หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 328 – เตรียมออกทะเล

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 328 – เตรียมออกทะเล

แสงสีขาวของม่านพลังเคลื่อนย้ายจางหาย โม่เทียนเกอเงยหน้ามองรอบ ๆ

“ผู้อาวุโสเยี่ย พบกันอีกแล้ว!” เว่ยเฮ่าหลานยิ้มแย้มยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง

สี่สิบปีผ่านไป ระดับการฝึกตนของนางไม่เปลี่ยนแปลง รูปลักษณ์ก็ต่างไปไม่มาก ระลึกถึงปีนั้น เว่ยเฮ่าหลานก็มีอายุประมาณร้อยปีแล้ว ถึงแม้ว่าทั้งชีวิตนี้นางไม่อาจเลื่อนระดับก็ยังมีอีกสองร้อยกว่าปีให้ใช้ชีวิต ดูรูปลักษณ์ของนางในปัจจุบันนี้คล้ายจะผ่านเวลามาได้ไม่เลว

ปีนั้นการคบหากับเว่ยเฮ่าหลานยังนับว่าชื่นมื่น โม่เทียนเกอก็ยิ้มด้วย “เจ้าสำนักเว่ย ไม่ได้พบกันเสียนาน จากมาไม่มีเรื่องทุกข์ร้อนกระมัง”

“ด้วยคำอวยพรของผู้อาวุโสเยี่ย หลายปีมานี้ราบรื่นยิ่ง”

สองคนสี่ตาสบประสานกัน อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้

เว่ยเฮ่าหลานมองดูพวกเขาสองคนเดินออกจากม่านพลังเคลื่อนย้ายแล้วจ้องมองถังเซิ่นอย่างตำหนิอยู่บ้าง “ถังซือตี้ ทำไมไม่ระวังขนาดนี้ สาบสูญไปนานขนาดนี้ พวกเราแทบจะนึกว่าเจ้าสิ้นชีพไปแล้ว”

ถังเซิ่นก้มหน้าลง เอ่ยขออภัยว่า “ซือเจี่ยเจ้าสำนัก ขอโทษขอรับ ข้าประเมินตัวเองสูงเกินไป ไม่ได้ทำธุระให้ดี”

เว่ยเฮ่าหลานไม่ได้ตำหนิเขาอีก เพียงเอ่ยว่า “ในเมื่อกลับมาแล้วและยังติดต่อผู้อาวุโสเยี่ยได้อีก เรื่องราวครั้งนี้ก็แล้วกันไป ถังซือตี้ สิบกว่าปีนี้เจ้าก็ทุกข์ทรมานแล้ว เรื่องอื่น ๆ ภายหลังค่อยว่ากันใหม่ช้า ๆ ไปพักผ่อนก่อนเถิด”

“ขอรับ” ถังเซิ่นรับคำ มือล้วงเข้ากระเป๋าเอกภพ หยิบโอสถออกมา “ซือเจี่ยเจ้าสำนัก นี่เป็นโอสถที่ใช้ในการก่อเกิดตานซึ่งผู้อาวุโสเยี่ยช่วยซื้อมา นอกจากนี้ ผู้อาวุโสเยี่ยยังช่วยข้าซื้อวิชาเวทเก็บงำลมหายใจขั้นสูงหนึ่งเล่ม ศิลาวิญญาณเหล่านี้ล้วนเป็นนางออกให้ก่อน”

เว่ยเฮ่าหลานรับมา ยิ้มให้โม่เทียนเกอเอ่ยขอบคุณว่า “ผู้อาวุโสเยี่ย ครั้งนี้ขอบคุณท่านมากแล้ว”

โม่เทียนเกอยิ้มพลางโบกมือ “ในเมื่อข้าเป็นผู้อาวุโสรับเชิญของสภาปี้เซวียน แล้วยังรับของคารวะของพวกเจ้า เวลาที่จำเป็นย่อมสมควรจะทำธุระเล็กน้อยให้สภาปี้เซวียน”

ได้ยินนางพูดเช่นนี้ เว่ยเฮ่าหลานก็ไม่ได้ขอบคุณซ้ำอีก เอ่ยกับถังเซิ่นอย่างอบอุ่นว่า “ถังซือตี้ เจ้าไม่ต้องกังวล ในเมื่อเจ้าเสียศิลาวิญญาณก้อนนี้ไปในการทำธุระเพื่อสำนักย่อมจะมีสำนักจัดการแทนเจ้า ไปอย่างวางใจเถิด”

ถังเซิ่นวางใจได้เล็กน้อย เพื่อจะซื้อโอสถที่ใช้ในการก่อเกิดตาน ศิลาวิญญาณที่เขานำออกไปครั้งนี้เป็นจำนวนมหาศาล สูญเสียศิลาวิญญาณพวกนี้ไป ในใจรู้สึกผิดถึงสิบส่วน ได้ยินคำปลอบของเว่ยเฮ่าหลานจึงผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย

“ขอบคุณมากขอรับซือเจี่ยเจ้าสำนัก เช่นนั้น ข้ากลับไปก่อนล่ะ”

“อืม”

มองดูถังเซิ่นก้มหน้าก้มตาเดินจากไปตามอุโมงค์แล้ว เว่ยเฮ่าหลานและโม่เทียนเกอหันมาสบตายิ้มให้กันอีกครั้ง

เว่ยเฮ่าหลานทำท่าเชื้อเชิญแล้วก็ก้าวไปพร้อมกันกับโม่เทียนเกอ เดินพลางกล่าวพลางว่า “อันที่จริง เดิมทีข้าก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้ถังซือตี้ไป แต่ถังซือตี้ใฝ่ฝันถึงคุนอู๋มาโดยตลอด ข้าเห็นว่าเขาในหลายปีมานี้จัดการเรื่องราวก็ยิ่งมายิ่งมีวุฒิภาวะ ก็เลยเสี่ยงอันตรายให้เขาไป คิดไม่ถึงว่ายังเกิดความผิดพลาด”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ เอ่ยว่า “เรื่องนี้กลับไม่อาจโทษเขา เพียงแค่ว่าจังหวะเวลาที่เขาไปคุนอู๋ไม่ถูกต้อง”

“อันนี้ข้าก็รู้” เว่ยเฮ่าหลานถอนหายใจ “ไม่อย่างนั้นก็คงมิใช่ไม่ได้ว่าอะไรเขาทั้งนั้น ถังซือตี้ในหลายปีนี้จัดการเรื่องราวได้อย่างระมัดระวังมากขึ้นเยอะ แต่ร่างของเขาถึงอย่างไรก็เป็นภัยพิบัติ หากออกจากสำนักยากจะเลี่ยงเหตุเหนือคาด”

โม่เทียนเกอยิ้มเล็กน้อย “ปัญหาข้อนี้ไม่อาจแก้ไข นอกเสียจากมีวันหนึ่งเขาก่อเกิดตานทองคำได้สำเร็จ ฝึกทักษะเก็บงำลมหายใจได้สำเร็จ”

“พูดน่ะง่าย ทำกลับยากนะ!” เว่ยเฮ่าหลานนวดหัวคิ้ว “การฝึกตนหลายปีนี้ของถังซือตี้ยังนับว่าราบรื่น แต่ก็มีเส้นกีดกั้นจากสร้างฐานพลังขั้นปลายอยู่หนึ่งเส้น ไม่อาจเลื่อนระดับได้จนแล้วจนรอด”

“เรื่องประเภทนี้รีบร้อนไม่ได้” โม่เทียนเกอปลอบ “บางคนบรรลุรู้แจ้งในวันเดียว บางคนหลายสิบปีย่ำอยู่กับที่ เรื่องการทะลวงผ่านด่านต้องดูประสบการณ์ของแต่ละคน”

เว่ยเฮ่าหลานยิ้ม “ในเมื่อผู้อาวุโสเยี่ยกลับมาแล้ว อย่างน้อยต้องขอคำชี้แนะจากท่านสักหน่อย”

โม่เทียนเกอเพียงแค่ยิ้ม “เรื่องการเลื่อนระดับ ข้าเพียงสามารถออกความเห็นเล็กน้อย ไม่อาจชี้แนะมากเกินไป ถึงอย่างไรสถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน”

“อืม สิ่งที่ผู้อาวุโสเยี่ยพูด ข้าล้วนเข้าใจ”

เดินไปช่วงหนึ่ง เว่ยเฮ่าหลานหันหน้ามามองโม่เทียนเกอ ยิ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหันว่า “ดูความจำของข้านี่สิ ถึงกับลืมเรื่องสำคัญขนาดนี้ไปได้ ผู้อาวุโสเยี่ย ยังไม่ได้แสดงความยินดีที่ท่านเลื่อนระดับเป็นก่อเกิดตานเลย ยังไม่ถึงร้อยปีก็เป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตานแล้ว เรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่ในพันปียากจะพานพบเลยทีเดียว”

นามของอัจฉริยะที่คุนอู๋ได้ยินมามากแล้ว โม่เทียนเกอยิ้มแล้วส่ายหน้า “เจ้าสำนักเว่ย อย่าได้ยกยอข้า ไม่ต้องพูดถึงในพันปียากจะพานพบ หลายร้อยปีนี้แค่โรงเรียนเสวียนชิงก็มีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานร้อยปีออกมาสามคนแล้ว ข้ารับไม่ไหวจริง ๆ”

“อ้อ ใช่” เว่ยเฮ่าหลานพยักหน้า จับจ้องนางอย่างอิจฉาชื่นชมไม่รู้แล้ว “เป็นเพราะที่โรงเรียนเสวียนชิงหลายร้อยปีนี้มีอัจฉริยะโผล่ออกมาเรื่อย ๆ โดยแท้”

โม่เทียนเกอเพียงยิ้ม ในใจกลับภาคภูมิใจยิ่ง โรงเรียนเสวียนชิงหลายร้อยปีนี้ปรากฏผู้ฝึกตนที่เยี่ยมยอดออกมามากมายจริง ๆ สำนักอื่นในพันปีมีคนสองคนก็ไม่เลวแล้ว

เว่ยเฮ่าหันเหสายตาแล้วเอ่ยว่า “นี่ยังเป็นเพียงข้อหนึ่ง ก่อนหน้านี้ไม่นานตึกสภาของเขาอวี้เหิงรายงานเรื่องหลักขึ้นมา บอกว่าผู้อาวุโสเยี่ยฝึกตนร่วมสัมพันธ์แล้ว สามีก็คือผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่คนใหม่ประมุขเต๋าโส่วจิ้ง ยิ่งต้องแสดงความยินดีกับผู้อาวุโสเยี่ย”

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ “ขอบคุณมาก การข่าวของเจ้าสำนักเว่ยรวดเร็วรอบด้านยิ่งนัก”

เว่ยเฮ่าหลานส่ายหน้า เอ่ยว่า “ข่าวดีที่ผู้อาวุโสเยี่ยฝึกตนร่วมสัมพันธ์เป็นเรื่องเมื่อสองปีก่อนแล้ว ข้ากลับเพิ่งได้รู้เร็ว ๆ นี้ ตึกสภาของสภาปี้เซวียนเราที่คุนอู๋กระทำการยังไม่เพียงพอ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องลับอันใดเลย น่าจะรายงานขึ้นมาแต่แรกจึงจะถูก”

ถ้อยคำนี้เกี่ยวข้องกับกิจการภายในอันเฉพาะเจาะจงของสภาปี้เซวียน โม่เทียนเกอเป็นเพียงผู้อาวุโสรับเชิญในนาม จึงเพียงแค่ยิ้ม ๆ ไม่พูดอะไรมาก

ทั้งสองคนออกจากอุโมงค์โดยเร็ว ไปถึงห้องโถงสั่งการ

เว่ยเฮ่าหลานเชิญโม่เทียนเกอนั่งลง ให้ศิษย์รินชาขึ้นมา เอ่ยถึงอีกเรื่องหนึ่งว่า “ผู้อาวุโสเยี่ย ถึงแม้เป็นข้าที่ขอให้ผู้อาวุโสเยี่ยส่งถังซือตี้กลับมา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมาส่งด้วยกัน คิดว่าผู้อาวุโสเยี่ยก็จะต้องไม่ได้ขาดแคลนศิลาวิญญาณเล็กน้อยนี้จึงรีบร้อนมาหยิบไปกระมัง?”

โม่เทียนเกอฟังแล้วยิ้ม “ข้าจะดีจะชั่วก็เป็นผู้อาวุโสรับเชิญของสภาปี้เซวียน ไม่ได้พบกันนานปี ผ่านมาดูสักหน่อยไม่ดีหรือ”

“ผ่านมาดูสักหน่อยย่อมดี แต่ว่า ข้ามีสัมผัสแม่นยำมากมาโดยตลอด”

เผชิญกับสีหน้าเหมือนยิ้มเหมือนไม่ยิ้มของเว่ยเฮ่าหลาน โม่เทียนเกอเพียงถอนหายใจ “เอาเถิด อันที่จริงข้ามีธุระอยู่บ้าง……”

เว่ยเฮ่าหลานจึงถามว่า “มีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือไหม”

“ยังไม่มีชั่วคราว” โม่เทียนเกอวิเคราะห์ในใจ เรื่องนี้ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง อย่าเพิ่งพูดรายละเอียดไปก่อน ถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ยากอยู่บ้าง แล้วสภาปี้เซวียนถึงปัจจุบันนี้แม้แต่ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานสักคนก็ไม่มี

เว่ยเฮ่าหลานเป็นคนฉลาด ก็เลยไม่ได้ไล่ถาม เพียงเอ่ยว่า “หากมีอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ ผู้อาวุโสเยี่ยเพียงเอ่ยปากเท่านั้น”

“ขอบคุณมาก”

จากนั้นโม่เทียนเกอถามถึงสถานการณ์ในหลายสิบปีนี้ของสภาปี้เซวียน เว่ยเฮ่าหลานตอบไปทีละอย่าง ปีนั้นหลังจากที่สภาปี้เซวียนแทบจะล้างสำนักกลับได้รับจุดหักเหอย่างหนึ่ง การค้นพบสายแร่ศิลาวิญญาณที่ตงไห่ การเปลี่ยนแปลงกฏสำนัก ทำให้ความแข็งแกร่งของสภาปี้เซวียนฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว หลายสิบปีมานี้ศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณและสร้างฐานพลังเพิ่มขึ้นจนเหนือกว่าจำนวนเดิม สิ่งที่ขาดมีเพียงผู้ฝึกตนก่อเกิดตานเท่านั้น

โม่เทียนเกอถามต่อว่า “ผู้อาวุโสถังยังเป็นเพียงสร้างฐานพลังขั้นกลาง ในสำนักมีผู้ฝึกตนที่สามารถทะลวงด่านก่อเกิดตานเร็วขนาดนี้เลยหรือ” ปีนั้นถังเซิ่นถูกเลือกเป็นผู้อาวุโสชั่วคราว เป็นเพราะว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขามีพัฒนาการขึ้นอย่างมากมาย ในด้านระดับการฝึกตน สร้างฐานพลังขั้นกลางก็ไม่ได้แย่

เว่ยเฮ่าหลานอุทานว่า “ไหนเลยจะเร็วปานนี้ ตอนนี้ในสำนักมีซือเจี่ยหนึ่งคนซือเกอหนึ่งคนที่ไปถึงสร้างฐานพลังขั้นปลาย ยังไม่ได้สร้างฐานพลังเต็มขั้นเลย ข้าแค่เผื่อเอาไว้ ถึงอย่างไรโอสถของการก่อเกิดตานมิใช่สิ่งที่จะหาได้ง่าย ๆ หลายสิบปีก็อาจจะยากเสาะหา”

โม่เทียนเกอพยักหน้าเงียบ ๆ ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าในปีนั้นเป็นเป็นตัวอย่างหนึ่ง หากมิใช่ว่านานขนาดนั้นก็ยังไม่ได้รับโอสถก่อเกิดตาน ด้วยเหตุนี้ไร้หวังในการก่อเกิดตาน ก็จะไม่ถึงขนาดตกหลุมพรางของมารอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้น ทรยศสำนักอาจารย์

“ครั้งนี้หากมิใช่ผู้อาวุโสเยี่ย พวกเราก็ยังหาโอสถก่อเกิดตานพวกนี้ไม่ได้ ครานี้ยังต้องขอบคุณผู้อาวุโสเยี่ยมาก”

โม่เทียนเกอยิ้มแล้วโบกมือ “เจ้าสำนักเว่ย ท่านขอบคุณแล้วขอบคุณอีก ข้ารับไม่ไหวจริง ๆ”

เว่ยเฮ่าหลานอึ้งไปแล้วยิ้ม “เอาเถิด การเอ่ยคำขอบคุณภายหลังข้าจะไม่พูดแล้ว เก็บไว้ในใจก็พอ”

สนทนากันอีกสักพัก เว่ยเฮ่าหลานเห็นโม่เทียนเกอหมดคำพูดแล้วจึงหยุดการสนทนาอย่างรู้ใจ ให้คนส่งนางไปพักผ่อน

ออกจากห้องโถงสั่งการของสภาปี้เซวียนแล้ว โม่เทียนเกอเดินไปดูไป ความเสียหายที่เริ่นอวี่เฟิงสร้างขึ้นในปีนั้นไม่เห็นร่องรอยแล้ว ศาลาเจดีย์เหล่านั้นล้วนได้รับการซ่อมแซมจนใหม่ ประตูภูเขาก็ตั้งขึ้นมาใหม่ ประดับไปด้วยดอกไม้ใบหญ้าไม่ขาดตอน ด้วยมืออันชำนาญของผู้ฝึกตนสตรี ดูแล้วยังงดงามน่าชมยิ่งกว่าสำนักใหญ่พวกนั้นของคุนอู๋อีก

ตลอดทาง มีศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณมากหลายเดินไป ๆ มา ๆ ผู้ฝึกตนบุรุษผู้ฝึกตนสตรีล้วนมี เห็นนางแล้ว พวกเขาพากันเบิกตากว้างอย่างตื่นตะลึง เพราะว่าเสื้อผ้าของนางซึ่งไม่เหมือนกับพวกเขา และยิ่งเพราะว่าระดับการฝึกตนของนาง ผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน ถึงกับเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน!

ศิษย์หลอมรวมพลังวิญญาณที่นำนางให้นางสีหน้าภาคภูมิใจ ประกาศกับคนเหล่านี้ว่า “นี่คือผู้อาวุโสรับเชิญเยี่ยของพวกเรา”

ตลอดทางนี้จึงมีศิษย์นับไม่ถ้วนคารวะนาง “น้อมพบผู้อาวุโสเยี่ย”

โม่เทียนเกอจนใจยิ่งนัก นางไม่เคยชมชอบพิธีรีตองเช่นนี้เลย โชคดีที่สถานที่ซึ่งนางต้องไปไม่ได้ห่างไกลเลย อย่างรวดเร็ว มาถึงตึกแขกผู้ทรงเกียรติแล้ว

เดิมทีเว่ยเฮ่าหลานเตรียมจะให้นางพักที่เจดีย์บรรลุเต๋า แต่โม่เทียนเกอบอกปัด ถึงอย่างไรเจดีย์บรรลุเต๋าก็เป็นสัญลักษณ์ของสภาปี้เซวียน ส่วนนางสุดท้ายแล้วมิใช่ผู้อาวุโสที่แท้จริงของสภาปี้เซวียน การกลับมาที่หลินไห่ก็เพียงแค่เพื่อจะเสาะหาประสบการณ์ฝึกตนที่โม่เหยาชิงทิ้งเอาไว้เท่านั้น เมื่อครู่นี้เว่ยเฮ่าหลานนำศิลาวิญญาณที่ซื้อวิชาเวทและโอสถมอบให้นางแล้ว แล้วยังเติมศิลาวิญญาณให้นางเป็นพันก้อน บอกว่าเป็นของคารวะในฐานะผู้อาวุโสรับเชิญ ว่าไปแล้วนางได้รับจากสภาปี้เซวียนไม่น้อย ไม่อยากจะเอาเปรียบพวกเขาอีกจริง ๆ

พักที่ตึกแขกผู้ทรงเกียรติหลายวัน ในระหว่างนั้นเว่ยเฮ่าหลานเชิญนางไปพบกับผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังของสภาปี้เซวียน ถึงแม้ผู้ฝึกตนสตรียังคงทรงอิทธิพล ผู้ฝึกตนบุรุษที่สภาปี้เซวียนหลายปีนี้ก็เพิ่มขึ้นเยอะมาก เห็นนางอ่อนเยาว์เช่นนี้ พวกผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังที่เลื่อนระดับใหม่ทึ่งไม่รู้แล้ว

สภาปี้เซวียนมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานคนหนึ่งมาอย่างไม่ง่ายดาย โม่เทียนเกออย่างน้อยก็ต้องถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกตนให้ผู้ฝึกตนสร้างฐานพลังเหล่านี้ นอกจากนี้ยังรับคำเชิญของเว่ยเฮ่าหลานบรรยายประสบการณ์ก่อเกิดตานให้ผู้ฝึกตนที่มีความหวังในการก่อเกิดตานหลายคน

รอจนทุกสิ่งเสร็จสิ้นก็ผ่านไปเจ็ดแปดวันแล้ว

โม่เทียนเกอไม่ได้รีบร้อน บนแผ่นหยกนั้นของโม่เหยาชิงถึงจะบันทึกเส้นทางเดินทางเอาไว้ แต่ต้องค่อย ๆ ทำความเข้าใจ นางฉวยเวลานี้ไปขอคำสั่งสอนเรื่องของท้องทะเลกับเว่ยเฮ่าหลานได้พอดี ถึงนางจะก่อเกิดตานแล้ว ระดับการฝึกตนสูงกว่าเว่ยเฮ่าหลานมาก แต่นอกจากครั้งนั้นเมื่อหกสิบปีก่อนที่ทะเลแห่งแดนสุดเหนือก็ไม่ได้มีประสบการณ์ออกทะเลเลย แล้วครั้งนั้นก็ไม่อาจถือเป็นมาตรฐาน สถานการณ์ของทะเลแห่งแดนสุดเหนือกับตงไห่ไม่เหมือนกันมาก ๆ

เว่ยเฮ่าหลานฟังว่านางอยากออกทะเลก็ไม่ได้ถามมาก เพียงแจ้งเรื่องราวที่ต้องสังเกตในการออกทะเลต่อนางโดยละเอียด รวมทั้งอสูรทะเลที่อันตรายในบริเวณใกล้เคียง แต่ด้วยติดที่ระดับการฝึกตน พวกนี้เพียงสามารถใช้เป็นข้ออ้างอิง ถึงอย่างไรเว่ยเฮ่าหลานก็ไม่เคยไปยังท้องทะเลที่ลึกกว่านี้ ส่วนถ้ำพำนักนั่งละสังขารของโม่เหยาชิงกลับเป็นสถานที่อันล้ำลึกของตงไห่

ผ่านไปอีกหลายัน โม่เทียนเกอเตรียมทุกสิ่งพร้อมสรรพ ออกเดินทางในที่สุด

…………………………………………….

ใครยังจำซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าได้บ้างคะ เราจำไม่ได้ 555 กลับไปอ่านใหม่แล้ว ซั่งกวนอวิ๋นเฮ่าเป็นผู้ฝึกตนชายที่มีคุณสมบัติดีที่สุดในสภาปี้เซวียนสมัยก่อน แต่ติดอยู่ที่สร้างฐานพลังเต็มขั้น 50 ปี ไม่ได้ยามาก่อเกิดตาน พวกผู้อาวุโสก็ไม่ยอมให้เขาออกไปหายาเอง เพราะไม่อยากให้เขาเป็นอันตราย หลังจากได้ยาผู้อาวุโสก็ไม่ได้ให้ยาเขาทันทีเพราะสังเกตเห็นจิตใจที่ไม่ถูกต้องของเขา เลยอยากให้เขาปรับจิตใจให้ดีก่อน แต่เขากลับดำดิ่งลงไปเรื่อย ๆ สุดท้ายผู้ฝึกตนมารเริ่นอวี่เฟิงที่ตามโม่เทียนเกอมาถึงหลินไห่มาถึง เขาก็แอบเปิดประตูให้มารเข้ามา แล้วลอบโจมตีตอนที่ผู้อาวุโสกับมารสู้กันจนหนึ่งในนั้นบาดเจ็บ สุดท้ายโดนมารหักหลังฆ่าตาย

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท