ตอนที่ 719 สามคำ
แพทย์ได้ทำการตรวจหลินม่ายและยืนยันว่าเธอเป็นไข้หวัด จึงสั่งยาและกำลังจะฉีดยาให้เธอ
หลินม่ายอยากจะทำตัวกล้าหาญเช่นกัน แต่พอเห็นเข็มฉีดยาแล้วก็ปอดแหก
ความกลัวในบางสิ่งของบางคนเป็นเรื่องธรรมชาติและไม่สามารถเอาชนะได้ ตัวอย่างเช่น อาการกลัวเข็มฉีดยาของหลินม่าย
เธอดูแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยเตรียมยา จากนั้นจึงหยิบเข็มและจับมือเธอแล้วพยายามสะกิดเข้าไปในผิวหนังที่หลังมือ
เธอตกใจมากจนหน้าซีด พยายามถอนมือออกอย่างสิ้นหวัง โดยยังคงดูหวาดกลัว
ภาพของเธอในตอนนี้ช่างแตกต่างจากภาพปกติของท่านประธานผู้แข็งแกร่งไม่สะท้านสะเทือนแม้เขาไท่ซานถล่มตรงหน้าเสียจริง
ชายทั้งสองมองเธออย่างช่วยไม่ได้
“คุณมีไข้สูง ต้องฉีดยา” ฟางจั๋วหรานพยายามจับมือของเธอไว้
“ฉันไม่ฉีด! ฉันไม่ฉีด! แค่กินยาก็หายแล้ว!” หลินม่ายมองไปที่ฟางจั๋วหรานอย่างแน่วแน่
แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “อย่ากลัวเลย ไม่เจ็บมากหรอกครับ แค่เจ็บนิดหน่อย เมื่อแทงเข็มเข้าเส้นเลือดได้ก็หายเจ็บแล้ว”
หลินม่ายบ่น “พวกคุณไม่ได้โดนเองนี่!”
ฟางจั๋วหรานและแพทย์ทำตัวไม่ถูก เธอที่ไม่เคยกลัวสิ่งใดเลยกลับหวาดกลัวเข็มฉีดยาอย่างนั้นเหรอ?
ฟางจั๋วหรานกลอกตาและกระซิบข้างหูหลินม่าย“ถ้าคุณยอมฉีดยา ผมจะบอกอะไรคุณสามคำ”
หลินม่ายหรี่ตามองเขา “สามคำอะไร?”
ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างมีเลศนัย “ตอนนี้ผมยังบอกคุณไม่ได้ คุณต้องยอมโดนฉีดยาก่อน”
หลินม่ายคิดในใจอย่างเขินอาย สามคำนี้นั้นคือคำว่า ‘ผมรักคุณ’ หรือไม่?
ผู้ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยพูดสามคำนี้กับเธอ เธอควรทำอย่างไรหากปรารถนาจะได้ยิน?
แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยเห็นการแสดงออกของหลินม่ายผ่อนคลายลง จึงเดาว่าเธอยอมที่จะฉีดยาแล้ว
ขณะที่แพทย์กำลังจะแทงเข็มเข้าเส้นเลือดหลินม่าย แต่ทันใดนั้นเธอก็โบกมือให้เขา “ฉันไม่อยากฟังคุณพูดสามคำนั้น ฉันไม่ฉีดยาดีกว่า”
เธอกล่าวอย่างแน่วแน่ “ถ้าได้ดื่มซุปเนื้อแกะมากกว่านี้ฉันคงจะสบายตัวขึ้น ซุปเนื้อแกะช่วยขับไล่ความหนาวเย็นในร่างกายได้”
แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยพูดไม่ออก
หากไม่ใช่เพราะเธอเป็นเพียงหญิงตัวเล็กและสามีของเธอดูร่ำรวย เปี่ยมอำนาจ แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยจะต้องขับไล่ทั้งสองออกไปด้วยความโกรธอย่างแน่นอน
แค่ฉีดยา ไม่ใช่ผ่าตัดใหญ่ ทำไมเธอต้องหวาดกลัวถึงขนาดนั้น
เมื่อเห็นว่าการกระทำอันไร้เหตุผลของภรรยา ฟางจั๋วหรานจึงใช้กำลังโดยการกอดศีรษะของหลินม่ายไว้ในอ้อมแขนด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนจะจับมืออีกข้างของเธอยื่นให้แพทย์ประจำมหาวิทยาลัย
แพทย์ประจำมหาวิทยาลัยรีบฉีดยาให้หลินม่ายและถามหลินม่ายด้วยรอยยิ้ม “ผมทำได้ยอดเยี่ยมเลยใช่ไหม?”
ฟางจั๋วหรานมองแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยอย่างประหลาดใจทันที
ทันใดนั้นแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยก็ตระหนักว่าเขาอาจพูดอะไรผิดไป
เขาหลีกเลี่ยงสายตาของฟางจั๋วหรานด้วยความลำบากใจและรู้สึกตื่นตระหนกอย่างมากภายใน
เขาเป็นแพทย์ผู้บริสุทธิ์ใจ และคำพูดของเขาก็ไม่ได้แฝงความหมายอะไรเลย
แต่ภาษาจีนมีความหมายกำกวมจนเข้าใจผิดได้ง่าย ซึ่งเรื่องนั้นก็ไม่อาจโทษเขาได้
ฤดูหนาวในเมืองหลวงนั้นหนาวมากสำหรับหลินม่ายที่เติบโตในเจียงเฉิง
ในห้องพยาบาลไม่มีเครื่องทำความร้อน การนั่งข้างในจึงอบอุ่นกว่าการอยู่ข้างนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ฟางจั๋วหรานกลัวว่ายาจะเย็นเกินไปและทำให้ภรรยาของเขารู้สึกไม่สบายตัวนักหากยานี้แทรกซึมเข้าไปในร่างกาย
เขาถือหลอดฉีดยาด้วยมืออันอบอุ่นขนาดใหญ่ของเขา เพื่อไม่ให้ยาที่หยดเข้าไปในร่างกายของหลินม่ายเย็นมาก
หลินม่ายเอนกายลงในอ้อมแขนเขาอย่างมีความสุขและหลับตาลง
หนุ่มสาวคู่หนึ่งก็มาหาหมอเพื่อเข้ารับการฉีดยาเช่นเดียวกัน
หญิงสาวเห็นฟางจั๋วหรานกำลังกุมหลอดยาของหลินม่ายเพื่อให้ความอบอุ่น จึงให้แฟนของหล่อนทำเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มตอบหล่อนกลับ “อยากให้ฉันเสแสร้งทำแบบนั้นเหรอ?”
หลินม่ายเห็นการกระทำของเขาก็รู้สึกประทับใจ
ฟางจั๋วหรานหลงระเริงกับความเจ้าเล่ห์ของเธอ
ในชั่วพริบตานั้น เธอก็ละทิ้งความไม่เต็มใจและความคับแค้นใจในชาติที่แล้ว
เพราะฟางจั๋วหรานเยียวยาความเจ็บปวดในชีวิตก่อนหน้านี้ด้วยความรักอันลึกซึ้งของเขา
เธอรู้สึกขอบคุณเฒ่าจันทรา*มากที่ส่งฟางจั๋วหรานมาให้
*เทพเจ้าแห่งความรักของจีน มีหน้าที่ผูกด้ายแดงให้กับคนสองคนที่มีชะตารักต้องกัน
เธอต้องทะนุถนอมเขาอย่างดีและมีชีวิตอยู่กับเขาตลอดไป
หลินม่ายฉีดยาและเข้ารับน้ำเกลือเป็นเวลาราวครึ่งชั่วโมง
เธอมีสุขภาพที่ดี ดังนั้นจึงไม่สำคัญว่าจะปรับการหยดให้เร็วขึ้นหรือไม่
หลังจากฉีดยา ทั้งสองก็ออกจากโรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย และหลินม่ายแทบรอไม่ไหวที่จะถาม “ฉันยอมฉีดยาอย่างเชื่อฟังแล้ว คุณช่วยบอกสามคำนั้นให้ฉันฟังได้ไหม?”
ฟางจั๋วหรานหรี่ตามองเธอ “คุณแน่ใจหรือว่าคุณฉีดยาอย่างเชื่อฟัง?”
หลินม่ายขมวดคิ้วอย่างรู้สึกผิด “ไม่ว่าฉันจะยอมฉีดยาอย่างเชื่อฟังหรือไม่ แต่ท้ายที่สุดฉันก็ยอมฉีดยาแล้วกันน่า”
เธอเขย่าแขนของฟางจั๋วหรานและกล่าวอย่างแผ่วเบา “ช่วยบอกสามคำนั้นได้ไหมคะ? ฉันอยากได้ยินมันจริง ๆ ถ้าคุณไม่ทำตามสัญญาฉันเตะก้นคุณแน่~”
อันที่จริงหลินม่ายไม่ชอบคนที่มีพฤติกรรมเช่นเดียวกับเด็ก แต่ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรจากเด็กคนหนึ่ง ทว่าฟางจั๋วหรานก็ไม่มีท่าทางต่อต้านเลย
เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้หูของเธอแล้วกล่าวอย่างแผ่วเบา “ถ้าอย่างนั้นคุณต้องตั้งใจฟัง”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างเขินอาย
“นางฟ้าน้อย คุณคือเจ้านางฟ้าตัวน้อยที่แสนน่ารักของผม” ฟางจั๋วหราน กล่าวอย่างรักใคร่
หลินม่ายจ้องมองที่เขาอย่างตกตะลึง “แค่นี้เหรอ?”
“อืม” ฟางจั๋วหรานพยักหน้าอย่างจริงจัง
หลินม่ายรู้สึกผิดหวัง “ทำไมไม่ใช่สามคำนั้นล่ะ?”
ฟางจั๋วหรานถามกลับ “สามคำไหน?”
“ก็แค่… สามคำว่า… รักคุณนะ”
ฟางจั๋วหรานลูบหัวเธอ “ผมรู้ว่าคุณรักผม”
ประธานหลินแห่งว่านถงกรุ๊ปผู้สง่างามตระหนักได้ทันทีว่าถูกอีกฝ่ายหลอกให้บอกรัก จึงกำหมัดแน่นแล้วชกฟางจั๋วหราน
ฟางจั๋วหรานสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนเป็ด กำปั้นที่กระแทกร่างกายของเขาไม่เพียงไม่เจ็บปวดเท่านั้น แต่ยังแทบไม่รู้สึกอะไร
ฟางจั๋วหรานยังคงเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
หลังจากที่หลินม่ายทุบตีจนเพียงพอแล้ว ฟางจั๋วหรานก็กระซิบเบา ๆ ที่หูของเธอ “ผมรักคุณ”
หลินม่ายื่คิดว่าจะไม่ได้ยินสามคำนี้แล้วพลันยิ้มด้วยความประหลาดใจ
เธอจูบเขาที่แก้ม “ฉันก็รักคุณเหมือนกัน”
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้ม
จากนั้นฟางจั๋วหรานก็ถามหลินม่ายว่าเธอถูกสาดน้ำในตอนเช้าได้อย่างไร?
เหมียวเหมียวไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนเมื่อเธอโทรหาเขา
และเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะถามคำถามนี้ในห้องพยาบาล เนื่องจากมีแพทย์ประจำมหาวิทยาลัยและนักศึกษาคนอื่น ๆ อยู่
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน เด็กสาวสองคนที่สาดน้ำให้ฉันถูกจับหมดแล้วเราไปถามฝ่ายรักษาความปลอดภัยดีไหมคะว่าพวกหล่อนเอาน้ำเย็นราดฉันทำไม?”
ทั้งสองไปที่แผนกรักษาความปลอดภัย
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยได้พบกับหลินม่าย และรับรู้ทันทีว่าไม่อาจโกหกหรือปิดบังความจริงจากเธอได้
เธอดูนุ่มนวลและน่ารัก แต่ก็เป็นคนเอาจริงเอาจังไม่น้อย
เธอเข้ามาถามถึงสาเหตุที่สองสาวสาดน้ำใส่เธอ หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยรู้ทุกอย่างจึงบอกเล่าต่อเธอ
เขาต้องบอกความจริงเพราะกลัวจะลงเอยเช่นเดียวกับอาจารย์ผู้คุมสอบคนนั้น
หัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัยบอกหลินม่ายและฟางจั๋วหรานว่า หญิงสองคนได้รับค่าจ้างจากซูอวี้เจี๋ยให้เทน้ำเย็นราดหัวหลินม่าย
โดยมีจุดประสงต์เพื่อให้เธอป่วยและไปสอบไล่ไม่ได้
หลินม่ายยังคงมีท่าทางเฉยเมย ขณะที่ใบหน้าของฟางจั๋วหรานเต็มไปด้วยความไม่พอใจฉายชัด
หลังเลิกงาน ฟางจั๋วหรานก็ขับรถไปที่บ้านของซูอวี้เจี๋ย
น้องชายของซูอวี้เจี๋ยอาศัยและเรียนที่มหาวิทยาลัยจึงไม่อยู่บ้าน
มีเพียงซูอวี้เจี๋ยและพ่อแม่ของหล่อนเท่านั้น
พ่อเจี๋ยมีความสุขมากที่ได้เห็นฟางจั๋วหรานมาเยี่ยมเยียน
ครั้งสุดท้ายที่ซูอวี้เจี๋ยทำให้หลินม่ายอับอายในห้างสรรพสินค้า ฟางจั๋วหรานได้แก้แค้นและทำลายชีวิตสมรสของซูอวี้เจี๋ย แต่ครอบครัวของหล่อนยังต้องการรักษาไมตรีกับเขา
หากคุณปู่ฟางยังคงอยู่ที่เจียงเฉิง ซูอวี้เจี๋ยจะต้องได้รับการสั่งสอน เพราะทำให้ตระกูลฟางขุ่นเคืองจากการกลั่นแกล้งหลินม่าย
แต่ตอนนี้ทั้งคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางต่างอาศัยอยู่ในเมืองหลวง ผู้คนในแวดวงของพวกเขาต่างคาดเดาเกี่ยวกับจุดประสงค์ของคู่สามีภรรยาสูงอายุที่กลับมายังเมืองหลวงว่าพวกเขาต้องการเป็นที่ปรึกษาของเจ้าหน้าที่ระดับสูงใช่หรือไม่?
คุณปู่ฟางเป็นคนเก่งและมีความสามารถตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงวันที่ก้าวลงจากตำแหน่ง
หากตอนนี้เขาจะเป็นที่ปรึกษาก็เป็นไปได้ทั้งหมด
หากเป็นเช่นนั้นจะไม่มีใครในวงของพวกเขาทำให้ตระกูลฟางขุ่นเคืองได้ นับประสาอะไรกับตระกูลซูผู้ต่ำต้อย
ครั้งล่าสุดเขาเตรียมของขวัญมากมายและพาซูอวี้เจี๋ยไปขอโทษคุณปู่และคุณย่าฟางถึงการกระทำของหล่อน
พวกเขาขอโทษและยอมรับความผิดพลาดอย่างไม่เต็มใจ
เพราะหากพวกเขาตั้งใจและเต็มใจที่จะขอโทษ พวกเขาควรออกมายอมรับผิดในเรื่องที่ซูอวี้เจี๋ยทำให้หลินม่ายขุ่นเคืองในงานแต่งงานของเธอ แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดจากครอบครัวนี้เลย
ด้วยอิทธิพลของตระกูลฟาง จึงไม่มีชายหนุ่มคนใดกล้าหมั้นหมายกับลูกสาวตระกูลนี้เลย
ดังรั้นพวกเขาจึงไปยังประตูบ้านตระกูลฟางด้วยความตื่นตระหนก
พวกเขาเพียงเสแสร้งเพื่อรักษามิตรภาพอันดีไว้
เพื่อรอวันที่ลูกสาวสามารถหาครอบครัวที่เหมาะสมหรือครอบครัวที่มีสถานะสูงกว่าตระกูลฟางได้
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคุณปู่ฟางในวันนั้น พ่อเจี๋ยกระวนกระวายใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ
ตอนนี้ฟางจั๋วหรานมาที่บ้านของเขาอีกครั้ง พ่อเจี๋ยจึงไม่พลาดโอกาสที่จะสมานฉันท์กับฟางจั๋วหราน
ตราบใดที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฟางจั๋วหราน ก็จะมีความสัมพันธ์อันดีกับคุณปู่ฟางได้
เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาก็ไม่ต้องหลบซ่อนตัวจากผู้คนในแวดวงเดียวกันอีกต่อไป
พ่อของเขาเป็นคนรุ่นเดียวกับคุณปู่ฟาง อายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี
คุณปู่ฟางยังแข็งแรงดี แต่พ่อของเขาล้มป่วยเมื่อครึ่งปีก่อนและเสียชีวิตหลังจากนั้นไม่นาน
มิฉะนั้นจะเป็นไปไม่ได้ที่อิทธิพลของตระกูลซูในแวดวงของพวกเขาจะลดลง
และคุณปู่ฟางก็จะไม่อาจรังแกตระกูลของพวกเขาและทำให้อับอายเช่นนี้ได้
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทุกคนมันก็มีจุดอ่อนของตัวเองกันทั้งนั้นล่ะค่ะ เวลาม่ายจื่อสลัดคราบประธานกลับมาเป็นเด็กก็ดูน่ารักดีนะ
อ้าว ยัยอวี้เจี๋ย ทำพี่หมอโกรธอีกรอบแล้ว คราวนี้ล้มแบบไม่ลุกแน่
ไหหม่า(海馬)
ล้มไม่เป็นท่าแน่ๆ