เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 255 มีความขัดแย้งกับหนานกงจวิ้น

เดิมพันเสน่หา

ตอนที่ 255 มีความขัดแย้งกับหนานกงจวิ้น

ซย่าอี่มั่วลุกขึ้นด้วยความไม่พอใจ พูดตำหนิมู่เฉิงซี “เฉิงซี ในเมื่อคุณตัดสินใจแต่งงานกับฉันแล้ว ก็รีบตัดขาดกับผู้หญิงคนนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะไปฟ้องคุณปู่ของคุณ”

ปู่ของเขา!

มู่เฉิงซีไม่เคยยอมใครมาก่อน ครั้งนี้เขาต้องยอมถึงขั้นนี้ ทำให้เขาหงุดหงิดมาก

เหลิ่งรั่วปิงพูดถูก เขาเป็นคนตามตื๊อตามจีบเวินอี๋ และเขาเองก็เคยคุกเข่าขอเวินอี๋แต่งงาน แต่กลับไม่ได้แต่งสักที ทว่าวันนี้เขายังต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เขาสมควรตาย!

เงียบอยู่สามวินาที มู่เฉิงซีเงยหน้าขึ้นด้วยความเย็นชา “ซย่าอี่มั่ว ผมขอพูดอีกครั้งหนึ่ง คุณออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ เรื่องของผม ผมจัดการเองได้ คุณไม่ต้องมายุ่ง”

มู่เฉิงซีเป็นคนแข็งกระด้างเย็นชา ตอนที่เขาโมโหยิ่งทำให้คนกลัวจนหนาวสั่นถึงกระดูก ดังนั้นซย่าอี่มั่วกลัวแล้ว ดวงตาสีนิลสั่นเทาเล็กน้อย “ได้ค่ะ ฉันไปจากที่นี่ก็ได้ แต่ฉันไม่อยากให้ว่าที่เจ้าบ่าวของฉัน มีผู้หญิงคนอื่นหลังจากตัดสินใจที่จะแต่งงานกับฉัน”

พูดจบ ซย่าอี่มั่วหมุนตัวหันหลังเดินออกไป มาอย่างผงาด กลับด้วยสีหน้าพ่ายแพ้

หลังจากซย่าอี่มั่วออกไป สายตาเหี้ยมโหดของเหลิ่งรั่วปิงจับจ้องไปที่มู่เฉิงซี “มู่เฉิงซี คุณควรบอกอะไรฉันหน่อยหรือเปล่าคะ”

มู่เฉิงซีนั่งตัวตรง เงยหน้าขึ้นมองเวินอี๋ช้าๆ “เรากลับบ้านกันเถอะ ดีไหมครับ”

เวินอี๋ยืนอยู่ข้างเหลิ่งรั่วปิง น้ำตาเม็ดโตรินไหล ความรักที่เธอเคยคิดว่าสมบูรณ์แบบ มาวันนี้กลับวุ่นวายไปหมด เธอดูเหมือนตัวตลก

เหลิ่งรั่วปิงทนเห็นน้ำตาของเวินอี๋ไม่ได้ เป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็ก ทุกครั้งที่เวินอี๋ถูกลั่วซูเยียงแกล้งจนร้องไห้ เธอจะควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ เวินอี๋ที่เคยใสซื่อมีความสุข มาวันนี้กลับกลายเป็นคนพูดน้อยเพราะมู่เฉิงซี เวินอี๋ต้องร้องไห้เงียบๆ คนเดียว ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของเธอ ความรักของเธอ ถูกผู้ชายคนนี้ทำลายลง

เวลานี้ เหลิ่งรั่วปิงอยากจะฆ่ามู่เฉิงซีเพื่อระบายอารมณ์มากจริงๆ

ดังนั้น เหลิ่งรั่วปิงจึงยกขาขึ้นจะพุ่งเข้าหาเขา ทว่าหนานกงเยี่ยคว้าตัวเธอเอาไว้ก่อน “ที่รัก อย่าโมโหเลยครับ เฉิงซีต้องมีความจำเป็นแน่นอน พวกเรานั่งลงแล้วค่อยๆ คุยกันดีกว่านะ หืม?”

เหลิ่งรั่วปิงเองก็รู้ ตนเองตั้งท้อง ไม่ควรขยับตัวเคลื่อนไหว เธอสูดลมหายใจเข้า แล้วนั่งลงตามหนานกงเยี่ย แต่แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองยังคงจ้องไปที่มู่เฉิงซี

อันที่จริง มู่เฉิงซีก็ทนเห็นน้ำตาของเวินอี๋ไม่ได้เป็นที่สุด น้ำตาทุกหยดของเธอรินไหลเข้าไปในใจเขา ทุกเสียงของหยดน้ำตา เคาะสะท้านความรู้สึกทั้งหมดของเขา เขามองเวินอี๋ด้วยแววตาคาดหวัง “เรากลับบ้านกันก่อนนะครับ ดีไหมครับ”

ไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น เวินอี๋พยักหน้า “ค่ะ”

“เวินอี๋ เธอยังจะกลับไปกับเขาอยู่เหรอ” เหลิ่งรั่วปิงลุกขึ้นด้วยความเดือดดาล

เวินอี๋พยักหน้า “พี่รั่วปิงคะ ฉันทุ่มเทความรักทั้งหมดไปแล้ว ฉันอยากได้บทสรุปที่ชัดเจน ดังนั้น ฉันต้องกลับไปค่ะ”

พูดจบ เวินอี๋หมุนตัวหันหลัง เดินออกไปจากห้องอาหาร มู่เฉิงซีลุกขึ้น แล้วรีบวิ่งตามไป

เหลิ่งรั่วปิงถอนหายใจด้วยความจนปัญญา เวินอี๋บอบบาง แต่นิสัยของเธอกลับดื้อดึง เหลิ่งรั่วปิงห้ามเวินอี๋ไม่ได้ เหมือนกับตอนแรกที่เธอห้ามให้เวินอี๋คบกับมู่เฉิงซีไม่ได้

หนานกงเยี่ยโอบกอดเหลิ่งรั่วปิงเอาไว้เพื่อเป็นการปลอบโยน “พอแล้วครับ เรื่องของพวกเขาให้พวกเขาจัดการกันเอง คุณอย่าโมโหเลยนะ หืม? หงุดหงิดมากไปไม่ดีกับลูกในท้อง”

เหลิ่งรั่วปิงหันไปมองหนานกงเยี่ย มองดูใบหน้าที่สมบูรณ์แบบราวกับพระเจ้าประธาน สายตารักใคร่ของเขาเคลือบไปทั่วทั้งใบหน้าของเธอ เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกดีขึ้นมา เธอควรจะดีใจที่ตนได้เจอกับผู้ชายที่ยืนหยัดเพื่อความรักแบบนี้ ไม่ว่าเธอจะไร้เยื่อใยแค่ไหน เย็นชามากเท่าไร หรือจะเอาแต่ใจยังไง เขาก็ไม่ยอมท้อถอย เพื่อเธอ เขายอมแตกหักกับอวี้หลานซี ยอมมีปัญหากับหนานกงจวิ้น ยอมเสียสละชีวิตเพื่อเธอ ทั้งยังยอมทิ้งทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะความยืนหยัดของเขาที่ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ ระหว่างเธอกับเขา ตอนนี้คงอยู่คนละซีกโลกอย่างแน่นอน

เหลิ่งรั่วปิงซบแผงอกของหนานกงเยี่ยกะหันทัน “ที่รักคะ ฉันรักคุณ”

หนานกงเยี่ยชะงัก ตามด้วยยิ้มอย่างมีความสุข เขาลูบผมของเธอเบาๆ “ผมก็รักคุณครับ ที่รัก”

“แหมๆๆ…” อวี้ไป่หันเบะปากด้วยความเหลืออด “พวกแกช่วยหยุดทำร้ายคนโสดสักทีได้ไหม อยากจะพลอดรักกันก็ไปพลอดรักกันทีบ้าน”

ถังเฮ่านอนพิงโซฟาด้วยความขี้เกียจ “ฉันมีภูมิคุ้มกันแล้ว ตอนอยู่บนเครื่องฉันเกือบตายเพราะความหวานของทั้งสองคน”

หนานกงเยี่ยปรายตามองพวกเขาสองคน จากนั้นมือใหญ่ช้อนตัวเหลิ่งรั่วปิงขึ้นมา “ที่รัก เรากลับบ้านกันเถอะ”

เหลิ่งรั่วปิงยังคงอยู่ในภวังค์ความรู้สึกของตนเอง เธอซบอยู่ในอ้อมกอดของหนานกงเยี่ยอย่างว่าง่าย ปล่อยให้เขาอุ้มออกไปจากห้องตามอำเภอใจ

ภายในห้องเหลือหนุ่มโสดแค่สองคน อวี้ไป่หันถอนหายใจยาว “โลกมันอยู่ยากจริงๆ!” ภายใต้การแสดงออกของเขาที่ชีวิตดูเหมือนเกม มีความเศร้าที่ไม่มีใครรู้ ความคิดของเขาฉายภาพใบหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ของไซ่หย่าเซวียน

ถังเฮ่าไม่ได้พูดอะไร เขาล้มตัวลงนอนบนโซฟาพร้อมกับเล่นแก้วไวน์เปล่าในมือ เขาหวนคิดถึงความรู้สึกหัวใจเต้นแรกตอนครั้งแรกที่ได้เจอกับหลินมั่นหรู ความรู้สึกนั้น ชีวิตนี้คงไม่มีอีกแล้ว ถึงแม้จะรู้ว่าเธอเหี้ยมโหดมีพิษสงและไร้เยื่อใย แต่เขาก็ลืมเธอไม่ได้ เพราะบนโลกใบนี้ไม่มีหลินมั่นหรูคนที่สองแล้ว ผู้หญิงที่ประชันกับเขาได้

เหลิ่งรั่วปิงตั้งท้องเกือบสองเดือนแล้ว เธอต้องไปตรวจครรภ์ตามเวลานัดหมาย หนานกงเยี่ยขับรถส่งเธอไปโรงพยาบาลหนานกงด้วยตนเอง

ตอนอยู่ที่ซีหลิง ในตอนนั้นสถานการณ์ไม่ดีเท่าไร พวกเขารู้แค่ว่าเธอท้องแล้ว แต่ไม่รู้ว่าลูกในท้องเป็นอย่างไรบ้าง

หมอตรวจรักษาเหลิ่งรั่วปิงตามกระบวนการ หลังจากตรวจเสร็จหมอยิ้มแล้วบอกกับหนานกงเยี่ย “ยินดีด้วยนะคะคุณชายเยี่ย คุณผู้หญิงท้องลูกแฝดค่ะ เด็กในครรภ์ปกติดี”

“!!!” ผู้ชายที่เย็นชาฉลาดหลักแหลมมาโดยตลอดอย่างหนานกงเยี่ยตกตะลึงเหมือนคนโง่ เป็นลูกแฝดเนี่ยนะ! ตะลึงงันอยู่หลายวินาทีกว่าจะดึงสติกลับมา จากนั้นหัวเราะเสียงดัง เขาอุ้มเหลิ่งรั่วปิงขึ้นหมุนด้วยความดีใจ “ที่รัก คุณได้ยินไหมครับ ผมมีลูกสาวสองคน!”

เหลิ่งรั่วปิงเองก็คิดไม่ถึงว่าตนเองจะตั้งท้องลูกแฝด เธอเองก็รู้สึกดีใจมาก แต่สิ่งที่มากกว่านั้นก็คือรู้สึกจนปัญญากับพฤติกรรมปัญญาอ่อนของหนานกงเยี่ย “คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเป็นผู้หญิงทั้งสองคน”

“ต้องเป็นลูกสาวแน่ ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยไม่สนใจสายตาของหมอและพยาบาลแม้แต่น้อย เขาอุ้มเหลิ่งรั่วปิงออกจากห้องตรวจ “ที่รักครับ เรารีบกลับไปแต่งห้องของลูกให้เป็นห้องเจ้าหญิงกันเถอะ อีกไม่กี่เดือนเราก็จะมีเจ้าหญิงตัวน้อยๆ เพิ่มขึ้นมาสองคนแล้ว”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะด้วยความจนปัญญา “ดูคุณทำตัวเข้า ถ้าลูกเป็นเด็กผู้ชาย คุณจะเอาขี้เถ้ายัดปากให้ตายเลยรึเปล่าคะ”

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะ “มีความเป็นไปได้นะ ดังนั้นคุณต้องคลอดลูกผู้หญิงให้ได้”

เหลิ่งรั่วปิงตีหนานกงเยี่ยด้วยความหงุดหงิด “คุณหนานกงเยี่ย คุณมันปัญญาอ่อน!”

หนานกงเยี่ยหยุดชะงัก สีหน้าเยือกเย็น ก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมกอด “คุณกล้าบอกว่าสามีตัวเองปัญญาอ่อน?”

“ไม่ปัญญาอ่อนเหรอคะ”

“ปัญญาอ่อนตรงไหนครับ”

“ปัญญาอ่อนทุกที่เลยค่ะ!”

“ฮ่าๆๆ…” หนานกงเยี่ยหัวเราะเสียงดัง แล้วเดินตรงไปด้านหน้า “ปัญญาอ่อนก็ปัญญาอ่อน ถึงยังไงคุณก็ต้องมีลูกสาวให้ผม อย่างน้อยต้องมีให้ผมหนึ่งคน ถ้ามีลูกชายสองคน ผมจะให้คุณมีลูกอีก มีจนกว่าจะได้ลูกสาว”

“ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะ “คุณคลอดเองนะคะ!”

หนานกงเยี่ยหัวเราะแล้ววางเหลิ่งรั่วปิงเข้าไปในรถ จากนั้นพูดกระซิบข้างหูเธอ “ถ้าคุณเพาะเมล็ดพันธุ์ให้ผมได้ ผมก็จะมีลูกให้คุณ”

“คุณหนานกงเยี่ย คุณมันสารเลว!”

วินาทีที่หมัดของเหลิ่งรั่วปิงต่อยลงไป หนานกงเยี่ยรีบหนีอย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะแล้วเดินอ้อมไปอีกด้านหนึ่งของรถยนต์ นั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทรถ ภายใต้สายตาโมโหของเธอ หนานกงเยี่ยเคาะพวงมาลัยอย่างมีความสุขตลอดทาง เหมือนกำลังบรรเลงเปียโน

ตอนแรกเหลิ่งรั่วปิงคิดว่าหนานกงเยี่ยล้อเล่น เธอคิดไม่ถึงว่า หลังจากกลับไปถึงวิลล่าหย่าเก๋อ หนานกงเยี่ยโทรหาก่วนอวี้ทันที บอกให้เขาหาคนมาตกแต่งห้องสไตล์เจ้าหญิงสองห้องที่วิลล่าหย่าเก๋อ ส่วนหนานกงเยี่ยเป็นคนออกคำสั่ง ให้ตกแต่งตามแบบที่เขาคิดเอาไว้

เหลิ่งรั่วปิงจนปัญญา ทำได้เพียงกลับไปนอนที่ห้อง

เธอล้มตัวนอนไม่ถึงสองนาที มีเบอร์แปลกโทรมา เบอร์นี้โทรมาจากมหาสมุทรทางใต้

เสียงเหี้ยมโหดของหนานกงจวิ้นดังขึ้น “เหลิ่งรั่วปิง เธอมันมีความสามารถจริงๆ ทำให้ลูกชายของฉันวิ่งไปชิงตัวเธอถึงซีหลิงได้ ทั้งยังทำลายธุรกิจที่ทำร่วมกับซีหลิงนับร้อยปี เธอมันตัวปัญหาจริงๆ” หัวเราะเยือกเย็นสองครั้ง “ฉันจะต้องทำให้เธอตายอย่างอนาถ!”

ได้รับสายของหนานกงจวิ้น เหลิ่งรั่วปิงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย เธอไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะปล่อยเธอไป ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกหนานกงเยี่ยกักบริเวณเอาไว้บนเกะ แต่อำนาจของเขามีอยู่ทั่วโลก เขาเพียงแค่ออกคำสั่งเล็กน้อย ก็ทำร้ายเธอได้แล้ว และนี่จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมหนานกงเยี่ยถึงอยู่เฝ้าเธอตลอดเวลา

เหลิ่งรั่วปิงกระตุกริมฝีปาก ดวงตาคู่สวยหรี่เล็กลง “คุณหนานกงจวิ้น ฉันมีความสามารถที่จะทำให้ลูกชายของคุณทำเรื่องบ้าๆ เพื่อฉันได้ และฉันอยากจะบอกข่าวดีให้คุณได้รู้ เมื่อวาน ลูกชายของคุณโอนทรัพย์สินทุกอย่างให้ฉันแล้ว ซึ่งก็หมายความว่า ตอนนี้เจ้าของธุรกิจตระกูลหนานกง คือฉัน”

“เป็นไปไม่ได้ เยี่ยจะทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้ยังไง!” ความไกลห่างไม่อาจขวางกั้นความโมโหของหนานกงจวิ้นได้

ฟังเสียงกัดฟันกรอดด้วยความโมโหของเขา เหลิ่งรั่วปิงได้ใจมาก “ฉันเองก็รู้สึกว่ามันบ้ามาก แต่มันก็เกิดขึ้นจริงๆ แล้ว ฮ่าๆๆ…” เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะได้น่าฟังเป็นพิเศษ ราวกับนกที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้า “ฉันไม่เพียงแค่ครอบครองทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหนานกง แต่ฉันยังจะทำลายน้ำพักน้ำแรงของคุณ อีกไม่นานฉันจะทุบคฤหาสน์ตระกูลหนานกงเป็นลานกว้าง”

“เธอ!” เพราะความโมโห เสียงของหนานกงจวิ้นจึงหอบเหนื่อย “คฤหาสน์นั้นเป็นน้ำพักน้ำแรงของฉัน ฉันสร้างคฤหาสน์ขึ้นด้วยมือตัวเอง เธอห้ามรื้อถอนเด็ดขาด!”

เหลิ่งรั่วปิงยังคงหัวเราะเสียงใจ “ฉันจะรื้อ ฉันจะทำให้คุณเจ็บปวด ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันไม่ฆ่าคุณ ฉันจะให้คุณเห็นกับตาตนเองว่าฉันทำลายตระกูลหนานกงยังไงบ้าง ให้คุณตกนรกทั้งเป็น”

หนานกงเยี่ยจัดห้องเจ้าหญิงเสร็จแล้ว เดินกลับมาที่ห้องนอน พบว่าเหลิ่งรั่วปิงนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุข “นอนอิ่มแล้วเหรอครับ”

“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงหันหน้าเข้าหาแสงแดดนอกหน้าต่างแล้วบิดขี้เกียจ การพูดคุยกับหนานกงจวิ้นทำให้เธอสะใจ หลังจากคุยกันจบ เธอได้ยินเสียงเขาทำลายข้าวของ ภายในใจของเธอถูกเติมเต็มด้วยความสุขจากการได้แก้แค้น ดังนั้นเธอจึงนอนหลับสบายมาก

หนานกงเยี่ยเดินมากอดเหลิ่งรั่วปิง “ไปกันครับ ผมพาคุณไปดูห้องลูกสาวของเรา”

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Status: Ongoing
หลังจากพ่อของเธอถูกสังหารจนชีวิตต้องระหกระเหินอยู่ในมรสุมแห่งความยากลำบาก สิบปีให้หลัง เหลิ่งรั่วปิง นักฆ่าสาวฝีมือดีของประเทศซีหลิงเจ้าของฉายานางฟ้ารัตติกาลผู้แสนเย็นชาและไร้หัวใจจึงกลับมาที่เมืองหลงอีกครั้งเพื่อเอาคืนเจ้าของหนี้แค้นที่พรากครอบครัวและทำให้เธอต้องสูญเสียทุกสิ่งไปอย่างสาสมและใบเบิกทางของแผนการแก้แค้นในครั้งนี้ก็คือ หนานกงเยี่ย ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลหนานกงหนึ่งในคุณชายทั้งสี่ของเมืองหลงที่ผู้หญิงทุกคนต่างใฝ่ฝัน เขาคือกุญแจสำคัญที่จะช่วยกรุยทางให้เธอไปถึงจุดหมายเพราะฉะนั้นต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม เธอก็ยินดีที่จะทำ ถึงแม้ว่าสิ่งๆ นั้นจะเป็นร่างกายหรือหัวใจของเธอเองก็ตามที

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท