ขณะอาจารย์หยุนลี่เดินไปที่โต๊ะของโจวเหว่ยชิงอย่างเชื่องช้า เขาก็เห็นคำอธิบายที่เขียนอยู่บนป้าย สีหน้าของเขาจึงกลายเป็นเหยียดหยามและรังเกียจขึ้นมาทันที เมื่อเขากวาดมือขึ้น อากาศก็ดูคล้ายจะสั่นสะเทือนและบิดเบี้ยวไป ไม่นานแผ่นป้ายก็ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ!?” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ร้องด้วยความโกรธ แต่กลับถูกโจวเหว่ยชิงรั้งเอาไว้
โจวเหว่ยชิงมองไปที่หยุนลี่อย่างเฉื่อยชา ส่วนหยุนลี่ก็เอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น “ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะต้องการรวบรวมผู้ติดตามที่นี่หรือทำอะไร แต่อย่าดูถูกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้า เจ้าอายุเท่าใดกัน? ถึง 20 แล้วหรือ? เหตุใดจึงกล้าอวดอ้างตัวว่าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “อวดอ้าง? ท่านได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงมาก่อนแล้วหรือ?” หยุนลี่เย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างดูถูกดูแคลน ก่อนจะหันหน้าจากไปราวกับว่าการพูดคุยกับโจวเหว่ยชิงเป็นการดูถูกเหยียดหยามตนเอง
โจวเหว่ยชิงหัวเราะและพูดเสียงดัง “ท่านก็เป็นเพียงพวกอวดดีที่ชอบพูดจาเสียงดังเข้าข่ม แต่จริงๆ แล้วกลับไร้ความสามารถ”
หยุนลี่หันกลับมาอย่างรวดเร็ว แสงเยียบเย็นผุดขึ้นมาในดวงตา รอบๆ มือขวาของเขามีหยกหินมังกร 4 ดวงปรากฏขึ้น นั่นแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติความว่องไวเช่นเดียวกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์ สำหรับมือซ้าย เขาก็ไม่ได้พยายามปกปิดมณีธาตุของตนเช่นกัน มันคือไพฑูรย์ตาแมวสีเขียวทอง 4 ดวง
“เจ้าเด็กเหลือขอ เจ้าเรียกข้าว่าเป็นคนขี้อวดไร้ประโยชน์งั้นรึ?”
โจวเหว่ยชิงเบ้ปากและพูดว่า “ใช่ ข้าพูดเอง ท่านเป็นแค่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูง แต่กลับหยิ่งผยองเสียขนาดนี้ คิดว่าตัวเองเป็นใครงั้นรึ?”
มือขวาของหยุนลี่ยกขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ทำท่าคล้ายจะโต้ตอบกลับไป แต่เขาก็บังคับตัวเองให้หยุดมือไว้ได้ก่อน แม้แววตาจะยังเต็มไปด้วยความเยือกเย็นก็ตาม “หากไม่ได้อยู่ในพื้นที่ศูนย์การค้าที่ห้ามก่อเรื่อง ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้แน่ ถ้าเจ้ากล้าก็ออกไปสู้กับข้าข้างนอกซะ”
โจวเหว่ยชิงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและเอ่ยตอบอย่างท้าทาย “ทำไมรึ? ปฏิเสธคำพูดของข้าไม่ได้เลยจะฆ่าข้าแทน? หากคิดว่าตัวเองเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่แท้จริงล่ะก็ กล้ามาแข่งกับข้าด้วยทักษะของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หยุนลี่ก็สงบสติอารมณ์ลง เขาพูดอย่างเคร่งขรึม “เจ้าต้องการแข่งขันอย่างไร?”
โจวเหว่ยชิงกล่าวว่า “ข้าจะจัดการประลอง ถ้าข้าแพ้ ไม่ต้องรอให้ท่านลงมือ ข้าก็จะฆ่าตัวตายเอง หากท่านแพ้ ข้าจะให้ท่านเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของข้า ข้าจะใช้ชีวิตของข้าเดิมพันกับอิสรภาพของท่าน ระดับของข้าต่ำกว่าท่าน นั่นหมายความว่ายากมากที่ข้าจะสามารถชนะการประลองในครั้งนี้ไปได้ แน่นอนว่าหากท่านไม่กล้า ท่านก็จงหยุดทำตัวเสมือนผู้ยิ่งใหญ่ต่อหน้าข้าและไสหัวไปซะ”
“น้องหยุนลี่ ใจเย็นๆก่อน อย่าหลงกลอุบายของเขา” เถ้าแก่ร้านหมายเลข 76 โจวฉางซีมาหยุดอยู่ข้างหยุนลี่พลางกระซิบบอกเขาด้วยความระมัดระวัง
หยุนลี่โบกมือให้โจวชางซีหยุดพูด ในฐานะอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ เขามั่นใจในความสามารถของตัวเองมาก อย่างไรเขาก็เป็นถึงอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในเมือง นั่นจึงเพิ่มความมั่นใจให้เขาจนถึงจุดสูงสุด
“ได้ ข้าจะเดิมพันกับเจ้า ตราบใดที่มันเป็นการประลองเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ข้าจะตอบรับเข้าร่วมด้วย” แม้ว่าหยุนลี่จะเป็นคนใจร้อน แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ เขาจึงต้องพูดให้มั่นใจว่าโจวเหว่ยชิงจะแข่งกับเขาเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์เท่านั้น ในสายตาของเขาแม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่อาจแข่งกับเขาในเรื่องนี้ได้
โจวเหว่ยชิงยิ้มและพูดว่า “เอาล่ะ ในกรณีนี้ข้าจะไม่เอาเปรียบท่านเช่นกัน เราควรประลองด้วย 3 รายการที่แตกต่างกัน ใครก็ตามที่ชนะ 2 ใน 3 จะกลายเป็นผู้ชนะการประลองในครั้งนี้ไปโดยปริยาย ข้าจะกำหนดการประลอง 2 ราย การแรก ส่วนท่านจะเป็นคนคิดการประลองครั้งสุดท้าย นั่นยุติธรรมใช่หรือไม่? ทุกคนที่นี่จะเป็นพยานให้เรา ข้าเชื่อว่าด้วยสถานะของอาจารย์หยุนลี่ ท่านจะรักษาคำพูดของตัวเอง”
หยุนลี่หัวเราะเยาะและพูดว่า “อืม ข้าเห็นด้วย เอาล่ะ เจ้าสามารถเริ่มการประลองครั้งแรกได้แล้ว เพียงแค่อย่าเผลอหวาดกลัวตอนต้องฆ่าตัวตายภายหลังเสียล่ะ”
โจวเหว่ยชิงกำลังจะเปิดปาก แต่จู่ๆ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็หยุดเขาไว้ด้วยสีหน้าร้อนใจ “อ้วนน้อย เจ้าจะเดิมพันชีวิตของเจ้ากับเขาได้อย่างไร…เจ้า…”
สีหน้าของโจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไป เขาเอ่ยออกมาอย่างโกรธๆ ว่า “เจ้าอย่าขัดจังหวะเวลาลูกผู้ชายพูดคุยกัน หลีกไปซะ” เมื่อเขาพูดอย่างนั้น เขาก็ขยิบตาส่งสัญญาณให้ปิงเอ๋อร์ไปด้วย
ทว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ยังไม่สบายใจและต้องการจะพูดอะไรต่ออีก แต่โจวเหว่ยชิงกลับพูดเรื่องการประลองครั้งแรกออกมาแล้ว
“พี่ชายหยุนลี่ ข้าเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางส่วนท่านเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับสูง ดังนั้นเราจะประลองการสร้างชุดม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางกัน”
เดิมทีหยุนลี่คิดว่าโจวเหว่ยชิงจะต้องสรรหาวิธีการประลองแบบแปลกๆ ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะเป็นการประลองฝีมือแบบธรรมดาๆ เช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าชัยชนะของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อมมือ หยุนลี่แค่นเสียงก่อนจะพูดว่า “ดี เอาตามที่เจ้าต้องการ แต่เช่นนี้เป็นอย่างไร ถ้าเจ้าพิสูจน์ได้ว่าตนเองเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงๆ แม้ว่าเจ้าจะแพ้ ข้าก็จะไม่ให้เจ้าต้องตาย มาเปลี่ยนเป็นการเดิมพันให้เท่าเทียมกันดีกว่า ให้เจ้ากลายเป็นผู้ติดตามตลอดชีพของข้า เช่นนี้ใครก็บอกไม่ได้แล้วว่าข้าเอาเปรียบเจ้า” เขาสงบลงเล็กน้อย ถ้าโจวเหว่ยชิงเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางจริงๆ การได้อีกฝ่ายเป็นผู้ติดตามจะเป็นประโยชน์สำหรับเขามากกว่าการฆ่าทิ้งไปเปล่าๆ
อย่างไรก็ตาม หยุนลี่ก็ยังคงเย้ยหยันอยู่ในใจ การสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์อย่างรวดเร็วเป็นข้อได้เปรียบของเขาเพราะเขามีมณียุทธ์ประเภทความว่องไว ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีระดับสูงกว่า หยุนลี่จึงไม่เห็นความเป็นไปได้ใดๆ ที่เขาจะพ่ายแพ้ในการแข่งขันครั้งแรกนี้
เมื่อได้ยินหยุนลี่พูดเช่นนั้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย ในที่สุดเธอก็ล้มเลิกความคิดที่จะหยุดโจว เหว่ยชิง แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่าโจวเหว่ยชิงย่อมไม่เดิมพันชีวิตของเขาหากเขาไม่มั่นใจเต็มร้อย แต่เธอก็ยังคงกังวลอยู่ดี เมื่อได้ยินหยุนลี่พูดว่าเขาจะไม่เอาชีวิตของโจวเหว่ยชิง ในที่สุดเธอก็สามารถสงบจิตใจลงได้ ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงไม่พยายามโน้มน้าวเขาอีกต่อไป มองจากรอยยิ้มที่เป็นเครื่องหมายการค้าของโจวเหว่ยชิง เดาได้เลยว่าเขากำลังมีแผนการชั่วร้ายบางอย่างแน่นอน
โจวเหว่ยชิงหันหน้าไปทางฉินเฟิงและพูดว่า “พี่ชายฉินเฟิง ท่านช่วยเตรียมกระดาษและวัตถุดิบที่จำเป็นสำหรับการผสมหมึกได้หรือไม่? หลังจากนั้นข้าจะสร้างคัมภีร์ขึ้นมาเอง ส่วนของที่มาจากท่านข้าจะจ่ายเงินให้”
ฉินเฟิงหัวเราะเต็มเสียงและพูดว่า “เงินจำนวนเล็กน้อยนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ร้านหมายเลข 77 ของเราจะจัดหาวัตถุดิบให้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน”
ถ้าต้องเลือกคนที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นฉินเฟิง ไม่ว่าใครจะชนะการประลอง เขาก็ไม่ได้รับผล กระทบอะไรอยู่แล้ว ทว่าการเดิมพันระหว่างอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 2 คนนี้ย่อมดึงดูดฝูงชนจำนวนมาก ดังนั้นร้านหมายเลข 77 ของเขาก็จะได้รับความสนใจเช่นกัน ด้วยจำนวนลูกค้าที่จะต้องมากขึ้น เขาจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างง่ายดาย นี่เป็นแค่การจัดหาวัตถุดิบบางอย่างแบบให้เปล่าเท่านั้น โดยธรรมชาติแล้วโจวฉางซีย่อมไม่ยอมแพ้เขา อีกฝ่ายจึงจัดหาวัตถุดิบให้แก่หยุนลี่เช่นกัน
ภายในไม่กี่นาทีโต๊ะของหยุนลี่ก็ถูกย้ายไปอีกร้าน ทั้ง 2 คนกำลังนั่งหันหน้าเข้าหากัน ไม่มีคำพูดใดๆ ระหว่างกัน ทั้งคู่หยิบกระดาษศาสตรามณียุทธ์ออกมาหนึ่งแผ่น และเริ่มออกแบบม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางขึ้นมา
แบบร่างที่โจวเหว่ยชิงวาดขึ้นมาก็คือคันธนูที่เขาสร้างให้โข่วรุ่ยเมื่อวานนี้ ธนูคันนั้นปรับปรุงมาจากธนูราชันย์ของเขาโดยถอดหลุมบรรจุมณีออกและลดทอนพลังบางอย่างลง ธนูราชันย์เป็นม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับปรมาจารย์ แม้ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบให้แตกต่างออกไป ทว่ามันก็ยังคงเป็นหนึ่งในม้วนคัมภีร์ที่ซับซ้อนกว่าบรรดาม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลางทั้งหลายอยู่ดี
……………………………