เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 172 ฝากก่วนอวี้ดูแลอวี้หลานซี

เดิมพันเสน่หา

มู่เฉิงซีฉลาดมาก หลังจากได้ฟังคำพูดของหนานกงเยี่ย เขาก็เข้าใจทันทีว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรื่องที่ฉู่หนิงซยานอนเป็นเจ้าหญิงนิทราสามปีแล้วตื่นขึ้นมานั้น เป็นข่าวใหญ่ที่แม้แต่ ‘Global Times’ ก็รายงาน การตื่นขึ้นมาครั้งนี้ถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ มู่เฉิงซีเคยเห็นข่าวนี้แล้ว “ฉันเข้าใจ แกสบายใจเถอะ คืนนี้ฉันจะพาเวินอี๋ไปแน่นอน และจะกำชับถังเฮ่ากับไป่หันด้วย”

กลับมาก็ดีแล้ว ไม่ว่าเหลิ่งรั่วปิงจะใส่หน้ากากหรือไม่ใส่หน้ากาก แต่สุดท้ายเธอก็กลับมาแล้ว เธอกลับมา หนานกงเยี่ยจะได้ไม่เป็นศพเดินได้อีก คนรอบตัวเขาจะได้สบายใจขึ้นด้วย

หลังจากวางสายของหนานกงเยี่ย มู่เฉิงซีทำเหมือนฉลองให้กับงานใหญ่อย่างไรอย่างนั้น เขารีบโทรหาถังเฮ่าและอวี้ไป่หันทันที

หนานกงเยี่ยขับรถไปที่บริษัทอย่างมีความสุข ตอนที่เขาเพิ่งก้าวเท้าเดินออกมาจากลิฟต์ส่วนตัวของประธาน ก็เห็นก่วนอวี้ยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูเหมือนมีเรื่องหนักใจ

“คุณชายเยี่ย มาแล้วเหรอครับ”

“อื้ม ยืนอยู่ตรงนี้ทำไม”

“…คุณอวี้มาครับ” ก่วนอวี้พูดด้วยความลำบากใจ ชำเลืองมองสีหน้าของหนานกงเยี่ย ภายในใจของเขามีหลุมดำปรากฏฎออกมา “รออยู่ในห้องทำงานของคุณครับ”

เขานึกว่าคำพูดมากมายที่เขาบอกอวี้หลานซีในวันนั้น จากความฉลาดของเธอ เธอต้องเข้าใจทุกอย่าง แต่ดูจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอยังคงดึงดันเหมือนเดิม ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ไม่ส่งผลดีต่อทั้งเธอและหนานกงเยี่ยแน่

หนานกงเยี่ยเงียบอยู่พักหนึ่ง หันหลังเดินไปที่ห้องประชุมเล็ก พร้อมบอกกับก่วนอวี้ “ตามฉันมา”

สีหน้าของหนานกงเยี่ยนิ่งมาก นิ่งเหมือนน้ำบาดาล ก่วนอวี้อ่านไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ทำได้เพียงเดินตามไปอย่างว่าง่าย

เมื่อไปถึงห้องประชุมเล็ก หนานกงเยี่ยวางกระเป๋าเอกสาร นั่งลงบนเก้าอี้ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองก่วนอวี้ด้วยสีหน้าจริงจัง “นั่งสิ”

“?” ก่วนอวี้เงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ ถึงแม้เขากับหนานกงเยี่ยจะโตมาด้วยกัน ตัวติดกับหนานกงเยี่ยตลอดเวลา ผูกพันและยอมตายแทนหนานกงเยี่ยได้ แต่ฐานะของเขากับหนานกงเยี่ยแตกต่างกัน เขาไม่เคยคิดที่จะเสียมารยาท

“พอได้แล้ว ตอนนี้ไม่มีคนนอก นั่งเถอะ” หนานกงเยี่ยรู้ว่าก่วนอวี้เป็นกังวลเรื่องอะไร

“ครับ” ก่วนอวี้นั่งลงด้านข้างหนานกงเยี่ย

“ก่วนอวี้ นายชอบหลานซีใช่ไหม” หนานกงเยี่ยพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทำให้คนฟังเดาไม่ออกว่าเขารู้สึกอย่างไรยังไง

“!!!” เสียงของหนานกงเยี่ยดังก้องหูก่วนอวี้ เขาตกใจจนรีบลุกขึ้นยืน “คุณชายเยี่ย ผมไม่กล้าครับ”

ความรู้สึกที่เขามีต่ออวี้หลานซี เขาทำได้เพียงเก็บเอาไว้ในใจ หนึ่งเป็นเพราะชาติกำเนิดของเขา ถึงแม้อวี้หลานซีจะเป็นลูกเลี้ยงของตระกูลหนานกง แต่ถึงยังไงก็เป็นเจ้านาย ส่วนเขาเป็นแค่ลูกน้อง สองเป็นเพราะไม่ว่าหนานกางเยี่ยจะไม่ได้รู้สึกอะไรกับอวี้หลานซี แต่เธอก็เป็นสะใภ้ตระกูลหนานกงที่ท่านหนานกงเลือกเอาไว้ การที่เขาคิดอะไรไม่ซื่อกับเธอคือโทษตาย

หนานกงเยี่ยพยายามฉายความเมตตาออกมาจากแววตาของเขา มุมปากของเขายกขึ้น คลี่ยิ้มบางๆ “ก่วนอวี้ นายไม่ต้องกลัว ฉันรู้มานานแล้วว่านายชอบหลานซี ในเมื่อนายชอบเธอก็จีบเธอสิ ฉันไม่ถือสาหรอก ถ้านายสามารถทำให้เธอหมดรักฉันได้ ฉันจะดีใจมาก และถ้าพวกนายสองคนรักกัน ฉันจะให้ของขวัญชิ้นใหญ่กับนาย”

“คุณชายเยี่ย…” ก่วนอวี้มองหนานกงเยี่ยด้วยความซึ้งใจ แต่เขายังคงไม่กล้าก้าวข้ามสถานะนี้ การที่เขาอยู่ตรงนี้สามารถปกป้องเธอเงียบๆ แต่ถ้าเขาก้าวข้ามสถานะในตอนนี้ไป เขากลัวว่าทุกอย่างจะไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีก

“ไม่ตรงกลัว นายเองก็รู้ดี ฉันไม่ได้รักหลานซี เหลิ่งรั่วปิงต่างหากที่เป็นผู้หญิงที่ฉันจะแต่งงานด้วย หลานซีเป็นเหมือนญาติของฉัน ฉันอยากให้เธอมีความสุข ถ้าชีวิตที่เหลือของเธอมีนายคอยดูแล ฉันจะสบายใจมาก”

“แต่ว่า…” คิ้วเข้มของก่วนอวี้ขมวดเป็นปม มือทั้งสองข้างที่วางระนาบกับกางเกงทำตัวไม่ถูก

“ฉันจะหาวิธีคุยกับพ่อเอง นายแค่เอาชนะใจหลานซีก็พอแล้ว” หนานกงเยี่ยลุกขึ้นตบหัวไหล่ก่วนอวี้เบาๆ “หลังจากนี้ฉันจะลดงานของนายให้น้อยลง นายคอยไปอยู่กับหลานซีเถอะ”

พูดจบ หนานกงเยี่ยก็เดินออกไปจากห้องประชุม ก่วนอวี้มองดูแผ่นหลังของเขาด้วยความซาบซึ้ง ตื้นตัน ในที่สุดเขาก็มีโอกาสจีบผู้หญิงที่เขารักแล้ว เขาชอบเธอตั้งแต่ตอนที่เธอเป็นแค่เด็กสาวอายุสิบขวบ แต่เขาไม่เคยกล้าที่จะเพ้อฝัผัน ตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาได้แต่เก็บความรู้สึกนี้เอาไว้ ในที่สุดวันนี้เขาก็สามารถปล่อยความรู้สึกของตนเองออกมาได้

หนานกงเยี่ยเดินเข้าไปในห้องทำงาน อวี้หลานซีรีบลุกขึ้นด้วยความดีใจและหวาดกลัว ดวงตากลมโตน้ำตาคลอเบ้ามองไปที่เขา เธออยากขยับเข้าไปใกล้แต่ก็กลัวหนานกงเยี่ยจะรำคาญ “เยี่ย ได้ยินว่าคุณกลับมาจากประเทศเอ้าตูแล้ว ฉันต้มซุปมาให้ค่ะ”

หนานกงเยี่ยมองปิ่นโตเก็บความร้อนบนโต๊ะ แววตาของเขาปฏิเสธออกมา “หลานซี ผมเพิ่งกินข้าวเสร็จ กินไม่ไหวแล้ว คุณเอากลับไปเถอะ”

“ถ้าอย่างนั้น…เก็บเอาไว้กินตอนเย็นก็ได้นี่หนิคะ”

“เย็ย้นนี้ผมมีธุระต้องออกไปข้างด้านนอก คุณเอาไปให้ก่วนอวี้กินเถอะ เขายังไม่ได้กินข้าว” หนานกงเยี่ยกดโทรศัพท์ภายใน สั่งให้ก่วนอวี้เข้ามา แล้วมองไปที่อวี้หลานซี “ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว คุณอยากซื้ออะไรหรืออยากทำอะไร ให้ก่วนอวี้ไปซื้อเป็นเพื่อนคุณนะ”

“คุณชายเยี่ย” ก่วนอวี้เปิดประตูเข้ามา มองอวี้หลานซีอย่างลุ่มลึก จากนั้นหันกลับไปมองหนานกงเยี่ย

“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้าเล็กน้อย ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ “ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก ตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว นายพาหลานซีไปซื้อของหน่อย” มือเรียวยาวชี้ไปที่ปิ่นโตเก็บความร้อน “นั่นเป็นน้ำซุปที่หลานซีทำ นายเอาไปกินซะ อย่าสิ้นเปลือง”

“ครับ” ก่วนอวี้ถือปิ่นโตเก็บความร้อนเอาไว้ มองไปที่อวี้หลานซี “ไปกันเถอะครับ”

อวี้หลานซีมองหน้าหนานกงเยี่ยด้วยความอาลัยอาวรณ์ ภายในใจของเธอเจ็บปวดและผิดหวัง เป็นแบบนี้อยู่ร่ำเรื่อยไป เธอมาด้วยความหวังเต็มเปี่ยม หวังว่าท่าทีที่เขามีต่อเธอจะเปลี่ยนไปบ้าง แต่ทุกครั้ง เธอกลับผิดหวังมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะท่าทีของเขาไม่เพียงแต่ไม่ดีขึ้น ในทางกลับกันเขาเย็นชามากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่เหลิ่งรั่วปิงไปจากเขา แววตาที่เขามองมาที่เธอ นอกจากความเย็นชาแล้วก็คือความเย็นชา ก่วนอวี้พูดถูก ถ้าไม่ใช่เพราะยังมีความผูกพันหลงเหลืออยู่ เธอคงตายด้วยมือของหนานกงเยี่ยเป็นหมื่นครั้งแล้ว

เริ่มตั้งแต่เมื่อไรหร่กันที่ เธอกับเขาเดินมาถึงขั้นนี้?

เธอทำอะไรผิดหรือ

อวี้หลานซีกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา เธอฝืนยิ้ม “ค่ะ ฉันไปก่อนนะคะ เยี่ย คุณดูแลตัวเองด้วย”

“อืม” หนานกงเยี่ยก้มหน้าอ่านเอกสาร พร้อมกับพยักหน้าให้เธอ ไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เขาเคยบอกแล้ว เขาจะไม่ให้ความหวังกับเธออีก ดังนั้นเขาควรที่จะเย็นชากับเธอให้ถึงที่สุด

อวี้หลานซีหยิบเสื้อกันหนาวแล้วเดินออกไป เดินออกไปจากห้องทำงาน น้ำตาเม็ดโตก็ร่วงหล่นลงมา

ก่วนอวี้ปิดประตูลงเบาๆ สูดลมหายใจเข้า กุมมือเธอเอาไว้ “ไปกันเถอะครับ ผมไปซื้อของเป็นเพื่อนคุณเอง”

อวี้หลานซีชะงัก ก้มหน้ามองมือใหญ่ของเขาที่กุมมือเธอเอาไว้ ความอบอุ่นจากฝ่ามือแผ่ซ่านไปทั้งตัว นี่คือความรู้สึกถูกรักและทะนุถนอมจากผู้ชายหรือ

ทว่า ทำไมคนที่จับมือเธอถึงไม่ใช่หนานกงเยี่ย เธอเป็นผู้หญิงของหนานกงเยี่ยนะ!

เมื่อคิดได้แบบนี้ อวี้หลานซีราวกับถูกไฟช็อต เธอรีบชักมือกลับ หัวใจเต้นแรงไม่หยุด

แววตาของก่วนอวี้ฉายความผิดหวังออกมา ในเรื่องของความรักอวี้หลานซีเป็นคนที่ยึดติดกับมันมาก เขาเองก็เหมือนกัน การที่คนหัวดื้อคนหนึ่งต้องการเอาชนะคนหัวดื้ออีกคนหนึ่ง จำเป็นต้องใช้เวลานาน ทว่าก่วนอวี้เป็นคนมีความอดทน เขายิ้มอย่างอ่อนโยน จับมือของเธออีกครั้ง “ไปกันเถอะครับ”

เข้าไปในลิฟต์ อวี้หลานซีดึงมือตนเองกลับ “ก่วนอวี้ ฉันไม่ชอบนาย” วันนั้นก่วนอวี้เป็นคนบอกอย่างชัดเจนว่าเขาชอบเธอ ตอนนี้ยังมาทำดีกับเธออีก แม้แต่คนโง่ก็มองออกว่าเขาจะจีบเธอ

“ผมรู้” ก่วนอวี้ตอบเสียงเรียบ

อวี้หลานซีเงยหน้าขึ้นด้วยความแปลกใจ มองดูใบหน้าหล่อเหลาที่แสนคุ้นเคย เหมือนว่าวันนี้เขาจะแตกต่างกว่าทุกวัน นอกจากความเป็นห่วงและการทะนุถนอมของเขาแล้ว วันนี้มันมีความรู้สึกอยากครอบครองแผ่ออกมาด้วย แววตาเป็นประกายของเขามองมาไปที่หน้าเธอ เหมือนจะมองจนอ่านใจเธอออก ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

เธอรีบหันหน้าหนี “ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้หรอก นายอย่าเสียเวลาเลย”

“ผมอยากจะลองครับ หลานซี ผมรอคุณให้โอกาสผมสักครั้ง” ก่วนอวี้มองผู้หญิงตรงหน้าด้วยแววตาลุ่มลึก เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในชีวิตที่เขาชอบ “ผมเชื่อว่าคุณชายเยี่ยต้องให้โอกาสพวกเรา”

เวลานี้ ประตูลิฟต์เปิด อวี้หลานซีก้าวเท้าออกไปด้วยความกระวนกระวาย จนเกือบจะชนกับเสา ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ด้านหลังคว้าตัวเธอได้ทันเวลา “ระวัง”

อวี้หลานซีเหมือนโดนน้ำร้อนลวก เธอรีบผละออกจากอ้อมกอดของก่วนอวี้ แล้วรีบวิ่งออกไป ก่วนอวี้กระตุกมุมปากขึ้น เดินถือปิ่นโตเก็บความร้อนตามออกไป

นั่งอยู่บนรถ ก่วนอวี้เอี้ยวตัวไปรัดเข็มขัดนิรภัยให้กับอวี้หลานซี กลิ่นของเขาโอบล้อมหญิงสาวที่เวลานี้กำลังว้าวุ่นใจ เธอหยุดชะงักหน้าแดงเหมือนลูกมะเขือเทศสุก

เมื่อก่อนก่วนอวี้ก็เป็นห่วงเธอ ปกป้องเธอเป็นอย่างดี แต่การกระทำของเขารักษามารยาทมาก และรักษาระยะห่างอย่างดี เขาไม่เคยเข้าใกล้เธอขนาดนี้มาก่อน แววตาที่มองก็ไม่เคยร้อนรุ่มเหมือนตอนนี้

การที่รู้ว่าเขาชอบเธอมันก็เรื่องหนึ่งนี้ แต่การสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เขามีต่อเธอก็อีกเรื่องหนึ่ง อวี้หลานซีตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูก ไม่เคยมีผู้ชายคนไหน มองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรัก ทะนุถนอมเธอ หรือว่าผู้หญิงที่ถูกผู้ชายรักล้วนรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้?

รัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ก่วนอวี้ยิ้มแล้วดึงมือกลับ เขาเปิดปิ่นโตเก็บความร้อน จากนั้นดื่มน้ำซุปจนหมด สีหน้าของเขาตอนที่ดื่มน้ำซุปเหมือนกำลังกินอาหารเลิศรส “หลานซี ฝีมือคุณไม่เลวเลยนะครับ” เขายิ้มอีกครั้ง พูดด้วยเสียงแหบพร่า “เทียบกับเอาให้คุณชายเยี่ย แล้วถูกปฏิเสธทุกครั้ง จนสุดท้ายเย็นชืด ต้องเททิ้ง สู้มาให้ผมกินดีกว่า ผมชอบมากครับ”

ความคิดของอวี้หลานซีว้าวุ่นไปหมด เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าในชีวิตของเธอจะมีผู้ชายคนที่สอง ถึงแม้ก่อนหน้านี้เธอจะรู้ว่าก่วนอวี้ชอบเธอ แต่เธอไม่เคยคิดว่าก่วนอวี้จะกล้าแสดงออกมาแบบนี้ เขาเป็นเหมือนแสงแดดที่หลบอยู่ในมุม ทุกครั้งที่เธอนึกถึงก็จะเห็นมัน เวลาที่เธอนึกถึงก็จะลืมมันไป เป็นแสงแดดที่อยู่ในที่ของตนเอง แต่ตอนนี้ แสงแดดนี้กลับส่องมาที่เธอ ส่องมาบนตัวเธอ ความร้อนของมันทำให้เธออยากถอยหนี

เขาไม่เรียกเธอว่าคุณอวี้แล้ว เรียกเธอด้วยชื่อแทน ใครให้ความกล้านี้กับเขา!

“ก่วนอวี้ ฉันเคยบอกแล้วไง เรื่องระหว่างเราเป็นไปไม่ได้ นายหยุดเพ้อฝันได้แล้ว!” อวี้หลานซีที่กำลังสับสน เธอถึงขั้นโมโหเล็กน้อย ในชีวิตของเธอ คติประจำใจคือการวิ่งไล่ตามหนานกงเยี่ย เธอไม่เคยคิดว่าจะมีเรื่องอื่นมาทำลายความเคยชินนี้ของเธอ

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Status: Ongoing
หลังจากพ่อของเธอถูกสังหารจนชีวิตต้องระหกระเหินอยู่ในมรสุมแห่งความยากลำบาก สิบปีให้หลัง เหลิ่งรั่วปิง นักฆ่าสาวฝีมือดีของประเทศซีหลิงเจ้าของฉายานางฟ้ารัตติกาลผู้แสนเย็นชาและไร้หัวใจจึงกลับมาที่เมืองหลงอีกครั้งเพื่อเอาคืนเจ้าของหนี้แค้นที่พรากครอบครัวและทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งไปอย่างสาสมและใบเบิกทางของแผนการแก้แค้นในครั้งนี้ก็คือ หนานกงเยี่ย ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกงหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝัน เขาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกรุยทางให้เธอไปถึงจุดหมายเพราะฉะนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอก็ยินดีที่จะทำ ถึงแม้ว่าสิ่งๆ นั้นจะเป็นร่างกายหรือหัวใจของเธอเองก็ตามที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท