Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 15.1 การกักเก็บทักษะธาตุ (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

เช้าวันรุ่งขึ้น โจวเหว่ยชิงค่อยๆ ผละออกจากการฝึกปราณของเขา

เด็กหนุ่มสูดหายใจเข้าลึก ร่างกายรู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า ความจุพลังปราณของเขาก็ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น

นี่เป็นครั้งแรกของเขาที่ทดลองเพ่งสมาธิสะสมพลังปราณตลอดทั้งคืนแทนการนอนหลับ และแม้ว่ามันจะไม่สะดวกสบายเท่ากับการนอน แต่ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากออกจากสมาธิก็ให้ความรู้สึกที่ดีกว่าการตื่นขึ้นมางัวเงียหลังจากนอนทั้งคืนเสียอีก

ขณะที่โจวเหว่ยชิงแง้มประตูออกกว้าง อากาศบริสุทธิ์ก็หลั่งไหลเข้ามาภายในห้อง เขาสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ปลดปล่อยลมหายใจที่เต็มไปด้วยของเสียที่สะสมมาตลอดทั้งคืนออกจากร่าง โจวเหว่ยชิงหลับตาลง เขารับรู้ได้ถึงความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าภายในร่างกาย

ทันใดนั้นเด็กหนุ่มก็นึกถึงคำพูดที่อาจารย์คนแรกของตนได้บอกเมื่อสองปีก่อนขณะที่พวกเขาจะแยกทางกัน “ตอนนี้เจ้ายังเป็นแค่จอมเจ้าเล่ห์น้อย ยังห่างไกลจากการเป็นมารร้ายที่แท้จริงนัก หากเจ้าสามารถพัฒนาจนกลายเป็นมารร้ายผู้สมบูรณ์แบบได้แล้ว ถึงตอนนั้น แม้เจ้าจะทำชั่วช้าแค่ไหน คนอื่นก็ยังเห็นว่าเจ้าเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ดี ดังนั้นหากเจ้าต้องเผชิญหน้ากับบุคคลชั่วร้าย จงจำไว้ว่าเจ้าต้องร้ายให้มากกว่าเขา แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสุภาพบุรุษผู้อ่อนน้อมถ่อมตน จำไว้ว่าเจ้าจะต้องอ่อนโยนและสุภาพให้มากกว่าให้ได้ วันหนึ่งหากเจ้าสามารถทำเช่นนั้นได้ เจ้าก็จะเป็นจอมมารร้ายที่แท้จริง และนั่นคือสุดยอดตัวโกงเลยทีเดียว…”

ขณะนั้น โจวเหว่ยชิงเพิ่งจะอายุ 12 ปีและไม่ได้เข้าใจคำพูดเหล่านั้นอย่างถ่องแท้ อย่างไรก็ตาม หลังจากสิ้นสุดการฝึกปราณตลอดคืนและผลักประตูออกมาในเช้านี้ ในที่สุดเขาก็สามารถทำความเข้าใจกับคำกล่าวของอาจารย์ได้แล้ว ราวกับว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงสามารถพิชิตคำพูดเหล่านั้นได้อย่างถ่องแท้

เมื่อตระหนักได้แล้ว โจวเหว่ยชิงพูดก็กับตัวเองอย่างฉับพลันว่า “ใช่! ข้าไม่ใช่เศษสวะอีกต่อไปแล้ว! ข้าไม่ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ พวกนั้นเพื่อปกปิดตัวเองอีกต่อไป เพราะตอนนี้ข้าไม่ใช่จอมเจ้าเล่ห์น้อย แต่ข้าเป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่! อะไรคือจ้าวมณีสวรรค์น่ะเหรอ? นั่นไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ที่เหมาะจะเป็นจอมมารร้ายอย่างแท้จริงคนนั้นหรอกหรือ?” ในขณะนี้ราวกับว่าเขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างแท้จริง อีกทั้งอายุวิญญาณก็เติบโตขึ้นมากกว่าอายุจริง 13 ปีของเขาเสียอีก

ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่เด็กหนุ่มพึมพำกับตัวเองอยู่นั้น ประตูห้องข้างๆ ก็เปิดออก และซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็เดินออกมาจากประตูที่อยู่ถัดไปนั้นเอง มือทั้งสองข้างของเธอเหยียดขึ้นเพื่อบิดขี้เกียจ ภายใต้แสงสว่างเจิดจ้าของดวงอาทิตย์ยามเช้า รูปร่างที่งดงามพริ้วไหวของเธอก็เปิดเผยต่อสายตาของโจวเหว่ยชิง

“งดงามมาก…” โจวเหว่ยชิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หมุนคอไปมาจากนั้นก็ส่งสายตาเย็นๆ ให้กับเขา แต่โจวเหว่ยชิงก็เพียงแต่ยิ้มให้เธอแล้วพูดว่า “ผู้บัญชาการกองพัน ไปกินข้าวเช้ากันก่อนเถอะ”

หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังแล้วเดินตรงไปยังห้องอาหารทันที

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์หยุดหยุดชะงักด้วยความตกใจ ในขณะนั้นเธอเกือบคิดว่าจำคนผิดด้วยซ้ำ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของโจวเหว่ยชิงเปล่งประกายความจริงใจออกมา นั่นเป็นเจ้าอ้วนน้อยโจวที่ไร้ยางอายคนนั้นจริงๆ เหรอ!?

ในระหว่างมื้ออาหารของพวกเขา โจวเหว่ยชิงแทบไม่ได้ปริปากพูดคุยกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์เลยแม้แต่น้อย และหลังจากสวาปามอาหารเช้าอย่างรวดเร็วแล้ว เขาก็มุ่งหน้าไปหาฮูเหยียนเอ้าป๋อเพื่อแจ้งว่าตนกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังจะออกไปข้างนอกซักพัก

หลังจากที่โจวเหว่ยชิงออกมาพ้นเขตเรือนของฮูเหยียนเอ้าป๋อแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังวังกักเก็บทักษะที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่นานพวกเขาก็เข้าไปในวังกักเก็บทักษะ ทันใดนั้นเอง ในที่สุดซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอเอ่ยปากถามโจวเหว่ยชิงที่ยืนอยู่ห่างจากเธอประมาณ 3 ก้าวว่า “อ้วนน้อยโจว เจ้าสบายดีหรือไม่?”

โจวเหว่ยชิงตอบอย่างสงสัย “ใช่ ข้าสบายดีมาก มีปัญหาอะไรงั้นหรือ?”

โดยธรรมชาติแล้วซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่อาจจะถามเขาออกไปโต้งๆ ได้ว่า ‘ทำไมเจ้าถึงไม่พูดจาไร้สาระกับข้าเหมือนเดิมล่ะ?’ เธอจึงได้แต่เก็บความสงสัยไว้ภายในใจ และพวกเขาก็มุ่งหน้าเข้าไปในวังกักเก็บทักษะอีกครั้ง

แผ่นป้ายบ่งบอกความเป็นจ้าวมณีสวรรค์ และเสื้อคลุมที่เพิ่งได้รับเมื่อวานนี้เป็นบัตรผ่านชั้นเยี่ยมที่นำพวกเขาเข้าไปสู่ห้องโถงหลักได้อย่างราบรื่น

“ผู้บัญชาการกองพัน อีกเดี๋ยวข้าจะต้องทำยังไงบ้าง?” โจวเหว่ยชิงถามซ่างกวนปิงเอ๋อร์ขึ้นมา

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ตอบกลับ “กฎของวังกักเก็บทักษะนั้นง่ายมาก นอกเหนือจากทางที่นำเราไปสู่การลงทะเบียนเมื่อวานนี้ ทางเข้าอีก9ทางที่เหลือต่างก็เป็นทางนำไปสู่กรงของสัตว์อสูรสวรรค์ทั้งสิ้น พวกมันถูกแยกตามลำดับคือ ธาตุน้ำ, ธาตุไฟ, ธาตุดิน, ธาตุลม, ธาตุแสง, ธาตุมืด, ธาตุมิติ และธาตุชีวิต รวมทั้งหมด 8 ทักษะธาตุ ส่วนทางเข้าสุดท้ายจะนำไปสู่กรงสัตว์อสูรสวรรค์ที่มีทักษะธาตุพิเศษไม่เหมือนใคร”

ภายในแต่ละกรงทักษะธาตุ อสูรสวรรค์ก็จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับเหมือนกับพวกเราจ้าวมณี นั่นก็คือ ระดับปฐม ระดับปรมะ และระดับเทวะ ตามลำดับ การเข้าสู่กรงส่วนที่มีอสูรสวรรค์ดับปฐมเพื่อกักเก็บธาตุนั้นจะต้องเสียเงิน 500 เหรียญทองต่อครั้ง ส่วนระดับปรมะ 2000 เหรียญทอง และระดับเทวะ 10,000 เหรียญทอง”

โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “มีอันตรายระหว่างการกักเก็บทักษะหรือไม่?”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าว “ ที่นั่นไม่มีอันตรายใดๆ รู้หรือไม่ว่าในทักษะธาตุทั้งหมด 8 อย่าง ทำไม 4 ทักษะธาตุที่ข้าเคยบอกเจ้าถึงถูกเรียกว่าทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่?”

โจวเหว่ยชิงส่ายหน้าเป็นคำตอบ

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “นั่นเป็นเพราะทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 เหล่านั้น แต่ละธาตุมีความสามารถพิเศษบางอย่างเฉพาะตัวเพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น เจ้ารู้อยู่แล้วว่าทักษะธาตุมิติช่วยให้เจ้าสามารถกลายเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับความสามารถพิเศษของอีก 3 ทักษะธาตุที่เหลือนั้น ทักษะธาตุมืดและธาตุแสงมีความสามารถเกี่ยวกับการปิดผนึก ในขณะที่ความสามารถพิเศษของทักษะธาตุชีวิตคือการฟื้นคืนชีพ ดังนั้น ทักษะธาตุทั้ง 4 ชนิดนี้จึงถูกเรียกว่าทักษะธาตุที่ยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ”

“ปิดผนึก? ฟื้นคืนชีพ?”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวว่า “เหล่าอสูรสวรรค์ที่วังกักเก็บทักษะนั้นถูกเลี้ยงดูอยู่ในกรงขังพวกนี้ จริงๆ แล้วกรงพวกนี้ถูกร่ายพลังปิดผนึกไว้โดยจ้าวมณีทักษะธาตุมืดหรือธาตุแสงที่มีความสามารถสูง ดังนั้นเมื่อจ้าวมณีจะดำเนินการกักเก็บทักษะ พวกเขาจึงไม่ได้รับอันตรายใดๆ สำหรับความสามารถในการฟื้นคืนชีพของทักษะธาตุชีวิตนั้นมีความเป็นไปได้ยากมากกว่าการหลอมรวมกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เสียอีก ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถในการฟื้นคืนชีพยังมีอัตราความสำเร็จต่ำมากอีกด้วย”

โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “หากพวกสัตว์อสูรได้รับการผนึกไว้ นั่นหมายความว่าข้าก็สามารถเลือกอสูรสวรรค์ระดับเทวะเพื่อจัดการกักเก็บทักษะได้น่ะสิ? แล้วอะไรคือความแตกต่างในการกักเก็บทักษะธาตุจากอสูรสวรรค์ในระดับต่ำและสูงกว่าล่ะ?”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าว “โดยทั่วไปแล้ว เจ้าจะต้องทำการกักเก็บทักษะธาตุกับอสูรสวรรค์ที่อยู่ในระดับเดียวกัน หากอัตราความสำเร็จของอสูรสวรรค์ระดับปฐมอยู่ที่ 1 ใน 100 ส่วน เมื่อเจ้าพยายามที่จะกักเก็บทักษะธาตุจากอสูรสวรรค์ระดับปรมะ ความน่าจะเป็นที่จะประสบความสำเร็จนั้นอยู่ที่ 1 ใน 100 ส่วนของอัตราความสำเร็จของอสูรสวรรค์ระดับปฐมอีกที ดังนั้นความน่าจะเป็นนั้นต่ำมาก บางทีอาจจะน้อยกว่า 1 ใน 10,000 ส่วนด้วยซ้ำ ในทำนองเดียวกัน ถ้ามันเป็นอสูรสวรรค์ระดับเทวะ ความน่าจะเป็นที่จะทำสำเร็จก็คืออีก 1 ใน 100 ส่วนของความน่าจะเป็นของระดับปรมะอีกที”

“ที่จริงแล้วไม่ว่าอสูรสวรรค์ที่เจ้ากักเก็บทักษะธาตุนั้นจะอยู่ในระดับใด ทักษะธาตุที่เจ้าสามารถกักเก็บลงในมณีธาตุของเจ้าได้ก็มักจะมีระดับพลังอยู่ในขั้นต่ำสุดเสมอ แต่หากมณีของเจ้ามีระดับสูงขึ้น ทักษะธาตุนั้นก็จะเพิ่มระดับขึ้นเองตามธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม ทักษะธาตุที่หายากนั้นมีให้เลือกแค่จากบรรดาอสูรสวรรค์ที่อยู่ในระดับที่สูงๆเท่านั้น ตัวอย่างเช่น ความสามารถฟื้นคืนชีพที่จ้าวมณีทักษะธาตุชีวิตต้องการมากที่สุด สามารถพบได้ในอสูรสวรรค์ที่อยู่ในระดับเทวะเป็นอย่างน้อย”

โจวเหว่ยชิงพลันตอบกลับ “ข้าเข้าใจแล้ว ผู้บัญชาการกองพัน ท่านจะเข้าไปกับข้าหรือไม่?”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ส่ายหน้า “ข้ายังไม่ได้วางแผนจะกักเก็บทักษะในตอนนี้ ยังไงซะเราก็ยังไม่มีเงินเพียงพอ เพราะฉะนั้นเลือกระดับต่ำๆ เพื่อทดลองวิธีที่เจ้าพูดถึงเมื่อวานนี้ก่อนละกัน กฎที่นี่ก็ง่ายมาก เมื่อใดที่เจ้าจะเข้าไปในกรงนั้น เจ้าก็แค่จ่ายเงิน เมื่อเข้าไปแล้ว ห้ามอยู่นานเกินกว่า 4 ชั่วโมง และเนื่องจากทุกคนสามารถกักเก็บทักษะได้วันละครั้งเท่านั้น หากวันรุ่งขึ้นเจ้ากลับไปอีกครั้ง เจ้าก็ต้องเสียเงินอีกรอบ”

โจวเหว่ยชิงหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดว่า “ผู้บัญชาการกองพัน ข้าขอยืมสัก 10,000 เหรียญทองก่อน แล้วข้าจะคืนให้ท่านในอนาคต”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์กล่าวอย่างตกใจ ” เจ้าหมายความว่า…”

โจวเหว่ยชิงยิ้มกว้าง “ข้าแค่คิดว่านี่เป็นโอกาสดีที่จะได้ลองสัมผัสกับอสูรสวรรค์ระดับเทวะดูสักครั้ง รับรองว่าในอนาคตข้าจะคืนเงินให้ท่านอย่างแน่นอน”

ซ่างกวนปิงเอ๋อร์เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะหยิบบัตรสีแดงออกมาจากอกเสื้อของเธอแล้วส่งต่อไปให้โจวเหว่ยชิง “ข้างในนี้มี 50,000 เหรียญทอง เจ้าเข้าไปลองซะ ไม่ว่าจะประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว บัตรใบนี้ก็เพียงพอที่จะให้เจ้าลองได้ทั้งหมด 5 ครั้ง เจ้าสามารถคืนเงินให้ข้าทีเดียว 50,000 เหรียญทองในภายหลัง ตอนนี้ต้องการให้ข้ารอหรือไม่?”

“ไม่ต้อง ข้าไม่เป็นไร ผู้บัญชาการกองพัน ท่านควรกลับไปหลอมรวมกับศาสตรามณียุทธ์ใหม่อีกรอบดีกว่า” โจวเหว่ยชิงรู้ว่านั่นคือบัตรเก็บเหรียญทอง และสีแดงแสดงถึงขีดจำกัดสูงสุด 50,000 เหรียญทองนั่นเอง เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มอีก หลังจากได้รับบัตรใบนั้น เขาก็เดินไปยังทางเข้าซึ่งนำไปสู่กรงของอสูรสวรรค์ทักษะธาตุลม

…………………………………………………………..

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท