เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 226 คุณอยากไปจากผม นอกจากผมตายเท่านั้น

เดิมพันเสน่หา

ตอนที่ 226 คุณอยากไปจากผม นอกจากผมตายเท่านั้น

หนานกงเยี่ยถอนหายใจ หันหน้าไปทางหน้าต่าง มองดูแสงแดดนอกหน้าต่าง รู้สึกแสบตามากเป็นพิเศษ “ผมรู้ว่าเรื่องบางเรื่องชดใช้ไม่ได้ แต่ผมไม่มีวันยอมปล่อยให้คุณไปจากผม”

“ต่อให้วันหนึ่ง ฉันฆ่าพ่อของคุณ คุณก็จะรั้งฉันเอาไว้แบบนี้เหรอคะ”

หนานกงเยี่ย “…”

เขาไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น แต่เขาเองก็รู้ดี ถ้าเธอไม่แก้แค้น จิตใจของเธอไม่มีวันนิ่งสงบ ดังนั้น เขาจึงพูดอะไรไม่ออก

“เพราะคุณคือหนานกงเยี่ย เพราะฉันคือเหลิ่งรั่วปิง พวกเราสองคนถูกกำหนดให้เป็นศัตรูกัน การที่เราเคยรักกัน เป็นแค่ความผิดพลาดเท่านั้น คุณปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”

หนานกงเยี่ยเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง แววตาของเขาเปี่ยมด้วยความเจ็บปวด แต่มือเขากลับจับมือเหลิ่งรั่วปิงแน่น ไม่ยอมปล่อย เขาปล่อยเธอไปไม่ได้ เขายังมีอะไรหลายอย่างที่ยังไม่ได้บอกเธอ ยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่ได้ทำ เขายังไม่ได้บอกเธอว่าตอนนี้เขาได้สร้าง fullhouse (บ้านสุขสันต์) ที่เธออยากได้ เขาอยากมีลูกกับเธอ อยากอยู่กับเธอจนแก่เฒ่า อยากช่วยสานฝันสถาปนิกชื่อดังระดับโลกของเธอให้สำเร็จ

หลังจากผ่านไปนานครู่หนึ่ง หนานกงเยี่ยยิ้ม รอยยิ้มของเขาเคลือบด้วยความเจ็บปวด “ที่รักครับ ผมมีหลายอย่างอยากจะให้คุณ อยากจะมอบความรักให้คุณอีกมากมาย อยากอยู่กับคุณอย่างมีความสุขจวบจนสิ้นลมหายใจ ชีวิตแต่งงานของเราเพิ่งเริ่มขึ้น ผมไม่อยากยอมแพ้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุผลอะไร”

“ผมอยากให้คุณลืมความแค้น ไม่ใช่แค่เพราะคนคนนั้นเป็นพ่อของผม แต่เป็นเพราะผมอยากให้คุณมีความสุข ท่านอายุใกล้จะหกสิบแล้ว สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง คิดว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน คุณล้มเลิกความคิดที่จะแก้แค้นเถอะครับ ให้ผมได้รักคุณ ใช้ทั้งชีวิตเพื่อชดใช้ให้คุณ ดีไหมครับ”

“ไม่ดี!” เหลิ่งรั่วปิงสลัดมือหนานกงเยี่ยทิ้งอย่างแรง ก้าวถอยหลังสองก้าว “คุณไม่ได้พบเจอความทุกข์ทรมานแบบฉันมาก่อน ไม่ได้เห็นตอนที่พ่อของฉันเจ็บปวด ดังนั้นคุณไม่รู้หรอกว่าฉันรู้สึกยังไง ฉันเกลียดพวกคุณ เกลียดคนตระกูลหนานกง ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะทำลายตระกูลหนานกง!”

“ได้! ถ้าคุณอยากจะแก้แค้น เชิญคุณแก้แค้นได้ตามสบาย ผมไม่ห้ามคุณ แต่คุณต้องอยู่เคียงข้างผม นับตั้งแต่วันนี้ผมไม่ใช่หนานกงเยี่ยแล้ว และไม่ใช่คนที่มีอำนาจในตระกูลหนานกงอีก คุณอยากทำลายตระกูลหนานกง ผมจะช่วยคุณ!”

เหลิ่งรั่วปิง “…”

“แต่ผมขอร้องคุณเรื่องหนึ่ง ไว้ชีวิตพ่อผม ถึงยังไงท่านก็เป็นพ่อของผม ผมทนดูท่านตายไม่ได้”

“ฉันไม่ต้องการให้คุณทำแบบนี้ คุณหนานกงเยี่ย คุณตัดขาดสายสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ได้ หนานกงจวิ้นพูดถูก ถ้าฉันยังอยู่กับคุณต่อไป มีลูกกับคุณ เท่ากับว่าฉันมีทายาทให้ศัตรู ฉันไม่มีวันทำแบบนั้น!”

หนานกงเยี่ยหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ตอนที่เขาลืมตาขึ้นอีกครั้งดวงตาแดงก่ำ “ครับ ผมไม่ตัดขาดสายสัมพันธ์ทางสายเลือดไม่ได้ ผมไม่มีสิทธิ์ที่จะเลือกเกิด พระเจ้าให้ผมเกิดในตระกูลหนานกง ผมแก้ไขอะไรไม่ได้ แต่ผมรักคุณ ผมเองก็เปลี่ยนใจไม่ได้ ดังนั้นผมตัดใจจากคุณไม่ได้! ถ้าคุณไม่อยากมีทายาทให้ศัตรู พวกเราก็ไม่ต้องมีลูก แค่นี้เราก็อยู่ด้วยกันได้แล้ว”

“ทำไมฉันต้องทิ้งสิทธิ์ในการเป็นแม่คนเพราะศัตรูด้วย” เหลิ่งรั่วปิงไม่มีท่าทีจะเปลี่ยนใจแม้แต่น้อย แววตาของเธอเด็ดขาด ต่อให้ไม่มีเรื่องของหนานกงจวิ้น เพื่อที่จะช่วยอาเธอร์ เธอก็ต้องไปจากที่นี่อยู่ดี หนานกงจวิ้นทำลายความอาลัยอาวรณ์และลังเลของเธอ

ความเด็ดขาดของเธอ หนานกงเยี่ยเห็นแล้ว ตอนที่เธอตัดสินใจไปจากเมืองหลง แววตาของเธอก็เด็ดขาดแบบนี้เหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสิ้นหวังเป็นอย่างมาก

เงียบอยู่นาน

เหลิ่งรั่วปิงหันหลังเดินออกไป เปิดประตูห้องนอน หนานกงเยี่ยพูดโพล่งขึ้นมา “ถ้าคุณคิดจะไป ก็ฆ่าผมทิ้งก่อน!”

หนานกงเยี่ยคว้าปืนออกมาแล้วยัดไปที่มือของเหลิ่งรั่วปิง “ฆ่าลูกชายของศัตรู แก้แค้น ทำลายความเกลียดชัง ถ้าคุณไม่ฆ่าผมทิ้ง ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่นอน”

เหลิ่งรั่วปิงมองลึกเข้าไปในแววตาหนานกงเยี่ย นิ้วมือขวาลูบจับปืน ริมฝีปากแดงเม้มเป็นเส้นตรง

หนานกงเยี่ยไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย จ้องมองไปที่ดวงตาของเธอ

คนดื้อด้านทั้งสองคน ไม่มีใครยอมใคร

หลังจากผ่านไปนานพักหนึ่ง เหลิ่งรั่วปิงยกมือขวาขึ้นช้าๆ ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่หนานกงเยี่ย “ฉันถามคุณเป็นครั้งสุดท้าย คุณจะยอมปล่อยฉันไปไหม”

หนานกงเยี่ยไม่แม้แต่กะพริบตา “คุณอยากไปจากผม นอกจากผมตายเท่านั้น!”

เหลิ่งรั่วปิงเม้มกัดฟัน จับปืนแน่น “ได้ ฉันจะทำตามที่คุณต้องการ”

นิ้วชี้ของเหลิ่งรั่วปิงวางไว้บนไกปืน สั่นเทาเล็กน้อย

แววตาของหนานกงเยี่ยเหมือนคบเพลิง จดจ้องไปที่คนตรงหน้า เรื่องราวความรักที่ผ่านมา ฉายอยู่ในความคิดของเขา

คนสองคน ปืนหนึ่งกระบอก ยืนหันหน้าเข้าหากันเป็นเวลานาน

หลังจากผ่านไปนานพักใหญ่ นัยน์ตาหนานกงเยี่ยฉายความดีใจขึ้นมา เธอไม่ยอมเหนี่ยวไก สุดท้ายเธอก็ทำใจทำร้ายเขาไม่ลง

“หนานกง” ถังเฮ่าปรากฏตัวที่หน้าประตูห้องกะทันหัน มองดูทั้งสอง เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง “พวก….พวกแก?” หัวเราะแห้งๆ “พวกแกกำลังเล่นเกม?”

ไม่มีใครสนใจเขา ทั้งสองจดจ้องไปที่ดวงตาของอีกฝ่าย

หลังจากผ่านไปหลายวินาที ในที่สุดถังเฮ่าก็รู้ว่าทั้งสองไม่ได้ล้อเล่น เขาตกใจเป็นอย่างมาก “เดี๋ยวก่อน พวกแกเป็นอะไรไป เมื่อวานยังรักกันปานจะกลืนกิน ทำไมวันนี้ถึงเอาปืนจ่อกันแล้ว” เดินไปด้านหน้าสองก้าว “มาๆๆ รั่วปิง คุณวางปืนลงก่อน ปืนไม่ใช่ของเล่น เดี๋ยวลั่นขึ้นมาจะแย่เอาได้นะ”

เหลิ่งรั่วปิงปล่อยให้ถังเฮ่าเอาปืนไป จากนั้นหลบสายตาไปทางอื่น หนานกงเยี่ยใช้ปืนบีบเธอ เขาทำได้ แต่เธอยิงเขาไม่ลง ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นลูกชายของศัตรู แต่เธอกลับทำร้ายเขาไม่ลง

หนานกงเยี่ยไม่แสดงสีหน้าอะไรมากมาย แต่ภายในใจของเขารู้สึกชุ่มฉ่ำขึ้นมาเล็กน้อย แววตาที่มองเหลิ่งรั่วปิงก็อ่อนโยนขึ้นมาก

ถังเฮ่ามองเหลิ่งรั่วปิง แล้วหันไปมองหนานกงเยี่ย รู้สึกแปลกใจมาก เดินไปหาหนานกงเยี่ยเงียบๆ ถามเสียงเบา “แกทำอะไรให้รั่วปิงโมโหอีกแล้ว”

หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้า “แกมาทำอะไรที่นี่”

หนานกงเยี่ยไม่ยอมพูด ถังเฮ่าก็ไม่ได้รบเร้า “ฉันมาหารั่วปิง”

เมื่อเห็นหนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว ถังเฮ่าจึงรีบพูดเสริม “อย่าคิดไปไกล ผู้หญิงของแกฉันไม่กล้าคิดอะไรด้วยอยู่แล้ว ฉันมีเรื่องอยากจะถามรั่วปิงนิดหน่อย”

ถังเฮ่ามาหาเธอนอกจากเรื่องของหลินมั่นหรูแล้วจะมีอะไรได้ เหลิ่งรั่วปิงหันไปหาเขาด้วยสีหน้าเย็นชา “คุณถังเฮ่า คุณไม่ต้องเปลืองแรงหรอกค่ะ ฉันไม่มีวันบอกอะไรคุณแน่นอน คุณล้มเลิกความคิดเถอะ เธอไม่มีวันคบคุณหรอก”

ถังเฮ่าเบ้ปาก “ไม่ใช่ รั่วปิง คุณบอกผมมาสิว่าเธออยู่ที่ไหน ผมไปหาเธอเอง เรื่องของพวกผม พวกผมเคลียร์กันเอง”

“ระหว่างคุณกับเธอเหมือนมีกาแล็กซีกว้างใหญ่ขวางกั้นเอาไว้ เรื่องของพวกคุณไม่มีวันเป็นไปได้ ไม่ว่าคุณจะทุ่มเทมากแค่ไหนก็เปลืองแรงเปล่าๆ” เหลิ่งรั่วปิงกะพริบตาด้วยความเย็นยะเยือก “อีกไม่นานเธอก็จะหายไปจากชีวิตคุณ คุณเองก็จะหายไปเหมือนกัน”

หนานกงเยี่ยเงยหน้าขึ้น หันไปมองเหลิ่งรั่วปิง กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง บอดี้การ์ดเดินเข้ามา “คุณชายเยี่ยครับ ทางโรงพยาบาลโทรมา เลขาก่วนฟื้นแล้วครับ”

หนานกงเยี่ยดีใจจนตัวสั่นเทา เดินออกไป เพิ่งได้สองก้าวเขาก็ย้อนกลับเข้ามา จับมือเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้ “ไปโรงพยาบาลกับผม” ตอนนี้เขาจะพาเธอไปด้วยทุกที่ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอหายไป

เพราะซึ้งใจที่ก่วนอวี้ช่วยชีวิตเอาไว้ เหลิ่งรั่วปิงจึงไม่ได้ปฏิเสธ เธอเดินตามหนานกงเยี่ยไปชั้นล่างแล้วขึ้นรถ

ก่วนอวี้ย้ายจากห้องผู้ป่วยหนักไปยังห้องผู้ป่วยพิเศษแล้ว อวี้หลานซีเฝ้าอยู่ข้างเตียง คอยดูแลอย่างดี

“ก่วนอวี้ นายจะดื่มน้ำไหม”

“หิวหรือเปล่า ให้ฉันไปซื้อโจ๊กมาให้นายไหม”

“หรือจะให้ฉันปอกแอปเปิ้ลให้นาย”

ก่วนอวี้คลายยิ้มบางๆ “ไม่อยากกินอะไรทั้งนั้นครับ คุณนั่งเฉยๆ ก็พอแล้ว”

“อื้ม” อวี้หลานซีนั่งลงข้างเตียงด้วยความเชื่อฟัง มือทั้งสองเกยไว้ที่คางแล้วมองหน้าก่วนอวี้

ก่วนอวี้มองดูคนตรงหน้าด้วยความตั้งใจ ภายในใจของเขารู้สึกอบอุ่น สิ่งแรกที่เขาเห็นตอนที่ฟื้นขึ้นมาคืออวี้หลานซีเฝ้าอยู่ข้างเตียง น้ำตารินไหล เขาเห็นอวี้หลานซีคนเดิมแล้ว ไม่สิ เธอในตอนนี้ไม่เหมือนเธอในอดีต เมื่อก่อนเธอเป็นกุลสตรี สูงสง่า สวยงาม แต่เย็นชากับเธอ ทว่าอวี้หลานซีในตอนนี้ เธอยังคงสวยสง่า แต่แววตาของเธอกลับมีแสงไฟเป็นประกาย แสงไฟในแววตาของเธอทำให้เขารู้สึกอบอุ่น

อวี้หลานซีถูกมองจนหน้าแดงระเรื่อ “ทำไมมองฉันแบบนี้่ล่ะ”

ก่วนอวี้ยิ้ม “ผมกำลังมอง อวี้หลานซีคนเดิมของผมกลับมาแล้วใช่ไหม”

อวี้หลานซีเขินอายเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีก็จับมือก่วนอวี้ด้วยความกล้าหาญ “วันนั้นตอนอยู่บนรถ นายบอกว่า เมื่อไหร่ที่ฉันเหนื่อยแล้ว ไหล่ของนายจะเป็นที่พึ่งพิงของฉันตลอดไป นายพูดจริงๆ ใช่ไหม”

แววตาก่วนอวี้งุนงงเล็กน้อย “คุณ…คุณหมายความว่าอะไรครับ”

อวี้หลานซีเม้มกัดริมฝีปาก ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อมากกว่าเดิม “วันนั้นนายขโมยจูบแรกของฉันไป นายต้องรับผิดชอบ”

“…” ภาพในความคิดของก่วนอวี้ตัดไปทันที มองดูใบหน้าเขินอายของอวี้หลานซี ริมฝีปากสั่นเทา ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขาไม่อยากเชื่อหูตัวเองเลยจริงๆ สิ่งที่เขาปรารถนามานาน ไม่เคยได้แม้แต่การปรายตามอง แต่ตอนนี้ เธอกลับ…เขากลัวว่าตัวเองจะเข้าใจผิดจริงๆ

ยังไม่รอให้เขาเข้าใจทุกอย่าง ริมฝีปากอ่อนนุ่มประทับลงบนริมฝีปากของเขา จุมพิตด้วยความเก้กังอย่างไม่ประสีประสา

หัวใจก่วนอวี้เต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้ ริมฝีปากบางพูดพึมพำ “หลานซี” คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึง เขาใช้ความเป็นความตายแลกมันมา

“ก่วนอวี้ เมื่อก่อนฉันไม่ดีเอง ฉันทำร้ายจิตใจนาย ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว อันที่จริงฉันรักนาย เมื่อก่อนฉันเอาแต่หมกมุ่นกับเยี่ยมากเกินไป ก็เลยไม่รู้ใจตัวเอง”

มือใหญ่ลูบจับแก้มของเธอเบาๆ ก่วนอวี้ยิ้ม น้ำตาแห่งความสุขรินไหลลงมา “หลานซี ผมรักคุณ”

“ฉันก็รักนาย ก่วนอวี้”

ก่วนอวี้ควบคุมตนเองไม่ได้ ขยับเข้าไปใกล้ช้าๆ อยากจะจูบผู้หญิงที่เขาเฝ้าปรารถนามานานหลายสิบปี แต่ยังไม่ทันได้แตะต้องริมฝีปากของเธอ ก็มีเสียงหยอกล้อของอวี้ไป่หันดังขึ้น “ชิๆๆ ภาพซึ้งใจขนาดนี้ ถูกฉันทำลายทิ้งไปแล้ว ฉันมันไร้ศีลธรรมมากใช่ไหม”

อวี้ไป่หันเปิดประตูเข้ามา เมื่อเห็นทั้งสองกำลังจูบกันดูดดื่ม จะเข้ามาก็ไม่ใช่หรือจะถอยออกไปก็ไม่ถูก จึงนำทักษะของตนเองออกมาใช้ พูดสร้างบรรยากาศ

อวี้หลานซีลุกขึ้นด้วยความประหม่า รีบวิ่งไปเติมน้ำ ก่วนอวี้ยิ้มร่า “คุณชายอวี้”

อวี้ไป่หันยักไหล่ “ก่วนอวี้ นายมันดวงแข็งจริงๆ”

ก่วนอวี้หัวเราะเล็กน้อย ไม่ได้พูดอะไร มีแค่ตัวเขาเท่านั้นที่รู้ ความเป็นจริงเขาทิ้งชีวิตนี้ไปแล้ว ตอนที่เขาตัดสินใจจะหลับไปตลอดกาล ได้ยินเสียงอวี้หลานซีร้องไห้ไม่หยุดอยู่ข้างๆ ร้องขออ้อนวอนให้เขาฟื้น ด้วยเหตุนี้ เขาทนเห็นเธอเสียใจไม่ได้ พยายามฮึดสู้จนฟื้นขึ้นมาในที่สุด

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Status: Ongoing
หลังจากพ่อของเธอถูกสังหารจนชีวิตต้องระหกระเหินอยู่ในมรสุมแห่งความยากลำบาก สิบปีให้หลัง เหลิ่งรั่วปิง นักฆ่าสาวฝีมือดีของประเทศซีหลิงเจ้าของฉายานางฟ้ารัตติกาลผู้แสนเย็นชาและไร้หัวใจจึงกลับมาที่เมืองหลงอีกครั้งเพื่อเอาคืนเจ้าของหนี้แค้นที่พรากครอบครัวและทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งไปอย่างสาสมและใบเบิกทางของแผนการแก้แค้นในครั้งนี้ก็คือ หนานกงเยี่ย ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกงหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝัน เขาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกรุยทางให้เธอไปถึงจุดหมายเพราะฉะนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอก็ยินดีที่จะทำ ถึงแม้ว่าสิ่งๆ นั้นจะเป็นร่างกายหรือหัวใจของเธอเองก็ตามที

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท