ตอนที่ 94 ของขวัญแสดงการขอโทษ
วันรุ่งขึ้น ซูสุ่ยเลี่ยนยังไม่ทันได้ตรวจสอบละเอียดถึงความรู้สึกระหว่างชุนหลันกับองครักษ์เซียวว่ามีความรักกันหรือไม่ เจียงอิ้งอวิ๋นก็มา และยังรับคำจากเจียงอิ้งเยว่พี่สาวนาง นำเงินครึ่งปีแรกมาให้ ยังมีรถม้านำของขวัญมาอีกหนึ่งคันรถ รวมทั้งผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดที่ซูสุ่ยเลี่ยนต้องการใช้หลังคลอดเย็บเป็นชุดนอนตัวกว้าง รวมทั้งเสื้อผ้าถุงเท้าทารกครบชุด
“บอกมาตรงๆ เจ้าดูแลตัวเองอย่างไร” เจียงอิ้งอวิ๋นสังเกตซูสุ่ยเลี่ยนที่นั่งพิงอยู่บนเก้าอี้นอนกำลังกินพุทราแดงที่เพิ่งเด็ดมาจากต้น อดถามอย่างนึกอิจฉาไม่ได้
ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี สตรีมีครรภ์อย่างนาง เถ้าแก่เนี้ยร้านน้ำชาข้างบ้านนางอายุครรภ์ไล่เลี่ยกับซูสุ่ยเลี่ยน แต่ไม่ได้วาสนาดีอย่างซูสุ่ยเลี่ยนสักนิด หน้าตามีฝ้าหมอง มือเท้าบวม ไหนเลยจะเหมือนสตรีตั้งครรภ์ใกล้แปดเดือนตรงหน้านางผู้นี้ ผิวพรรณราวหิมะ อ่อนนุ่มมีน้ำมีนวล เฮ้อ…คนเรายามเปรียบเทียบกันแล้วช่างน่าโมโหจริง!
ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นปฏิกิริยาเจียงอิ้งอวิ๋นดูเกินจริงเช่นนี้ก็ได้แต่ขำไม่กล่าวอันใด นางจะอธิบายอย่างไร หลินซือเย่าดูแลนางดีมาก? ประสิทธิภาพกลั่นหยกเซียนน่ายินดียิ่ง?
“จะว่าไป ในเมื่อเจ้าเป็นคุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้งแห่งเมืองหลวง…” เจียงอิ้งอวิ๋นมองชุนหลันที่ส่งจานผลไม้มาแล้วก็ถอยออกไปก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ กะละมังเงินทองที่พี่สาวนางวาดหวังไว้ดิบดีคงต้องหายวับไปแล้ว เดิมกะว่ารอให้ซูสุ่ยเลี่ยนอยู่ไฟเสร็จก็จะรับงานปัก หัวหน้าช่างปักผ้าของพวกนางก็จะทำงานได้ดังเดิม ไม่คิดว่า…
รู้ว่านางคือคุณหนูสี่จวนอ๋อง ไหนเลยจะกล้าเซ็นสัญญากับนางต่อ
“ข้าไม่ใช่คิดปิดบัง…” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็มองเจียงอิ้งอวิ๋นอย่างลำบากใจ นางเองก็ไม่รู้ชาติกำเนิดของเจ้าของร่างเดิมว่าจะซับซ้อนขนาดนี้นี่
“เอาละ ข้าก็ไม่ได้ตำหนิเจ้า” เจียงอิ้งอวิ๋นโบกมือกล่าวว่า “ขอเพียงจวนอ๋องจิ้งไม่ตามมาเอาเรื่องร้านเยว่อวิ๋นเราก็พอแล้ว”
“อิ้งอวิ๋น!” ซูสุ่ยเลี่ยนเรียกเจียงอิ้งอวิ๋นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ก่อนจะบ่นเบาๆ ค่อยๆ กล่าวว่า “อิ้งอวิ๋น วันหน้าคงยากมีโอกาสได้ร่วมมือระยะยาวกับร้านเยว่อวิ๋นแล้ว เจ้าก็รู้ ลูกสองคน…เกรงว่าไม่มีเวลาปักผ้าแล้ว”
“ข้ารู้” เจียงอิ้งอวิ๋นพยักหน้า คลอดทีเดียวสองคน เป็นใครก็คงปวดหัว
ซูสุ่ยเลี่ยนยังไม่มีพ่อแม่สามีมาช่วยดูแลอีก โชคดีจริง เจียงอิ้งอวิ๋นกวาดสายตามองไปยังชุนหลันที่ยืนหน้าตาสงบนิ่งรอรับใช้ห่างจากซูสุ่ยเลี่ยนสองสามก้าว นางยังมีจวนอ๋องจิ้ง คงไม่ขาดแม่นมหรือหมัวมัว ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่สามีหน้าตาเย็นชาคอยปกป้องดูแลนาง คงหัวหมุนแน่
“ชุนหลัน ไปเอาห่อผ้าแพรที่ข้าวางไว้ในตู้ใหญ่ในห้องนอนมาหน่อย” ซูสุ่ยเลี่ยนเรียกชุนหลัน
ไม่นานชุนหลันก็ประคองห่อผ้าแพรออกมา “คุณหนู ห่อนี้หรือ”
“ใช่” ซูสุ่ยเลี่ยนรับห่อผ้ามา พยักหน้าให้ชุนหลัน “ชุนหลัน เจ้าไปที่ห้องครัวดูว่าถั่วเขียวต้มแปะฮะ[i]เสร็จแล้วหรือยัง หากเสร็จแล้วก็ยกมาให้คุณหนูเจียงลองชิมสักชาม จะได้คลายร้อน”
“เจ้าค่ะ ชุนหลันจะไปเดี๋ยวนี้ คุณหนู ท่านจะดื่มน้ำพุทราถั่วแดงอีกไหม ถั่วเขียวแปะฮะฤทธิ์เย็นไป ไม่เหมาะให้คุณหนูดื่มตอนนี้” ชุนหลันกล่าวจบ ก็ยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะเดินเข้าห้องครัวไป
“เจ้าให้นางออกไป” เจียงอิ้งอวิ๋นมองซูสุ่ยเลี่ยนสายตานิ่งเรียบ ไล่สาวใช้ออกไปคงต้องหาเหตุอ้างสมเหตุสมผลเช่นนี้ สมกับเป็นคุณหนูจวนอ๋องจริง
“อยากให้เจ้าได้ลองชิมฝีมือพวกนางจริงๆ” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มกล่าวเสริม
ให้ชุนหลันออกไปก็เพราะไม่อยากให้นางมองเห็นงานปักของนางที่งามสมบูรณ์ระยะใกล้
แม้ว่าไม่รู้ว่าคุณหนูสี่เคยปักงานไหม เคยปักได้ระดับใด
แต่ดูจากเสื้อผ้าชุดในและนอกที่ทิ้งไว้สองชุดก่อนหน้านี้ในห่อผ้า งานปักเรียกว่าธรรมดา หรืออาจกล่าวได้ว่าไม่ได้งามหรูอะไร เนื้อผ้าแม้สูงค่าแต่งานปักธรรมดามาก
ดังนั้นซูสุ่ยเลี่ยนจึงไม่อยากให้บรรดาสาวใช้จวนอ๋องจิ้งรู้ว่าตนเองมีฝีมือปักระดับใด แม้พวกเขาอาจจะมองได้จากลายปักบนชุดของนางกับหลินซือเย่า ก็คงเดาได้พอควรแล้ว แต่ว่านางก็ไม่อยากให้เป็นที่เปิดเผยชัดเจนนัก
“อิ้งอวิ๋น ผ้าปักผืนนี้ เจ้าว่าเป็นอย่างไร” ซูสุ่ยเลี่ยนเปิดห่อผ้ากว้างราวหนึ่งเมตรออก ปักไว้สูงราวครึ่งเมตร เห็นชัดว่านางทำตาม ‘ภาพริมฝั่งแม่น้ำในฤดูกาลชิงหมิง’ ที่เตรียมไปเข้าร่วมการแข่งขันภพก่อน ลดขนาดลงเป็นแบบปักละเอียด แม้เล็กแต่งามประณีต หากเอาไปทำเป็นภาพ แขวนที่ไหนก็ย่อมเหมาะสมกับกลิ่นอายสูงศักดิ์ของห้องโถง
“สวรรค์!” เจียงอิ้งอวิ๋นเดิมที่กำลังพิงเก้าอี้ไม้สบายๆ อยู่ พอเห็นก็ตั้งตัวตรงพรึบขึ้นมาทันที สองตาเบิกจ้องมอง สองมือกุมปากน้ำเสียงสั่น “สุ่ยเลี่ยน…นี่…”
“นี่คืองานปักที่หลังข้าเซ็นสัญญาเป็นหัวหน้าช่างปักผ้าแล้วคิดจะทำ แต่พอดีตั้งครรภ์ จะทำอย่างไรได้ อาเย่าเห็นว่าเวลาไม่พอแล้ว ดังนั้นข้าเลยเร่งทำเสร็จต้นเดือนแปด เดิมคิดว่าจะให้อวิ๋นเอ๋อร์นำเข้าเมืองไปให้เจ้า แต่ช่วงนี้นางก็มัวแต่ยุ่งกับเรื่องบ้าน ไม่ได้คิดเข้าเมือง ข้าเองก็ไม่อยากรบกวน คิดว่ารอลูกข้าครบเดือน เจ้าก็คงมา ไม่คิดว่าเจ้าจะมาวันนี้ ได้รับไปพอดี”
“สุ่ยเลี่ยน…” เจียงอิ้งอวิ๋นจ้องมองซูสุ่ยเลี่ยนแทบไม่อยากจะเชื่อ นิ่งอึ้งไปนานก่อนจะเข้าใจความหมายของซูสุ่ยเลี่ยน ชี้ไปยังภาพปักที่ย่อมต้องได้รับการประเมินว่าเป็นงานระดับหนึ่ง กล่าวออกไปแทบไม่อยากจะเชื่อ “เจ้าบอกว่า งานปักนี้ คือ…”
“มอบให้ร้านเยว่อวิ๋น ถือเป็นงานปักที่หัวหน้าช่างปักผ้าควรปัก น่าจะพอให้ที่พวกเจ้ามอบให้ข้าเดือนละตำลึงกระมัง” ซูสุ่ยเลี่ยนมองตาปริบๆ ยิ้มทะเล้น ความหมายคืองานปักนี้มีค่าสิบสองตำลึง น่าจะพอคุ้มทุนนะ
“คุ้มค่าๆ แน่นอนคุ้มค่า เฮ้อ…ข้าไม่ได้หมายความเช่นนี้ ข้าหมายความว่า…โอ๊ย สุ่ยเลี่ยน ภาพปักชิ้นนี้ของเจ้าประณีตงามจนทำเอาข้ามึนงงไปหมดแล้ว ความหมายข้าก็คือเงินเดือนหัวหน้าช่างปักผ้าเดือนละหนึ่งตำลึงที่มอบให้เจ้า ไม่จำเป็นที่เจ้าจะต้องปักอะไร จริงๆ ข้ากับพี่ใหญ่ยังรักษาคำพูดนี้ สำหรับภาพนี้ สุ่ยเลี่ยน ข้าได้แต่กล่าวว่าช่างเป็นงานปักชิ้นเยี่ยมจริงๆ วางใจเถอะ กลับไปข้าจะต้องตามช่างมาประเมิน ควรจ่ายเท่าไรก็เท่านั้น ไม่ให้เจ้าน้อยลงแม้แต่นิด” เจียงอิ้งอวิ๋นยินดีตบหน้าอกรับรอง เดิมคิดว่าปีนี้ร้านเยว่อวิ๋นคงยากมีผลงานระดับหนึ่งแล้ว ไม่คิดเลยว่าแค่มาเยี่ยมก็ทำเอานางได้ผ้าปักชั้นเยี่ยมกลับไป
“อิ้งอวิ๋น ภาพปักนี้เป็นของขวัญแทนคำขอโทษจากหัวหน้าช่างปักผ้า ขออภัยที่ข้าเซ็นสัญญารับเงินแล้ว แต่กลับรับงานปักไม่ได้ ทำให้พวกเจ้าเสียเงินเสียทอง หากเจ้าจะยังให้เงินข้า อย่างนั้นข้าเก็บคืน ไม่ให้ละ” ซูสุ่ยเลี่ยนแสร้งกล่าวไม่พอใจ
เดิมนางก็รู้สึกผิด ก็เลยลองนึกภาพร่างในหัว วาดออกมาเป็น ‘ภาพริมฝั่งแม่น้ำในฤดูกาลชิงหมิง’ ที่เหมือนภพก่อน ปักลงบนผ้าแพรต่วน น่าจะบอกว่าเป็นภาพชีวิตประจำวันชาวบ้านแผ่นดินต้าหุ้ยในช่วงเทศกาลมากกว่า
“สุ่ยเลี่ยน…” เจียงอิ้งอวิ๋นพูดไม่ออก ตอนแรกพี่สาวนางทุ่มทุนเซ็นสัญญาหัวหน้าช่างปักผ้ากับซูสุ่ยเลี่ยนก็เพราะหวังว่านางจะไม่รับงานปักที่อื่น ที่เรียกว่าใช้เงินชิงตัว ไม่คิดว่าสตรีอ่อนโยนตรงหน้านี้ ถึงกับรู้สึกผิดจะต้องปักผลงานชิ้นยอดเยี่ยมเช่นนี้ออกมามอบเป็นการขอโทษร้าน หรือนางไม่รู้ ภาพนี้ไม่มีข้อด้อยเลย ประณีตทั้งผืน ไม่ว่าผู้คนหรือบรรยากาศรอบๆ ล้วนมีชีวิตชีวา หากนำไปขาย ราคาท้องตลาด ก็คงห้าสิบตำลึงขึ้นไป หากนำไปประมูลขาย ไม่แน่อาจได้ถึงหลายร้อยพันตำลึง
แต่นางกล่าวว่าให้ก็ให้เช่นนี้ ไม่รู้สึกเสียดายแม้แต่น้อย
เจียงอิ้งอวิ๋นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด ไม่รู้ว่าควรเริ่มกล่าวจากที่ใดดี ได้แต่มองซูสุ่ยเลี่ยนด้วยแววตาสับสน
“เอาละ รับไว้เถอะ ชุนหลันใกล้มาแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนกวาดสายตามองประตูห้องครัว ส่งสายตาให้เจียงอิ้งอวิ๋นเก็บผ้าปัก ‘ภาพริมฝั่งแม่น้ำในฤดูกาลชิงหมิง’ ที่นางใช้เวลาปักมาเกือบห้าเดือนเข้าห่อผ้า
“ได้ แต่ว่า รอให้ข้ากลับไปคิดก่อน หากมีเงินเกิน ต้องนำมามอบให้เจ้า แม้ว่าข้าเชื่อว่าคุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้งไม่จำเป็นก็ตาม แต่นี่เป็นความตั้งใจของข้า” เจียงอิ้งอวิ๋นถอนหายใจเบาๆ นับว่ารับความหวังดีของซูสุ่ยเลี่ยนแล้ว นำภาพปักเก็บเข้าห่อผ้าแพรอย่างระมัดระวังวางไว้ข้างกายตน
“อิ้งอวิ๋น เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้” ซูสุ่ยเลี่ยนแอบขำพลางส่ายหน้า แต่พอเห็นสีหน้าเจียงอิ้งอวิ๋นตอนบอกว่า ‘ความตั้งใจข้า’ หันกลับไปเห็นชุนหลันยกสองชามจากห้องครัวเดินมายังใต้ต้นอิงเถาแล้ว สองคนก็หยุดบทสนทนากันทันที
……
ตกค่ำ หลินซือเย่าเปิดตู้จะหยิบเสื้อผ้าไปเปลี่ยนอาบน้ำ ตามคาด ห่อผ้าแพรไม่อยู่ที่เดิมแล้ว
มุมปากแย้มยกเล็กน้อย ใบหน้าคิ้วดาบมีรอยยิ้ม แม้เขาจะสงสารสตรีตัวน้อยแสนรักของเขาที่ทุ่มเทเวลาสี่เดือนกว่าเพื่อปักภาพนี้ ปากไม่พูด ใจไม่ยินดี แต่วันนี้ในเมื่อเถ้าแก่รองร้านเยว่อวิ๋นรับผ้าปักไปแล้ว ก็หมายความว่าวันหน้าสุ่ยเลี่ยนก็ไม่ต้องเซ็นสัญญาหัวหน้าช่างปักผ้าที่ไม่รับงานก็ได้เงินเดือนเฉยๆ ให้ติดค้างในใจอีกแล้ว
สลัดเสื้อที่เต็มไปด้วยฝุ่นดินทิ้งแล้วก็เข้าไปอาบน้ำในลาน ก่อนจะรีบสวมเสื้อนอนผ้าฝ้ายบางแสนสบายแล้วมุดเข้าผ้าห่ม
“วันนี้เป็นอย่างไรบ้าง” เขาโอบกอดสตรีตัวน้อยที่นอนอุ่นอยู่บนที่นอนหนังหมีนานแล้ว กระซิบถามเบาๆ
“ดีมาก เจ้าล่ะ หลายวันนี้คงเหนื่อยแย่?” ซูสุ่ยเลี่ยนลูบไล้ใบหน้าเริ่มคล้ำของเขา ในใจก็กล่าวขึ้นอย่างสงสาร
หลินซือเย่าอยากจะเร่งสร้างบ้านใหม่ให้เสร็จก่อนนางคลอด หลายวันนี้ทั้งวันก็เอาแต่ยุ่งกับเร่งช่างปูนช่างไม้ ซือถูอวิ๋นกับต้าเป่าถูกเขาดึงไปทำงานหมด ทำเอาเจ้าสองเด็กน้อยก่อนกลับบ้านตอนเย็นต้องแล่นมาบ่นกระปอดกระแปดกับนางที่นี่ จนวันต่อมาชุนหลันทำขนมให้พวกเขา จึงได้ยอมกลับไปอย่างพอใจ
ตั้งแต่สาวใช้คนงานชายจวนอ๋องจิ้งเข้ามาอยู่ในบ้านบนเนื้อที่สี่หมู่แล้ว ซือถูอวิ๋นก็เลือกห้องพักมุมหนึ่งในบ้านซือชงเข้าพัก เขาว่าเขาต้องรับรองความปลอดภัยให้บ้านอาจารย์และอาจารย์ลุง
“ไม่เหนื่อย” หลินซือเย่าดูดดึงริมฝีปากแดงของนาง ค่อยๆ ถูไถเบาๆ
“อาเย่า…” ซูสุ่ยเลี่ยนอดครางเบาๆ ขึ้นมาไม่ได้ สองมือยกขึ้นโอบรอบคอเขาอย่างอดไม่ได้ ให้นางได้แนบชิดกับเขายิ่งขึ้น
———————–
[i] สมุนไพรจีนชนิดหนึ่ง ใช้ต้มเป็นเครื่องยาได้ทั้งอาหารคาวและหวาน