หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 338 – รับตัวชางหลง

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 338 – รับตัวชางหลง

อันที่จริงชางหลงเป็นอสูรปีศาจในทะเลที่ดูดุร้ายมากชนิดหนึ่ง พวกมันหัวแหลมปากใหญ่ ฟันแหลมคม เกล็ดบนตัวตอนที่ตั้งชันคล้ายใบมีดที่แหลมคม แต่ว่าชางหลงฝูงนี้ถึงกับแซ่ไป๋ แถมยังมีชื่อที่น่ารักขนาดนี้……

โม่เทียนเกอเบือนหน้าไป กลั้นหัวเราะอยู่นานมากแล้วจึงหันกลับมา ตีหน้านิ่งเอ่ยกับชางหลงเฒ่าว่า “เจ้าช่วยข้าตัดสินเถอะ ขอเพียงเป็นลูกหลานของเจ้า ตัวไหนก็ได้”

ในดวงตาชางหลงเฒ่าปรากฏความลังเล จากนั้นมองไปทางชางหลงน้อยห้าตัวอย่างไม่เต็มใจ หันหัวมาเอ่ยกับนางว่า “มนุษย์ เจ้ายังคงเลือกเองเถิด พวกมันสำหรับข้าแล้วล้วนเหมือนกัน ข้ายากจะเลือกได้”

เมื่อเห็นสีหน้าของมัน โม่เทียนเกอก็ไม่บังคับแข็งขืน นางชี้ไป เอ่ยว่า “มันเถอะ”

ตัวที่ถูกชี้คือชางหลงไป๋เสี่ยวฝานที่ตัวเล็กที่สุด

เมื่อเห็นว่ามันถูกชี้ ชางหลงสี่ตัวที่เหลือล้วนไปรุมล้อม ร้องคำรามคุยกันอื้ออึง สิ่งที่พวกมันใช้คือภาษาระหว่างชางหลง โม่เทียนเกอฟังไม่เข้าใจ แต่ว่าเมื่อเห็นท่าทางของพวกมันก็สามารถเดาออกว่าชางหลงเหล่านี้มิตรภาพค่อนข้างดี ไม่เต็มใจจะแยกจากมาก

เห็นฉากนี้แล้ว โม่เทียนเกออดยิ้มจาง ๆ ไม่ได้ พอเข้าสู่โลกฝึกเซียนน้อยมากจะเห็นฉากมิตรภาพพี่น้องเช่นนี้ ถึงแม้ว่าพวกนี้เป็นอสูรปีศาจก็ทำให้นางรู้สึกอบอุ่น

ชางหลงน้อยห้าตัวล้อมวงร้องอยู่พักใหญ่ ชางหลงเฒ่าตัวนั้นจึงคำรามหนึ่งคำ พวกมันสงบลงทันที

ชางหลงเฒ่ามองชางหลงน้อยที่ชื่อเสี่ยวฝานตัวนั้น ให้มันว่ายน้ำมาใกล้ หันหัวไปเอ่ยกับโม่เทียนเกอว่า “เอาล่ะ มนุษย์ เจ้าสามารถลงนามสัญญาอสูรวิญญาณกับเด็กน้อยของข้าได้แล้ว”

โม่เทียนเกอมองชางหลงน้อยตัวนี้ที่อยู่ตรงหน้า บนหางของมันยังมีบาดแผล ดวงตาที่ขลาดอายอยู่บ้างจ้องมองตนเอง นางรู้ว่าชางหลงน้อยตัวนี้เกือบจะเสียชีวิตใต้กระบี่บินของนาง จะต้องมีความหวั่นกลัวต่อนางในใจ

แต่ว่านี่ไม่เป็นไร ขอเพียงลงนามสัญญาอสูรวิญญาณ ชางหลงน้อยตัวนี้ก็จะเชื่อถือนาง

โม่เทียนเกอหลับตา รวบรวมจิตหยั่งรู้ สาเหตุที่เลือกชางหลงน้อยตัวนี้ หนึ่งคือมันเป็นตัวที่ระดับการฝึกตนอ่อนที่สุดในชางหลงพวกนี้ จิตหยั่งรู้ก็อ่อน อย่างนี้การลงนามสัญญาอสูรวิญญาณจะค่อนข้างง่าย สองคือมันอายุแปดร้อยปีก็มีระดับการฝึกตนขั้นห้าแล้ว สามารถเห็นได้ว่าพรสวรรค์ในหมู่อสูรปีศาจก็นับว่าดียิ่ง

จิตหยั่งรู้สัมผัสกับไป๋เสี่ยวฝาน ภายใต้แรงกดดันอันแกร่งกล้า ไป๋เสี่ยวฝานลงนามสัญญาลูกน้องอย่างเชื่อฟัง เริ่มแต่บัดนี้ โม่เทียนเกอจะเป็นเจ้านายของมัน พวกเขาไม่อาจทำร้ายกันและกัน จนกระทั่งสัญญาอสูรวิญญาณยกเลิก หรือว่าจนกว่าฝ่ายหนึ่งตายลงไป

เมื่อเห็นโม่เทียนเกอลืมตา ส่วนความหวาดกลัวในดวงตาเสี่ยวฝานหายไป ชางหลงเฒ่าไป๋เสี่ยวชิงประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้หรือ”

พวกเขาลงนามสัญญาอสูรวิญญาณเร็วขนาดนี้สามารถอธิบายได้เพียงว่าจิตหยั่งรู้ของโม่เทียนเกอเทียบกับเสี่ยวฝานแล้วแข็งแกร่งกว่ามากมาย แต่เสี่ยวฝานเป็นอสูรปีศาจที่เทียบเท่ากับมนุษย์ก่อเกิดตานขั้นต้น ถึงจิตหยั่งรู้จะไม่เหนือกว่ามนุษย์ แต่ก็ไม่ได้อ่อนด้อยกว่ามากมาย และโม่เทียนเกอก็เพียงก่อเกิดตานขั้นกลางเท่านั้น ห่างเพียงแค่ขั้นเล็ก ๆ

โม่เทียนเกอยิ้ม โบกมือไปทางเสี่ยวฝาน เสี่ยวฝานยังคงขลาดอาย แต่ไม่ได้หวาดกลัวนางอีกแล้ว เข้ามาใกล้อย่างเชื่อฟัง “เจ้านาย พวกเราลงนามสัญญาอสูรวิญญาณแล้ว ท่านมอบผลไม้วิญญาณให้ท่านปู่ข้าได้ไหม”

“แน่นอน” โม่เทียนเกอล้วงโอสถรักษาหนึ่งเม็ดออกมาโยนเข้าปากมัน พูดว่า “พวกเจ้ารอตรงนี้”

พูดจบก็ชี้ที่หว่างคิ้วอีกครั้ง เข้าสู่โลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนในหลายอึดใจให้หลัง เด็ดผลร้อยปมออกมาสองลูก

“นี่ อันนี้ให้เจ้า” โม่เทียนเกอยื่นให้กับชางหลงเฒ่าพร้อมกันกับอันเดิม

เมื่อเห็นผลร้อยปมสามลูกนั้น แววตาของชางหลงเฒ่าและชางหลงน้อยสี่ตัวล้วนเปล่งประกายขึ้นมา

ชางหลงเฒ่าใช้ครีบรับมาอย่างระมัดระวัง แสงสีขาววูบขึ้น ผลร้อยปมหายไป ไม่รู้ว่าถูกมันซ่อนไว้ที่ใด ถึงแม้อสูรปีศาจจะไม่มีสิ่งของประเภทกระเป๋าเอกภพ แต่พวกมันก็มีพื้นที่เก็บของของตนเอง สะดวกกว่ามนุษย์อย่างยิ่ง

“เอาล่ะ ข้ามอบสิ่งของที่สัญญาว่าจะให้เจ้าแล้ว ความลับนั้น เจ้าสามารถบ่งบอกข้าได้แล้วกระมัง”

ไม่รู้ว่าเพราะผลร้อยปมหรือว่าเพราะเสี่ยวฝานกลายเป็นอสูรวิญญาณของนาง น้ำเสียงของชางหลงเฒ่ากลายเป็นนอบน้อมอยู่บ้าง “เรื่องนี้ ข้าได้บ่งบอกเสี่ยวฝานอย่างละเอียดแล้ว มันจะบอกเจ้า”

โม่เทียนเกอพยักหน้า “ก็ได้” ขณะนี้เสี่ยวฝานเป็นอสูรวิญญาณของนาง นางไม่กังวลว่าชางหลงเฒ่าตัวนี้จะกลับคำ “เช่นนั้นการแลกเปลี่ยนของพวกเราก็นับว่าสำเร็จแล้ว”

ชางหลงเฒ่าไม่ได้ตอบคำ จ้องมองเสี่ยวฝานที่ติดตามอยู่ข้างกายนางแล้วถอนหายใจคำหนึ่ง จากนั้น ชางหลงน้อยสี่ตัวนั้นร้องคำรามขึ้นมาอีก

เสี่ยวฝานคำรามตอบกลับเช่นกัน ชางหลงน้อยห้าตัวล้อมวงกันใช้หัวถูกกันและกัน ใช้ครีบตบอีกฝ่าย คล้ายกับแสดงความไม่เต็มใจจะแยกจาก

โม่เทียนเกอเห็นแล้วก็ยิ้มบาง มองดูพวกมันบอกลากันและกันอย่างไม่ยินยอม ไม่ได้ไปเร่งพวกมันเหมือนกัน

ผ่านไปเนิ่นนาน เป็นชางหลงเฒ่าคำรามอีกครั้ง ตีขัดความไม่ยินยอมจะแยกจากของพวกมัน ภายใต้คำดุด่าของชางหลงเฒ่า ชางหลงน้อยสี่ตัวแยกจากเสี่ยวฝานในที่สุด แต่กลับหันไปเรียงแถว แต่ละตัวใช้หางตบผิวน้ำ คล้ายกับดำเนินพิธีการประเภทหนึ่ง

เสี่ยวฝานจ้องมองพวกมัน สะบัดหางตามจังหวะร่วมกัน

ผ่านไปพักใหญ่ พวกมันจึงหยุดเคลื่อนไหว ชางหลงเฒ่าบิดหัว เอ่ยกับโม่เทียนเกอว่า “เอาล่ะ มนุษย์ เจ้าสามารถพาเสี่ยวฝานไปแล้ว”

โม่เทียนเกอพยักหน้าเบา ๆ กุมหมัดคารวะไปทางพวกมันเพื่อแสดงความเคารพ “วันก่อนที่ข้าจะนั่งละสังขารจะพาเสี่ยวฝานกลับมาที่นี่ มารวมตัวกับทุกคน หากข้าโชคดีเลื่อนระดับเป็นแปลงเทพ เช่นนั้นขอเพียงเสี่ยวฝานขอร้อง ข้าก็จะยกเลิกสัญญาอสูรวิญญาณและให้อิสรภาพแก่มันเช่นกัน ขอลาแต่บัดนี้”

ชางหลงเฒ่าพาชางหลงน้อยสี่ตัวลอยบนผิวทะเล แนบครีบไว้ที่หน้าอก ก้มหัวให้นาง คล้ายกับเป็นมารยาทของพวกมันชางหลง

ภายใต้สายตาจดจ้องของชางหลงหนึ่งเฒ่าสี่น้อยห้าตัว โม่เทียนเกอพาไป๋เสี่ยวฝานบินไปทางเกาะน้อยที่ห่างไกล หายลับไปในขอบฟ้าในที่สุด

กลับถึงเกาะน้อย โม่เทียนเกอพาเสี่ยวฝานเข้าถ้ำพำนักของโม่เหยาชิง รักษาบาดแผลให้เสี่ยวฝานก่อน

บาดแผลของเสี่ยวฝานไม่สาหัส เกราะของชางหลงเหนียวมาก แล้วโม่เทียนเกอก็ไม่เชี่ยวชาญกระบี่บิน ถึงกระบี่เล่มนั้นของนางจะแทงเป็นบาดแผลบนหาง แต่ยังไม่ถึงขั้นไม่อาจเคลื่อนไหว หลังจากใช้โอสถ บาดแผลนี่ก็หายดีอย่างรวดเร็ว

“ร้ายกาจจัง!” เสี่ยวฝานหันหัวไปมองบาดแผลบนหางของตัวเองหายลับไป ปากอ้าตาค้าง “เร็วขนาดนี้ก็ไม่เหลือแล้ว”

เสียงของชางหลงเฒ่าไป๋เสี่ยวชิงฟังดูเหมือนชายชรามนุษย์ ส่วนไป๋เสี่ยวฝานเป็นช่วงที่เด็กหนุ่มมนุษย์เสียงยังไม่เปลี่ยน แปดร้อยปีสำหรับอายุขัยเป็นหมื่นปียังเป็นเด็กจริง ๆ

โม่เทียนเกอยิ้มบาง ๆ ถามว่า “พวกเจ้าไม่มีโอสถ หากได้รับบาดเจ็บจะทำอย่างไร”

เสี่ยวฝานพูดว่า “ใต้ทะเลพวกเราก็มีหญ้าที่กินแล้วรักษาบาดเจ็บ แต่ประสิทธิภาพไม่ได้ดีมาก ยังมีทักษะเวทรักษาบาดเจ็บ…… เจ้านาย ข้าได้ยินมากว่าพวกท่านมนุษย์ล้วนหลอมยา โอสถเหล่านี้น่าอัศจรรย์ กินแล้วจะสามารถเลื่อนระดับได้เร็วมาก จริงหรือไม่ขอรับ”

คำพูดนี้ทำให้โม่เทียนเกออดหัวเราะไม่ได้ “ไม่ได้อัศจรรย์ขนาดนั้น เพียงแต่การฝึกตนจะกลายเป็นเร็วมาก การเลื่อนระดับก็จะง่ายดายหน่อย”

“โห เทียบกับพวกเราอสูรปีศาจแล้วดีจังเลย” เสียงของเสี่ยวฝานเบิกบานมาก แล้วยังจ้องมองนางอย่างปรารถนา “เจ้านาย เช่นนั้นภายหลังข้าก็จะมีโอสถที่สามารถกินได้หรือไม่”

“แน่นอน” โม่เทียนเกอเอื้อมมือออกมาลูบหัวที่ดูดุร้ายอยู่บ้างของมัน “เจ้าเป็นอสูรวิญญาณของข้า ข้าย่อมจะให้โอสถเจ้ากิน” พูดจบแล้วยิ้ม “จริงสิ ข้ายังไม่ได้ถามเจ้า เจ้าออกจากน้ำแล้วจะเป็นไรหรือไม่”

ชางหลงเป็นอสูรปีศาจในทะเล ย่อมจะสามารถแสดงพลังต่อสู้มากที่สุดในทะเล แต่ว่าหากทักษะเวทของมันก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เช่นนั้นก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อความแข็งแกร่ง

“ไม่เป็นไรขอรับ” เสี่ยวฝานตอบ “ทักษะเวทของพวกเราฝูงชางหลงล้วนเป็นพรสวรรค์แต่กำเนิด อีกทั้งข้าอยู่ขั้นห้าแล้ว ไม่อาศัยน้ำก็สามารถใช้ชีวิต” พูดแล้วมันโค้งหัวของตัวเอง “อีกอย่าง ท่านปู่สอนเรื่องราวทุกอย่างต่อข้าแล้ว ข้าฉลาดมาก จดจำได้หมด”

น้ำเสียงของมันเจือความภาคภูมิใจเศษเสี้ยว คล้ายกับเด็กที่กำลังแสดงออกมาว่า : ชมข้าเถอะ รีบชมข้าเถอะ!

โม่เทียนเกออดหัวเราะไม่ได้ ลูบหัวของมัน “เจ้าฉลาดขนาดนี้ เช่นนั้นความลับที่ท่านปู่เจ้าบ่งบอก เจ้าก็ล้วนจำได้แล้ว?”

“นั่นย่อมแน่นอน” เสี่ยวฝานยกหัวขึ้นมาอย่างไม่เกรงใจ

โม่เทียนเกอหัวเราะอย่างร่าเริงยิ่งกว่าเดิม ลูบหัวของมันอีกครั้ง พูดว่า “เอาล่ะ เจ้าเป็นอสูรวิญญาณของข้าแล้ว จะพาเจ้าไปสถานที่ดี ๆ แห่งหนึ่ง”

เสี่ยวฝานกะพริบตา จ้องมองนางอย่างเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ

โม่เทียนเกอไม่พูดไร้สาระอีก เอื้อมมือไปจับหัวของเสี่ยวฝาน อีกมือหนึ่งจี้หว่างคิ้ว เม็ดมุกลอยออกมา ศาสตร์เวทพุ่งไปชน หลายอึดใจให้หลัง ทั้งสองคนปรากฏตัวในโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือน

“อู ๆ!” พอเข้ามา เงาร่างสีทองสายหนึ่งพุ่งมาหา กระโจนเข้าสู่อ้อมอกของโม่เทียนเกอ

เป็นเฟยเฟย นางเพิ่งจะเข้าโลกแห่งฟ้าเสมอเหมือนมาสองครั้งแต่ไม่สนใจมัน มันกำลังซึมเลย

โม่เทียนเกอลูบหัวของมัน ปลอบโยนมันว่า “เฟยเฟยจ๋า รู้สึกเบื่อหรือ ให้เสี่ยวหั่วเล่นกับเจ้าก่อนสักพักดีหรือไม่ ยังมีเพื่อนใหม่ด้วย”

เสี่ยวฝานขณะนี้กำลังเบิกดวงตายาวรีมองดูสภาพแวดล้อมรอบ ๆ อย่างทึ่ง ๆ มันไม่เข้าใจว่าพริบตาเดียวจะเปลี่ยนมาถึงที่นี่ได้อย่างไร อีกทั้งพื้นที่นี้พลังวิญญาณหนาแน่นจัง! มันอดคิดไม่ได้ว่าทักษะเวทของมนุษย์น่ามหัศจรรย์จัง!

“นี่คือเสี่ยวฝาน นี่คือเฟยเฟย”

เมื่อถูกโม่เทียนเกอดึงกรงเล็บ เสี่ยวฝานได้สติกลับมา เบิกตามองก้อนขนสีทองคล้ายแรคคูนเบื้องหน้า มันกะพริบตา ไม่เข้าใจว่านี่เป็นสิ่งของอะไร แต่ว่าสำหรับอสูรปีศาจ ไม่ใช่สายพันธุ์ของตนเองก็มักจะหมายถึงการล่า ดังนั้นมันกระโดดขึ้นไปลอยกลางอากาศ แยกเขี้ยวอันแหลมคมใส่เฟยเฟย

ถึงเฟยเฟยจะติดตามโม่เทียนเกอมาหกสิบปีเหมือนกัน กินหญ้าวิญญาณไม่น้อยเหมือนกัน แต่ว่าอาจจะเป็นเพราะธรรมชาติของสายพันธุ์มัน เลื่อนขั้นได้ยากมากมาโดยตลอด ถึงตอนนี้ยังอยู่ขั้นสี่

สำหรับอสูรปีศาจ ความแตกต่างของขั้นสี่กับขั้นห้าใหญ่มาก โดยเฉพาะเฟยเฟยไม่ได้เชี่ยวชาญวิชาต่อสู้เลย ขอเพียงเสี่ยวฝานโบกครีบหรือหางของมันเล่น ๆ เฟยเฟยจะต่อต้านไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

อสูรปีศาจสองตัวจ้องกันและกัน เมื่อเห็นรังสีอำมหิตเปล่งออกมาจากในดวงตาของเสี่ยวฝาน เฟยเฟยกลับยื่นกรงเล็บของมันออกไปอย่างกะทันหัน แสงสีขาวสายหนึ่งวูบขึ้นบนกรงเล็บ แตะลงบนเกล็ดเขียวครามของเสี่ยวฝาน ในแสงสีขาว รังสีอำมหิตในดวงตาเสี่ยวฝานค่อย ๆ จางหายไป

ถึงแม้ไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก โม่เทียนเกอยังรู้สึกอัศจรรย์มาก เฟยเฟยเป็นอสูรปีศาจที่น่าอัศจรรย์จริง ๆ ถือกำเนิดมาก็สามารถอยู่อย่างสันติกับอสูรปีศาจจำนวนมาก ในโลกของอสูรปีศาจนี่เป็นสิ่งประหลาด

ลูบหัวของเฟยเฟยแล้ว โม่เทียนเกอปล่อยเสี่ยวหั่วที่อยู่ในกระเป๋าอสูรวิญญาณของนางมาตลอด “พวกเจ้าสองตัวไปเล่นกันก่อนเถิด”

เสี่ยวหั่วที่เพิ่งออกจากกระเป๋าอสูรวิญญาณก็แสดงความเป็นอริต่อเสี่ยวฝาน แต่ภายใต้คำสั่งจิตหยั่งรู้ของโม่เทียนเกอก็ถูกเฟยเฟยลากไปเล่นอย่างรวดเร็ว

“เสี่ยวฝาน เพราะอะไรเมื่อครู่ไม่โจมตีเฟยเฟยเล่า”

เสียงของเสี่ยวฝานเจือความสับสนนิดหน่อย “ข้ารู้สึกว่ามันไม่ได้มีอันตราย……”

โม่เทียนเกอพยักหน้า ความสามารถพิเศษของเฟยเฟยเป็นอย่างนี้จริง ๆ นางก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว โบกมือเรียก “พลังวิญญาณของที่นี่เจ้าสามารถปรับตัวได้ไหม”

เสี่ยวฝานผงกหัว “อืม พลังวิญญาณของที่นี่สบายมาก……” เวลานี้ มันเห็นแปลงสมุนไพรผืนใหญ่ แววตาเปล่งประกาย “เจ้านาย นั่นคือ……”

โม่เทียนเกอยืนอยู่ข้างลำธาร ชี้ไปที่แปลงสมุนไพรผืนใหญ่นั้น ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าเป็นอสูรวิญญาณของข้าแล้ว สมุนไพรวิญญาณพวกนั้นเจ้าอยากกินก็สามารถกิน แต่เจ้าต้องมั่นใจว่าจะไม่มีผลเสียต่อตัวเจ้าเอง ภายหลัง ลำธารน้อยสายนี้เป็นของเจ้าแล้ว อยู่ร่วมกับเสี่ยวหั่วและเฟยเฟยดี ๆ พวกมันก็เป็นอสูรวิญญาณของข้า รู้ไหม”

“ขอรับ เจ้านาย”

………………………………..

สรุปว่าจะเปลี่ยนอสูรมารเป็นอสูรปีศาจ สัตว์วิญญาณเป็นอสูรวิญญาณ นะคะ

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท