สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋] – บทที่ 150 ถูกหนวดของสตรีตำ

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

บทที่ 150 ถูกหนวดของสตรีตำ

“หลังจากกลับจากวังน้ำพุร้อน ข้าก็สั่งให้คนเตรียมกล่องไว้สำหรับรถม้าแต่ละคัน เมื่อสองสามวันก่อนข้าประมาท และไม่ทันคิดว่าเจ้าจะมึนหัวในระยะทางสั้น ๆ” หมี่โม่หรู่ค่อย ๆ ดึงปิ่นปักผมออกจากกวานหยกของนาง และเกลี่ยผ้าไหมสีฟ้าของนางบนขาของเขา

ฉินปู้เข่อจ้องมองเขา “อะไร หม่อมฉันเพิ่งจะมัดผมขึ้นเมื่อตอนเช้า”

“เจ้าไม่เหนื่อยหรือ ข้าเห็นว่าเมื่อคืนเจ้านอนดึก และตื่นแต่เช้าเพื่อไปเก็บของ ข้าแค่ต้องการให้เจ้าพักผ่อนอย่างสบาย ๆ กว่านี้”

ฉินปู้เข่อกัดริมฝีปากและรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก “หม่อมฉันไม่ว่าอะไรหรอกหากท่านแกะมวยผมของหม่อมฉัน แต่ท่านช่วยเอามือออกจากชุดข้าได้หรือไม่ ท่านจะพักผ่อนเช่นนี้ได้อย่างไร?!”

“ข้าจะพักผ่อนในภายหลัง” หมี่โม่หรู่กดศีรษะของนางให้ซบในอ้อมแขนของเขาและดมกลิ่นกายของนางอย่างล้ำลึก ชายหนุ่มชื่นชมการกระทำอันชาญฉลาดของนางอีกครั้งในใจ หากเขาไม่พาพระชายาตัวน้อยมาด้วย เขาก็จะมองหรือสัมผัสนางไม่ได้อย่างน้อยหนึ่งเดือน และเขาจะต้องหายใจไม่ออกอย่างแน่นอน

การเดินทางครั้งนี้ไม่เร็วไปกว่าการไปวังน้ำพุร้อนครั้งก่อนมากนัก แต่ความเร็วบนถนนนั้นเร็วกว่ามากและเกือบจะไม่หยุดพักเลย

ต้องใช้พิมเสนทุกวัน เพราะฉินปู้เข่อไม่สามารถทนต่อการกระแทกในแต่ละวันได้ และรู้สึกว่าโครงกระดูกของนางได้รับการจัดเรียงและจัดระเบียบใหม่หลายครั้ง

หมี่โม่หรู่รู้สึกแย่กับอาการปวดหลังของนาง ดังนั้นนอกจากการอ่านเอกสารราชการทุกวันแล้ว เขายังนวดหลังให้นางอีกด้วย

“เราจะเข้าสู่เขตหลินเป่ยในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้ คืนนี้จะพักผ่อนที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ เพื่อที่เจ้าจะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่”

“เพคะ” ฉินปู้เข่อยืดตัวอย่างเกียจคร้าน “เหตุใดพี่ชายสามถึงเงียบเช่นนี้”

นอกจากวันแรกที่ออกจากเมืองหลวง นางก็ไม่เห็นหมี่ฉงที่ใดเลย

“เขาไปทำภารกิจก่อน ข้าไม่พาคนเกียจคร้านมาด้วย” หมี่โม่หรู่หยิกใบหน้าเล็ก ๆ ของนาง นางไม่ได้กินและพักผ่อนอย่างเต็มที่ ไขมันน้อย ๆ ที่แก้มของนางจึงหายไปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเมื่อได้สัมผัส

“ท่านอ๋อง มาถึงโรงเตี๊ยมแล้วขอรับ”

“ตกลง”

รถม้าหยุดนิ่ง และหมี่โม่หรู่ก็อุ้มฉินปู้เข่อขึ้นมา

“ท่านกำลังทำอะไร!” ฉินปู้เข่อกระโจนออกจากอ้อมแขนของเขา หลังจากที่ขาของชายผู้นี้ได้รับการ ‘รักษา’ โดยผู้อาวุโสซือเยี่ยนแล้ว นางก็รู้สึกว่าความอวดดีของคนผู้นี้ก็ยิ่งมากขึ้น

หมี่โม่หรู่ยืนมือเปล่าอยู่ที่เดิมด้วยความเสียใจ “เจ้าไม่ปวดหลังหรือ ข้าจะอุ้มเจ้าเข้าไป”

ฉินปู้เข่อจับหน้าผากของตนและหยิบพัดออกมา “ได้โปรดช่วยดูการแต่งกายของท่านและชุดของนายน้อยผู้นี้ด้วย ท่านไม่สนใจคนอื่นที่นินทาท่าน แต่หม่อมฉันสนใจ”

หลังจากพูดจบนางก็กระโดดลงจากรถม้า หมี่โม่หรู่รีบเอื้อมมือออกไปช่วยนาง

เดิมทีนางต้องการจะแสร้งทำท่าทางที่หล่อเท่ยิ่งนัก แต่รถม้าสูงเกินไปและขานางก็อ่อนแรง นางจึงเลิกคิดจะทำเช่นนั้นทันที

“โอ๊ะ” ฉินปู้เข่อผละออกจากมือของหมี่โม่หรู่ที่ช่วยจับแขนของนาง แล้วหัวเราะแก้เขิน “ไปกันเถิด~”

ทั้งสองปรากฏตัวขึ้นที่ห้องโถงของโรงเตี๊ยม เถ้าแก่และผู้ช่วยที่กำลังยุ่งกับงานต่างก็จ้องไปที่พวกเขาและตกตะลึงจนพูดไม่ออก

ห้องโถงที่เดิมทีมีเสียงดังจอแจเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ราวกับว่าผู้สัญจรผ่านไปมาดูเหมือนจะถูกกดเล่นความเร็วแบบ x1.5 เพราะการเคลื่อนไหวช้าและจ้องมายังคนทั้งสอง

คุณชายทั้งสองมาจากที่ใด พวกเขาเกิดมาหล่อเหลายิ่งนัก คนหนึ่งสง่างามและตรงไปตรงมาราวกับเทพบุตร และอีกคนก็ดูฉลาด หล่อเหลาและน่ารัก

“พวกเขาคิดว่าหม่อมฉันหล่อเหลาใช่หรือไม่?!” ฉินปู้เข่อหันไปด้านข้างด้วยความพึงพอใจ

หมี่โม่หรู่ “เปล่า พวกเขาคิดว่าข้าหล่อ”

ฉินปู้เข่อ “…”

เหตุใดนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบางครั้งชายผู้นี้ก็หลงตัวเองนัก

“ท่านอ๋อง ห้องพร้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

อู๋เหินเดินนำไปข้างหน้าและพาพวกเขาขึ้นไปส่งในห้องเดียวกัน

ทุกคนที่สบตากับพวกเขา… กลายเป็นหิน

ฝูงชนในห้องโถงแบ่งออกเป็นสองฝั่ง

พูดด้วยความทุกข์ระทมในใจ “จุ๊ ๆ โลกนี้ตกต่ำลง ใจคนก็ไม่ปกติ ผู้ชายเข้าห้องไปด้วยกันอย่างโจ่งแจ้ง…”

พูดด้วยการปลอบใจตัวเอง “ทั้งสองคนอายุห่างกันประมาณห้าหรือหกปีและรูปร่างหน้าตาค่อนข้างคล้ายกัน น่าจะเป็นพี่ชายกับน้องชาย สุดท้ายน้องชายก็ดูไร้เดียงสาและบริสุทธิ์…”

เมื่อเปิดประตู ฉินปู้เข่อก็รู้สึกว่ามีภาพลวงตาของเวลาและพื้นที่อยู่ชั่วขณะหนึ่ง

นางอาศัยอยู่ในโรงเตี๊ยมจริง ๆ หรือ เหตุใดรูปแบบของห้องถึงเหมือนกับห้องในสวนเฉินอวี้ทุกประการ?

นี่คือการรื้อผ้าม่าน เครื่องนอนและเก้าอี้ออกมาจากตำหนักเลยหรือ?

“โอ้แม่เจ้า ท่านมาที่นี่เพื่อปฏิบัติภารกิจไม่ใช่หรือ? แต่ท่านกลับมาที่นี่เพื่อความสนุกอย่างชัดเจน” ฉินปู้เข่อถอดรองเท้าและวิ่งไปที่ด้านข้างของเตียง แล้วทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่ม ๆ ใบหน้าของนางเบิกบาน

หลังจากนั่งอยู่ในรถม้าเป็นเวลานาน เป็นเรื่องดีที่จะได้นอนบนเตียงที่คุ้นเคย ดังนั้นนางจะสนุกกับมันก่อน

หมี่โม่หรู่หัวเราะเบา ๆ “ข้าเกรงว่าเจ้าจะพักผ่อนได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นข้าจึงเตรียมของมาให้เจ้าและดูเหมือนว่าข้าจะไม่ได้ทำผิด”

ขณะที่เขากำลังพูดอยู่ ซวงหวนก็เข้ามา “ท่านอ๋อง น้ำอุ่นพร้อมแล้ว ไปอาบน้ำเพื่อขจัดความเหนื่อยล้าก่อนแล้วค่อยไปเสวยอาหารเย็นนะเพคะ”

“การรักษานี้!” ฉินปู้เข่อกระโดดขึ้นตรงหน้าหมี่โม่หรู่ ‘ฟึ่บ’ นางชอบนัก การรักษานั้นดี

นึกถึงชาติที่แล้วเมื่อนางออกไปนั่งรถเล่นกับโค้ช และพบว่าโรงแรมเล็ก ๆ ที่โค้ชพาไปช่วยประหยัดเงินได้ แต่มีน้ำรั่วซึมและผนังไม่กันเสียง

นางคิดว่าการออกไปใช้ชีวิตในครั้งนั้นค่อนข้างลำบาก

ความเหนื่อยล้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาหายไปในน้ำอุ่น ๆ เปลือกตาของฉินปู้เข่อในอ่างอาบน้ำค่อย ๆ หนักขึ้น ในความมืดมิด มีคนเปิดประตูห้องด้านในแล้วเดินเข้ามา

“หวนหวน…” ฉินปู้เข่อกำลังนอนอยู่ในอ่างโดยไม่ลืมตา และนางแยกแยะระหว่างความเป็นจริงกับความฝันไม่ออกแล้ว

หมี่โม่หรู่เอื้อมมือไปอุ้มคนในอ่างและเช็ดตัวให้แห้งแล้วอุ้มไปที่เตียง เดิมทีเขาต้องการจะร่วมรักกับนางด้วยการอาบน้ำแบบนกเป็ดน้ำ แต่เมื่อเห็นว่านางเหนื่อยถึงเพียงนี้จึงปล่อยนางไป

เขาค่อย ๆ เช็ดคิ้วคมของฉินปู้เข่อด้วยผ้าฝ้ายชุบน้ำหมาด ๆ และเช็ดปากของนาง

ขนบาง ๆ ที่ดูเหมือนเคราของผู้ชายไม่สามารถเช็ดออกได้จริง ๆ

บัดนี้หมี่โม่หรู่ต้องการจะปลุกนางขึ้นมาและสอนบทเรียนให้กับนาง การปลอมตัวของนางดูสมจริงยิ่งนัก นางใช้ ‘น้ำตาลปลูกขน’ มาทารอบปากของนางเพื่อสร้างเป็นหนวด

เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาต้องมองปากที่เหมือนผู้ชายของนางนานกว่าหนึ่งเดือน และเขาต้องถูกหนวดของนางตำเมื่อเขาต้องการจูบ

เขายกมือขึ้นแตะบั้นท้ายของนางอย่างแผ่วเบา ในหัวเล็ก ๆ ของเขาคิดอะไรอยู่!

ฉินปู้เข่อหลับใหลไม่ได้สติ และขดตัวในผ้าห่มและเพลิดเพลินกับเตียงนุ่ม ๆ ต่อไป

หมี่โม่หรู่ก้มลงจูบนางที่หน้าผากอย่างไม่เต็มใจ แล้วนั่งข้างนางเพื่ออ่านเอกสารราชการและจุดเครื่องหอมในห้อง

นางไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหน ฉินปู้เข่อเอื้อมมือไปสัมผัสคนข้างกายนางและพยายามลืมตา

ฟ้ามืดแล้ว คราวนี้นางหลับไปหนึ่งหรือสองชั่วยามจริง ๆ และนางหลับไปโดยที่ไม่ได้กินอาหารเย็น

นางคลำร่างของหมี่โม่หรู่และลุกขึ้นจากเตียงในความมืด แล้วดื่มน้ำอย่างเงียบ ๆ แล้วปีนกลับไปที่ตำแหน่งเดิมของนาง

ใครจะคิดว่าบางทีอาจเป็นเพราะนางนอนหลับสบายเกินไปในตอนเย็น นางจึงนอนไม่หลับและพลิกตัวไปมา

ตื่นแล้วก็ไปหาอะไรกินดีหรือไม่?

ขณะที่ฉินปู้เข่อลุกขึ้นยืนก็มีเสียงเล็กน้อยจากประตูห้อง และคนที่กำลังลับ ๆ ล่อ ๆ ที่ประตูก็เสียบกริชเข้ามาทางรอยแตกของประตู และค่อย ๆ ขยับกลอนจากด้านนอกประตู

………………………………………………………………………

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

สำรับมนตราของชายาอ๋อง [戏精王妃的魔力美食屋]

Status: Ongoing
เธอแค่ออกมาหาอะไรกินแก้หิวตอนดึก แต่อยู่ดี ๆ ก็ทะลุมิติและฟื้นขึ้นมาพบว่าตนเองอยู่ในร่างของชายาอ๋องขี้โรคผู้อ่อนแอ ไหนจะระบบบ้า ๆ ที่ติดตัวมาอีกหญิงสาวที่ออกมาหาอะไรกินยามค่ำคืน จู่ ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุทะลุมิติมายังยุคจีนโบราณเมื่อฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในร่างของ ‘ฉินปู้เข่อ’สตรีที่งดงามและปราดเปรื่องอันดับหนึ่งแห่งต้าเซี่ย ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท แต่แล้วก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นจับพลัดจับพูลได้แต่งงานกับ ‘หมี่โม่หรู่’ อ๋องเจ็ดผู้ขี้โรคแทนการทะลุมิติครั้งนี้นางไม่ได้มาตัวเปล่า แต่มาพร้อมกับ ‘ระบบวิเศษ’ ที่เมื่อเก็บแต้มได้ตามเป้าหมายจะสามารถแลก ‘อาหาร’ วิเศษไว้ใช้ในยามคับขัน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท