บทที่ 9 ไม่มีความรับผิดชอบ!
แสงตะวันที่อบอุ่นส่องประกายคู่กับสายลมอ่อน ๆ ที่พัดผ่านอย่างแผ่วเบา
ในวันนี้เหล่าพ่อแม่วัยใสรวมถึงลูกน้อยวัยกำลังซนต่างออกมาใช้เวลาร่วมกันที่สวนสนุกทางเหนือสุดของเมือง B ฝูเจิ้งเจิ้งและหานซือฉีก็รวมอยู่ในนั้นเช่นกัน
หญิงสาวยืนอยู่ด้านหนึ่งเพื่อถ่ายรูปให้ฝูซิงและหานซือฉีที่กำลังนั่งรถไฟคันเล็ก ๆ เล่นกันอยู่
เธอไม่เคยคิดเลยว่าคนแบบเขานั้นจะยอมเสียเวลาออกมาเที่ยวเล่นสนุกกับลูกชายของเธอแบบนี้ แถมยังเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอีก… แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาเลยจริง ๆ
ถ้าหากว่าเธอไม่ได้รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงของคนทั้งสอง ก็คงอดคิดไม่ได้ว่าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกันจริง ๆ แน่
“หม่ามี๊ ทางนี้ ๆ!” ฝูซิงที่กำลังขี่คอหานซือฉีอยู่ใช้มือเล็กป้องปากตะโกนเร่งเร้าผู้เป็นแม่ด้วยท่าทีที่น่ารักน่าเอ็นดู นานแล้วที่เธอไม่ได้เห็นลูกชายสนุกสนานขนาดนี้
“ได้จ้ะ” ได้ยินเช่นนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบหันกล้องไปทางทั้งสองในทันที
ทว่าในจังหวะนั้นเอง ภาพที่ปรากฏขึ้นในกล้องนอกจากสองหนุ่มที่กำลังสนุกสนานกันอยู่แล้ว หญิงสาวก็สังเกตเห็นชายอีก 2 คนที่กำลังปลุกปล้ำต่อสู้กันอยู่ไม่ไกลออกไปมากนัก คนหนึ่งตัวสูงใหญ่ดูแข็งแรง ในขณะที่อีกคนนั้นดูผอมบางและน่าจะเป็นฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำแน่ ชายหนุ่มตัวเล็กนั้นยกมือขึ้นเหนือหัวแสดงให้เห็นว่าเขายอมแพ้แล้ว แต่ชายร่างใหญ่นั้นกลับไม่ยอมหยุดมือที่ระดมทุบตีอีกฝ่ายแต่อย่างใด
รังแกผู้ที่อ่อนแอกว่างั้นเหรอ?
ภาพที่เห็นนั้นสะท้อนใจเธออย่างยิ่ง และทันทีที่คนตัวเล็กวิ่งหนีเข้าไปในอุโมงค์ใกล้ ๆ นั้น เธอก็รีบเก็บกล้องลงไปในกระเป๋าแล้วออกตัววิ่งไปหยุดคนตัวใหญ่ไว้ เป็นโอกาสให้อีกฝ่ายสามารถวิ่งหนีไปได้สำเร็จ
เมื่อเห็นว่ามีคนนอกยื่นมือเข้ามายุ่ง กำปั้นหนาขนาดใหญ่ก็ถูกเหวี่ยงใส่บุคคลที่ 3 อย่างแรง แต่เมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงหญิงสาวร่างเล็ก ชายหนุ่มจึงถึงกับชะงักไปครู่หนึ่ง เขาจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด หากไม่ติดว่าเป้าหมายของเขาในตอนนี้กำลังจะหลุดมือ
ไปไกล เขาคงจัดการยัยผู้หญิงจอมแส่คนนี้ไปแล้ว เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงรีบวิ่งตามไป
ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกประหลาดใจที่จู่ ๆ ก็รู้สึกเหมือนว่าเคยเห็นชายคนนี้จากที่ไหนมาก่อน แต่พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก หรือเขาคนนี้อาจจะเคยไปทำร้ายใครมาก่อนและโดนเธอจัดการมาแล้วครั้งหนึ่งก็เป็นได้?
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ คิดเรื่องนี้ไปก็คงจะไม่ได้อะไรขึ้นมา เป้าหมายของผู้ชายคนนี้อาจจะได้รับบาดเจ็บเพิ่มก็ได้หากเธอยังเอ้อระเหยกับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่ ฝูเจิ้งเจิ้งจึงรีบสลัดความคิดนี้ทิ้งไปและออกวิ่งตามไปติด ๆ
ทันใดนั้นเอง เมื่อร่างเล็กของหญิงสาววิ่งผ่านออกมาจากอุโมงค์ แขนของเธอก็ถูกคว้าเอาไว้โดยชายตัวใหญ่ที่วิ่งออกมาก่อนหน้า เขาตะโกนใส่เธอด้วยความโกรธเกรี้ยว “เธอเองก็เป็นพวกเดียวกับเจ้านั่นงั้นเหรอ!”
ดวงตาคนตัวใหญ่ที่มองลงมานั้นจ้องเขม็งด้วยความโกรธที่เป้าหมายหลุดมือไป เขาจ้องเธอจนกระทั่งความโกรธนั้นค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความสงสัย “เธอชื่ออะไร?”
“แล้วทำไมฉันต้องบอกคนอย่างนายด้วย?” ฝูเจิ้งเจิ้งเชิดหน้าพูดกับเขาอย่างถือดี
“ยัยนี่!” การโดนยอกย้อนทำให้ชายหนุ่มคนนี้หงุดหงิดขึ้นมาอีกหน่อย แต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามข่มใจไว้เพราะต้องการข้อมูลต่อ “พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?” เขาเองก็รู้สึกคุ้นหน้าของหญิงสาวเหลือเกิน
“ถ้าเคยเจอกันมาก่อนจริง นายจะต้องเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนฉันทุกวันแน่ ๆ” แม้จะแอบคิดว่าอีกฝ่ายก็อาจรู้สึกคุ้นหน้าเธอเหมือนกัน แต่ในตอนนี้เธอรู้สึกขยะแขยงในตัวคน ๆ นี้มากกว่า
“มากับฉันซะ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่ต้องการ ชายร่างใหญ่จึงตัดสินใจที่จะลากของเธอให้เดินตามไปด้วยกัน
“เฮ้ย ๆ นายจะพาฉันไปไหนน่ะ? ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
ฝูเจิ้งเจิ้งยกขาขึ้นหมายจะเตะเข้าไปที่ตัวอีกฝ่าย แต่คนคนนี้รวดเร็วกว่าเธอมาก เขาเอี้ยวตัวหลบแล้วคว้าร่างบางดึงเข้าหาตัว มันจึงทำให้เธอเสียการทรงตัวจนลอยเข้าไปในแขนแกร่งของเขาแทน ด้วยทักษะเฉพาะตัว เธอจึงเตรียมจะพลิกตัวเตะเข้าไปด้วยขาอีกข้าง แต่เสียงโทรศัพท์ของชายร่างใหญ่กลับดังขึ้นมาก่อน
ชายหนุ่มคนนั้นรีบรับสายและจำกัดการพูดคุยเพียงแค่ไม่กี่คำ เพื่อให้คนฟังจับใจความไม่ได้ จากนั้นเขาจึงปล่อยเธอและรีบวิ่งออกไปในทันที
หลังจากที่ฝูเจิ้งเจิ้งถูกปล่อยทิ้งไว้แล้ว เธอก็ยังคงจ้องมองไปยังทิศทางที่ชายคนนั้นวิ่งหายไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อพยายามใช้ความคิดอย่างหนักว่าเคยเจอคนคนนี้ที่ไหนกันแน่
“ถ้าอยากตามขนาดนั้นทำไมไม่วิ่งไปต่อล่ะ?” อีกครั้งที่ความคิดของเธอต้องสะดุด หากแต่ครั้งนี้เป็นเพราะหานซือฉี
เมื่อหันกลับไปตามต้นเสียง ฝูเจิ้งเจิ้งก็พบว่าเขากับลูกชายของเธอนั้นกำลังเดินใกล้เข้ามา
ทั้งสองเกือบจะได้เห็นฉากต่อสู้เมื่อกี้แล้วหากเดินมาเร็วกว่านี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจไม่พูดเรื่องนี้ให้พวกเขากังวลใจดีกว่า ฝูเจิ้งเจิ้งรีบทำตัวให้ปกติพร้อมกับเดินไปหาลูกชายของเธอและอ้าแขนกว้างเพื่อจะกอดเขา
แต่ฝูซิงตอนนี้ไม่ยอมให้ผู้เป็นแม่กอด เด็กน้อยบุ้ยปากแล้วเข้าไปหลบหลังหานซือฉีอย่างรวดเร็ว “ทำไมหม่ามี๊ถึงวิ่งหนีฝูซิงกับป๊ะป๋ามาแบบนี้ล่ะ? หม่ามี๊ไม่มีความรับผิดชอบเลย”
“หม่ามี๊ไม่ได้วิ่งหนีลูกมาสักหน่อย ก็แค่มีเรื่องต้องทำเฉยๆ…อ๋าาาา แล้วนี่ลูกไม่เข้าข้างแม่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ยยยยย” ฝูเจิ้งเจิ้งร้องเสียงหลง
ทางฝั่งหานซือฉีนั้น เขามองหญิงสาวด้วยสายตาไม่พอใจที่เห็นเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “บนโลกนี้ยังมีอะไรสำคัญกว่าลูกของเธอด้วยหรือไง? ไม่สิ เธอยังกล้าให้ความสำคัญกับชายคนอื่นมากกว่าลูกของเธออีกงั้นเหรอ?”
อั่ก…คำพูดนั่น…
ถ้าไม่ติดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอก็จะแอบคิดขึ้นมาหน่อยแล้วว่าอีตานี่กำลังหึงเธออยู่! แต่คงไม่มีทางหรอกนะ
แต่ถ้าตอนนี้ไม่อธิบายไปดี ๆ มีหวังได้เข้าใจผิดกันไปใหญ่แน่ ๆ “ฉันไม่รู้จักเขาเป็นพิเศษหรอก เผอิญว่าเห็นคนนั้นกับชายอีกคนกำลังทะเลาะกัน แล้วฝ่ายผู้ชายตัวเล็กเป็นคนที่ถูกกระทำ ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะวิ่งมาช่วยแล้วห้ามเขาไว้ก็เท่านั้น”
ทำไมเธอถึงต้องมากลายเป็นคนร้ายที่กำลังสารภาพผิดแบบนี้กันนะ?
“เลขาฝูผู้รวดเร็วและปราดเปรื่อง ดู ๆ ไปแล้วเธอไม่น่าเหมาะกับการเป็นเลขาเลยนะ ฉันล่ะเริ่มคิดแล้วจริง ๆ ว่าเธอต้องเป็นอะไรได้มากกว่านั้น…” คำพูดของเขาเรียบเฉยหากแต่แฝงความหมายเป็นนัย สายตาจ้องมองเธอหัวจรดเท้าราวกับเครื่องสแกนหาระเบิดก็มิปาน
——————————————————————————————————————–
คุยกับผู้แปล
ไล่ออกจากการเป็นเลขาแล้วแต่งตั้งเป็นบอดี้การ์ดแทนดีกว่าครับ ไหน ๆ ลูกเขาก็ติดหนึบขนาดนี้แล้วด้วย
-ทีมงานผู้แปล Enjoybook-