หนึ่งเซียนยากเสาะหา – ตอนที่ 362 – ประมุขมารเสวียนเยว่

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

ตอนที่ 362 – ประมุขมารเสวียนเยว่

โม่เทียนเกอสนทนากับถานตงเฉิน รับทราบเรื่องราวโดยคร่าว ๆ อย่างรวดเร็ว

ชิงโจวเป็นเมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจากเมืองเทียนเสวี่ยเพียงหลายร้อยลี้ สกุลถานแห่งชิงโจวคล้ายคลึงกับสกุลหลิงแห่งเมืองเทียนเสวี่ย เป็นตระกูลฝึกเซียนอันดับหนึ่งของท้องถิ่น กว่าครึ่งของชิงโจวล้วนเป็นกิจการของสกุลถาน

แต่ว่า สิ่งที่ไม่เหมือนกับสกุลหลิงคือ สกุลถานถึงจะมีความสัมพันธ์กับสำนักจิ่วเยี่ยนอย่างสลับซับซ้อน แต่ในนามแล้วไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักจิ่วเยี่ยนเลย อันที่จริง สกุลถานมิได้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักใด ๆ เลย ในตระกูลของพวกเขา ที่สูงที่สุดเป็นผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่หนึ่งคน ยังมีผู้ฝึกตนก่อเกิดตานหลายคน รวมทั้งศิษย์สร้างฐานพลังหลอมรวมพลังวิญญาณนับไม่ถ้วน

ตระกูลฝึกเซียนขนาดใหญ่อย่างนี้ไม่ได้ด้อยกว่าสำนักขนาดกลางทั่วไปแล้ว ในสำนักใหญ่มักจะมีตำแหน่งทรงอิทธิพล แต่ว่า สกุลถานกลับไม่ได้เป็นสมาชิกของสำนักใหญ่สักแห่ง พวกเขาใช้ตระกูลเป็นฐาน ดูดซับศิษย์นอก หลายพันปีมานี้อยู่ที่ชิงโจวยิ่งมาชิ่งใหญ่โต พลังอำนาจไม่แตกต่างกับสำนัก สามารถพูดได้ว่า อันที่จริงพวกเขาก็คือสำนักแห่งหนึ่ง เพียงแต่เรียกขานเป็นตระกูลเท่านั้น

ส่วนสาเหตุที่สกุลถานสามารถยืนหยัดที่ชิงโจวอย่างมั่นคงกับความสัมพันธ์กับสำนักจิ่วเยี่ยนก็ค่อนข้างน่าขบคิด ถานตงเฉินพูดว่า เพราะระยะห่างที่ใกล้ สกุลถานกับตระกูลมากมายของสำนักจิ่วเยี่ยนล้วนมีความสัมพันธ์ผ่านการแต่งงาน ในนี้รวมถึงสกุลหลิง โม่เทียนเกออยู่ที่โรงเรียนเสวียนชิงนานแล้ว รู้ว่าระหว่างตระกูลของสำนักใหญ่ประเภทนี้มีมากมายที่อาศัยการแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ให้มั่นคง นางพอฟังก็เข้าใจ สกุลถานก็ใช้วิธีการประเภทนี้ก่อเป็นพันธมิตรทางผลประโยชน์กับสำนักจิ่วเยี่ยน ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถอยู่ใกล้สำนักจิ่วเยี่ยน พัฒนาจนเป็นตระกูลใหญ่อย่างนี้

พอเข้าใจเรื่องพวกนี้ โม่เทียนเกอให้ชื่นชมผู้นำสกุลของสกุลถานรุ่นก่อน ๆ ยิ่งนัก

ตำแหน่งของสำนักจิ่วเยี่ยนที่อวิ๋นจงเทียบกับสำนักเทียนเต้าของเทียนจี๋แล้วยังแข็งแกร่งยิ่งกว่า สำนักเทียนเต้าได้ชื่อว่าเป็นสำนักอันดับหนึ่งของเทียนจี๋ แต่โรงเรียนเสวียนชิงและสำนักกู่เจี้ยนในเจ็ดสำนักใหญ่ไม่ได้อ่อนแอว่ากันมากมายเลย แต่ที่อวิ๋นจง สำนักจิ่วเยี่ยนไม่ได้เป็นเพียงสำนักอันดับหนึ่งของผู้ฝึกเต๋า ยังเป็นสำนักอันดับหนึ่งของผู้ฝึกตนทั้งหมด หลังจากที่สำนักตานเสียตกต่ำลง อาณาจักรตงถังไม่เคยมีสำนักที่แข็งแกร่งพอจะสามารถไล่ทันสำนักจิ่วเยี่ยน ได้แต่มองดูสำนักจิ่วเยี่ยนยิ่งใหญ่ขึ้นตาปริบ ๆ เป็นเช่นนี้หลายพันปี สำนักจิ่วเยี่ยนในปัจจุบันนี้พูดได้ว่าเป็นลูกพี่ใหญ่ ไม่มีใครกล้าขวางทาง

ข้างเตียงของสำนักจิ่วเยี่ยน สกุลถานไม่เพียงยืนหยัดอย่างมั่นคง ถึงขนาดยังพัฒนาขยายใหญ่ขึ้นด้วย ทักษะแขนเสื้อยาวระบำงาม* เยี่ยงนี้ช่างยอดเยี่ยมนัก โม่เทียนเกอใคร่ครวญว่าในคนที่ตนเองรู้จัก แม้แต่หลัวเฟิงเสวี่ยที่เห็นคนพูดภาษาคนเห็นผีพูดภาษาผีเสมอมาก็ไม่ได้มีทักษะอย่างนี้

พูดว่าเป็นการแลกเปลี่ยนประสบกาณ์ฝึกตน อันที่จริงด้วยความแตกต่างของระดับการฝึกตนของทั้งสองคน ล้วนเป็นโม่เทียนเกอชี้แนะถานตงเฉิน ถานตงเฉินรู้ว่าตนเองเอาเปรียบก็ไม่มีอะไรจะพูด เอาสถานการณ์ของอวิ๋นจง โดยเฉพาะเรื่องของสำนักจิ่วเยี่ยน แทบจะพูดละเอียดยิบอย่างครบถ้วน

วิธีการจัดการของสำนักจิ่วเยี่ยนกับสำนักใหญ่ของเทียนจี๋ไม่เหมือนกัน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีอภิสิทธิ์และตำแหน่งตามความสูงต่ำของระดับการฝึกตนเหมือนกัน แต่ตำแหน่งที่มีอำนาจสิทธิ์อย่างเจ้าสำนักและผู้อาวุโสผู้ดูแลกลับจะต้องผ่านการคัดเลือก โดยเฉพาะตำแหน่งเจ้าสำนัก ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานในสำนัก ขอเพียงมีผู้อาวุโสไท่ซ่างสองคนเสนอชื่อก็จะสามารถเข้าร่วมการคัดเลือก กระบวนการคัดเลือกโปร่งใสโดยสมบูรณ์ แม้แต่ศิษย์ทั่วไปก็สามารถทำความเข้าใจได้อย่างชัดแจ้ง

แต่โม่เทียนเกอกลับรู้ว่านี่เป็นเพียงด้านสว่างเท่านั้น ถึงอย่างไรใครมีคุณสมบัติเข้าคัดเลือกล้วนต้องให้ผู้อาวุโสไท่ซ่างระดับจิตวิญญาณใหม่เหล่านั้นพูดถึงจะนับ และผู้ที่ตัดสินว่าใครจะกำชัยในท้ายที่สุดยังคงเป็นผู้อาวุโสไท่ซ่างเหล่านั้น ดังนั้นแล้ว ตำแหน่งเจ้าสำนักนี้เพียงสามารถนับว่าโปร่งใสบางส่วน สุดท้ายใครจะสามารถเป็นเจ้าสำนักทั้งเป็นการแข่งขันกันระหว่างผู้สมัครเป็นเจ้าสำนักแล้วก็เป็นการชิงชัยของกลุ่มอำนาจที่ผู้อาวุโสไท่ซ่างแต่ละท่านเป็นตัวแทน

เอ่ยถึงเรื่องนี้ ถานตงเฉินทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ บอกข่าวชิ้นเล็ก ๆ กับนาง

ที่แท้ การคัดเลือกเจ้าสำนักของสำนักจิ่วเยี่ยนครั้งนี้ เกิดเรื่องมหัศจรรย์ขึ้นมากมาย อย่างเช่น ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานที่เดิมเป็นผู้สมัครเจ้าสำนักสกุลอิ่นเพื่อที่จะคัดเลือกเจ้าสำนักได้ออกไปหาสมขัติ ผลคือหายสาบสูญไปอย่างแปลกประหลาด ส่วนผู้สมัครของสกุลหลิงไปเจอเข้ากับอสูรทะเลขั้นสูงที่ทะเลกุยสวี บาดเจ็บสาหัสกลับมา ได้แต่ถอนตัวจากการคัดเลือกครั้งนี้ ให้ผู้ฝึกตนอีกคนหนึ่งมาแทนที่

โม่เทียนเกอฟังถึงตรงนี้ สายตาสว่างเจิดจ้าขึ้นมา ถามว่า “หรือว่าในนี้จะมีอะไรซ่อนอยู่?”

ถานตงเฉินมองไปโดยรอบ เอ่ยอย่างลึกลับว่า “ใครจะรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรล่ะ แต่ว่า อุบัติเหตุทั้งหมดล้วนบังเอิญพร้อมกันขนาดนี้ บนโลกนี้ไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรอกกระมัง?”

ทั้งสองคนสบตายิ้มให้แก่กันอย่างรู้ใจโดยไม่ต้องพูด

โม่เทียนเกอถามอีกว่า “เรื่องของสกุลอิ่นก็ช่างเถอะ ผู้สมัครของสกุลหลิงคนนั้นเจอกับอสูรทะเลที่ทะเลกุยสวี นี่คงไม่ได้โกหกหรอกกระมัง?”

“นั่นก็ยากจะบอก” ถานตงเฉินเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินที่ตระกูลว่า สกุลหลิงหลายสิบปีนี้ต่อสู้ภายในรุนแรงมาก ผู้สมัครเจ้าสำนักคนเดิมเป็นสายตรงของสกุลหลิง ส่วนผู้สมัครในตอนนี้กลับเป็นสายรองที่ถูกสายตรงนั้นสะกดข่มมาโดยตลอด……”

ถานตงเฉินพูดเรื่องนี้มาทีละนิดละหน่อย ที่แท้ สกุลหลิงถึงจะเป็นตระกูลขนาดใหญ่ยักษ์ ผู้คนมากหลาย สายรองกลับอัจฉริยะเหี่ยวเฉามาโดยตลอด แต่ว่า ร้อยกว่าปีก่อน สกุลหลิงปรากฎผู้ฝึกตนหนึ่งคน ยี่สิบกว่าปีสร้างฐานพลัง แปดสิบเศษก่อเกิดตาน กลายเป็นรุ่นเยาว์ที่ได้รับการจับตามองที่สุดของสกุลหลิง ในเวลาเดียวกัน สกุลหลิงก็มีชนรุ่นหลังหลายเรือนที่ปรากฏอัจฉริยะ ก่อเกิดตานทองคำ ในเวลากว่าร้อยมีอัจฉริยะปรากฎตัวบ่อย ๆ น่าจะเป็นช่วงเวลาที่สกุลหลิงเปล่งประกายเจิดจ้า แต่ว่าก็ไม่รู้เป็นอย่างไร เด็กรุ่นหลังที่ยอดเยี่ยมของสกุลหลิงหลายคนนี้กลับแย่งชิงผลประโยชน์เพื่อแต่ละฝ่ายของตนเองไม่หยุดหย่อน กลับกลายเป็นว่าลากสกุลหลิงเข้าสู่การแก่งแย่งอำนาจอันไร้ขีดจำกัด

พูดถึงตรงนี้ โม่เทียนเกอได้รับทราบชื่อแซ่ของอัจฉริยะคนนั้นจากปากของถานตงเฉินแล้ว ถึงกับเป็นหลิงอวิ๋นเฮ่อ

ก่อนการคัดเลือกเจ้าสำนักครั้งนี้ เดิมทีคนนอกล้วนเดาว่าน่าจะเป็นหลิงอวิ๋นเฮ่อเข้าคัดเลือก ไม่คิดว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บขึ้นก่อน ระดับการฝึกตนถดถอยอย่างมาก สกุลหลิงจึงให้ศิษย์สายตรงเข้าร่วมการคัดเลือกอย่างไร้ข้อกังขาสักนิด ใครจะรู้ว่าภายหลังจะเกิดเรื่องทะเลกุยสวีขึ้นอีก ผู้ฝึกตนสกุลหลิงคนนี้ไม่อาจไม่ถอนตัวจากการคัดเลือกเจ้าสำนัก เดิมนึกว่าครั้งนี้สกุลหลิงได้แต่ยอมแพ้แล้ว แต่ไม่นานหลังจากนั้น หลิงอวิ๋นเฮ่อถึงกับฟื้นฟูระดับการฝึกตนขึ้นมาอีก เปลี่ยนให้เขาเข้าร่วมการคัดเลือกอีกครั้ง

เรื่องนี้พลิกผันกลับไปกลับมา ช่างทำให้คนนอกวิจารณ์กันอย่างสนุกสนานโดยแท้ ในนี้สรุปว่ามีความลับอะไร คนนอกไม่รู้เลย แต่ว่า นี่ไม่ได้หยุดพวกเขาไม่ให้เดากันอย่างคึกคักเลย โม่เทียนเกอฟังถานตงเฉินเล่ามาหลายแบบฉบับขำจนแทบจะกลั้นไม่อยู่

ในนี้มีที่บอกว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อถูกสายตรงสะกดข่ม ไม่ยินยอมถอนตัวจากการคัดเลือกเจ้าสำนัก ดังนั้นวางแผนกลับใส่พี่ชายร่วมตระกูล ยังมีที่บอกว่าพี่ชายร่วมตระกูลคนนั้นวางแผนใส่หลิงอวิ๋นเฮ่อ ผลคือคนคำนวนไม่สู้ฟ้าลิขิต อันที่ตลกที่สุดในนี้กลับเป็นการบอกว่าพี่ชายร่วมตระกูลคนนั้นรักใคร่ลูกผู้น้องคนนี้ถึงสิบส่วน เผอิญว่าหลิงอวิ๋นเฮ่อจิตใจทะเยอทะยานยิ่ง ไม่สนใจเขา เขาจากรักกลายเป็นแค้น คิดแต่จะกดหัวหลิงอวิ๋นเฮ่อไปเสียทุกเรื่อง จึงวางแผนเป็นร้อยเป็นพันไม่อยากให้เขากลายเป็นเจ้าสำนัก น่าเสียดายที่เดินหมากผิดไปตาเดียว สุดท้ายยังกลายเป็นผู้แพ้

ตอนแรกที่ได้ยิน โม่เทียนเกอปากอ้าตาค้าง จากนั้นหัวเราะจนปวดท้องอย่างห้ามไม่ได้ เหล่ามนุษย์เซียนของโลกฝึกเซียนกับปุถุชนพวกนั้นไม่ได้แตกต่างอะไรกันเลย ป้าสามยายหกที่ชอบลิ้นยาวมีไม่น้อยจริง ๆ อย่างน้อยคนที่สามารถคิด “ข่าววงใน” นี้ออกมาจะต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นอันขาด

พูดถึงตอนท้าย โม่เทียนเกอจบบทสนทนากับถานตงเฉินอย่างเต็มอิ่ม ถานตงเฉินได้รับการชี้แนะด้านการฝึกตนมากมาย แล้วยังได้ฟังนางเล่าเรื่องแปลกใหม่ของโพ้นทะเลมากมาย ส่วนนางได้รับทราบสถานการณ์ของสำนักฝึกเซียนจากปากของถานตงเฉินไม่น้อย ยินดีปรีดากันถ้วนหน้า

โม่เทียนเกอบอกลากับถานตงเฉินอย่างพึงพอใจเต็มที่ กำลังจะเดินออกจากโรงน้ำชา จู่ ๆ สัมผัสได้ถึงจิตหยั่งรู้อันกล้าแข็งสายหนึ่งตกลงสู่ร่างของตนเองจากเบื้องหลัง

นางหรี่ตา จิตหยั่งรู้สายนี้ถึงจะกล้าแข็ง แต่ยังไม่ได้สะกดนางอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นมิใช่จิตหยั่งรู้ของผู้ฝึกตนจิตวิญญาณใหม่ แต่หากเป็นจิตหยั่งรู้ของผู้ฝึกตนก่อเกิดตานก็กล้าแข็งเกินไปหน่อยแล้ว! ต้องรู้ว่านางเป็นคนที่ฝึกศาสตร์หลอมจิตวิญญาณ ปัจจุบันนี้ก่อเกิดตานขั้นกลางแล้ว ผู้ฝึกตนก่อเกิดตานขั้นปลายทั่วไป จิตหยั่งรู้ไม่จำเป็นว่าจะกล้าแข็งกว่านาง แต่จิตหยั่งรู้สายนี้กลับกล้าแข็งกว่านางมากอย่างไม่ต้องกังขา

ผู้มาเป็นศัตรูหรือเป็นมิตร? ความคิดในสมองของนางหมุนติ้ว หากบอกว่าเป็นศัตรูก็ไม่ได้มีความก้าวร้าวเลย แต่หากบอกว่าเป็นมิตร เจตนาหยั่งเชิงที่ไม่เก็บงำสักนิดในนี้กลับชัดเจนเกินไปแล้ว!

ขณะที่กำลังคิดอยู่ ข้างหูได้ยินเสียงว่า “กูเหนียงท่านนี้ เห็นชัด ๆ ว่าเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน เหตุใดจะต้องปิดบังระดับการฝึกตนเล่า?!”

นี่เป็นเสียงบุรุษที่ฟังดูคล้ายสตรีอยู่บ้าง เจือความเย็นยะเยือกอันอึมครึม ตอนที่พูด เห็นชัด ๆ ว่าคนไม่ได้อยู่ใกล้ วาจากลับประดุจดังอยู่ข้างหู

โม่เทียนเกอชะงัก ในมือปรากฏแสงวูบขึ้น พัดแห่งสวรรค์และโลกาปรากฏขึ้นในมือทันที สายตาจดจ้องไปที่ห้องข้างปีกขวาอย่างแหลมคม

พร้อมกับการเคลื่อนไหวของนาง ความดุดันที่ยังนับว่าเก็บงำในจิตหยั่งรู้นั้นเพิ่มพูนขึ้นทันที โม่เทียนเกอรู้สึกได้ถึงเจตนาฆ่าฟันที่ถั่งโถมมาทันควัน คล้ายกับต้องการจะกดจิตหยั่งรู้ของนาง

ในพริบตา โม่เทียนเกอกวาดสายตาปราดหนึ่ง พัดแห่งสวรรค์และโลกากางแล้วหุบ เคาะลงบนหลังมือ ม่านคุ้มครองอันไร้สภาพปรากฏขึ้นรอบกาย ปกป้องตนเองอย่างแน่นหนา

“หืม?” เสียงบุรุษนี้อุทาน จากนั้นกลับเจือแววหัวเราะ “น่าสนใจ น่าสนใจจริง ๆ!”

โม่เทียนเกอก็ยิ้ม พัดแห่งสวรรค์และโลกาเคาะลงบนหลังมือ มองไปทางห้องข้าง “สหายเต๋าท่านนี้ อาศัยที่จิตหยั่งรู้กล้าแข็งมารังแกคนอื่น เหมือนจะไม่ดีกระมัง”

เกิดเหตุเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เหล่าผู้รับใช้ของโรงน้ำชาจ้องมองนางอย่างตกตะลึง แต่กลับไม่กล้าเดินขึ้นหน้ามาสักคน ขณะนี้พวกเขาจึงได้ค้นพบว่ากูเหนียงที่ดูอายุเยาว์ท่านนี้ถึงกับเป็นผู้ฝึกตนก่อเกิดตาน!

“รังแก? ฮ่า ๆ!” พร้อมกับเสียงหัวเราะ ประตูของห้องข้างถูกเปิดออก บุรุษชุดดำคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงปากประตู

เห็นเพียงเขาสวมเสื้อคลุมสีดำขอบปักด้ายทองทั้งร่าง หรูหราเป็นพิเศษ รูปลักษณ์อ่อนวัย ใบหน้าดุจจันทร์สารท หล่อเหลาถึงสิบส่วน เพียงแต่ ไม่ว่าจะมองอย่างไร บนใบหน้าขาวกระจ่างของชายหนุ่มผู้หล่อเหลานี้มีกลิ่นอายอันแปลกประหลาด พลังสภาวะที่ปกคลุมร่างเป็นปราณมารอย่างเข้มข้น

ก่อเกิดตานขั้นปลาย! โม่เทียนเกอสีหน้าหนักอึ้ง จ้องมองคนผู้นี้ กำพัดแห่งสวรรค์และโลกาในมืออย่างระมัดระวัง คนผู้นี้จะต้องมิใช่ผู้ฝึกเต๋า ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นผู้ฝึกปีศาจหรือผู้ฝึกมาร

เมื่อเห็นความเคลื่อนไหวของนาง คนผู้นี้กลับยิ้มบาง ๆ “กูเหนียงเป็นก่อเกิดตานขั้นกลางแล้ว จิตหยั่งรั่งกล้าแข็งเช่นนี้ จะพูดว่ารังแกได้อย่างไรเล่า เปิ่นจวินยังไม่แน่ว่าจะชนะท่านเลย”

โม่เทียนเกอร้องหึเสียงเย็น “หากมิได้รังแก เราท่านไม่รู้จักกัน ใต้เท้าใช้จิตหยั่งรู้สะกดข่มหมายความว่าอันใดเล่า”

คนผู้นี้กะพริบตา บนใบหน้าปรากฏสีหน้าตระหนักขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นโค้งกายคำนับ “เช่นนี้กลับเป็นเปิ่นจวินที่ไม่ถูกต้องแล้ว นี่ถือเป็นการคารวะขออภัยต่อกูเหนียงเถอะ อ้อ ขอแนะนำตัวกับกูเหนียงอย่างเป็นทางการ เปิ่นจวินมีนามว่าเสวียนเยว่ ผู้คนเรียกขานว่าประมุขมารเสวียนเยว่ ไม่ทราบชื่อแซ่สูงส่งของกูเหนียงคือ?”

……………………………

*แขนเสื้อยาวระบำงาม (长袖善舞) สำนวนแปลว่า มีเงินและอำนาจจะทำอะไรก็ง่ายดาย (คนที่สวมเสื้อที่แขนปล่อยชายยาว ๆ = มีเงิน )

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

หนึ่งเซียนยากเสาะหา

Status: Ongoing
ในฐานะผู้ฝึกตนหญิง ถนนสู่อมตะต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายนัก คุณสมบัติ, วิชา, ยา, อาวุธเวท ล้วนไม่อาจขาดสักสิ่ง อารมณ์, ความอ่อนแอ, ความเมตตา, ความโลภ ล้วนไม่อาจมากสักสิ่ง ไม่มีของสิ่งแรก การฝึกจะช้าเกินไป ของสิ่งหลังมาก จะตายเร็วเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น หน้าตาต้องไม่มากไม่น้อย สติปัญญาต้องไม่มากไม่น้อย งดงามเกินไปย่อมจะถูกผู้ฝึกตนระดับสูงบังคับไปเป็นอนุ อัปลักษณ์เกินไปพบปะผู้คนจะถูกรังเกียจชนกำแพงไปทุกที่ ฉลาดเกินไปจะกลายเป็นนกโผล่หัวที่ถูกตี โง่เกินไปถูกขายแล้วยังช่วยคนนับเงิน ม่อเทียนเกอนึกว่าอย่างไหน ๆ ล้วนสามารถทำได้ แต่ดันมีเรื่องน่าตายเพิ่มขึ้นมาหนึ่งอย่าง ถนนเซียนสายนี้ จะเดินทางอย่างสงบสุขได้อย่างไร

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท