แทบไม่มีใครสังเกตเห็นขณะแสงสีทองที่เปล่งประกายขึ้น และหายไปอย่างรวดเร็วรอบๆ มือของโจวเหว่ยชิง ผู้ชมโดยรอบต่างก็มุ่งความสนใจไปที่หยุนลี่ซึ่งดูเหมือนจะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่าและจับจ้องไปยังการเคลื่อนไหวที่แสนลื่นไหลของเขาขณะที่อีกฝ่ายบรรจงสร้างม้วนคัมภีร์
มีเพียงฉินเฟิงและซ่างกวนปิงเอ๋อร์เท่านั้นที่สังเกตเห็นว่าโจวเหว่ยชิงสร้างม้วนคัมภีร์แผนที่ 2 สำเร็จแล้ว โดยเฉพาะความแตกต่างของความเร็วระหว่างครั้งแรกและครั้งที่สองนั้นรวดเร็วมากจนดูไม่ทัน ทั้งสองคนได้แต่ยืนอยู่ที่เดิมอย่างตกตะลึง สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไปทันที แต่ก่อนที่พวกเขาจะทันได้ตอบสนองใดๆ แสงสีทองก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง คัมภีร์ม้วนที่ 3 ของโจวเหว่ยชิงก็เสร็จสมบูรณ์อีกครั้งแล้ว!
ในแง่ของท่วงท่าที่งดงามดึงดูดสายตา การกระทำของโจวเหว่ยชิงนั้นเทียบไม่ได้กับหยุนลี่ที่พลิ้วไหวดุจสายน้ำเพราะท่วงท่าของเขาค่อนข้างแข็งกระด้างและเหมือนเครื่องจักร อย่างไรก็ตาม หากเปรียบด้านความเร็ว เขาก็ได้ทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่เหนือกว่าหยุนลี่มาก การสร้างม้วนคัมภีร์ดูเหมือนจะเป็นเพียงการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยพลังจิตวิญญาณใดๆ ไม่เพียงแต่ช่วยถนุถนอมจิตวิญญาณของเขาเอาไว้ แต่ยังทำให้กระบวนการทั้งหมดรวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ
มือของซ่างกวนปิงเอ๋อร์รีบพุ่งไปปิดปากของตัวเองเอาไว้อย่างตกตะลึงในขณะที่ตาของฉินเฟิงเกือบถลนออกมาจากเบ้า ในเวลานี้เขารู้สึกได้ทันทีว่าคำพูดที่ฟังดูหยิ่งยโสบนแผ่นป้ายของโจวเหว่ยชิงนั้นไม่ได้โอ้อวดเกินไปแม้แต่น้อย
โจวเหว่ยชิงในตอนนี้เป็นเหมือนเครื่องจักรผลิตม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วยซ้ำ ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก ดวงตาหรี่ลงอย่างมีสมาธิ มือขยับในจังหวะที่สม่ำเสมอ ขณะที่กระดาษศาสตรามณียุทธ์แผ่นแล้วแผ่นเล่าเสร็จสมบูรณ์ ประกายแสงสีทองที่บ่งบอกถึงความสำเร็จก็ส่องสว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากแสงสีทองนั้นกะพริบถี่เกินไป ไม่ช้าเขาก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมบางส่วนได้ เมื่อทุกคนจ้องมองไปที่โจวเหว่ยชิงมากยิ่งขึ้น ดวงตาของพวกเขาก็ต้องถูกตรึงอยู่ที่อีกฝ่าย แม้กระทั่งเถ้าแก่ร้านหมายเลข 76 อย่างโจวฉางซีก็ไม่มีข้อยกเว้น
หยุนลี่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ ทั้งร่างกายจิตใจและจิตวิญญาณของเขาจมอยู่กับกระบวนการสร้างม้วนคัมภีร์ ในแต่ละครั้งที่ทำสำเร็จ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองยิ่งเชี่ยวชาญมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นเขาจึงไม่รับรู้สิ่งอื่นรอบๆ ตัวแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นที่ 25 เสร็จสิ้น ในใจเขายังคิดว่าตนควรจะเริ่มมองหาอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์คนอื่นๆ มาแข่งขันในลักษณะนี้อีก ภายใต้ความเครียดและความกดดันเช่นนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าทักษะของเขาพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดด โดยปกติแล้วสิ่งนี้จะต้องเกิดจากการสั่งสมประสบการณ์เป็นเวลานานๆ เท่านั้น แน่นอนแม้ว่าเขาจะหาคนอื่นๆ มาประลองกับเขา แต่เขาก็จะไม่วางเดิมพันที่หนักหน่วงเช่นนี้อีก
หลังจากสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นที่ 25 เสร็จสิ้นและวางไว้ที่ด้านข้าง หยุนลี่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย ในความคิดของเขา โจวเหว่ยชิงน่าจะช้ากว่าเขามาก เขาจึงไม่รู้สึกเร่งรีบใดๆ เขาจึงเงยหน้าขึ้นไปหาโจวชางซีและพูดว่า “พี่โจว ขอน้ำหน่อยได้ไหม?”
อนิจจา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็รู้ได้ทันทีว่าบรรยากาศรอบๆ ตัวของเขาแปลกออกไป ยิ่งไปกว่านั้น โจวฉางซีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กลับดูเหมือนจะไม่ได้ยินคำพูดของเขาด้วยซ้ำ สายตาของเถ้าแก่ร้านจับจ้องไปที่ฝั่งตรงข้ามตาไม่กระพริบ ไม่ใช่แค่โจวชางซีเท่านั้น ทุกคนรอบข้างต่างก็จ้องมองไปที่อีกฝ่ายอย่างสับสนและตกตะลึง สีหน้าของหลายคนเผยให้เห็นถึงบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ
หัวใจของหยุนหลี่พลันรู้สึกหนักอึ้งขึ้นมากะทันหัน เขารีบหันไปมองอีกฝั่งเช่นกัน เมื่อทำเช่นนั้นก็บังเอิญเห็นแสงสีทองที่กำลังวูบวาบอยู่พอดี ทันเห็นโจวเหว่ยชิงวางม้วนคัมภีร์ที่เสร็จสมบูรณ์ไว้ที่ด้านข้าง ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเห็นกองม้วนคัมภีร์ที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ววางอยู่ที่นั่นอย่างชัดเจน พวกมันมีจำนวนมากกว่าม้วนคัมภีร์ที่เขาทำสำเร็จถึง 2 เท่า!
เป็นไปไม่ได้! นั่นเป็นความคิดแรกที่ปรากฏในใจของเขา เขาเกือบจะลุกกระแทกโต๊ะและเดินออกไปหาเรื่องอีกฝ่าย แต่ก็ต้องหยุดความคิดเอาไว้อย่างรวดเร็วเมื่อเห็นโจวเหว่ยชิงกำลังสร้างม้วนคัมภีร์แผ่นต่อไป
นั่นเป็นการเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนเครื่องจักรและไม่มีอะไรน่ายกย่อง แต่สิ่งที่ทำให้กรามของหยุนหลี่แทบจะตกลงไปที่พื้นก็คือความเร็วของอีกฝ่าย เพียง 10 อึดใจ แสงสีทองก็สว่างวาบขึ้นมารอบๆ กระดาษศาสตรามณียุทธ์อีกครั้ง และด้วยเหตุนั้นม้วนคัมภีร์อีกแผ่นก็เสร็จสมบูรณ์ขึ้นมา
ในตอนนี้หยุนลี่ไม่คิดแม้แต่จะสร้างม้วนคัมภีร์ของตัวเองอีกต่อไป เขาลุกขึ้นยืนและเดินปรี่ไปทางด้านข้างของโจวเหว่ยชิง เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าความเร็วของโจวเหว่ยชิงจะไปถึงจุดสุดยอดเช่นนี้ได้จริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ระดับกลาง แต่หยุนลี่ก็มั่นใจว่าแม้แต่อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะก็ไม่สามารถสร้างม้วนคัมภีร์ขึ้นมาด้วยความเร็วเช่นนี้ได้! สิ่งนี้พลิกคว่ำความรู้ทั้งหมดของเขาเกี่ยวกับการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์…ความรู้และประสบการณ์ที่เขาหมกมุ่นอยู่กับตัวเองมามากว่า 16 ปี!
การสร้างสรรค์ของโจวเหว่ยชิงยังคงดำเนินต่อไป ครั้งนี้หยุนหลี่จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน การเคลื่อนไหวของโจวเหว่ยชิงเป็นไปอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังสามารถชะลอการเคลื่อนไหวในพื้นที่ๆ จำเป็นได้ แม้ว่าฝีแปรงของเขาจะไม่ได้ให้ความรู้สึกลื่นไหล แต่อย่างน้อยมันก็ประสบความสำเร็จในโลกแห่งความเป็นจริง! ไม่นานม้วนคัมภีร์อีกแผ่นก็เสร็จสมบูรณ์
แม้จะไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ความจริงก็ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว หยุนลี่ใช้พลังวิญญาณไปมาก ตอนนี้เขาจึงรู้สึกว่าสมองเริ่มมึนงง เขาหวังให้ตอนนี้ตัวเองกำลังฝันไป แต่ความจริงก็ปรากฏชัดเจนต่อหน้าเขา ทันใดนั้นเขาก็คิดว่าบางทีการเห็นด้วยกับการเดิมพันในครั้งนี้อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของเขา
เด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ด้วยวิธีแปลกประหลาดที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ถ้าจะให้บรรยายเพียงคำเดียวก็คือ ‘บ้า’ ไปแล้ว!
โดยธรรมชาติแล้ววิธีการสร้างม้วนคัมภีร์ของโจวเหว่ยชิงไม่ได้อาศัยพลังจิตวิญญาณมากนัก เขาจึงรู้ว่าหยุนลี่มายืนอยู่ข้างๆเขาแล้ว ขณะสร้างม้วนคัมภีร์ไปได้ครึ่งทาง เขาก็ยังสามารถเงยหน้าขึ้นมองและส่งยิ้มให้อีกฝ่ายได้
ม้วนคัมภีร์ 6 แผ่นต่อ 1 นาทีคือขีดจำกัดสูงสุดของโจวเหว่ยชิง ตั้งแต่ม้วนคัมภีร์แผ่นแรกจนแผ่นสุดท้าย เขาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ
โจวเหว่ยชิงวางพู่กันลง และสังเกตเห็นความเงียบที่โรยตัวอยู่รอบด้าน หลังจากเก็บม้วนคัมภีร์ที่เสร็จสมบูรณ์และวางพวกมันซ้อนทับกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว เขาก็มองไปที่หยุนลี่อีกครั้งพร้อมกับยิ้มอย่างมั่นใจ “เป็นอย่างไรบ้างพี่หยุนลี่? ท่านทำส่วนของท่านเสร็จแล้วหรือ?”
หยุนลี่ไม่แม้แต่จะกลับไปยังที่นั่งของเขา ท้ายที่สุดเขาก็สร้างได้เพียง 25 แผ่นเท่านั้น ในขณะนี้ใบหน้าของเขาซีดเซียวลงอย่างน่ากลัว มองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยสีหน้าแปลกประหลาด ริมฝีปากของเขาเม้มแน่น ส่วนมือของเขาก็กำขึ้นเป็นหมัด ทว่าหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมา
“ข้าแพ้แล้ว แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าทำไมหรือข้าพ่ายแพ้ได้อย่างไร แต่ข้าก็คงต้องยอมรับมัน ช่วยบอกข้าได้ไหมว่าเจ้าทำได้อย่างไร? ตลอดระยะเวลาเกือบ 20 ปีที่ผ่านมาในโลกอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ ข้าไม่เคยเห็นหรือได้ยินว่ามีใครสามารถม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ได้ด้วยความเร็วเช่นนี้มาก่อน นั่นอยู่นอกเหนือกฏเกณฑ์พื้นฐานของโลกใบนี้แล้ว”
โจวเหว่ยชิงยิ้มจางๆ และพูดว่า “ข้ากลัวว่าบางครั้งกฏเกณฑ์พื้นฐานก็อาจไม่ถูกต้องเสมอไป ถ้าข้าบอกท่านว่านี่เป็นพรสวรรค์โดยกำเนิดของข้า ท่านจะเชื่อหรือไม่?”
หยุนลี่กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ข้าเชื่อเจ้า ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินผู้คนบนโลกต่ำเกินไป ข้าต้องขอโทษเป็นอย่างยิ่งที่ทำให้ป้ายของเจ้าพัง ข้าต้องยอมรับว่าเจ้ามีศักยภาพที่จะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าในอนาคตอย่างแท้จริง”
ขณะที่หยุนหลี่กำลังกล่าวเช่นนั้น จู่ๆ ก็เกิดความโกลาหลในฝูงชนโดยรอบ ตอนนี้ผู้ชมต่างก็กำลังตกตะลึง สาย ตาที่พวกเขาใช้มองโจวเหว่ยชิงจึงเปลี่ยนไปกะทันหัน แต่เดิมการประลองครั้งนี้มีคนมุงดูแทบจะไม่ถึง 20-30 คน ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ผู้ชมกลับเพิ่มจำนวนเป็นเกือบ 60 คน! นี่ถือว่าเป็นจำนวนที่มากประมาณหนึ่งเลยทีเดียวเพราะคนที่สามารถเข้าสู่ศูนย์การค้าได้ส่วนใหญ่มักจะเป็นจ้าวมณีที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเป็นสมาชิกแล้ว! ภายใต้สถานการณ์ปกติ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้คนมารวมตัวกันอยู่หน้าร้านแห่งหนึ่งมากมายขนาดนี้ ทว่ากลับไม่มีใครรู้สึกว่านี่เป็นการเสียเวลา ไม่เพียงแต่พวกเขาจะได้เห็นการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทั้ง 2 คนเท่านั้น นี่ยังเป็นโอกาสยากที่จะได้เห็นพวกเขาสร้างม้วนคัมภีร์ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขายังได้เห็นการถือกำเนิดขึ้นของปาฏิหาริย์!
เมื่อคำพูด ‘ระดับเทพเจ้า’ หลุดออกมาจากปากของหยุนลี่ จ้าวมณีอายุน้อยๆ บางคนก็กระตือรือร้นอยากจะลงทะเบียนกับโจวเหว่ยชิงทันที หากพวกเขาสามารถเป็นผู้ติดตามของอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทพเจ้าได้ นั่นจะถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แน่นอนว่าทั่วทั้งดินแดนไร้ขอบเขต ความภาคภูมิใจนี้ย่อมให้ความรู้สึกเหมือนกันหมดไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนลี่ โจวเหว่ยชิงก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่งและกล่าวว่า “ ขอบคุณพี่ชายหยุนลี่ ทว่าการสูญเสียความมั่นใจก่อนการต่อสู้ก็ไม่ใช่สัญญาณที่ดี เดิมพันของเราคือการเป็นผู้ติดตามตลอดชีวิต พี่หยุนลี่ ถ้าท่านสูญเสียความมั่นใจไปในตอนนี้ ท่านก็ถือว่าแพ้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง”
หยุนลี่สูดหายใจเข้าลึกและหลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้ง ในนั้นก็เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ก่อนจะได้รู้ผลลัพธ์สุดท้าย ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครจะชนะ เอาเถอะ มาดูกันว่าหัวข้อการประลองที่ 2 ของเจ้าคืออะไร”
โจวเหว่ยชิงพยักหน้าและกล่าวว่า “ดี สถานะของพวกเราอาจเปลี่ยนได้ตลอดเวลาหลังจากการประลองครั้งนี้จบลง สำหรับการแข่งขันครั้งที่สองจะเป็นความสามารถในการสร้างสรรค์ของเรา แต่ละคนจะต้องนำแบบร่างที่เชื่อว่าสร้างยากที่สุดออกมา เราจะสร้างม้วนคัมภีร์จากแบบร่างของฝ่ายตรงข้ามและใช้สิ่งนั้นเป็นตัวตัดสิน เราไม่จำเป็นต้องทำสำเร็จ แต่คนที่ทำได้ใกล้เคียงที่สุดจะเป็นผู้ชนะ”
ดวงตาของหยุนหลี่หรี่ลงและเขากล่าวว่า “เจ้าต้องการประลองโดยใช้ฝีมือของอาจารย์พวกเรางั้นหรือ? ”ทันทีที่โจวเหว่ยชิงกล่าวหัวข้อการประลองขึ้นมา หยุนลี่ก็เข้าใจความหมายพื้นฐานทันที อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ทุกคนมีแบบร่างบางชิ้นที่พวกเขายังไม่สามารถสร้างได้ ส่วนใหญ่ได้รับมาจากอาจารย์ โรงเรียน หรือนิกายของพวกเขาอีกทอดหนึ่ง โดยปกติแล้วนั่นก็เป็นสิ่งที่พวกเขากำลังพยายามสร้างอยู่เช่นกัน ดังนั้นเมื่อหยุนลี่กล่าวถึงการประลองฝีมือของอาจารย์ของพวกเขา นั่นหมายถึงการเปรียบเทียบว่าใครมีแบบร่างที่มีคุณภาพสูงกว่ากัน ยิ่งแบบร่างนั้นมีระดับละคุณภาพสูงเท่าใด การสร้างมันขึ้นมาก็จะยิ่งยากขึ้นเท่านั้น บางทีอาจจะไม่สามารถผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ได้เลยด้วยซ้ำ ในกรณีนี้ เขาย่อมมีโอกาสชนะอีกฝ่ายมากกว่า
หยุนลี่หายใจเข้าลึก ดวงตาของเขามีประกายแสงวาบผ่าน ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกวูบโหวงในใจเพราะเห็นความมั่นใจเต็มเปี่ยมภายในดวงตาของหยุนลี่ หืมม…หรือว่าคนผู้นี้จะมีแบบร่างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานเช่นกัน? โจวเหว่ยชิงคิดกับตนเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเขาก็อาจจะต้องตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว! เพราะถึงอย่างไรการประลองรอบที่ 3 หยุนลี่ก็จะเป็นคนคิดหัวข้อการประลอง ทว่าหลังจากตื่นตระหนกไปเสี้ยววินาที เขาก็สงบสติลงได้อีกครั้ง ท้ายที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะมีแบบร่างชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานกันทั้งคู่ แม้ว่ามันจะมีความเป็นไปได้น้อยมาก แต่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดก็น่าจะต้องเกิดขึ้นรอบหลังจากนั้นต่างหาก ถ้าเขาแพ้ในการประลองครั้งนี้ อย่างน้อยผลโดยรวมจะยังคงเสมอ
ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ หยุนลี่กล่าวแทรกอย่างเคร่งขรึม “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราทั้งคู่ไม่สามารถผสมหมึกศาสตรามณียุทธ์ได้?”
………………………………