ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪] – บทที่ 79 อยากจะโยนตัวเองลงไปบนเตียงพี่รองของฉันเต็มแก่เลย

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

เขาจำอะไรขึ้นมาได้หรือยังไงน่ะ?

สายตาที่เข้มงวดของหานเถิงอวี้กวาดมองทั้งหานซือฉีและจีหมู่เซี่ยนก่อนจะกลับมามองยังฝูเจิ้งเจิ้ง แล้วถามขึ้นด้วยความโกรธ “เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่!”

ฝูเจิ้งเจิ้งรู้สึกอับอายมากที่เธอต้องกลายมาเป็นเป้าสายตาท่ามกลางครอบครัวนี้ ในขณะที่เธอกำลังจะเปิดปากเพื่อพูดอะไรซักอย่าง หานซือฉีก็หันมามองเธอด้วยแววตาที่ดูลุ่มหลงพร้อมกับพูด “เจิ้งเจิ้ง ฉันเชื่อว่าเธอไม่เคยลืมเรื่องในห้องลับคืนนั้นเมื่อ 6 ปีที่แล้วหรอกนะ ใช่หรือเปล่า?”

คราวนี้เธอช็อกสุดๆ ริมฝีปากเรียวบางนั้นสั่นเทาอยู่นานก่อนจะถามด้วยเสียงตะกุกตะกัก “น-นายคือเหนียนซี่งั้นเหรอ?”

เพียงแค่ได้ยิน “เหนียนซี่” ทุกๆ คนในครอบครัวก็ตกตะลึงกันไปหมด จะมีก็แต่หานเถิงอวี้และและจีหยาฉูเท่านั้นที่แสดงสีหน้าไม่ชอบใจ

แต่ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้รู้สึกถึงเรื่องนั้นเลย เธอจับแขนหานซือฉีไว้พร้อมกับเขย่าไปด้วย “นายจำอะไรได้บ้าง?”

อย่างไรก็ตาม หานซือฉีเพียงแค่ส่ายหน้าเบาๆ “ความทรงจำของฉันมันไม่ค่อยต่อเนื่องซักเท่าไหร่ เหมือนมันขาดหายไปเป็นช่วงๆ บางทีถ้าเธอพูดอะไรมากกว่านี้ ฉันอาจจะจำทั้งหมดขึ้นมาได้ก็ได้นะ”

“พวกเรา…”

ตอนนั้นเองหานซือเซียนที่ยืนเงียบอยู่ตลอดก็พูดแทรกขึ้นมา “คุณฝู คุณจะช่วยบอกพวกเราได้หรือเปล่าครับว่าฝูซิงเป็นลูกของซือฉีจริงๆ ?”

“ทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ?” หานซือฉีตอบคำถามนั้นด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแทนเธอ

“มันก็ต้องเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วสิ! ฝูซิงน่ะเพิ่งจะอายุ 5 ขวบกว่าๆ แต่ 6 ปีที่แล้วแกน่ะ…” หานเถิงอวี้ที่เพิ่งจะฟื้นจากอาการช็อกหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “แกยังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาอยู่เลยแท้ๆ ไม่มีทางที่เด็กอย่างแกจะรู้จักคุณฝูได้ เพราะงั้นลืมเรื่องที่แกทำเธอท้องไปได้เลย!”

จีหยาฉูเองก็พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ซือฉี แม่รู้นะว่าซิงซิงน่ะน่ารัก แต่ลูกจะมาซี้ซั้วพูดว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของลูกไม่ได้หรอกนะ”

หานซือเซียนพยายามจะไกล่เกลี่ยเรื่องนี้พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่น้องเล็กของพวกเรารู้สึกผูกพันกับฝูซิงและคอยช่วยเหลือเขามาตลอดพร้อมๆ กับผู้เป็นแม่ด้วย เพราะเด็กคนนี้มีสายเลือดของพวกเรานี่เอง หมู่เซี่ยน รีบๆ ขอบคุณซือฉีที่ช่วยดูแลฝูซิงและแม่ของเด็กมาตั้งนานสิ”

“พี่รอง?” หานซือฉีหันไปมองจีหมู่เซี่ยนทันควัน

ในตอนนี้จีหมู่เซี่ยนยังคงใจเย็นอยู่ เขาพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันตามหาพวกเขามาตั้งนานแล้ว ไม่คิดเลยจริงๆ ว่าน้องเล็กของฉันจะเป็นคนคอยดูแลพวกเขาให้มาโดยตลอด”

“พี่รอง!” ใบหน้าของหานซือฉีนั้นแสดงความผิดหวังออกมาชัดเจน เขาไม่คิดหรอกว่าพี่รองของเขาจะรับรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วแบบที่พูด

เพราะงั้นเขาจึงหันไปหาฝูเจิ้งเจิ้งพร้อมกับพูดด้วยความร้อนใจ “เจิ้งเจิ้ง บอกพวกเขาไปสิว่าซิงซิงเป็นลูกของฉัน!”

“ฝูซิงเป็นลูกของป๊ะป๋า!” ฝูซิงตะโกนออกมาขณะที่กอดหานซือฉีไว้

เมื่อรู้สึกได้ว่าทุกสายตาต่างหันมาจับจ้องที่ฝูเจิ้งเจิ้งแทน ความกดดันและความคาดหวังถูกโถมเข้าใส่เธอเพียงคนเดียว มันทำให้หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าและกัดฟันอยู่เงียบๆ

ฉันพูดอะไรได้บ้าง?

ต่อให้หานซือฉีคือเหนียนซี่จริงๆ แต่หานเถิงอวี้ก็เพิ่งพูดไปเองว่า เมื่อ 6 ปีก่อน หานซือฉียังเป็นแค่เด็กไร้เดียงสาอยู่

จริงอยู่ที่เมื่อ 6 ปีที่แล้ว มันเป็นครั้งแรกที่เหนียนซี่ได้ออกมาจากห้องที่น้าของเขาจับเขาไปขังไว้เป็นเวลากว่า 10 ปี เขาไม่ได้เข้าสังคมมาร่วมทศวรรษ มันเลยทำให้ทักษะการเข้าสังคมของเขามีพอๆ กับเด็กอายุ 12 เท่านั้น แบบนั้นแล้วจะให้เขามามีสัมพันธ์กับเธอแล้วทำให้เธอตั้งครรภ์ได้อย่างไร?

ต่อให้เธอจะบอกว่าฝูซิงเป็นลูกของหานซือฉี ตระกูลหานจะต้องมองว่าเธอนั้นล่อลวงเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อย่างเขาเป็นแน่ แบบนั้นมันจะไม่แย่กว่าเดิมอีกเหรอ?

เธอพยายามจะเปิดปากพูดหลายครั้ง แต่ท้ายสุดก็ต้องเงียบไปดังเดิมเพียงเพราะไม่รู้จะพูดอะไร

“ฝูเจิ้งเจิ้ง เธอเป็นใบ้หรือยังไง!” ยิ่งฝูเจิ้งเจิ้งเงียบ อารมณ์ของหานซือฉีก็ยิ่งเดือดดาลมากขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกเลยว่าต่อให้ตอนนี้ด้านหลังเขาจะเกิดไฟไหม้ เขาก็จะต้องดึงเธอให้ร่วงลงกองไฟนั้นไปพร้อมกับเขาให้ได้อย่างแน่นอน

“ป๊ะป๋าอย่าทำร้ายหม่ามี๊!” ฝูซิงที่ได้เห็นใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของหานซือฉีระยะใกล้ก็เกือบจะร้องไห้ออกมาแล้ว เขายกทั้งสองมือขึ้นเพื่อพยายามผลักใบหน้าของหานซือฉีให้หันไปทางอื่น

“อย่าทำให้เด็กกลัวนะซือฉี!” จีหยาฉูหมายจะเข้าไปอุ้มฝูซิงออกมา ทว่าเธอก็โดนหานซือฉีผลักออกไป

หานเถิงอวี้จ้องไปที่ฝูเจิ้งเจิ้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “คุณฝู ฉันเข้าใจนะว่าเธอน่ะอยากจะแต่งเข้าตระกูลหานขนาดไหน แต่การที่ตัวคุณเป็นสาเหตุให้ลูกชายทั้งสองคนของฉันต้องมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เธอไม่รู้สึกละอายใจในสิ่งที่ทำลงไปบ้างเลยหรืออย่างไร?”

สีหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งซีดลงไปในทันที แต่เพียงไม่นานความกระอักกระอ่วนก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เธอสะบัดแขนออกจากหานซือฉีพร้อมทั้งไปอุ้มฝูซิงออกมาจากเขาด้วย “ฉันน่ะไม่เคยขอให้พวกคุณยอมรับฝูซิงเป็นหลานแม้แต่คำเดียว! พวกคุณทุกคนเอาแต่คิดไปเอง พูดเองเออเอง! ตลอดมาฉันก็อยู่กับฝูซิงแค่สองคนมีความสุขดีอยู่แล้ว!”

หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น เธอก็เตรียมจะออกจากบ้าน ทว่าหานซือฉีกลับรั้งเธอไว้ก่อน “เธอยังไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนเลย จะไปไหนอีก!”

“ซือฉี แกกำลังจะหมั้นกับเฉียวเค่อเหรินแล้วนะ! นี่แกยังมีหน้ามาล่วงเกินพี่สะใภ้แกอีกงั้นเหรอ! จะทำให้ตระกูลหานของฉันเสียหน้าไปอีกมากแค่ไหน!” หานเถิงอวี้พูดด้วยอารมณ์ที่ร้อนระอุ

พลันเมื่อได้ยิน “เฉียวเค่อเหริน” ฝูเจิ้งเจิ้งก็รู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมาที่อก เพราะงั้นเธอจึงกัดฟันแน่นก่อนจะตะโกน “หานซือฉี ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้! ฝูซิงเป็นลูกของฉัน! และเด็กคนนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกคุณทั้งนั้น!”

เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมลดแรงที่จับเธอไว้ เธอก็ออกแรงผลักเขาไปเสีย ทว่าคราวนี้หานซือฉีกลับไม่ขยับไปไหน จะมีก็แต่จีหมู่เซี่ยนที่เข้ามาดึงเขาออกไป และทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งสามารถคว้าโอกาสหลีกหนีออกมาโดยที่มีฝูซิงอยู่ในอ้อมแขนได้

“เจิ้งเจิ้ง!” ในตอนที่หานซือฉีเตรียมจะวิ่งมาหาเธอ หานซือเซียนก็หยุดเขาไว้

จีหยาฉูที่เห็นฝูซิงถูกฝูเจิ้งเจิ้งพาตัวออกไป ก็โวยวายอย่างไม่พอใจ “ซิงซิงเป็นลูกหลานของพวกเรา เขาจะถูกเธอคนนั้นพาตัวไปไม่ได้! ซือฉี เห็นไหมว่าแกทำอะไรลงไป! แกไม่อยากจะให้พี่รองของแกมีความสุขบ้างหรือไง!? หรือแกไม่ชอบที่ครอบครัวของเรามีความสุข!?”

หานเถิงอวี้ที่ยืนมองฝูซิงหายไปต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้ใจเย็นนัก เขาเหลือบไปมองจีหมู่เซี่ยนก่อนจะพูด “หมู่เซี่ยน บอกฉันมาเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดเดี๋ยวนี้! ทำไมซิงซิงถึงกลายเป็นลูกของน้องแกได้!”

“ซิงซิงเป็นลูกของผม” สิ้นเสียงจีหมู่เซี่ยน หมัดของหานซือฉีก็ลอยเข้าปะทะกับใบหน้าของเขาอย่างรุนแรงจนเกิดเป็นรอยช้ำขึ้นมาทันที

“ซือฉี!”

“แกมันบ้าไปแล้ว!”

“พระเจ้า!”

ในตอนนี้ ทั่วทั้งรีสอร์ทหลังนั้นเต็มไปด้วยความโกลาหลไปหมดแล้ว หานซือเซียนพยายามรั้งตัวหานซือฉีไปไว้ที่อีกมุมหนึ่งของห้องเพื่อสงบสติอารมณ์

จีหมู่เซี่ยนที่ค่อยๆ ทรงตัวได้ก็ไม่ได้หลบไปไหน เขาเพียงปาดเลือดที่ไหลออกมาที่มุมปากด้วยมือและถ่มน้ำลายที่เต็มไปด้วยเลือดออกมา

จีหยาฉูสัมผัสใบหน้าที่แดงไปข้างหนึ่งของจีหมู่เซี่ยนเบาๆ พร้อมกับร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ส่วนหานเถิงอวี้เองก็สั่นเทาไปทั้งตัวด้วยความโกรธ เขามองไม้แร็คเก็ตของเสี่ยวเสี่ยวที่วางอยู่บนโต๊ะชา ก่อนจะหยิบมันขึ้นมาเพื่อจะหวดไปที่หานซือฉีในทันที

“ฉันจะฆ่าแกไอ้ลูกไม่รักดี!”

“ไม่นะ!”

เห็นดังนั้นจีหยาฉูก็ตกใจเป็นอย่างมาก เธอวิ่งเข้าไปเพื่อจะปกป้องหานซือฉี แต่หานซือเซียนที่อยู่ใกล้กว่านั้นก็เป็นฝ่ายยกมือขึ้นรับแรงหวดจากแร็คเก็ตนั้นที่ผู้เป็นพ่อเป็นคนฟาดลงมาไว้แทน

“ฉันทำเป็นมองไม่เห็นเรื่องของแกมาโดยตลอด แต่ไม่คิดเลยว่าวันนี้แกกล้าดีขนาดมาล่วงเกินผู้หญิงของพี่แก! ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ฟาดแกซะบ้าง ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าพ่อ!” หานเถิงอวี้ตะคอกใส่หานซือฉีโดยที่ไม่วางไม่แร็คเก็ตลงเลย

หานซือฉีไม่ได้แยแสกับสิ่งที่พ่อเขาพูด กลับกันเขากลับเลือกหันไปถามจีหมู่เซี่ยนด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ทำไมพี่ถึงทำแบบนั้น!”

“ไปคุยกันข้างนอก” จีหมู่เซี่ยนที่ดูจะไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาเพียงพูดแล้วเดินนำออกไป

แต่เมื่อหานซือฉีเตรียมจะก้าวเดินตามไป จีหยาฉูก็เข้ามาจับแขนของเขาไว้พร้อมกับเรียกให้หานซือเซียนมาช่วยหยุดอีกแรง “หยุดเขาไว้ให้แม่หน่อย!”

ทว่าเมื่อหานซือเซียนเดินเข้ามา เขากลับดึงจีหยาฉูไปข้างๆ และส่ายหน้าเบาๆ พลางพูดเสริม “ให้พี่น้องเขาแก้ปัญหาเรื่องนี้กันเองเถอะครับ พวกเขาไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ”

“แต่…”

“ปล่อยพวกมันไป!” หานเถิงอวี้ตวาดใส่จีหยาฉูเพื่อที่จะให้เธอเลิกเป็นห่วงลูกมากเกินไป

“ปล่อยพวกมันไปงั้นเหรอ?” จีหยาฉูที่ตามปกติจะเป็นผู้มีท่าทีที่อ่อนโยนอยู่ตลอด ในตอนนี้ได้สลัดคราบนั้นทิ้งและหันไปขึ้นเสียงกับอีกฝ่าย “หากไม่ใช่เพราะคุณทำตัวเลวทรามไว้ก่อนหน้า เด็กๆ จะเป็นแบบนี้กันหรือเปล่า! ฉันจะพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ถ้าลูกของฉันแม้แต่คนเดียวได้รับบาดเจ็บ เรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ แน่!”

“เรื่องนั้นมันผ่านมากี่ปีแล้ว? ทำไมเธอถึงยังไม่เลิกบ้าพูดแต่เรื่องเก่าๆ ซักที!” หานเถิงอวี้ที่โกรธอยู่แล้วไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวอะไรทั้งนั้น แถมเขายังตะคอกกลับด้วยเสียงที่ดังกว่าอีกด้วย

“พอได้แล้วครับ! ทั้งสองคนเลย! เลิกทะเลาะกันได้แล้ว!” หานซือเซียนเองก็ขึ้นเสียงเพื่อปรามทั้งสองไว้เช่นกัน “สองคนนั้นยังไม่คืนดีกัน นี่ก็จะเริ่มทะเลาะอีกคู่แล้วงั้นเหรอ? ไม่อยากให้ครอบครัวของเราสงบสุขกันหรือยังไง!”

คำพูดของหานซือเซียนนั้นเกลี้ยกล่อมทั้งคู่ได้อยู่หมัด

“ซีเซียน” หนี่หวานเข้าดึงเสื้อของหานซือเซียนเบาๆ เพื่อบอกเป็นนัยให้เขาใจเย็นลง

“เดี๋ยวผมจะไปคอยดูแลทั้งสองคนเอง” เมื่อพูดออกมาเช่นนั้น หานซือเซียนก็หันหน้าออกแล้วเดินออกจากบ้านไป ทิ้งทั้ง 3 คนให้ยืนจ้องหน้ากันเองโดยที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี

——————————————

บ้านของฝูเจิ้งเจิ้งภายในเจี่ยเย่ฮัวหยวน

“หม่ามี๊ ทำไมคนพวกนั้นถึงได้บอกว่าฝูซิงเป็นลูกของคุณลุงจีล่ะ? ฝูซิงน่ะเป็นลูกของป๊ะป๋า!” ฝูซิงไต่ขึ้นมาบนตักฝูเจิ้งเจิ้งแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้ตอบอะไร เธอเพียงลูบหัวลูกชายของตนเบาๆ

ตลอดมานั้นเธอมักจะคิดอยู่เสมอว่า วันที่เธอได้เจอเหนียนซี่อีกครั้ง คงจะเป็นวันที่เธอมีความสุขมากแน่ๆ แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ มันจะกลายเป็นวันที่แย่ที่สุดอีกหนึ่งวันในชีวิตแบบนี้

ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่รู้ว่าไฝที่อยู่บริเวณต้นขาของหานซือฉีมันหายไปได้อย่างไร แต่จากการที่เธอได้ฟังในวันนี้แล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งก็มั่นใจมากเลยว่า หานซือฉี นั้นคือ เหนียนซี่ จริงๆ

แต่ยามที่คิดถึงถ้อยคำปรามาศของหานเถิงอวี้ ใจของเธอมันก็หนักไปหมด

“ป๊ะป๋ากลับมาแล้ว!” ทันใดนั้นเอง ฝูซิงก็วิ่งออกจากฝูเจิ้งเจิ้งพร้อมพูดเสียงดัง

ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหันขวับกลับไปดู แล้วเธอก็พบว่าหานซือฉีกำลังยืนอยู่ที่ประตูด้วยสีหน้าที่ไม่มีความสุข

“ซิงซิง ไปเล่นกับย่าเฉินก่อนนะ ป๊ะป๋ามีอะไรบางอย่างที่ต้องพูดกับหม่ามี๊น่ะ”

หลังจากที่ฝูซิงออกไปแล้ว หานซือฉีก็ปิดประตูห้องของฝูเจิ้งเจิ้งให้สนิท เขารีบปรี่เข้าหาฝูเจิ้งเจิ้งและจับแขนเธอทั้งสองข้าง “ฝูเจิ้งเจิ้ง เธอยังกล้าพูดอีกไหมว่าเธอกับพี่รองของฉันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันน่ะ?”

“แน่นอน!” คำถามของหานซือฉีนั้นมันปลุกความรำคาญของเธอขึ้นมาอีกครั้ง ดังนั้นเธอจึงตอบกลับไปอย่างโผงผาง

“ถ้างั้นทำไมเธอถึงไม่อธิบายให้พวกเขาฟัง?”

“ฉันอธิบายไปหมดแล้ว! แต่คนพวกนั้นเชื่อฉันซะที่ไหน!”

“งั้นเหรอ? ไม่มีใครเชื่องั้นเหรอ? ฉันคิดว่าที่เธอนั่งเงียบ คงเป็นเพราะอยู่ที่นั่นแล้วสบายล่ะสิ? มีความสุขมากเลยใช่หรือเปล่าที่ได้เป็นสะใภ้ตระกูลหานแล้ว?” หลังจากที่พูดไปดังนั้นแล้ว บางสิ่งบางอย่างมันก็เกิดขึ้นกับหานซือฉี เขาเชยคางฝูเจิ้งเจิ้งขึ้นมาด้วยมือข้างเดียวและพูดด้วยน้ำเสียงไร้เยื่อไย “อยากจะโยนตัวเองลงไปบนเตียงของพี่รองของฉันเต็มแก่เลยสิ? หรือว่าฉันพูดไม่ถูก?”

ด้วยความที่หงุดหงิดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แถมยังโดนอีกฝ่ายพูดเช่นนี้อีก ฝูเจิ้งเจิ้งจึงยกมือขึ้นหมายจะตบหน้าเขา ทว่ามือของเธอกลับถูกหานซือฉีหยุดเอาไว้เสียก่อน

“หานซือฉี! ออกไปซะ! จะไปไหนก็ไป! อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก!”

“ฝูเจิ้งเจิ้ง พี่รองของฉันน่ะต้องการฝูซิงไปเป็นลูกของเขาก็เพราะอยากจะเอาไว้ปลอบใจพวกพ่อกับแม่” เขามองใบหน้าสวยของเธอ ก่อนจะสัมผัสลงที่ใบหน้านั้นอย่างแผ่วเบาและยิ้มให้ “เขาไม่ได้สนใจผู้หญิง ถ้าเธออยากจะแต่งงานกับเขาเพื่อเข้ามาในตระกูลของฉันแล้วล่ะก็ แค่นอนเฉยๆ บนเตียงของฉันดีกว่า”

นอกจากเหตุผลที่อธิบายไป เขาก็คิดไม่ออกแล้วว่าทำไมพี่รองของเขาถึงเปิดโอกาสให้เขาได้หลับนอนกับฝูเจิ้งเจิ้งโดยที่รู้อยู่แล้วว่าฝูซิงเป็นลูกชายของเขา

ฝูเจิ้งเจิ้งมองไปที่หานซือฉีด้วยความรู้สึกผิดหวัง ยิ่งรับรู้ได้ว่าคนคนนี้มองเธอแบบไหนมันก็ยิ่งทำให้เธอผิดหวังมากยิ่งขึ้น

เธอเองก็มีส่วนผิดที่ใช้ฝูซิงในการล่อลวงจีหยาฉูเพื่อจะเค้นหาความจริงแล้วผลลัพธ์ดันออกมาในแบบที่ไม่คาดคิดนี้ แต่ทำไมเขาถึงกล้าใช้ถ้อยคำที่หยามเกียรติขนาดนี้ในการต่อว่าและถากถางเธอ?

“หานซือฉี…” ฝูเจิ้งเจิ้งพยายามข่มความโกรธตัวเองเอาไว้และพูดให้ชัดถ้อยชัดคำแม้เธอจะกำลังสั่นไปทั้งตัว “นี่เป็นบ้านนายสินะ เพราะงั้นนายไม่ต้องไปไหนทั้งนั้น ฉันจะไปเอง พอใจไหม?”

ได้ยินเช่นนั้นหานซือฉีก็ฉุดรั้งเธอไว้ด้วยแรงที่มากกว่า พร้อมกับเย้ยหยัน “เธอกล้าออกไปโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจากฉันงั้นเหรอ?”

——————————————————————————————————————

คุยกับผู้แปล

โอยยยยยย ใจไหลไปหมดแล้วววว ทุกคนอย่าทะเลาะกันนนนนนน โผมฟื้นฟูจิตใจไม่ทันนนน

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

Status: Ongoing
เรื่องราวชีวิตของคุณแม่ยังสาว ฝูเจิ้งเจิ้ง และลูกชายตัวแสบของเธอ ฝูซิง เด็กน้อยที่เฝ้าแต่จะตามหาผู้เป็นพ่อให้ได้ วันดีคืนดีเจ้าตัวน้อยดันไปเจรจาซื้อผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นคุณพ่อของเขาเสียนี้ฝูเจิ้งเจิ้ง สาวสวยวัย 24 ปีผู้ที่วุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อยอย่าง ฝูซิง ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นแม้จะยุ่งยากไปบ้างแต่ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทเว่ยฮั่น ใครจะไปคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้าลูกชายตัวแสบของเธอจะเก็บเงินแล้วไปหาซื้อป๊ะป๋ามาเติมเต็มให้ชีวิตแบบไม่บอกเธอเสียอย่างงั้น แถมป๊ะป๋าคนใหม่ของเขา ดันเป็นรองประธานบริษัทเว่ยฮั่นที่เธอเพิ่งจะสมัครเข้าทำงานอีก!? ตายละ แล้วแบบนี้ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปเนี๊ย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท