ตอนที่ออกมาจากบ้านของเวินอี๋ ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว มีฝนโปรยปรายลงมา บนท้องถนนมีแสงไฟสลัว แม้แต่แท็กซี่ก็ยังไม่มี
เหลิ่งรั่วปิงกางร่ม ยืนรอรถเมล์ตรงป้ายรถเมล์
ภายในใจของเธอรู้สึกหนักอึ้ง ฟังเสียงฝนที่โปรยลงมาในฤดูใบไม้ผลิ ก้มหน้ามองเท้าตนเองพร้อมกับคิดเรื่องต่างๆ นั่นเป็นภาพที่สวยมาก หญิงสาวหน้าตาดีสวมเสื้อกันหนาวสีขาวตัวยาว เธอกางร่มสีเหลืองอ่อน ยืนอยู่ริมถนนแล้วมองมาเงียบๆ แสงไฟข้างถนนสีส้มส่องไปยังสายฝน ราวกับเป็นแสงสว่างในความฝัน บางเวลามีรถขับผ่าน บางเวลามีคนเดินผ่าน แต่เธอกลับไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ราวกับเป็นภาพวาด
ผ่านไปนานครู่หนึ่ง มีรถคันสีดำเทียบจอดตรงหน้าเธอ กระจกรถเลื่อนลงมาช้าๆ คนที่อยู่ในรถทำให้เธอตกใจ
“อาเธอร์?” เหลิ่งรั่วปิงอ้าปากกว้างด้วยความตกใจ
อาเธอร์คลายยิ้ม ส่งสายตาบอกให้เหลิ่งรั่วปิงขึ้นรถ เหลิ่งรั่วปิงมองซ้ายมองขวาว่ามีใครน่าสงสัยไหม เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครสะกดรอยตาม เธอจึงหุบร่มแล้วเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ
น้ำบนถนนกระทบกับความเร็วของรถทำให้เกิดเป็นคลื่น ราวกับเป็นรถปีศาจที่อยู่ในความมืด พุ่งตัวออกไปด้วยความรวดเร็ว
รถวิ่งอยู่บนสะพาน ด้านนอกหน้าต่างมีเสียงฝนตก แต่ภายในรถกลับอบอุ่นมาก เหลิ่งรั่วปิงเช็ดผมที่เปียกเล็กน้อยของตน แล้วหันไปถามอาเธอร์ “คุณมาเมืองหลงได้ยังไงคะ”
“เจ้าวิหารสั่งให้ผมมาดูว่าคุณเป็นยังไงบ้าง”
พูดถึงซือคงอวี้ เหลิ่งรั่วปิงกระวนกระวายเล็กน้อย “เขารู้เรื่องนั้นหรือยัง”
“เพราะว่าเจ้าวิหารยังไม่รู้นี่แหละ ผมถึงเป็นห่วง”
“อาเธอร์ เรื่องของฉันคุณสืบได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว”
“ทั้งหมด” อาเธอร์เป็นคนพูดสั้นๆ ได้ใจความเสมอ สีหน้าของเขาเรียบเฉย
มือของเหลิ่งรั่วปิงสั่นเทา “คุณคิดจะรายงานเรื่องให้เจ้าวิหารไหม”
“คุณรู้ดีว่าผมไม่มีวันทำร้ายคุณ” อาเธอร์หันมามองเหลิ่งรั่วปิง “แต่ยังมีอีกคนที่มาพร้อมกับผม เธอคนนั้นคือหลินมั่นหรู”
หลินมั่นหรู? หัวใจของเหลิ่งรั่วปิงเต้นแรง หลินมั่นหรูไม่ชอบเธอเท่าไหร่ เพราะซือคงอวี้ หลินมั่นหรูจึงอยากกำจัดเธอทิ้ง
“สิ่งที่ผมสามารถสืบได้ หลินมั่นหรูเองก็สามารถสืบได้แน่นอน เป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น” อาเธอร์พูดเสียงเรียบ “ทำไมต้องเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยด้วย คุณรู้ดีหนิว่าเจ้าวิหารคิดยังไงกับคุณ”
อาเธอร์รู้ เพื่อการแก้แค้น เหลิ่งรั่วปิงจำเป็นต้องหลอกใช้หนานกงเยี่ย แต่จากความสามารถของเธอ เขาไม่มีทางบีบบังคับเธอได้
“เพราะฉันรู้นั่นแหละ ฉันถึงต้องทำแบบนี้”
อาเธอร์มองดูเหลิ่งรั่วปิงด้วยความไม่เข้าใจ “เพราะอะไร คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบอะไรบ้าง คุณแน่ใจหรอว่าตนเองสามารถรับมือกับความโกรธของเจ้าวิหารได้” ทุกคนในวิหารต่างรู้ดีถึงความน่ากลัวและโหดเหี้ยมของซือคงอวี้ ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่กล้าเสี่ยง
แน่นอนว่าเหลิ่งรั่วปิงก็รู้ดี แต่เธออยากจะสู้เพื่ออิสรภาพของตนเอง “อาเธอร์ คุณรู้ดีว่าฉันไม่อยากเป็นผู้หญิงของเขา เขาเป็นผู้สืบทอดวิหาร ภรรยาของเขาต้องเป็นคนจากราชวงศ์เท่านั้น ส่วนฉันเป็นได้แค่นางบำเรอที่ไม่มีวันเห็นเดือนเห็นตะวัน”
“…” อาเธอร์เงียบ เรื่องนี้เขารู้ดี
“อีกอย่าง ฉันไม่อยากเป็นนางฟ้ารัติกาลอีกต่อไปแล้ว ฉันไม่อยากฆ่าคน ฉันอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติทั่วๆ ไป”
อาเธอร์หันหน้ามาด้วยความตกใจ “คุณคิดจะถอนตัวออกจากวิหาร?” พวกเขาเติบโตในวิหารตั้งแต่เล็ก เกิดก็เป็นคนของวิหาร ตายก็เป็นผีเฝ้าวิหาร ความคิดนี้ฝังอยู่ในจิตใจ ด้วยเหตุนี้ความคิดของเหลิ่งรั่วปิงจึงทำให้อาเธอร์ตกใจมาก
“ใช่ ดังนั้นฉันต้องเป็นผู้หญิงของคนอื่นก่อน เจ้าวิหารจะได้รังเกียจฉัน ไม่ต้องการฉันอีก”
“แต่ว่า คุณไม่กลัวเจ้าวิหารฆ่าคุณหรือไง” นัยน์ตาของอาเธอร์ฉายความกังวล สำหรับเขาเหลิ่งรั่วปิงคือญาติคนสนิท กว่าจะมีวันนี้ได้ พวกเขาผ่านความเป็นความตายมาด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน สนิทกันเสียยิ่งกว่าพี่น้องในสายเลือด
“ถ้าเพื่ออิสรภาพ ให้ตายสักครั้งก็ไม่เป็นไร” เหลิ่งรั่วปิงมองไปด้านหน้าด้วยความมุ่งมั่น ถึงแม้สายฝนกำลังโปรยปรายลงมา แต่เธอกลับเห็นถนนที่ทอดไปไกลสุดลูกหูลูกตา แม้ว่าเส้นทางนั้นจะไม่ใช่เส้นทางดี แต่เธอก็อยากจะลองดูสักครั้ง
“รั่วปิง…” อาเธอร์ขมวดคิ้วเป็นปมด้วยความปวดใจ เขารู้ว่าตนเองควรจะพูดอะไรดี อาเธอร์รู้จักเหลิ่งรั่วปิงดี เธอเป็นคนที่ตัดสินใจทำอะไรแล้วไม่มีวันเปลี่ยนใจง่ายๆ ดังนั้นจึงหมดคำจะพูด สุดท้ายเขาจับมือของเธอเอาไว้ “ถ้าคุณยืนกรานทำแบบนี้ ผมก็ยินดีช่วยคุณ”
เหลิ่งรั่วปิงจับมือของเขาเอาไว้ พูดด้วยความยากลำบาก “อาเธอร์ ขอบคุณนะคะ”
อาเธอร์ยิ้ม ไม่ได้พูดะไรอีก ความสัมพันธ์ที่ยอมเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มาก
รถขับลงมาจากสะพาน จอดเทียบข้างทาง อาเธอร์พูดขึ้น “คุณอยากลงรถจากรถแถวไหน”
“ตรงนี้ค่ะ จะให้ใครรู้ว่าฉันเป็นใครไม่ได้เด็ดขาด”
“อื้ม ระวังตัวหน่อยนะ มีเรื่องอะไรติดต่อผมทันที” อาเธอร์เองก็ต้องปิดบังไม่ให้ใครรู้ว่าตนเป็นใคร ถ้าหากถูกจับได้ ความตายเท่านั้นถึงจะสามารถไถ่โทษซือคงอวี้ได้ นี่คือจิตวิญญาณของสายลับ
เหลิ่งรั่วปิงยิ้มด้วยความซึ้งใจ เธอหยิบร่มเตรียมลงจากรถ ทว่ายังไม่ทันได้เปิดประตูรถ ตรงหน้ามีหญิงสาวสวมเสื้อกันฝนยืนขวางเอาไว้ ร่มคันดำของเธอรวมเป็นหนึ่งกับท้องฟ้ายามค่ำคืน
หญิงสาวเดินไปตรงหน้ารถ เลื่อนร่มขึ้นสูง เผยให้เห็นใบหน้างดงาม
ผู้หญิงคนนี้คือหลินมั่นหรู
ตอนที่เธอเห็นเหลิ่งรั่วปิง หลินมั่นหรูคลายยิ้ม รอยยิ้มของเธอราวกับกุหลาบอาบยาพิษ
อาเธอร์ขมวดคิ้ว รีบเลื่อนกระจกรถลงทันที “หลินมั่นหรู ทำอะไรของคุณ รีบขึ้นรถเร็วเข้า!”
ริมฝีปากกระจับของหลินมั่นหรูกระตุกขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยกระพริบไปมา เอื้อมเปิดประตูหลังรถด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เธอเข้าไปนั่งหลังรถ พูดเสียงเหี้ยม “นางฟ้ารัติกาล ไม่ได้เจอกันนาน”
“ไม่ได้เจอกันนาน กุหลาบพิษ” เหลิ่งรั่วปิงก้าวเท้าที่กำลังจะเดินลงจากรถกลับเข้ามา มุมปกของเธอแสยะยิ้ม เธอรู้ดีว่าหลินมั่นหรูคงสืบเรื่องของเธอได้หมดแล้ว วันนี้คงไม่จบลงง่ายๆ
อาเธอร์เองก็เหมือนกัน หลินมั่นหรูไม่ใช่คนที่จะรับมือได้ง่ายๆ เขาจึงสตาร์ทรถ ขับรถมุ่งหน้าไปยังวิลล่าแถบชานเมือง ซึ่งเป็นที่พักชั่วคราวของพวกเขาในเมืองหลง
เหลิ่งรั่วปิงรีบถอดแบตโทรศัพท์ออกทันที ถ้าหนานกงเยี่ยหาเธอไม่เจอ เขาต้องตามหาเธอจากสัญญาณโทรศัพท์แน่ๆ เขาเจอตัวเธอไม่ได้เด็ดขาด
เข้าไปยังวิลล่า ภายในห้องโถงขนาดใหญ่ เหลิ่งรั่วปิงยืนประจันหน้ากับหลินมั่นหรู สายตาของทั้งสองกำลังต่อสู้กัน ตรงกลางมีโซฟาและโต๊ะกั้นกลางไว้ แววตาเหี้ยมโหดที่มองกันนั้นแทบจะทำลายทุกอย่างในห้อง
อาเธอร์ปิดประตูหน้าต่าง เดินไปยืนข้างๆ เหลิ่งรั่วปิง เขาหันหน้าไปหาหลินมั่นหรู “หลินมั่นหรู คุณคิดจะทำอะไรของคุณ”
หลินมั่นหรูกระตุกยิ้ม “ฉันทำภารกิจที่เจ้าวิหารมอบหมายให้สำเร็จแล้ว” ขณะที่พูด หลินมั่นหรูหยิบโทรศัพท์ออกมา “นางฟ้ารัติกาล ถ้าฉันโทรศัพท์ไปรายงานเจ้าวิหารตอนนี้ บอกเขาว่าผู้หญิงที่เขาเฝ้าคิดถึงกำลังหักหลังเขาอยู่ เธอคิดว่าเจ้าวิหารจะทำยังไง”
“…” ม่านตาของเหลิ่งรั่วปิงหดเล็ก เธอจ้องเขม็งไปที่โทรศัพท์ของหลินมั่นหรู ถึงแม้เหตุผลที่เธอยอมเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ย เป็นเพราะต้องการให้ซือคงอวี้รังเกียจเธอ แต่ว่าตอนนี้ยังถึงเวลาที่ควรจะบอกความจริงข้อนี้กับเขา
“ฮ่าๆๆ…” หลินมั่นหรูหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “นางฟ้ารัติกาล เธอคิดว่าเจ้าวิหารจะจับตัวเธอกลับไปทรมานไหม หรือว่าจะสั่งให้ฉันลงโทษเธอที่นี่?”
เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “มันก็ต้องดูว่า เธอจะมีลมหายใจเหลือให้โทรศัพท์ไปรายงานเจ้าวิหารไหม” มือของเธอจับใบมีดเอาไว้ ขอเพียงแค่หลินมั่นหรูกล้ากดโทรออก เธอก็พร้อมจะเชือดคอของผู้หญิงตรงหน้า
ทว่าหลินมั่นหรูกลับไม่กลัว ยิ้มอย่างยียวน “เธอกล้าฆ่าฉันหรอ ถ้าฉันตายที่เมืองหลง เจ้าวิหารต้องส่งคนมาสืบเรื่องนี้ถึงเมืองหลงแน่ เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะตายเร็วขึ้น”
เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้พูดอะไร เพราะหลินมั่นหรูพูดถึง สายสืบของวิหาร ล้วนเป็นคนที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดี เป็นคนที่ถูกฝึกฝนมากอย่างหนัก ถึงแม้ไม่สามารถป่าวประกาศให้ใครรู้ได้ แต่กลับเป็นส่วนสำคัญของวิหาร วิหารไม่มีวันทอดทิ้งสายลับของพวกเขาง่ายๆ
“หลินมั่นหรู การที่ฉันตัดสินใจเลือกผู้ชายคนอื่น มันดีกับเธอไม่ใช่หรอ เธอจะได้มีโอกาสเข้าใกล้เจ้าวิหารมากขึ้น?” เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าการไม่มีเรื่องกันจะดีที่สุด เธอตัดสินพูดเกลี้ยกล่อมให้หลินมั่นหรูปล่อยเรื่องนี้ไป
หลินมั่นหรูยังคงแสร้งยิ้ม พูดด้วยเสียงเกียจค้าน “เธอพูดถูก แต่ถ้าเธอตายฉันก็จะยิ่งมีโอกาส”
“หลินมั่นหรู!” อาเธอร์คว้าปืนออกมา เล็งไปที่หลินมั่นหรู “ผมสามารถยิงคุณทิ้งตอนนี้ได้เลย จากนั้นค่อยกลับไปขอโทษเจ้าวิหารว่าปืนของผมลั่น”
ในที่สุดรอยยิ้มบนใบหน้าของหลินมั่นหรู ก็แปรเปลี่ยนเป็นความหวาดกลัว “อาเธอร์ คุณยอมตายเพื่อเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอเคยเห็นใจคุณไหม คุณชอบเธอมาตั้งหลายปี สุดท้ายก็ได้แต่มองดูเธอตกเป็นของผู้ชายคนอื่นไม่ใช่หรือไง”
“หลินมั่นหรู!” อาเธอร์จับปืนแน่น กัดฟันกรอด “อย่ามาพูดให้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับรั่วปิงต้องแปดเปื้อน พวกเราร่วมเป็นร่วมตายด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเรามันลึกซึ้งกว่าคนทั่วไป ผู้หญิงใจคออัมหิตอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจหรอก”
เหลิ่งรั่วปิงเงียบ “อาเธอร์ ไม่จำเป็นต้องพูดเรื่องความจริงใจที่เรามีต่อกันให้ผู้หญิงคนนี้ฟังหรอก พูดไปสามวันสามคืนเธอก็ไม่มีวันเข้าใจ”
หลินมั่นหรูเลิกคิ้วขึ้น เธอหยิบปืนที่แนบลำตัวออกมา เล็งไปที่เหลิ่งรั่วปิง “อาเธอร์ เรามาดูสิว่าปืนใครจะเร็วกว่ากัน วินาทีที่กระสุนของคุณระเบิดหัวใจฉัน เป็นวินาทีเดียวกับที่ปืนของฉันจะดับชีวิตเหลิ่งรั่วปิง!”
เหลิ่งรั่วปิงยักคิ้วด้วยความเย็นชา มุมปากของเธอเผยรอยยิ้มดูถูก “หลินมั่นหรู เธอลืมไปแล้วหรอ สิ่งที่เธอถนัดที่สุดไม่ใช่ปืน มีดของฉันเร็วกว่าลูกปืนเธออีก” ขณะที่พูด เหลิ่งรั่วปิงหรี่ตาลง หยิบใบมีดในมือขึ้นมาแล้วเล็งไปที่หน้าอก แววตาของเธอคมเฉียบเหมือนมีด แผ่ความเย็นยะยือกออกมา
มือของหลินมั่นหรูที่กำลังจับปืนสั่นเทา เธอเคยเห็นมีดบินของเหลิ่งรั่วปิงมาก่อน มันเร็วกว่าลูกปืนจริงๆ ทักษะการยิงปืนและใช้มีดของเหลิ่งรั่วปิง ซือคงอวี้เป็นคนสอนเองกับมือ เธอได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี
ทั้งสองฝ่ายยืนประจันหน้ากันอยู่นาน ราวกับอากาศในห้องถูกแช่แข็ง
สุดท้าย หลินมั่นหรูลดปืนลงด้วยความหวาดกลัว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ไม่ง่ายเลยกว่าเธอจะรู้จุดอ่อนของเหลิ่งรั่วปิง อยากใช้โอกาสนี้ทำให้ซือคงอวี้รังเกียจเธอและฆ่าเธอให้ตาย แต่ตอนนี้เธอยังทำแบบนั้นไม่ได้ เกรงว่ามีดบินของเหลิ่งรั่วปิงคงจะเชือดเธอก่อนที่เธอจะได้ทำมัน ถ้าเธอตาย สิ่งที่ทำไปทั้งหมดจะมีความหมายอะไร
เหลิ่งรั่วปิงยกมุมปากขึ้นด้วยความพอใจ เธอหยิบกล่องไม้เล็กๆ ออกมา นี่เป็นของขวัญที่ถังเฮ่าให้เธอตอนเจอกันครั้งแรกที่ไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ บนกล่องมีตราสัญลักษณ์ตระกูลถังประทับเอาไว้
“อาเธอร์ เอายานี่ให้เธอกิน” เหลิ่งรั่วปิงจ้องเขม็งไปที่หลินมั่นหรู แล้วยื่นกล่องไม้ที่ว่าให้กับอาเธอร์
อาเธอร์ไม่ถามเหตุผล เขารับกล่องไม้จากเหลิ่งรั่วปิง แล้วเดินไปตรงหน้าหลินมั่นหรู จับคางของเธอแล้วยัดยาเข้าไปในปาก ยาละลายในปากของเธอ หลินมั่นหรูฝืนกลืนลงไป