เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา – ตอนที่ 68 ผลงานระดับหนึ่งขั้นบน

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

หลังเซ็นสัญญาเสร็จ เจียงอิ้งเยว่ก็รั้งซูสุ่ยเลี่ยนคุยเรื่องทั่วไป

หลินซือเย่าก้มหน้าจิบชาไปเงียบๆ เงยหน้ามองซูสุ่ยเลี่ยนข้างกายที่สนทนาอย่างสนุกสนานอยู่เป็นระยะ บางทียังได้สบกับรอยยิ้มที่นางส่งมาเรื่อยๆ นางกลัวว่าจะทอดทิ้งเขาหรือ หลินซือเย่าแย้มยกมุมปาก ก้มลงจิบชาต่อไป

ตอนแรกเจียงอิ้งเยว่ก็เริ่มคุยอย่างมีมารยาททั่วไป ต่อมาก็เริ่มคุยสนุกจนลืมตัว แอบชื่นชมความรอบรู้ของซูสุ่ยเลี่ยน มั่นใจว่าซูสุ่ยเลี่ยนไม่ใช่คุณหนูตระกูลทั่วไปแน่

มองดูอากัปกิริยาที่ดูมีสง่าราศีเป็นธรรมชาติ ทำให้เจียงอิ้งเยว่อดนึกสงสัยสถานะแท้จริงของนางไม่ได้

เพียงแต่ความสัมพันธ์ของทั้งสองตอนนี้ก็แค่เถ้าแก่กับหัวหน้าช่างปักผ้า นางไม่อาจถามตรงๆ ได้ อย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่าย

หากเป็นดังที่ตนคาดเดา ซูสุ่ยเลี่ยนเป็นคุณหนูที่ลอบหนีมากับหลินซือเย่า แต่ฝีมือการปักผ้ามือเป็นหนึ่งนี่ก็ยังทำให้เจียงอิ้งเยว่แอบสลัดการคาดเดาของตนเองนี้ทิ้งไป

“เถ้าแก่ใหญ่ ตรวจสอบเสร็จแล้ว นี่คือผลการตรวจสอบ” ในตอนนั้นเอง คนงานที่เอาผลงานไปตรวจด้านหลังก็ออกมาพร้อมส่งกระดาษรายงานในมือให้เจียงอิ้งเยว่

เจียงอิ้งเยว่อ่านไปสิบบรรทัด กวาดตาอ่านเนื้อหาทั้งหมดในกระดาษจบ แววตาก็มีรอยยิ้มผุดขึ้นมามากยิ่งขึ้น เงยหน้าสบสายตาอยากรู้อยากเห็นของซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มกล่าวว่า “สุ่ยเลี่ยน ยินดีด้วย หยางกุ้ยเฟยเมาเหล้าเป็นผลงานปักระดับหนึ่งขั้นบน”

การค้าผ้าปักบนแผ่นดินต้าหุ้ยมีมาตรฐานชัดเจนสืบทอดกันมาประการหนึ่ง ทุกร้านปักล้วนต้องมีอาจารย์เฉพาะทางเพื่อประเมินมาตรฐานระดับงานปัก

ผลงานปักวัดกันที่ขนาด ความยากง่าย การวางแบบ ฝีมือปัก รวมหลากหลายด้านต่างๆ นี้ประเมินงานออกเป็นระดับหนึ่ง สอง และสาม หนึ่งคือดีที่สุด สองคือดี สามคือมาตรฐาน แต่ละระดับยังแยกเป็นขั้นบน กลาง และล่างอีกสามขั้น งานที่ไม่ได้แม้แต่ขั้นล่างของระดับสามถือว่าเป็นงานที่แย่มาก เป็นแค่สตรีที่รู้การเย็บปัก ไม่เหมาะจะเป็นผลงานสำหรับขาย เพราะแม้ว่ามีร้านค้าไหนเห็นแก่ราคาถูกจ้างเอาไว้ ก็เป็นผลงานที่เอาไว้เก็บใต้หีบเท่านั้น ไม่มีคนยอมซื้อ

ภาพครั้งก่อนของซูสุ่ยเลี่ยนกับสี่ชุ่ยร่วมกันทำอย่าง ‘หงส์เกี้ยวหงส์’ ได้รับการประเมินว่าขั้นบนของระดับสอง สี่ชุ่ยรับผิดชอบองค์ประกอบภาพที่มีความสำคัญในภาพระดับรองเท่านั้น ฝีมือเย็บปักก็แค่ได้มาตรฐาน

ภาพหยางกุ้ยเฟยเมาเหล้าได้รับตรวจประเมินอยู่ในขั้นบนระดับหนึ่ง เป็นสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเจียงอิ้งเยว่

ใช่ นางเคยคิดจริงๆ ว่าอาศัยฝีมือปักของซูสุ่ยเลี่ยน น่าจะได้การประเมินค่าเป็นระดับอันดับหนึ่ง เพียงแต่คิดนั้นเรื่องหนึ่ง พอได้เห็นเอง ได้ยินเอง ก็เหมือนแอบตกใจอยู่บ้าง

คิดถึงว่าพวกนางเจียงอิ้งเยว่กับเจียงอิ้งอวิ๋นสองพี่น้อง ทำการค้าผ้าปักมาสิบเอ็ดปี ไม่เคยได้รับประเมินผลงานขั้นบนระดับหนึ่ง ผลงานขั้นบนระดับหนึ่งเป็นการประเมินสูงสุดในหลายปีมานี้ ถึงตอนนี้มีเพียงสามภาพเท่านั้น หนึ่งในนั้นยังเป็นภาพจากฝีมือซูสุ่ยเลี่ยน

ทั่วเมืองฝานลั่ว ร้านปักผ้าไหนเคยมีผลงานผ้าปักขั้นบนระดับหนึ่งกัน? ไม่มีเลย! หากมีสักภาพ ร้านผ้าปักนั้นก็ย่อมเหนือกว่าร้านตน และได้กลายเป็นร้านปักผ้าอันดับหนึ่งในเมืองฝานลั่วไปแล้ว

ตอนนี้ช่างปักผ้าตรงหน้าที่ไม่เหมือนช่างปักผ้า ใช้เวลาแค่เพียงหนึ่งเดือนครึ่งก็ทำเอาบันทึกร้านปักผ้าเยว่อวิ๋นสิบเอ็ดปีนี้ต้องบันทึกใหม่ และยิ่งอาจเปลี่ยนประวัติงานผ้าปักเมืองฝานลั่วไปเลยทีเดียว

โชคดีมาก เจียงอิ้งเยว่แอบดีใจว่าตนเองได้เซ็นสัญญากับนางแล้ว ในหนึ่งปีนี้ ด้วยลักษณะการวางตัวของซูสุ่ยเลี่ยน น่าจะไม่ต้องกังวลว่าร้านผ้าปักอื่นจะมาแย่งชิงนางไปได้ อีกหนึ่งปีจากนี้ นางก็จะยังกล่อมซูสุ่ยเลี่ยนเอาไว้ให้ร่วมมือกับร้านผ้าปักเยว่อวิ๋นต่อ ส่วนเงินค่าจ้างนั้นขอเพียงเหมาะสม นางก็ย่อมออกหน้ารับงานแทนได้

……

“อาเย่า ไป พวกเราไปร้านอู่ชิ่นไจกินอาหารดีๆ กันสักมื้อ” ซูสุ่ยเลี่ยนดึงหลินซือเย่ามุ่งไปร้านอู่ชิ่นไจที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกของถนนอย่างเบิกบานใจ

ภาพหยางกุ้ยเฟยเมาเหล้าเป็นผลงานที่ตรวจสอบแล้วว่าขั้นบนระดับหนึ่ง ทำให้นางได้รับรางวัลเพิ่มอีกยี่สิบตำลึง นี่เป็นเงินรายรับก้อนแรกตั้งแต่นางมาถึงแผ่นดินต้าหุ้ย มาตั้งรกรากที่เมืองฝานฮัว จะไม่ดีใจได้หรือ

“ได้” หลินซือเย่าอมยิ้มลูบแก้มป่องขึ้นเพราะรอยยิ้มของนาง ในใจก็แอบตกตะลึงคิดว่า นางดีใจเช่นนี้เพราะเงินยี่สิบตำลึง?

หวนคิดถึงเครื่องประดับที่นางเก็บไว้ในลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งแล้วยังน่าตะลึงกว่า ไม่ว่าชิ้นไหนก็มีค่าหลายสิบตำลึง ในนั้นชิ้นหนึ่งยังมีค่ามากกว่าหลายร้อยตำลึง กอปรกับเงินของนางในตอนแรกที่มีกว่าห้าสิบตำลึง นางตอนนั้นก็ไม่เห็นใส่ใจเงินพวกนั้นนี่ ที่ควรจ่ายก็จ่ายไป ที่ควรใช้ก็ใช้ไป บางครั้งถึงกับแม้แต่เขาเองยังสงสัย นางรู้ค่าสภาวะราคาสินค้าจริงๆ ไหม

ใช่แล้ว ยี่สิบตำลึงได้มาจากการทำงานหนึ่งเดือนครึ่งของนาง ย่อมไม่เหมือนกัน

……

ตอนสองคนมาถึงร้านอู่ชิ่นไจ เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี ห้องส่วนตัวในร้านจองเต็มหมดแล้ว มีแต่โต๊ะสำหรับสองคนที่มุมโถงด้านล่าง

สั่งอาหารขึ้นชื่อไปสองสามอย่าง เช่นไก่ขอทาน ปลาซงจื่อกุ้ย ผัดตั้งโอ๋ น้ำแกงห้าสี วางเต็มโต๊ะเล็กพอดี

“พี่เสี่ยวเอ้อร์ ช่วยเก็บเป็ดย่างหนังกรอบให้พวกเราสักสองตัว ปลายยามเว่ยจะมารับ” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ที่เอาอาหารมาส่ง เตรียมเอากลับบ้านไปให้ต้าเป่า เสี่ยวฉุน และเสี่ยวเสวี่ยได้ลิ้มลองกัน

“ได้เล้ยยย ฮูหยินวางใจ ข้าจะไปกำชับพ่อครัว ตอนฮูหยินมารับแค่แจ้งเลขโต๊ะก็พอ” เสี่ยวเอ้อร์ยิ้มร่ารับคำ ครั้งก่อนเขาต้อนรับซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่า หญิงโฉมงามอ่อนโยน ชายรูปงามเย็นชา คู่สามีภรรยาที่เหมาะสมกันเช่นนี้ ในพื้นที่ห่างไกลอย่างเมืองฝานลั่วหาได้ยาก ดังนั้นพบกันครั้งเดียวก็จำได้ติดตา

แขกอื่นๆ ที่มาใช้บริการในร้าน ก็แอบมองมาทางซูสุ่ยเลี่ยนอยู่เรื่อยๆ แววตาที่มองมามีความสนใจและอิจฉา…

หลินซือเย่าขมวดคิ้วไม่พอใจแค่นเสียงฮึขึ้นมา แผ่รัศมีเย็นเยียบโดยรอบขึ้นมาสกัดแววตาอิจฉาและเต็มไปด้วยความสนใจที่ส่งมาจากทุกมุมห้องโถงล่าง

“อาเย่า? เป็นอะไรไปหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินเสียงฮึของเขา จึงได้ละความสนใจจากอาหารตรงหน้า เงยหน้าขึ้นมองสีหน้าบึ้งตึงของเขา ถามอย่างเป็นกังวลว่า “ไม่สบายตรงไหนหรือ”

“ไม่เป็นไร คิดว่าที่นี่อึดอัดไปหน่อย” หลินซือเย่าเบนหน้ากลับมาอย่างดูไม่ธรรมชาตินักพลางหาเหตุผล

“อึดอัด?” ซูสุ่ยเลี่ยนมองไปรอบๆ อย่างนึกสงสัย หน้าหนาวในห้องก็อบอุ่นดีนี่ บางทีเขากับนางอาจไม่ชินกับการกินอาหารในโถงที่วุ่นวายเหมือนกันกระมัง

“อย่างนั้นพวกเรารีบกิน กินเสร็จไปหาซื้อของฉลองปีใหม่กัน” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มละมุนกล่าวขึ้น พลางคีบเนื้อปลาซงจื่อกุ้ยให้กับเขาชิ้นหนึ่ง ส่งไปวางในจานแบ่งของเขา

“ได้ เจ้ากินเยอะๆ” หลินซือเย่าเห็นดังนี้ ความไม่พอใจที่ผุดขึ้นมาก่อนหน้าก็มลายหายไปสิ้น ตักน้ำแกงห้าสีที่ทำจากไก่ฉีกเส้น ปลาเงินตัวเล็ก เต้าหู้เส้น หน่อไม้เส้น หูหลัวโปเส้นให้ซูสุ่ยเลี่ยนชามหนึ่ง กำชับนางให้กิน จากนั้นตนเองก็ก้มหน้ากิน

นางเป็นภรรยาเขาแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว ส่วนคนอื่นไม่ได้กินองุ่นแล้วอิจฉาตาร้อน เกี่ยวอะไรกับเขา

เพียงแต่หลินซือเย่าไม่คิดว่า แววตาที่ส่งมาจากรอบกายไม่เพียงแค่มาทางซูสุ่ยเลี่ยน แต่ยังมาที่เขาโดยเฉพาะ…เช่นว่าลู่หว่านเอ๋อร์ที่อยู่ทางหน้าต่างฝั่งตะวันตกของห้องโถง

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา

Status: Ongoing
ในเมื่อมาอยู่อีกห้วงเวลา ชะตาลิขิตให้มีชีวิตใหม่กับเขาคนนี้ นางก็จะขอสร้างครอบครัวดีๆ อยู่ไปให้เป็นสุขที่สุด!ซูสุ่ยเลี่ยน สาวน้อยช่างปักผ้ามือหนึ่งของตระกูล ผู้แสนอ่อนหวานเดินทางข้ามเวลาจากยุคสาธารณรัฐจีน มาอยู่ในร่างคุณหนูที่หนีจากการถูกตามล่าทว่า ท่ามกลางการเอาตัวรอดสุดชุลมุน หัวใจก็วุ่นวาย เมื่อได้พบ หลิวซือเย่านักฆ่าหนุ่มสุดหล่อแสนเย็นชาที่นางเก็บได้จากในป่า และตกหลุมรักแต่แรกเห็น!ความรักสุดอบอุ่นจึงบังเกิด เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจเปลี่ยนสถานะเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน!ฝีมือปักผ้าของตัวแทนตระกูลปักผ้าอย่างนาง กับ วิชาตัวเบาและกำลังภายในของนักฆ่าอย่างเขาจะเป็นต้นทุนสร้างครอบครัวสุดน่ารักแบบบ้านนา พร้อมกับเจ้าลูกหมาป่าตัวนุ่มฟูอีกสองตัว!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท