนิยายอีกที (10USD ได้ 6500 เหรียญ)

ขั้นตอนคือ

1. โอนเงินมาที่บัญชี นางสาวนริศา ธรรมวีระพงษ์ ธนาคารไทยพาณิชย์ เลขที่บัญชี 434-120214-9 หรือ true wallet id : asiran

2. ระบุในตอนโอนเงินหรือส่งอินบ็อกเฟสบุ๊คมาว่าจะสนับสนุนนิยายเรื่องไหน ถ้าไม่ระบุเราจะจับหารสองระหว่างเรื่องที่เราแปลในขณะนี้ คือ นิยามฯ กับ หนึ่งเซียนฯ

3. เมื่อได้ยอดตามที่กำหนด (10USD ประมาณ 350 บาท) เราจะกดซื้อเหรียญในเว็บ qitian ซึ่งเราลิงก์บัญชีกับ paypal ซึ่งลิงก์กับ true we card ซึ่งลิงก์กับบัญชีธนาคารอีกต่อหนึ่ง และนำเหรียญที่ได้ไปซื้อตอนนิยายหรือว่ากดสนับสนุนนิยายค่ะ

5. ถ้าอยากจะสนับสนุนนิยายที่เราไม่ได้แปลสามารถฝากเราสนับสนุนได้ค่ะด้วยการโอนเงินยอด 400 บาท (หรือ 800/1200 ฯลฯ ที่มันหาร 400 ลงตัว) จากนั้นแจ้งเราทางอินบ็อค แล้วเราก็จะกดสนับสนุนให้ค่ะ เศษเงินที่เหลือจะโอนคืนให้ค่ะ (เฉพาะนิยายที่ลงเว็บ qitian เท่านั้น) แต่สำหรับนิยายที่เราแปลจะ 5 บาท 10 บาทก็ได้ค่ะ เดี๋ยวเรารวมยอดไปเรื่อย ๆ

ตอบข้อสงสัย

1. โดเนทแล้วได้เข้าห้องลับอ่านก่อนไหม

– ไม่มีห้องลับค่ะ

2. โดเนทแล้วจะแปลเร็วขึ้นไหม

– ไม่ค่ะ ได้เท่านี้แหละค่ะ….

3. เราคิดค่าธรรมเนียมเท่าไหร่

– ไม่ได้คิดค่ะ ทำฟรี

4. โดเนทแล้วได้อะไร

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท