สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 25 ชายในฝันใกล้จะหวั่นไหว

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

ตอนที่ 25 ชายในฝันใกล้จะหวั่นไหว

“ผงในวันนี้คือสิ่งใดกัน” หมี่โม่หรู่เล่นผืนผ้าสีเทาในมือพลางถาม

“ผงบ๊วยพ่ะย่ะค่ะ” อู๋เหินส่งเสียงซึม ๆ พวกเขาก็ไม่รู้ว่าผงบ๊วยเหล่านี้ปลิวมาจากที่ใดถึงเล่นงานพวกเขาจนน้ำตาไหลไม่หยุด กระทั่งล้างด้วยน้ำเย็นหลายรอบจึงหยุด

จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาหลายคนก็ยังไม่หยุดร้องไห้

แค่ผงบ๊วยก็ทำให้ผู้อื่นน้ำตาไหลไม่หยุดได้แล้วเหรอ หมี่โม่หรู่ขมวดคิ้ว หลังจากผ่านวันนี้ไป เขายิ่งรู้สึกว่าตนเองจะดูถูกชายาของเขาไม่ได้เด็ดขาด

“ที่ให้เจ้าไปสืบมาเมื่อวานล่ะ”

“คืนแต่งงาน พระชายาถูกตีจนสลบ และถูกลากเข้าไปในห้องเก็บฟืนพ่ะย่ะค่ะ ผ่านไปได้ไม่นาน ลูกสาวสายตรงแห่งจวนฉินก็พาองค์รัชทายาทไปตรวจสอบ หลังจากคุยกันแล้วนางถึงกลับมายังโถงหลักจวนฉินและขอถอนหมั้นพ่ะย่ะค่ะ” อู๋เหินคุกเข่าข้างหนึ่งกับพื้น รายงานอย่างละเอียด “นอกเหนือจากนี้ทุกอย่างดูเป็นปกติพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานว่าคุณหนูรองฉินถูกสลับตัว”

“พระชายาเป็นคุณหนูรองฉินตัวจริงเพคะ” ซวงหวนอีกด้านเสริม ก่อนจะก้มหน้าอย่างรวดเร็ว “ข้าน้อยเสียมารยาทไปแล้วเพคะ”

“วันนี้ที่ลานด้านหลังฮูหยินฉินให้นางไปทำอะไรที่ตำหนักรึ” หมี่โม่หรู่วางผ้าสีเทาในมือไว้ด้านข้าง ยกถ้วยชาขึ้นจิบ

“ฮูหยินฉินใช้ดอกเหมยหมื่นจุดเพคะ” ซวงหวนกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “ข้าน้อยได้ยินเสียงชายาร้องออกมาเพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นก็โดนฮูหยินใหญ่ปิดปากไว้เพคะ”

หมี่โม่หรู่นึกถึงรอยฟันใต้ริมฝีปากล่างของนางที่ตนเห็น นางมิได้ถูกใครอุดปาก แต่กลั้นไว้ไม่ยอมส่งเสียงเอง

สตรีนางนี้มีพลังที่เข้มแข็งถึงเพียงนี้เชียวหรือ

หมี่โม่หรู่เติบโตมาในวัง ย่อมรู้ดีว่าดอกเหมยหมื่นจุดคือสิ่งใด

มันมีรูปร่างคล้ายคทาฟันหมาป่า ท่อนกระบองขนาดเท่ากำปั้นเต็มไปด้วยเข็มเย็บผ้าที่ปักกลับหัว ฟาดลงไปแต่ละทีก็เจ็บปวดรวดร้าวไม่น้อย

ปกติมักจะใช้กับแผ่นหลังของผู้ถูกทำโทษ เป็นวิธีทรมานนางกำนัลหรือนางสนมในวังโดยเฉพาะ ไม่มีแผลที่หน้า เลือดไม่ไหล ไม่มีบาดแผล ยากจะให้คนนอกสังเกตเห็น

หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ แพร่จากวังหลังถึงส่วนในของบ้านขุนนางใหญ่ ภรรยาหลวงของขุนนางบางบ้านแอบลงโทษอนุที่ได้รับความโปรดปรานด้วยวิธีนี้ ให้พวกนางไม่มีที่ให้ร้องระบายความทุกข์นี้ และไม่มีหลักฐานไปฟ้อง

“เรื่องวันนี้ไม่ได้ผิดที่พวกเจ้า ข้าประเมินนางต่ำไปเอง”

ดูท่าเรื่องที่คุณหนูรองฉินและมารดาถูกปฏิบัติเยี่ยงทาสที่ตำหนักจะเป็นเรื่องจริง หรือที่นางแต่งเข้าตำหนักมาไม่มีเป้าหมายอื่นแฝงอยู่จริง ๆ

หรือว่าเป็นความตั้งใจกะทันหันขององค์รัชทายาทและมหาเสนาบดีฉินในคืนนั้นจริง ๆ

“ท่านอ๋องเพคะ แล้วเวลาชายาไปไหน…”

“จับตาดูต่อไป หลังจากนี้หากนางออกจากตำหนัก จะเข้าไปในร้านไหน พูดคุยกับผู้ใด ต่อให้ซื้อเข็มแค่เล่มเดียวหรือด้ายเพียงม้วนเดียวก็ต้องรายงานมาให้หมด” หมี่โม่หรู่โยนขวดแก้วสีเขียวบนโต๊ะให้ซวงหวน “นี่คือยาทาแผล”

ซวงหวนชะงักงันแต่ก็รับยามา แววตาของนางเผยความดีใจอยากปิดไม่มิด และรีบถอยออกมา

เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ ชายชุดน้ำเงินหน้าตาหล่อเหลาสง่างามท่าทางไม่ธรรมดาผู้หนึ่งก็วิ่งสวนมาด้วยหน้าตากังวล

“ถวายบังคมท่านอ๋องคังชินเพคะ” ซวงหวนหลีกทางและย่อตัวทำความเคารพ

หมี่ฉงโบกมือด้วยความรำคาญ และส่งสัญญาณให้นางถอยออกไป

ก่อนจะก้าวยาว ๆ เข้าไปในห้องหนังสือ พูดด้วยน้ำเสียงร้อนใจ “เจ้าเจ็ด วันนี้เจ้าเกือบโดนลอบสังหารรึ ใครเป็นคนทำ ข้าจะไปจัดการมันเดี๋ยวนี้”

หากจะถามว่าหมี่โม่หรู่เชื่อใจใครที่สุดในโลกใบนี้ หมี่ฉงต้องเป็นคนแรก ๆ อย่างแน่นอน หลายปีก่อนมารดาของหมี่ฉงพระสนมเหยากุ้ยเฟยมีอำนาจล้น หมี่ฉงในฐานะองค์ชายสามจึงกลายเป็นเสี้ยนหนามตำใจของคนบางกลุ่ม

ตอนนั้นพวกเขายังเด็ก หมี่โม่หรู่ดันไปกินข้าวต้มที่ถูกวางยาพิษของหมี่ฉงเข้าจนเกือบสิ้นชีพลง หลังจากรอดมาได้ก็เป็นโรคไอเรื้อรัง สุขภาพก็อ่อนแอลง หมี่ฉงที่จากตอนแรกรู้สึกผิดก็ค่อย ๆ กลายเป็นความรักฉันพี่น้องที่เลือดข้นกว่าน้ำ หลายปีมานี้หมี่ฉงว่างงานอยู่ในตำหนักเพื่อไม่เป็นที่เตะตา แต่ความจริงแล้วแอบทำงานให้หมี่โม่หรู่

ณ สวนเฉินอวี้

ตอนที่ซวงหวนผลักประตูเข้าไป ฉินปู้เข่อกำลังนอนคว่ำสะลึมสะลืออยู่บนเตียง เที่ยงนี้ผลาญพละกำลังแกร่งกล้าของนางไปหมดแล้ว ตอนนี้นอกจากอาหารเลิศรสแล้วก็ไม่มีสิ่งใดกระตุ้นให้นางลุกขึ้นมาได้

“พระชายา?” ซวงหวนเอ่ยเรียกเบา ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดตอบจึงยกน้ำอุ่นเข้าไปเพื่อเช็ดแผลให้ฉินปู้เข่อ

ผ้าฝ้ายเปียกชื้นแตะโดนแผ่นหลัง ทำให้ฉินปู้เข่อสะดุ้งลุกขึ้นนั่ง มือปิดหน้าอกด้วยสัญชาตญาณ “ซวงหวน?! เจ้าทำอะไร”

ซวงหวนหวั่นใจเล็กน้อย นางจึงตอบตะกุกตะกัก “ข้าน้อยทายาให้พระชายาอยู่เพคะ วันนี้ข้าน้อยได้ยินเสียงข้างในห้องเพคะ”

ฉินปู้เข่อนอนคว่ำลงไปบนเตียงอีกครั้ง และพึมพำ “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แต่หิวมากประเดี๋ยวเราไปกินเสี่ยวหลงเปากันอีกเถิด”

“เพคะ”

อาจเพราะฉินปู้เข่อปกป้องนาง นางจึงรู้สึกซาบซึ้ง อาจเพราะได้ยินบทสนทนาระหว่างฉินปู้เข่อและมารดาแล้วทำให้นางรู้สึกปวดใจ อาจเพราะวันนี้เข้าร่วมแผนทดสอบ ตอนนี้ซวงหวนจึงรู้สึกผิดต่อฉินปู้เข่อเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะตอนนี้ที่เห็นแผ่นหลังเต็มไปด้วยจุดแดง ๆ ของนาง รอบ ๆ รูเข็มเป็นสีเขียวซวงหวนก็อดตาแดงไม่ได้

ในฐานะบ่าว ไม่ว่าจะมีภารกิจจับตาดูชายาหรือไม่ ในเวลาที่ชายาซึ่งเป็นเจ้านายถูกทำโทษทางร่างกาย นางก็ควรจะพุ่งเข้าไปรับแทนเจ้านาย

แต่วันนี้นางกลับยืนขี้ขลาดอยู่หน้าประตู ปล่อยให้ฮูหยินใหญ่คนนั้นลงมือกับพระชายาถึงเพียงนี้

ยาเย็น ๆ ช่วยบรรเทาความเจ็บที่แผ่นหลังไปได้มาก ฉินปู้เข่ออดอุทานไม่ได้ “ยานี่ถูกสั่งทำขึ้นพิเศษสินะ เห็นผลลัพธ์ทันตาเชียว”

ซวงหวนแอบหัวเราะ กล่าวด้วยน้ำเสียงยินดี “นี่เป็นยาที่ท่านอ๋องตั้งใจมอบให้พระชายาเพคะ”

“จริงรึ” ฉินปู้เข่อพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง สายตาเป็นประกาย

นี่ถือเป็นหลักกิโลแรกบนเส้นทางจีบชายในฝันของนางหรือเปล่านะ วันนี้หมี่โม่หรู่ต้องยอมสยบให้กับความฉลาดของนางและหวั่นไหวกับนางแน่นอน

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท