เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ – ตอนที่ 93 คนละครึ่ง

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

“มีไหวพริบ” หยวนเฟิงผงกศีรษะเห็นพ้อง

เพราะเหตุนี้ตระกูลหยวนถึงได้รักษาความสงบมาโดยตลอด เป็นเพราะพวกมันล้วนคาดคำนวณการลงมือในย่านภูเขาเปลี่ยวร้าง มิใช่คิดอยากลงมือก็ทำโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“เจ้า กล้าล่วงเกินข้า สมาคมนักปรุงยาไม่มีทางปล่อยเจ้าไปแน่” แววตาอัดแน่นด้วยรังสีฆ่าฟันของหยวนเฟิงที่จ้องมองมาสร้างความแตกตื่นแก่ปรมาจารย์เหยียน ฝืนรีดเค้นอานุภาพเก่าก่อนออกมาด่าทอใส่อีกฝ่าย

“เจ้าวางใจเถอะ ปรมาจารย์เหยียนหัวนักปรุงยาระดับสี่ พอดีร่วมทางมาพร้อมกับตระกูลซู โชคไม่ดีถูกลูกหลง สุดท้ายตกตายไปพร้อมกัน ส่วนตระกูลหยวนเรารับภารกิจจากสมาคมนักปรุงยา รับใช้สะสางความวุ่นวายแก่เมืองล่วนโต้ว สนับสนุนการกำจัดกองโจรประหารเทพทิ้ง แผนนี้ฟังดูไม่เลวกระมัง?”

หยวนหลงใช้วาจาอรรถาธิบายเหตุผลความเป็นไปของเรื่องราว ลมเจือจางเมฆบางเบา นับว่าตัดสินชะตาชีวิตของผู้คนนับร้อยในที่นี้เรียบร้อยแล้ว

หลายวันมานี้คือช่วงเวลาที่มันนั่งลับคมดาบ รอคอยตัวบัดซบที่กล้าเอาชัยมันออกจากรูที่หลบซ่อน

ที่เข้าสมาคมลับมีดกับมันด้วย ยังมีนายโจรหลิวแห่งค่ายโจรประหารเทพ ทุกวี่วันต้องร่วมวงสาปแช่งด่าทอฉินจิ่วเกอสามชั่วยาม คนทั้งคู่เมื่อมีหัวข้อสนทนาเดียวกัน ยามนี้จึงไม่ต่างจากธารน้ำสองสายไหลมาบรรจบ สนิทสนมกลมเกลียวราวพี่น้องคลานตามกันมา

ปรมาจารย์เหยียนหน้าถอดสีจนไร้สีเลือด หากไม่นับศักดิ์ฐานะนักปรุงยาของมัน ผู้ฝึกยุทธ์ปราณสุริยันที่เดินผ่านไปมา ไม่ว่าคนไหนก็มีความสามารถตัดหัวมันได้ทั้งสิ้น ตระกูลหยวนยามนี้ตัดใจกำจัดล้างตระกูลซู รวมถึงตัวมันด้วย

“เด็กน้อย กล้าออกมาสู้ตัดสินเป็นตายกับข้าหรือไม่” ประกายตาของนายโจรหลิวและหยวนหลงเบนเบือนไปทางฉินจิ่วเกอ ก่อนโพล่งออกมาพร้อมกัน

“มันเป็นของข้า!” สองคนเถียงกันอีกครั้ง หนี้แค้นความอาฆาตที่พวกมันมีต่อฉินจิ่วเกอ ไม่ว่าอย่างไรล้วนไม่อาจให้ผู้ใดแทรกแซงได้ เพื่อให้ได้ฆ่าอีกฝ่ายด้วยมือตนเอง ความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องที่สูงส่งดั่งภูผายามนี้เริ่มแตกหักแล้ว

“กล้าแย่งของข้าหรือ!” สองสหายคอเดียวกันแทบจะเปิดฉากตีกันตรงนั้น ต่างคิดเชือดคู่แค้นทิ้งด้วยมือตนเอง สับมันเป็นชิ้นๆ จากนั้นต่อเข้าหากันใหม่ แล้วค่อยสับมันซ้ำไปซ้ำมาอีกสิบหมื่นแปดพันรอบ

“เป็นพี่น้องหรือไม่ ข้าต้องการจัดการมันด้วยตนเอง อย่ามายุ่ง!” ครานี้ นายโจรหลิวคล้ายมีแต้มต่อหยวนหลงเล็กน้อย อ้าปากคำรามใส่

ผู้นำตระกูลซูมองไปทางฉินจิ่วเกอด้วยแววตางุนงง “น้องแซ่ฉิน เจ้าหนี้ของท่านมีไม่น้อยเลยจริงๆ”

ปรมาจารย์เหยียนเองก็ผงกศีรษะด้วยความเห็นพ้อง ความสามารถทางด้านนี้ของอีกฝ่าย เทียบกับมันแล้วยังอุบาทว์ชาติกว่ามาก ช่างน่าเลื่อมใส น่าเลื่อมใสจริงๆ

ฉินจิ่วเกอลูบไล้เส้นเกศาข้างจอนผม “คนอยู่ในยุทธภพ ไหนเลยไม่โดนคมดาบ”

ไม่ไกลเท่าใด นายโจรหลิวและหยวนหลงยังคงไม่จบศึกแย่งชิงคู่แค้นแก้มือ ยามนี้กำลังถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดง

หนึ่งคือนายน้อยตระกูลหยวนผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งคือนายที่สองของค่ายโจรประหารเทพ คนทั้งสองเมื่อโต้เถียงกันขึ้นมา ตระกูลหยวนและค่ายโจรประหารเทพล้วนไม่มีใครกล้าลงมือลงไม้ ได้แต่รายล้อมเอาไว้เช่นนั้น

นายเหนือหลิวถูกบีบคั้นให้จำยอม กล่าว “เอาแบบนี้ก็แล้วกัน หลังจากจับตัวมันมาได้ ท่อนบนเป็นของข้า ส่วนท่อนล่างเป็นของเจ้า”

“ข้าไม่เห็นด้วย” หยวนหลงกำหมัดจนเกิดเสียงกึกๆ ในตาแทบพ่นไฟออกมาได้ กล่าวอย่างคั่งแค้น “ทารกร้อยนั่นชั่วร้ายทั้งใบหน้าและฝีปาก ดังนั้นข้าจะเอาท่อนบน! ”

“ไม่มีทาง ทารกน้อยนั่นสกปรกทั้งลิ้นและหัวใจ เพราะงั้นท่อนบนต้องเป็นของข้า! ” นายโจรหลิวเองก็มีความแค้นมากพอกัน สองฝ่ายต่างถูกความยากไร้บีบคั้นกันทุกคน ไม่ง่ายเลย

“เอางี้ก็แล้วกัน” ประมุขหยวนทำหน้าที่เกลี้ยไกล่ เปิดปากเจรจา “แบ่งเป็นซีกซ้ายซีกขวา พวกเจ้าคนหนึ่งเอาซีกซ้ายไป อีกคนก็ซีกขวา ไม่เพียงแต่ได้ทั้งใบหน้าได้ทั้งปาก ยังได้ลิ้นและกระเพาะไปอีกด้วย”

“ท่านพ่อปราดเปรื่องจริงๆ ”

“ท่านประมุขจงเจริญ”

ทั้งสองฝ่ายในที่สุดก็หาข้อสรุปร่วมกันได้ ก่อนอื่นก็แยกผ่าหน้าผากของฉินจิ่วเกอออกเป็นสองซีก แบ่งซ้ายแบ่งขวา งดงามสมบูรณ์แบบ ฉินจิ่วเกอหนังตากระตุกยิกๆ ขณะจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าไปด้วย นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกคนแย่งจับจองกันขนาดนี้กับเขาด้วย กระทั่งมีค่านิยมสูงกว่าชนชั้นพิสุทธิ์ไพศาลขั้นสูงสุดหรือแม้แต่นักปรุงยาเสียอีก

จะมากน้อยแค่ไหนก็ยังงดงามอยู่ดี

“คุณชายฉิน ชีวิตท่านช่างอาภัพแท้ๆ ” ประมุขซูไม่ทราบจะร้องไห้หรือหัวเราะก่อนดี ไม่รู้ว่าควรยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น หรือร่วมทุกข์ร่วมโศกไปด้วยกัน

“น้องชายท่านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ อีกเดี๋ยวข้าขอฝากเป็นธุระ ให้เจ้าชักนำภัยไปให้ไกลๆ ที” ปรมาจารย์เหยียนกล่าววาจาประดานี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมสุดเปรียบ ตระกูลหยวนขวัญกล้าโดยแท้ ถึงกับกล้าลงมือต่อตนเอง มันคือนักปรุงยาผู้สูงส่งสุดสูง ยังไม่คิดเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่เด็ดขาด

ฉินจิ่วเกอหน้าดำมะเมี่ยม “มัวล้อเล่นอะไรกันอยู่ได้ บอกว่าจะแบ่งก็จะแบ่งหรือ นี่พวกเจ้าคิดว่ากำลังแบ่งหมูกันอยู่หรือไร”

อะแฮ่ม!

เกิดเสียงกระแอมขึ้นเบาๆ เป็นบรรพชนหยวนเฟิงจากตระกูลหยวน ก่อนที่พลังกลั่นดวงธาตุขั้นหนึ่งจะทาบทับลงมา

ไม่ว่าจะเป็นศิษย์ตระกูลหรือกองโจรก็ตามแต่ พวกมันต่างก็หุบปากฉับทันควัน ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาสักแอะ

“ก่อนอื่นข้าจะฆ่าประมุขซูและเหยียนหัว ส่วนพวกเจ้าก็จัดการพวกที่เหลือให้ได้โดยเร็วที่สุด อย่าปล่อยให้หนีไปได้แม่แต่คนเดียว! ” หยวนเฟิงกล่าวจบก็พุ่งเข้าหาเป้าหมายทันที พลังแผ่พุ่งบดขยี้สองอาวุโสจนตกตาย ไม่ว่าใครก็ห้ามมันไม่อยู่

“หากข้ารอดไปได้ละก็ สมาคมนักปรุงยาจะไม่มีวันปล่อยพวกเจ้าไปแน่ ตระกูลหยวนถึงคราวสิ้นชื่อเพียงเท่านี้! ” ปรมาจารย์เหยียนสาปส่งอย่างดุดัน ในใจทั้งโมโหทั้งเสียใจ

“เรื่องนั้นข้าไม่ต้องให้เจ้าบอก เพราะเจ้าจะไม่มีวันรอดไปได้! ” หยวนเฟิงนัยน์ตาเขม็งมองเหยียนหัว ก่อนส่งพลังฝ่ามือเข้าหา

อาวุโสตระกูลซูหลายท่านล้วนพลังฝีมืออ่อนด้อย ต่างต้องจำใจปกป้องเหล่าเด็กสตรีคนชราร่วมกันกับซูมู่ซวน เริ่มฝ่าวงล้อมเหล่ากองโจรออกไป ฉินจิ่วเกอไม่ได้ตามไปด้วย ชายหนุ่มฉีกผ้าออกมาปิดหน้าเอาไว้ ก่อนแฝงตัวเข้าไปในวงต่อสู้ ตั้งใจจะหนีเอาตัวรอดท่ามกลางความชุลมุน

“ไอ้เด็กนรก ต่อให้เจ้าถูกเผาจนเป็นเถ้าถ่านข้าก็ยังจำเจ้าได้ เจ้าคิดว่าแค่ปิดหน้าปิดตาข้าก็จะจำเจ้าไม่ได้? ” นายโจรหลิวจ้องเขม็งไปทางเจ้าเด็กชั่วช้าสารเลว ต่อให้มันปกปิดหน้าตา แต่ริมฝีปากที่ยื่นแหลมยิ่งกว่าปากลิงก็ยังเด่นหราสว่างไสวเหมือนดวงดาราอยู่ดี

ฉินจิ่วเกองอตัวตะคุ่มๆ จนแทบจะกลายเป็นคลาน ปะปนไปกับกลุ่มโจร แถมยังช่วยตะโกนปลุกใจ แสร้งทำเป็นไม่ลงรอยกับตระกูลซู

อุบายแฝงตัวไปกับฝูงชนดูท่าจะไม่ได้ผล เพราะไม่นานหยวนหลงก็ตวาดแว้ดมาทางนี้ทันที “บัดซบ ไอ้ตัวที่สวมหมวกสีม่วงอมทองก็คือฉินจิ่วเกอ จับมันมาให้ได้! ”

พล็อบ ฉินจิ่วเกอเขวี้ยงหมวกบนหัวทิ้งไปอย่างไว เมื่อทำลายหลักฐานเป็นที่เรียบร้อย มันก็มุ่งหน้าแฝงตัวเข้าทางกองโจรไปอย่างรวดเร็ว

“ไอ้ตัวที่ใส่เสื้อขาวนั่นแหละ! ” นายโจรหลิวไม่เคยละสายตาไปจากฉินจิ่วเกอแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว ผมบนหัวลุกชี้ชัน

พรึบ ฉินจิ่วเกอสลัดผ้าออกไปทันที ยังแถมชุดและหมวกเกราะให้ด้วย

“เป็นเจ้าคนที่ผูกน้ำเต้าไว้ข้างเอว! ”

กลุกๆ น้ำเต้าสุราที่พกติดตัวเพิ่มความขลังถูกฉินจิ่วเกอเขวี้ยงลงพื้นไปอย่างไม่ไยดี สุราผสมน้ำเปล่าด้านในหกเลอะเทอะออกมาเต็มพื้น

“เป็นเจ้าคนที่สวมแหวนมิติสองวง! ”

ฉินจิ่วเกอแทบกระอักเลือด ตัดใจโยนแหวนทิ้งไปก่อนหลบหนีต่อ

นายโจรหลิว หยวนหลง ทั้งสองต่างก็เป็นบุคคลสำคัญของสองขุมอำนาจใหญ่ ทันทีที่พวกมันเอ่ยปากสั่งการ โจรเล็กโจรน้อยต่างล้มเลิกการกลุ้มรุมโจมตีตระกูลซู ตรงข้ามกลับหันมาไล่ล่าจับปลาซิวอย่างฉินจิ่วเกอแทน

ฉินจิ่วเกอลื่นไหลดั่งแมลงสาบ ใช้เคล็ดมารมายาอำพรางร่องรอย ปรับเปลี่ยนทิศทางไปตลอดทาง

“เป็นเจ้าคนที่สวมกางเกง! ” นายโจรหลิวตะโกนมาอีก

ฉินจิ่วเกอปลดสายรัดเข็มขัดบนเอว แต่เพิ่งจะคลายออกได้คืบหนึ่ง พลันต้องกระชับกลับเข้าไปใหม่ “บัดซบ ข้าเป็นเพื่อนเล่นเจ้าหรือ? ”

“วันนี้ข้าจะต้องสับสังหารเจ้าเป็นพันๆ ชิ้นให้ได้! ”

“เตือนไว้ก่อน ซีกขวาเป็นของข้า ซีกซ้ายเป็นของเจ้า”

“ตกลง กองโจรอย่างพวกข้าซื่อสัตย์เสมอ”

“มารดามันเถอะ” ฉินจิ่วเกอแสยะปากด่าทอ ยื่นมือออกชิงสมบัติคืนจากเจ้าโจรน้อยที่ยืนตะลึงลานอยู่ “บัดซบ บิดาไม่หลบแล้ว รบกันต่อหน้าอย่างเปิดเผยนี่ล่ะ ว่าไง เอาไม่เอา?”

“ต้องอย่างนี้สิ เด็กๆ เปิดทาง!” นายโจรหลิวร้องบอกให้ลูกน้องเปิดทาง เว้นที่ว่างให้แก่มัน

ผู้ใดจะคาด พื้นที่ว่างเพิ่งถูกเว้นเป็นแถบไว้ ฉินจิ่วเกอกลับหมุนกายวิ่งออกไป หลบรอดออกจากวงล้อมอย่างหมดจด

“ไอ้คนต่ำช้า!” สองคนประสานเสียงด้วยอารมณ์ มันช่างไร้เดียงสาเกินไปแล้ว ไฉนกลับไปเชื่อถือวาจาของเจ้าเด็กน้อยนี่ได้

“ฉินจิ่วเกออยู่นี่ แน่จริงมาจับข้าให้ได้สิ!” ฉินจิ่วเกองัดลูกไม้ชั่วร้ายออกมาเต็มพิกัด โจรทั้งหลายที่รายล้อมส่วนใหญ่รามือจากตระกูลซู หันมาไล่ล่ามันแทน

“พี่แซ่ฉิน ช่างมีคุณธรรมนัก!” ซูมู่ซวนที่กำลังรบราท่ามกลางศึกอันดุเดือดหลั่งน้ำตานองหน้ากล่าวคารวะขอบคุณต่อฉินจิ่วเกอ

“มันที่แท้คิดทำอะไร” อาวุโสทางด้านข้างไม่เข้าใจ ที่แท้คนผู้นี้ทำอะไรลงไป ไฉนล่อมือล่อเท้าเหล่าโจรไปทางนั้นหมดสิ้น

“อย่ามาแย่งกับข้า ให้ข้าแทงมันสักเจ็ดแปดแผล!” โจรถือดาบใบหลิวผู้หนึ่งตะโกนขึ้น วันก่อนมันถูกฉินจิ่วเกอชิงสินค้าตระกูลซูกลับคืนไป ยังถูกมันถือโอกาสริบเงินสินสอดของภรรยามันไปด้วย หนี้แค้นนี้ไม่อาจอภัยละเว้น

อีกข้างหนึ่งมีโจรอีกคนยกศิลาก้อนนับพันจินขึ้น “มันเป็นของข้า ข้าจะทุบมันให้เละเป็นโจ๊ก เอาไปดองซีอิ๊ว”

“ไม่ ให้ข้าฆ่ามันเถอะ ไอยะหยา ไอ้โจรกระจอกไร้ยางอาย จะหนีไปไหน!”

“มันเป็นของพวกเรา!” นายโจรหลิวและหยวนหลงใจตรงกัน สองคนร่ำร้องออกมาโดยพร้อมเพรียง

ที่ไล่ล่าฆ่าล้างฉินจิ่วเกอมานั้น ที่นำขบวนโจรเล็กโจรน้อยมาก็คือมันทั้งคู่ที่กำลังตามติดดั่งคู่แค้นทะเลโลหิตก็ปาน

หลบหนีเข้ามาในเขตเทือกเขาสิบหมื่นบรรพต ฉินจิ่วเกอเห็นทางด้านหลังเหลือเพียงหยวนหลงและนายโจรหลิว ในใจตกลงใจ ล่อลวงสองคนนี้ไปยังสถานที่ปลอดคน จากนั้นก็ไม่หนีแล้ว

คนยืนหยัดปลอดโปร่งท้าทายอยู่บนก้อนศิลาสูงโดดเด่น

ฉินจิ่วเกอสองมือไพล่หลัง สายตาหรุบหรู่ ลมหายใจสงบราบเรียบ ริมฝีปากเม้มสนิท ท่วงท่าน่าชิงชังยิ่ง ส่งผลให้ผู้พบเห็นต้องรู้สึกแสยงยอกขึ้นมา

ความตายกรายถึงศีรษะ ฉินจิ่วเกอกลับกลายเป็นผู้สูงส่งไม่กลัวตาย ท้าทายสองพิสุทธิ์ไพศาลขั้นกลางทั้งคู่ ยังนัยน์ตาไม่กะพริบแม้แต่น้อย

“เด็กหน้าเหม็น ความตายกรายศีรษะ ยังเสแสร้งแกล้งทำท่า!” นายโจรหลิวพบพานคนที่คิดถึงทุกลมหายใจ อา ข้าคิดถึงมันเหลือเกิน ต้องจิตใจตื้อตันขึ้นมากะทันหันจนน้ำตาแทบหลั่ง

“ยกมือยอมแพ้ซะ ข้าอาจไว้ชีวิตเจ้าก็ได้” หยวนหลงเอ่ยประโยคประจำใจของผู้ร้ายออกมา

ฉินจิ่วเกอดวงตาสาดประกายราวดวงดารา “จริงหรือ หากข้ายกมือยอมแพ้ เจ้าก็จะไว้ชีวิตข้า?”

เอ๋? หยวนหลงแทบหลุดปาก ไม่ได้สิ เวลานี้ หากเป็นคนทั่วไป ย่อมต้องโมโหโทโสและบังเกิดความอัปยศใหญ่หลวง มีแต่ต้องสู้ตายสถานเดียวเท่านั้น ไฉนเมื่อเป็นฉินจิ่วเกอ กลับกลายเป็นพวกไม่มีสันหลังไร้ราคา?

“ไม่มีทาง ต่อให้เจ้ายอมแพ้ร้องขอให้ไว้ชีวิต พวกเราก็ไม่ละเว้นเจ้า” หยวนหลงเอ่ยปากตอบ ในใจบังเกิดความละอายเล็กน้อย

“งั้นเจ้าไม่ถอดกางเกงผายลมเลยเล่า ไหนๆ ก็ต้องตาย งั้นข้าก็ไม่ยอมลงให้เท่านี้”

“อืม ดี! ” นายโจรหลิวเตรียมวิธีมาหลายร้อยที่จะจัดการกับเจ้าหมั่นโถวตรงหน้า ยิ่งอีกฝ่ายถือดีเท่าไหร่ยิ่งดี

ฉินจิ่วเกอยังคงยืนอยู่บนยอดหินอย่างตั้งตระหง่านดั่งต้นบ๊วยท่ามกลางสายลมหนาว ตระกูลซูถูกเข่นฆ่าตายเป็นเบือ ทุกที่ทางล้วนมีแต่ซากศพแอ่งโลหิต

เหลือเพียงประมุขซูและอาวุโสอีกหลายท่านที่ยังต่อสู้เอาชีวิตรอด ที่เหลือล้วนมือขาดแขนขาดนอนคอยความตายกลางฝุ่นตลบฟุ้ง

ปรมาจารย์เหยียนหยิบเอาไพ่ตายรักษาชีวิตออกมา เป็นยันต์คุ้มภัยที่นักจัดวางค่ายกลเขียนขึ้นเอง สามารถยื้อยุดต่อต้านหยวนเฟิงกลั่นดวงธาตุขั้นหนึ่งได้ชั่วคราว

ศึกครั้งนี้คล้ายมองเห็นแล้วว่าจะจบเช่นไร ตระกูลหยวนกลับมาเฟื่องฟู ตระกูลซูล่มสลาย ผนึกทุกยอดเขารอบเมืองล่วนโต้วเป็นหนึ่งเดียว ต่างคนต่างได้สิ่งที่ต้องการ

โลกของผู้ฝึกตนล้วนโหดร้ายป่าเถื่อน ผู้เข้มแข็งกลืนกินผู้อ่อนแอ โลหิตคละคลุ้ง ซากศพมากมายเกลื่อนกล่น

เห็นได้จากตรงนี้ว่าอันใดคือธรรมชาติคัดสรร!

“ประกบซ้ายขวา ฆ่ามันให้ได้!” ประมุขหลิวและหยวนหลงเข้าใจกันดี ประกายแสงกวาดเข้าหาฉินจิ่วเกอจากสองฟากข้าง นำพาเพลิงพิโรธคั่งแค้นและพลังที่บ่มเพาะชั่วชีวิตติดตามมา แม้แต่พิสุทธิ์ไพศาลขั้นปลายยังไม่กล้ารับมือ

.

.

.

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

เกรียนแบบนี้ ก็ศิษย์พี่ใหญ่นี่แหละ

Status: Ongoing
หากศิษย์น้องรองที่่เป็นคู่แค้นกับมัน ต้องถูกกำหนดให้เป็นพระเอกเช่นนี้? แล้วเหตุใดข้าถึงต้องให้มันสร้างตำนานด้วยเล่า ตำนานศิษย์พี่ใหญ่ป่วนยุทธ์ภพสำแดงแล้วคนถือไม้กวาดอาจเป็นแฮร์รี่ คนโชคดีข้ามภพก็อาจเป็นแค่ตัวประกอบ ฉินจิ่วเกอที่ข้ามภพมาอีกครั้งพลันรู้แจ้งในสัจธรรมข้อนี้แต่ทำไมศิษย์น้องรองที่เป็นคู่แค้นกับมันต้องถูกกำหนดให้เป็นพระเอกเล่า? ไม่ได้การ ก่อนที่หมอนั่นจะสร้างตำนานก่อนที่เรื่องราวจะเริ่มต้น ความสัมพันธ์ที่แตกหักระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง มันต้องทำอะไรสักอย่างแล้ว…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท