ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪] – บทที่ 97 ได้ยอมรับแม่ของเด็กในฐานะสมาชิกในครอบครัวหรือเปล่า

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

หานซือฉีรีบพุ่งเข้าไปคว้ามือเฉียวเค่อเหรินเอาไว้ ทว่าเพราะมือที่เลอะความมันจากหน้าเค้กกันทั้งคู่ มันเลยไม่สามารถทำให้มีแรงยึดเหนี่ยวพอที่จะรั้งร่างของเฉียวเค่อเหรินไว้ได้ สุดท้ายจึงจบลงด้วยเสียงตูมเบาๆ เฉียวเค่อเหรินตกลงไปในสระน้ำเรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้ว่าน้ำในสระน้ำดังกล่าวจะไม่ได้ลึกมากนัก แต่ก็ลึกมากพอที่จะทำให้เฉียวเค่อเหรินจมลงไปได้ นอกจากนี้ด้วยอากาศที่เย็น มันก็พลอยทำให้น้ำเย็นไปด้วย เฉียวเค่อเหรินผู้โชคร้ายรู้สึกกลัวสุดๆ เธอว่ายไปมาในสระน้ำนั้นด้วยความตื่นตระหนกจนค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากริมสระมากขึ้นเรื่อยๆ “ซือฉี ช่วยฉันด้วย!”

ตัวเขาพยายามยื่นแขนออกไปจนสุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถถึงตัวเฉียวเค่อเหรินได้เสียที ไม่ว่าเขาจะพยายามขยับเปลี่ยนท่าขนาดไหนก็ตาม

ฝูเจิ้งเจิ้งพาเด็กทั้งสองคนไปหลบไกลๆ ก่อนจะรีบวิ่งกลับมายังสระน้ำ เธอถามด้วยเสียงเบา “นายว่ายน้ำได้ไหม?”

ด้วยคำถามนั้น มันทำให้หานซือฉีงุนงงนิดหน่อยแต่ก็ค่อยๆ พยักหน้าตามทีหลัง

เห็นดังนั้นฝูเจิ้งเจิ้งก็จับมือเขาไว้แน่น และเริ่มออกแรงดึง…เพียงครึ่งเดียว เธอแสร้งว่าเธอทุ่มสุดตัวแล้ว แต่ด้วยบางสิ่งบางอย่างที่ค้างคาในใจ มันเลยทำให้เธอออกแรงดึงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น ดีไม่ดีก็ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่เมื่อได้ยินเฉียวเค่อเหรินเร่งเร้าให้ช่วย ท้ายที่สุดเขาก็หันไปบอกฝูเจิ้งเจิ้ง “ดึงเอาไว้นะ!” ก่อนจะค่อยๆ เอนตัวเข้าใกล้สระน้ำในจุดที่เฉียวเค่อเหรินตกลงไปพร้อมกับบอกอีกฝ่าย “เค่อเหริน จับมือฉันไว้!”

สองแขนที่จับมือของหานซือฉีไว้เริ่มออกแรงดึงกลับ ฝูเจิ้งเจิ้งกัดฟันแน่นและพยายามดึงให้เท่าที่พอจะดึงไหว เธอพยายามให้หานซือฉีสามารถเข้าใกล้เฉียวเค่อเหรินได้ทีละนิด

ทันทีที่เห็นว่าหานซือฉีสามารถคว้ามือของเฉียวเค่อเหรินได้แล้วและเตรียมจะดึงกลับ แรงของฝูเจิ้งเจิ้งมันก็พลันมลายหายไปหมด เธอปล่อยมือทั้งสองข้างที่จับอีกฝ่ายไว้ และ ตูม เสียงบางอย่างตกน้ำ ไปพร้อมกับหานซือฉีที่ไม่อยู่ที่ริมสระแล้ว

อุ๊บส์ มือลื่น~

ร่างของหานซือฉีนั้นกระเด็นตามแรงของเธอลงไปในสระอย่างที่คาดหวังไว้

“อ๊าาา ป๊ะป๋าตกน้ำไปแล้ว! ช่วยด้วย! ช่วยป๊ะป๋าด้วย!” ฝูซิงที่ก่อนหน้านี้กำลังแอบมีความสุขกับการที่ได้เห็นเฉียวเค่อเหรินต้องเผชิญกับความโชคร้ายนั้นก็เกิดเป็นกังวลขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหานซือฉีเองก็ตกลงไปในน้ำด้วย เขาวิ่งไปรอบๆ แล้วตะโกนเรียกให้คนช่วยไปด้วย

ได้ยินเสียงร้องของฝูซิง หานเสี่ยวเสี่ยวเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะวิ่งตามฝูซิงไปและขอให้คนอื่นช่วยเช่นกัน “ช่วยด้วยค่ะ! ช่วยด้วย!”

เสียงร้องของเด็กๆ นั้นเรียกความสนใจของผู้คนละแวกนั้นได้ดี แต่กว่าพวกเขาจะมาถึงที่เกิดเหตุ หานซือฉีก็พาเฉียวเค่อเหรินว่ายกลับมายังขอบสระเรียบร้อยแล้ว คนเหล่านั้นเพียงแค่มาช่วยดึงทั้งสองขึ้นเท่านั้น

เฉียวเค่อเหรินที่เพิ่งจะขึ้นฝั่งได้นั้น ช็อกและร้องห่มร้องไห้ไม่หยุด

ฝูเจิ้งเจิ้งที่ยืนรออยู่บนฝั่ง เมื่อเห็นเฉียวเค่อเหรินขึ้นมาด้วยท่าทีหนาวสั่น เธอก็เริ่มตระหนักได้ว่า เส้นผมที่กระเซอะกระเซิง ใบหน้าที่ซีดเซียวและริมฝีปากที่จืดสนิทนั้นปราศจากความมีราศีก่อนหน้าลิบลับ เฉียวเค่อเหรินในตอนนี้ หากจะบอกว่าผี ก็คงไม่เกินเลยนัก

เธอหันหน้ากลับออกไปจากจุดนั้นก่อนจะได้คิดไปมากกว่านี้ ซึ่งในขณะนั้น หานซือฉีที่ขึ้นมาพร้อมๆ กับเฉียวเค่อเหรินก็รีบพยุงเธอออกไปด้านนอกตามด้วยผู้คนมากมายที่เข้ามาช่วยเมื่อครู่นี้วิ่งตามกันไป

“หม่ามี๊ เป็นอะไรหรือเปล่า?” ฝูซิงกุมมือหานเสี่ยวเสี่ยวเข้ามาหาฝูเจิ้งเจิ้งก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง

หญิงสาวรีบหันไปย่อตัวแล้วกอดเด็กๆ ทั้งสองเอาไว้พลางกล่อมด้วยเสียงนุ่มนวล “หม่ามี๊ไม่เป็นไรจ้ะ พวกหนูเป็นอะไรกันหรือเปล่า?”

“ฝูซิงไม่เป็นไร! ฝูซิงเข้มแข็ง!” ฝูซิงหันหน้าไปมองหานเสี่ยวเสี่ยว แล้วเอ่ยถาม “เสี่ยวเสี่ยวล่ะ กลัวหรือเปล่า?”

“ถ้าซิงซิงไม่กลัว เสี่ยวเสี่ยวก็ไม่กลัว!” หานเสี่ยวเสี่ยวเองก็ตอบอย่างกล้าหาญเช่นกันขณะที่กุมมือของฝูซิงเอาไว้

“ไม่ต้องกลัว! ฝูซิงจะปกป้องเสี่ยวเสี่ยวเอง!” เห็นเช่นนั้นฝูซิงก็ตีอกตนให้ความมั่นใจ

ฟังเด็กๆ ดูจะไม่กลัวกันเช่นนี้ฝูเจิ้งเจิ้งก็โล่งใจ เธออุ้มหานเสี่ยวเสี่ยวขึ้นมาและจูงมือฝูซิงเข้าไปที่บ้านด้วยความรู้สึกผิด

ทันทีที่พวกเธอถึงหน้าบ้าน ฝูเจิ้งเจิ้งก็เห็นคนมากมายวิ่งออกมาจากประตู ซึ่งประกอบด้วยจีหยาฉู หานเถิงอวี้ หนี่หวานภรรยาของหานซือเซียนและปิดท้ายด้วยเฉินเฉี่ยวหลาน

ทั้งสามคนนั้นเข้ามาห้อมล้อมเธอและดูว่าเด็กๆ เป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อเห็นว่าแก้วตาดวงใจของพวกเขาไม่เป็นอะไร ความโล่งใจจึงบังเกิดขึ้นมา

หนี่หวานรับหานเสี่ยวเสี่ยวไว้แล้วกลับไปยังบ้านของพวกตนด้วยกัน แต่กระนั้นกลับไม่มีใครพูดถึงเฉียวเค่อเหรินที่เพิ่งจะตกน้ำไปเลย

ฝูเจิ้งเจิ้งพาฝูซิงกลับไปยังห้องของตนเผื่อว่าเขาจะต้องการพักผ่อน

หลังจากที่เปิดช่องการ์ตูนในทีวีเอาไว้แล้ว เธอจึงกลับไปนั่งที่โซฟาด้วยความอื้ออึงกับเหตุการณ์เมื่อครู่

ในตอนแรกเธอคิดว่าหากได้เห็นเฉียวเค่อเหรินตกน้ำ มันคงจะสนุกดีไม่ใช่น้อย แต่เมื่อได้เห็นจริงๆ ได้เห็นอีกฝ่ายสั่นเทาไปด้วยความกลัว เธอกลับรู้สึกผิดเสียอย่างนั้น!

ภาพที่วนฉายซ้ำๆ ในหัวมันคอยเตือนตัวเองว่าเธอไม่น่าทำแบบนั้นลงไปเลย

“หม่ามี๊ ป๊ะป๋าตกลงไปในน้ำ ป๊ะป๋าจะป่วยหรือเปล่า?” ฝูซิงหันมาเอ่ยถามด้วยความกระวนกระวาย

“ไม่หรอกจ้ะ ป๊ะป๋าน่ะสุขภาพดีจะตายไป” ฝูเจิ้งเจิ้งรีบหันไปปลอบเจ้าลูกชายก่อนแล้วจึงสังเกตเห็นได้ว่าตัวเขานั้นดูจะแอบเสียใจอยู่เหมือนกัน

แม้จะดูการ์ตูนกันมาตั้งแต่เช้า แต่มันกลับไม่ได้ทำให้จิตใจของฝูเจิ้งเจิ้งสงบลงเลย เธอหยิบโทรศัพท์มาหลายครั้งหมายจะกดโทรหาหานซือฉี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำเสียที

เฉินเฉี่ยวหลานเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามา “คุณเจิ้งคะ ป้าทำชาเอาไว้เผื่อจะช่วยให้หายจากอาการตกใจได้ ท่านหญิงบอกให้ป้าพาฝูซิงลงไปด้านล่างเพื่อดื่มชาด้วย เสี่ยวเสี่ยวเองก็กำลังดื่มอยู่เหมือนกัน”

“โอเคค่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งตอบรับแล้วรีบพาฝูซิงลงไปด้านล่าง แต่เมื่อลงไป เธอก็ไม่พบทั้งหนี่หวานและหานเสี่ยวเสี่ยวแล้ว

“มานี่เร็วซิงซิง เดี๋ยวย่าป้อนชา หนูจะได้หายกลัว” จีหยาฉูยิ้มรับและโบกมือให้ฝูซิง

ฝูเจิ้งเจิ้งก็เพียงพยักหน้าเบาๆ ให้ฝูซิงไปหาจีหยาฉูได้

หลังจากที่จีหยาฉูป้อนชาฝูซิงไปบ้างแล้ว ผู้หญิงคนหนึ่งก็เข้ามาภายในบ้าน

เธอคนนั้นแต่งตัวดูมีภูมิฐานและดูสง่างาม ทว่าสีหน้าของเธอนั้นกลับดูหมองหม่น

คุ้นจริงๆ ใครกันนะ เคยเจอกันมาก่อนเหรอ? ทำไมคุ้นแบบนี้

หญิงที่มาใหม่เดินผ่านฝูเจิ้งเจิ้งโดยที่ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น เธอเพียงแค่เหลือบมองเมื่อตอนเดินผ่านเท่านั้น

“อ้าว ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ คุณแม่ของเค่อเหริน?” จีหยาฉูวางถ้วยชาลง เธอมองฝูซิงด้วยความเป็นกังวล ก่อนจะลุกขึ้นไปทักทายอีกฝ่ายในทันที

เมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ฝูเจิ้งเจิ้งก็นึกออกทันทีว่าเธอคือ เติ้งอันอวี่ ผู้ที่เคยเจอกันมาก่อนที่ร้านเครื่องเพชร คิดได้ดังนั้นเธอก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา

เติ้งอันอวี่เข้าไปยังห้องนั่งเล่นโดยไม่ยิ้มหรืออะไรทั้งนั้น “ซือฉีดูแลเค่อเหรินอยู่ด้วยกันที่โรงพยาบาลน่ะค่ะ ฉันไม่อยากจะรบกวนเวลาของพวกเขา ก็เลยมาเยี่ยมคุณแทน”

คำพูดนั้นเหมือนว่ามันจะถูกส่งตรงมาบอกให้ฝูเจิ้งเจิ้งรู้เสียมากกว่า ดังนั้นเธอจึงแสร้งไม่เข้าใจแล้วกวักมือเรียกให้ฝูซิงวิ่งไปหาเธอชั่วคราว

หานเถิงอวี้และเติ้งอันอวี่ต่างพยักหน้าให้กันเบาๆ เมื่อเห็นฝูซิง เธอก็แสร้งทำเป็นประหลาดใจขึ้นมา “เด็กๆ ช่างน่ารักจริงๆ โอ๊ะ ทำไมเด็กคนนี้หน้าตาเหมือนซือฉีจังเลยล่ะคะ? หรือว่าจะเป็นเด็กที่ซือฉีรับมาเป็นลูกเหมือนที่เค่อเหรินพูดไว้?”

จีหยาฉูยิ้มแบบฝืนๆ ก่อนจะพูด “ซือฉีก็รักเด็กเสมอนั่นแหละค่ะ”

เติ้งอันอวี่ยิ้มก่อนจะหันไปทางฝูเจิ้งเจิ้งแล้วจึงถามขึ้นมา “เธอเป็นแม่ของเด็กสินะคะ คุณฝู? ซือฉีจะรับเด็กมาเลี้ยงซักคนมันก็เป็นเรื่องไม่ผิดหรอก แต่ฉันสงสัยนิดหน่อย ตรงที่เขายอมรับให้แม่ของเด็กมาเป็น 1 ในสมาชิกของตระกูลด้วยหรือเปล่า?”

“แน่นอนว่าไม่ค่ะ!” จีหยาฉูรีบตอบ “คุณฝูก็แค่มาเล่นกับลูกของเธอบ้างเป็นครั้งคราว เดี๋ยวเธอก็กลับไป”

“ฉันได้ยินมาว่าคุณฝูน่ะจ้องจะล่อลวงซือฉีอยู่ตลอดเลย” เติ้งอันอวี่พูดต่อด้วยความเยือกเย็น “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเค่อเหรินถึงต้องรีบมาหาซือฉีแม้ว่าตัวเองจะยังป่วยอยู่เมื่อเช้านี้ โชคดีที่อย่างน้อยๆ ศัตรูของเค่อเหรินก็ยังมียางอายอยู่บ้าง ไม่งั้นล่ะก็ ป่านนี้ฉันคงต้องเสียใจกับเค่อเหรินไปแล้ว”

คำพูดนั้นทำเอาฝูเจิ้งเจิ้งโกรธมากๆ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร เติ้งอันอวี่ก็ยิ้มจางๆ ให้หานเถิงอวี้ก่อนจะพูดต่อ “ฉันได้ยินมาว่าคอนโดในเมืองฮั่นต้าเฟสแรกนั้นขายออกจนหมดแล้ว คุณเองก็กำลังเตรียมจะขายเฟส 2 อยู่ด้วย ดูท่าซือเซียนคงจะเหนื่อยมากๆ เลยสินะคะ”

หานเถิงอวี้แอบขยิบตาให้จีหยาฉูก่อนจะตอบเติ้งอันอวี่ไปด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ตอบขอบคุณทางคุณพ่อของเค่อเหรินจริงๆ ที่ได้ช่วยเรื่องนี้เอาไว้”

จีหยาฉูลุกขึ้นหลังจากที่หานเถิงอวี้พูดไปแล้ว พร้อมกับเดินไปรับตัวฝูซิงด้วย “นั่งรอก่อนนะคะ ฉันจะไปเตรียมชามาให้”

พูดจบทั้งเธอและฝูซิงต่างก็เดินออกจากที่นี่ไป ฝูเจิ้งเจิ้งเองก็เหลือบมองเติ้งอันอวี่ก่อนจะรีบตามสองคนก่อนหน้าไปอย่างรวดเร็ว

“พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะคะ ไม่ต้องสุภาพมากก็ได้ เอ้อ เมื่อวานหยวนหานโทรหาฉันแล้วก็คุยเรื่องเมืองฮั่นต้า ฉันคิดว่าซือเซียนรีบเกินไปนะคะ” เติ้งอันอวี่แสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรก่อนจะพูดต่อด้วยประโยคที่ดูลึกลับ

เธอทำให้หานเถิงอวี้ผงะและรีบถามในทันที “ทำไมกันเหรอครับ? มีอะไรเปลี่ยนแปลงที่สถานีรถไฟใต้ดินเหรอ?”

ใบหน้าที่มากด้วยประสบการณ์ของเติ้งอันอวี่ผลิยิ้มและไม่ยอมตอบคำถามไปตรงๆ “หยวนหานบอกมาว่า เขาอยากจะให้งานแต่งระหว่างซือฉีแล้วก็เค่อเหรินราบรื่นเหมือนโปรเจคต์เมืองฮั่นต้าน่ะค่ะ”

หานเถิงอวี้ช็อกขึ้นมาอีก และเติ้งอันอวี่ก็พูดเสริมอย่างไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรบ้าง “นี่มันก็สายแล้ว เห็นทีฉันคงต้องไปดูแลเค่อเหรินแล้วล่ะค่ะ ถ้ายังไงก็ฝากสวัสดีคุณแม่ของซือฉีด้วยนะคะ ฉันขอตัวก่อน ไว้เจอกันใหม่โอกาสหน้า”

——————————————————–

ฝูเจิ้งเจิ้งเดินตามจีหยาฉูมายังบ้านที่หานซือเซียนอยู่ซึ่งไม่ไกลจากบ้านหลังก่อนนัก

หนี่หวานและหานเสี่ยวเสี่ยวกำลังนั่งคุยกันอยู่ภายในนั้น และเมื่อหานเสี่ยวเสี่ยวหันไปเห็นว่าฝูซิงกำลังมา เธอก็พูดขึ้นด้วยความดีใจ “ซิงซิง เสี่ยวเสี่ยวกำลังเบื่อพอดีเลย ไปเล่นตัวต่อด้วยกันไหม?”

“ได้เลย!”

หานเสี่ยวเสี่ยวพาฝูซิงขึ้นไปยังชั้นสอง หนี่หวานเองก็หันมายิ้มให้ฝูเจิ้งเจิ้งก่อนจะตามเด็กๆ ทั้งสองคนขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว จีหยาฉูหันมามองฝูเจิ้งเจิ้งก่อนตนเองจะเดินตามขึ้นไปโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

ด้วยความที่ฝูเจิ้งเจิ้งไม่ได้อยากจะโดนบรรยากาศกดดันแบบเมื่อครู่อีก เธอจึงไม่ได้ตามขึ้นไปและนั่งดูทีวีอยู่ในห้องนั่งเล่นแทน

คำครหาของเติ้งอันอวี่นั้นยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเธอ ส่วนหนึ่งก็เพราะเธอไม่มีโอกาสได้โต้ตอบด้วย

ในตอนแรกเธอก็กังวลเกี่ยวกับเฉียวเค่อเหรินอยู่หรอก แต่ตอนนี้น่ะไม่แล้ว แถมยังรู้สึกเสียดายความรู้สึกที่เคยมีให้ด้วย

ไม่นานนักหลังจากที่มาอยู่ที่นี่ หานเถิงอวี้ก็เดินเข้ามาด้วยสีหน้าบึ้งตึง “คุณฝู คิดได้หรือยัง?”

หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ก่อนจะพูดตอบ “ฉันยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 วันนะคะ!”

“ถ้างั้นก็ช่วยกลับไปแล้วค่อยมาอีกทีเมื่อเธอตัดสินใจได้ก็แล้วกันนะ”

นี่คือมาไล่ฉันเหรอ? ได้เห็นดีกันสิ!

เธอลุกพรวดขึ้นในทันทีพร้อมกับเป็นฝ่ายพูดโดยไม่แยแสขึ้นบ้าง “โอเค งั้นฉันขอพาฝูซิงกลับไปก่อนนะคะ”

“ไม่ได้! ฝูซิงจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”

“ก็นี่มันยังไม่ถึง 3 วันตามที่ฉันบอกไว้ ถ้างั้นก็เลือกเอาสิคะว่าจะให้ฉันไปกับฝูซิงหรือให้อยู่กับฝูซิงที่นี่!” ฝูเจิ้งเจิ้งยืนกราน

“เธอ!”

“คุณพ่อ กลับไปก่อนเถอะครับ เดี๋ยวผมคุยกับคุณฝูเอง”

พลันเมื่อหันกลับไปมองต้นเสียง เธอก็พบว่าหานซือเซียนยืนอยู่ด้านหลังเธอแล้ว

“ซือเซียน ตระกูลเฉียวน่ะ…”

“ผมรู้แล้ว” เขาขัดคำพูดของผู้เป็นพ่อเสียก่อน

หานเถิงอวี้หันไปมองฝูเจิ้งเจิ้งอย่างไม่พอใจก่อนจะจากไปด้วยความโกรธ

“คุณฝู ฉันจะส่งสิ่งที่เธอต้องการไปให้เช้าพรุ่งนี้ เพราะงั้นหวังว่าคำตอบนี้จะช่วยให้เธอออกไปจากที่นี่ตอนนี้เลยได้ไหม” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและมั่นคงตามปกติ

เหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก คิดจะให้ฉันออกจากรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางนี่คนเดียว?

ในขณะที่ฝูเจิ้งเจิ้งกำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกมา หานซือเซียนก็ชิงพูดตัดบทเสียก่อน “คุณฝู ถ้าหากครอบครัวของฉันไม่สงบสุข ฉันไม่มีอารมณ์จะเอาสิ่งที่เธออยากได้ไปส่งให้นะ”

ได้ยินเช่นนั้นเธอก็ได้แต่กัดฟันแล้วตอบไป “ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะไปบอกลาฝูซิงก่อน”

“ไม่จำเป็น เดี๋ยวฉันจะอธิบายให้ซิงซิงฟังเอง ไว้ใจได้ว่าพวกเราจะดูแลซิงซิงเป็นอย่างดี”

ฝูเจิ้งเจิ้งมองไปชั้นบนนั้นก่อนจะลังเลอยู่ครู่หนึ่งและออกจากที่นี่ไปในที่สุด

หานซือเซียนมองตามหลังฝูเจิ้งเจิ้งไปด้วยแววตาที่สับสนในอารมณ์ พักใหญ่ๆ ต่อจากนั้น เขาถึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาใครบางคน “จองตัวเครื่องบินให้ฉัน”

———————————————————————————-

ฝูเจิ้งเจิ้งกลับมายังบ้านที่เคยอยู่จนถึงเมื่อเช้านี้ เธอหยิบกระเป๋าถือของเธอแล้วเดินลงไปด้านล่างเพื่อบอกลาเฉินเฉี่ยวหลาน หลังจากที่เดินออกมาจากที่นั่นได้ไม่กี่ก้าว มันก็อดที่จะหันกลับไปมองด้านหลังขณะที่น้ำตากำลังเอ่อคลอไม่ได้

เมื่อออกมาพ้นประตูด้านหน้าแล้ว เธอกำลังจะโบกแท็กซี่ ทันใดนั้นรถคันหนึ่งก็มาจอดเทียบข้าง

คนขับรถคือจีหมู่เซี่ยน!

ภายใน 3 พี่น้องตระกูลหานนั้น พี่รองของตระกูลเป็นคนที่เธอกลัวมากที่สุดแล้ว!

“ขึ้นรถ เดี๋ยวฉันไปส่ง” จีหมู่เซี่ยนเปิดประตูฝั่งคนนั่งข้างๆ

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ ฉันเรียกแท็กซี่ได้”

“เธอกลัวตำรวจเพราะว่าไปทำอะไรผิดมาหรือไง?” จีหมู่เซี่ยนเหลือบมองฝูเจิ้งเจิ้งก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้

ถัดจากพี่ใหญ่ก็เป็นพี่รองที่มาบังคับให้ฉันขึ้นรถเหรอ? ไม่ได้ผลหรอก!

พลันเมื่อเห็นแท็กซี่วิ่งเข้ามา ฝูเจิ้งเจิ้งก็รีบโบกรถคันนั้น

จีหมู่เซี่ยนรีบลงจากรถแล้วเข้าไปยืนขวางทางเธอไว้ ครั้นฝูเจิ้งเจิ้งจะปลีกตัวออกมาด้านข้าง เขาก็จับแขนเธอไว้อีก

“คิดจะทำอะไรฉันน่ะคะ!” ฝูเจิ้งเจิ้งขึ้นเสียง

—————————————————————————————————————

คุยกับผู้แปล

มีความสุขได้แว้บเดียว ที่เหลือความทุกข์โถมเข้าใส่รัวๆ

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

ลูกซื้อพ่อให้แม่ [买个爹地宠妈咪]

Status: Ongoing
เรื่องราวชีวิตของคุณแม่ยังสาว ฝูเจิ้งเจิ้ง และลูกชายตัวแสบของเธอ ฝูซิง เด็กน้อยที่เฝ้าแต่จะตามหาผู้เป็นพ่อให้ได้ วันดีคืนดีเจ้าตัวน้อยดันไปเจรจาซื้อผู้ชายคนหนึ่งมาเป็นคุณพ่อของเขาเสียนี้ฝูเจิ้งเจิ้ง สาวสวยวัย 24 ปีผู้ที่วุ่นวายอยู่กับการเลี้ยงลูกน้อยอย่าง ฝูซิง ด้วยตัวคนเดียวมาตลอด ชีวิตแม่เลี้ยงเดี่ยวของเธอนั้นแม้จะยุ่งยากไปบ้างแต่ชีวิตในแต่ละวันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี จนกระทั่งวันหนึ่งที่เธอตัดสินใจสมัครเข้าทำงานในบริษัทเว่ยฮั่น ใครจะไปคิดเล่าว่าจู่ๆ เจ้าลูกชายตัวแสบของเธอจะเก็บเงินแล้วไปหาซื้อป๊ะป๋ามาเติมเต็มให้ชีวิตแบบไม่บอกเธอเสียอย่างงั้น แถมป๊ะป๋าคนใหม่ของเขา ดันเป็นรองประธานบริษัทเว่ยฮั่นที่เธอเพิ่งจะสมัครเข้าทำงานอีก!? ตายละ แล้วแบบนี้ชีวิตฉันจะเป็นยังไงต่อไปเนี๊ย!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท