Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 73.3 คู่ต่อสู้ที่ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

ตอนนี้โจวเหว่ยชิงค่อนข้างแน่ใจว่านี่เป็นทักษะปิดผนึกที่ทรงพลัง จากความช้าในการเคลื่อนที่ของมัน พลังของมันน่าจะน่ากลัวเป็นอย่างมาก หากเขาถูกมันปิดผนึกได้ล่ะก็ ไม่ต้องเอ่ยถึงส่วนที่เหลือของการต่อสู้ครั้งนี้ เขาคงต้องลืมการลงแข่งงานประลองที่เหลือทั้งหมดไปได้เลย

โจวเหว่ยชิงยังคงลอยอยู่กลางอากาศขณะพยายามบังคับร่างกายให้หมุนตัว มือขวาถือธนูราชันย์ในขณะที่มือซ้ายขยับออกไปโบกพลังใส่เงาที่ไล่ตามมา ท่ามกลางแสงสีเงินวิบวับ อากาศพลันเกิดรอยแยกกว้าง 3 หลาขึ้นที่ใต้เท้าของเขาทันที

ในขณะที่เงาดำเหล่านั้นปะทะกับรอยแยก เสียงกระทบกระทั่งที่ฟังเสียดหูก็ดังขึ้นกลางจตุรัส เมื่อมาถึงจุดนี้ ทักษะธาตุมืดและการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัวของเจี่ยงเฟยก็แสดงพลังออกมาอย่างเต็มเปี่ยม แม้จะเผชิญหน้ากับทักษะกระชากมิติของโจวเหว่ยชิง ทักษะปิดผนึกของเธอก็ยังไม่ยอมหยุดชะงัก แม้ว่าส่วนหนึ่งของมันจะสลายกลายเป็นควันดำ แต่บางส่วนก็ยังสามารถเคลื่อนที่อ้อมรอยแยกมิติและไล่ล่าโจวเหว่ยชิงต่อไปได้ สิ่งที่แปลกประหลาดที่สุดก็คือเมื่อทักษะของคนทั้งคู่สัมผัสกันและกัน ดูเหมือนว่าเงาของเจี่ยงเฟยจะทิ้งคราบสีดำไว้ในอากาศได้ด้วย แม้ทักษะกระชากมิติจะทำให้มันอ่อนกำลังลง แต่ก็มันก็ยังสามารถทิ้งร่องรอยไว้ในนั้นได้เช่นกัน

หากโจวเหว่ยชิงมีมณี 5 ชุดเช่นเดียวกับเจี่ยงเฟย แม้ว่าจะไม่ได้ใช้ศาสตรามณียุทธ์เข้าช่วย ทักษะกระชากมิติระดับราชาของเขาก็ยังจะสามารถปิดกั้นทักษะปิดผนึกธาตุมืดของเธอเอาไว้ได้ น่าเสียดายที่ความแตกต่างของระดับพลังและพลังปรานสวรรค์นั้นมีมากเกินไป ดังนั้นแม้แต่ทักษะกระชากมิติระดับราชาก็ยังไม่อาจกระจายพลังโจมตีของอีกฝ่ายออกไปได้ทั้งหมด

จู่ๆ ก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น 2 ครั้งติดต่อกัน ภายใต้การคุ้มครองด้วยลูกศรของโจวเหว่ยชิง ในที่สุดอู่หยาก็ไปถึงตัวอู๋เจิ้งหยางจนได้ หลังจากได้ต่อสู้กับเขามาก่อนหน้านี้ เธอก็รู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่จะหลอกได้ง่ายๆ อีก อู่หยาจึงปลดปล่อยขวานในตำนานและเหวี่ยงพวกมันใส่โล่แสงของอีกฝ่ายอย่างโหดเหี้ยมทันที

อู๋เจิ้งหยางมีมณี 4 ชุด แน่นอนว่าย่อมมากกว่าอู่หยาอยู่ 1 ระดับ แต่จะใช้ตรรกะธรรมดากะเกณฑ์การโจมตีของอู่หยาได้อย่างไร ขวานในตำนานแต่ละชิ้นมีน้ำหนักมากกว่า 1,000 จิน เมื่อรวมกับพลังที่น่าสะพรึงกลัวของเธอ มันจะแข็งแกร่งได้มากแค่ไหนกัน?

แม้โจวเหว่ยชิงจะมีค้อนคู่ระดับเทพเจ้าในตำนาน แต่ความแข็งแกร่งหลักของพวกมันก็มาจากพลังพิเศษระดับเทพเจ้า พลังเสริมหลายชนิดที่ฝังอยู่ในค้อน และความสามารถในการเพิ่มพลังให้ทักษะกักเก็บ ดังนั้นหากไม่ใช้ทักษะใดๆ ในแง่ของการโจมตีด้วยความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว โจวเหว่ยชิงก็มั่นใจว่าการโจมตีด้วยอาวุธในตำนานของเขาไม่อาจเทียบได้กับขวานของอู่หยา

ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าเกราะประกายแสงจะมีพลังป้องกันที่น่าประทับใจ แต่เมื่อขวานของอู่หยาสับลงไปอย่างรุนแรง รอยร้าวก็ค่อยๆเริ่มปรากฏให้เห็น เมื่อขวานจามลงไปเป็นครั้งที่ 2 เกราะแสงนั้นก็เริ่มสั่นคลอนขณะที่รอยแตกปรากฏเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าว่ามันกำลังใกล้จะแตกเต็มที

เมื่อมาถึงจุดนี้ จักรพรรดิซ่างกวนเทียนซินผู้ซึ่งนั่งสบายๆ บนแท่นนั่งของเหล่าชนชั้นสูงก็ยิ้มน้อยๆออกมาขณะที่กล่าวว่า “สหายตัวน้อยที่มีมณี 3 ชุด ทั้ง 2 คนนี้น่าสนใจมากจริงๆ ทำให้ข้าได้ยลทักษะกระชากมิติที่นี่ได้ ช่างน่าประทับใจจริงๆ ส่วนแม่นางน้อยที่มีร่างกายใหญ่โตผู้นั้น…ขวานคู่ของนางก็ดูไม่ธรรมดา แต่สาวน้อยจากอาณาจักรเหมี่ยวเองก็น่าประทับใจเช่นกัน พลังระดับนางเกือบจะได้เข้าไปอยู่ในกลุ่มสำรองจากอาณาจักรจ้งเทียนแล้ว”

จิ่งเฟยไม่ได้เหลือบมองไปที่โจวเหว่ยชิงหรือลังเลแม้แต่น้อย หลังจากการโจมตีรอบที่ 2 ซึ่งพุ่งเป้าไปที่อู่หยาถูกโจวเหว่ยชิงขัดขวางเอาไว้ได้อีกครั้ง เธอก็ส่งการโจมตีระรอกที่ 3 ออกไปโดยยังคงใช้บอลแสงสีดำทั้ง 5 เหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม สำหรับโจวเหว่ยชิงแล้ว การตอบโต้ครั้งนี้อาจไม่ง่ายดายอย่างที่คิดเนื่องจากเขากำลังเผชิญกับภัยคุกคามอย่างเงาดำที่กำลังรัดอยู่ที่ส้นเท้าของเขาอยู่

ณ เวลานี้ วิธีแก้ปัญหาที่ดีและง่ายที่สุดสำหรับโจวเหว่ยชิงคือการใช้ทักษะเคลื่อนย้ายพริบตา ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเงาดำจะยังคงไล่ตามเขาต่อ แต่เขาก็ยังมีเวลาให้คิดวางแผนและลงมือตอบโต้ ทว่าหากเขาทำเช่นนั้น ในขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังจัดการกับเงา อู่หยาก็จะต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ทั้ง 2 คนด้วยตัวคนเดียว ด้วยเหตุนี้ โจวเหว่ยชิงจึงไม่สนใจวิธีง่ายๆเช่นนั้นและตัดสินใจทำในสิ่งที่ไม่มีใครเข้าใจแทน

ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็หยุดหลบหนีและใช้ขาขวาเตะเข้าไปที่เงาดำนั้นทันที ราวกับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่มาจากจิตใต้สำนึกของตนเอง ในเวลาเดียวกันเขาก็ยิงธนูขึ้นไปในอากาศอย่างรวดเร็ว เวลานี้สายไปแล้วที่เขาจะยิงลูกศร 5 ดอกเพื่อสกัดกั้นบอลสีดำทั้ง 5 ลูกที่พุ่งเข้าหาอู่หยา แต่เขามีแผนที่จะจัดการกับเรื่องนั้นอยู่แล้ว

เงาที่เหลือได้รุมพัวพันขาขวาของโจวเหว่ยชิงทันที ในอีกด้านหนึ่ง ริมฝีปากของเจี่ยงเฟยโค้งก็ขึ้นเป็นรอยยิ้มทันที ในสายตาของเธอ โจวเหว่ยชิงถูกเธอกำจัดออกไปเรียบร้อยแล้ว หากปราศจากความช่วยเหลือจากเจี่ยงเฟย เขาก็ไม่อาจจะหลุดพ้นไปจากเงาดำนั้นได้ และด้วยทักษะนั้น เธอสามารถเอาชีวิตเขาได้ด้วยซ้ำ แน่นอนว่าเธอไม่คิดจะฆ่าโจวเหว่ยชิง แต่จะรอจนกว่าการต่อสู้จะจบลง หลังจากนั้นค่อยช่วยเขาปลดผนึกที่เรียกว่า ‘ผนึกสลายกายเนื้อ’ แทน

ในอีกด้านหนึ่ง บอลแสงสีดำทั้ง 5 ก็มาถึงตัวอู่หยาในเวลาเดียวกับที่เธอทำลายโล่แสงสำเร็จพอดี

เจี่ยงเฟยมั่นใจในทักษะของตนเองมาก ไม่ต้องพูดถึงจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 3 ชุด แม้แต่ระดับ 5 ชุดเหมือนกันก็ยังยากที่จะรับมือกับทักษะที่ได้รับการเพิ่มพลังจนถึงขีดสูงสุดเช่นนี้ เพราะจุดแข็งของทักษะธาตุมืดคือการโจมตีต่อเนื่องและยาวนานนั่นเอง เมื่อถูกโจมตี ความสามารถในการทำลายล้างของมันจะคงอยู่ได้เป็นเวลานาน

“สวรรค์ทำลายล้าง!” อู่หยาตะโกนออกมาเสียงดังขณะที่ขวานในตำนานทั้ง 2 ชิ้นในมือเปล่งแสงสีแดงเลือดออกมา ในขณะเดียวกัน กล้ามเนื้อของเธอก็นูนขึ้นมาเป็นมัดๆ จนแขนเสื้อปริขาดและสลายหายไป เห็นได้ชัดว่าตอนนี้บนท่อนแขนขนาดใหญ่ของเธอมีแสงสีแดงเลือดส่องสว่างออกมาในทำนองเดียวกัน ขณะที่อู่หยาเหวี่ยงขวานออกไป แสงสีแดงก็วูบไหวตามไปอย่างน่าขนลุก พวกมันตัดผ่านอากาศและกระแทกใส่บอลแสงสีดำทั้ง 5 จนพวกมันถูกแยกออกจากกัน สูญเสียการทรงตัวและตกกระแทกพื้นในที่สุด

เสียง *ฉี่* *ฉี่* ดังขึ้นพร้อมๆกับที่บอลแสงสีดำตกกระแทกพื้นทีละลูก เมื่อบอลเหล่านั้นปะทะกับพื้น พวกมันถึงขั้นละลายพื้นที่ทำจากเพชรที่แข็งแกร่งที่สุดให้กลายเป็นหลุมกว้าง 1 หลา และทำให้เกิดรูขนาดใหญ่ขึ้นบนเวที ไม่นานก็ค่อยๆ แผ่ขยายอาณาเขตออกไป

หลังจากนั้นอู่หยาก็หันไปใช้ขวานที่เรืองรองไปด้วยแสงสีแดงเหวี่ยงใส่เกราะแสงของอู๋เจิ้งหยางอีกครั้ง หลังจากการปะทะครั้งใหญ่ เกราะแสงก็แตกกระจายออกเป็นละอองแสงสีทองจำนวนมากทันที พริบตานั้นอู่หยาพลันพุ่งเข้าหาอู๋เจิ้งหยางราวกับพายุมรณะ

บนแท่นนั่งของผู้ชมระดับสูง เมื่อผู้ทรงพลังหลายคนเห็นท่อนแขนและขวานในตำนานของอู่หยาเปล่งแสงสีแดงเลือดขึ้นมา พวกเขาต่างก็ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ “อาวุธสังเวยเลือดในตำนาน?”

แม้แต่สีหน้าของซ่างกวนเทียนซินก็เปลี่ยนไป “ไม่แปลกใจเลยที่ข้ารู้สึกว่าขวานนั้นมีความพิเศษ พวกมันเป็นอาวุธสังเวยเลือดในตำนานซึ่งต้องใช้เลือดของผู้สืบทอดในการเปิดใช้งาน เนื่องจากนางมาจากอาณาจักรเฟยหลี่ ด้วยร่างกายเช่นนี้ นางต้องมาจากเผ่าอีกาทองแน่ ฮ่าๆ กลุ่มนักรบเฟยหลี่ปีนี้น่าทึ่งมากจริงๆ!”

ไม่มีใครคาดคิดว่าอู่หยาจะโจมตีกะทันหันเช่นนี้ แม้แต่โจวเหว่ยชิงเองก็คาดไม่ถึงว่าอู่หยาจะสามารถฝ่าการโจมตีของคู่ต่อสู้ทั้ง 2 คนได้อย่างง่ายดายเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าความเข้าใจระหว่างพวกเขากำลังประสบปัญหา ทันใดนั้นเอง ในขณะที่อู่หยากำลังจะโจมตีออกไป เธอก็ต้องหยุดชะงักเนื่องจากมีแสงสีเงินโผล่ออกมาล้อมรอบตัวเธอเอาไว้ สิ่งนั้นช่วยชีวิตอู๋เจิ้งหยางซึ่งกำลังจะถูกขวานเหวี่ยงเข้าใส่ได้พอดิบพอดี

อนิจจา ทักษะนั้นคือทักษะมิติกักขังของโจวเหว่ยชิง ปรากฎว่าก่อนหน้านี้ที่โจวเหว่ยชิงไม่อาจจัดการบอลสีดำ 5 ลูกสุดท้ายเอาไว้ได้ เพื่อปกป้องอีกา เขาจึงปล่อยลูกศรออกไปเพื่อใช้ทักษะมิติกักขังกับเธอ แผนของเขาคือให้ทักษะมิติกักขังมีผลในเวลาเดียวกับที่บอลของเจี่ยงเฟยพุ่งเข้าใส่อู่หยา ซึ่งนั่นจะช่วยขัดขวางแรงปะทะส่วนใหญ่เอาไว้ได้และทำให้เขามีเวลาได้โจมตีอีกครั้งหลังจากจัดการกับเงา น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ว่าอู่หยาสามารถกำจัดบอลแสงสีดำได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งทักษะมิติกักขังของเขาก็กลายเป็นอุปสรรคมากกว่าความช่วยเหลือ ทำให้ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาได้แต่จ้องมองอีกฝ่ายอย่างหมดหนทาง ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือหัวเราะดี

*ปัง* *ปัง* *ปัง* *ปัง* ทักษะมิติกักขังไม่สามารถปิดกั้นอู่หยาได้เป็นเวลานานอยู่แล้ว ผลของมันอยู่ไม่ถึง 2 วินาทีก่อนที่เธอจะแยกมันออกด้วยขวานคู่ในตำนานพร้อมกับผลของทักษะ “สวรรค์ทำลายล้าง” อย่างไรก็ตาม อู๋เจิ้งหยางก็ได้ฉวยโอกาสพักหายใจ และเรียกเกราะประกายแสงขึ้นมาอีกครั้ง ในเวลาเดียวกัน ดาบหนักในมือของเขาก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแสงที่เจิดจ้าเพราะผลจากทักษะกักเก็บ เขาพุ่งเข้าหาเธอตามหลังเกราะแสงกำลังก่อตัวขึ้น

ในขณะนั้นเอง คนที่ตกตะลึงที่สุดคือเจี่ยงเฟย ไม่ใช่เพราะอู่หยาหรือลูกศรดอกนั้น แต่เป็นเพราะโจวเหว่ยชิงต่างหาก เห็นได้ชัดว่าเมื่อโจวเหว่ยชิงร่อนลงสู่พื้นแล้ว เขาก็ชักธนูขึ้นมาอีกครั้งราวกับว่าผนึกสลายกายเนื้อไม่มีผลกับเขาเลย

ทว่าความประหลาดใจก็ไม่ได้ทำให้เธอหยุดมือเช่นกัน เจี่ยงเฟยยกมือขึ้นอีกครั้งเพื่อปลดปล่อยบอลแสงอีก 5 ลูก คราวนี้ไม่ใช่เพื่อโจมตี แต่พวกมันกำลังลอยอยู่เหนือศีรษะของเธอเป็นรูปวงกลม เส้นใยที่เชื่อมโยงระหว่างพวกมันดูเหมือนจะแน่นหนามากขึ้นจนดูเหมือนโล่แสงสีดำที่สามารถปิดกั้นลูกศรที่พุ่งลงมาจากท้องฟ้าได้ การใช้พลังโจมตีเป็นเกราะป้องกัน การควบคุมพลังและทักษะเช่นนี้ถือว่าเป็นการใช้พลังของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เธอรู้ดีว่าสำหรับโจวเหว่ยชิงแล้ว ลูกศรที่เขาเพิ่งยิงออกมาต้องไม่ใช่เป็นลูกศรธรรมดาๆ แน่นอน

และแน่นอนว่าความจริงก็เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ ในการยิงลูกศรดอกนั้น โจวเหว่ยชิงได้ใช้ทักษะการยิงธนูเพื่อยืดระยะเวลาที่มันอยู่กลางอากาศ และเมื่อใช้มันลอบโจมตีก็จะให้ผลดีมาก

นี่เป็นวิชาลับของตุ๊ดยี่ฉือในหน่วยเกาทัณฑ์สวรรค์ที่เรียกว่า ‘ศรทะลวงฟ้า’ แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะเรียนรู้เรื่องนี้ได้เพียงครึ่งเดียว แต่มันก็ให้ผลดีอย่างไม่อาจปฏิเสธได้

*พลุบ* ศรทะลวงฟ้าที่พุ่งลงไปหาตาข่ายโล่ที่สร้างขึ้นจากบอลแสงสีดำ 5 ลูกเหนือศีรษะเจี่ยงเฟยพลันหลอมละลายหายไปทันที ทว่ามันก็สามารถปลดปล่อยทักษะที่ฝังไว้ในลูกศรดอกนั้นออกมาได้ทันเวลา

ลูกศรดอกนี้เป็นสิ่งที่โจวเหว่ยชิงวางแผนจะใช้พลิกสถานการณ์ ดังนั้นมันจะไร้พิษสงขนาดนั้นได้ยังไง? ไม่นานก็เกิดการระเบิดครั้งใหญ่ขึ้นทันที สายฟ้าสีม่วงแกมน้ำเงินจำนวนนับไม่ถ้วนแตกตัวกระจัดกระจายออกไปในอากาศ โดยธรรมชาติแล้วเจี่ยงเฟยย่อมได้รับการปกป้องจากเกราะตาข่ายบอลสีดำ เธอจึงไม่ได้รับความเสียหายใดๆ อย่างที่คาดเอาไว้ ด้วยพลังปราณสวรรค์ของโจวเหว่ยชิง และแม้จะมีพลังระเบิดทำลายล้างของธนูราชันย์รวมเข้าไปด้วย สิ่งนี้ก็ยังไม่อาจทำร้ายเธอได้อยู่ดี ทว่านั่นกลับไม่ใช่ทักษะเดียวที่โจวเหว่ยชิงฝังเอาไว้ และมันก็ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เธอตั้งแต่แรก

ทักษะอสนีบาตพันสายเป็นทักษะผลกระทบวงกว้างเพียงชนิดเดียวของโจวเหว่ยชิง เมื่อทักษะนี้ระเบิดออกมาในตอนนี้ เนื่องจากมันส่งผลเป็นวงกว้าง หมายความว่าอู่หยาจึงอยู่ในระยะโจมตีด้วย ทว่าเป็นเพราะมันร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าด้านหลัง “เขตแดนของศัตรู” ผลของมันจึงกระจายย้อนจากด้านหลังศัตรูออกมาทางด้านหน้า และเนื่องจากด้านหน้าของเจี่ยงเฟยและอู๋เจิ้งหยางคือเกราะประกายแสง มันจึงสลายหายไปทันทีเพราะโดนสายฟ้าเหล่านั้นฟาดใส่จากทางด้านหลัง อีกทั้งยังกลายเป็นเกราะที่ปกป้องอู่หยาจากสายฟ้าของโจวเหว่ยชิงอีกด้วย! ทว่าเจี่ยงเฟยนั้นมีโล่ป้องกันของตนเอง ด้วยเหตุนี้ ผู้โชคร้ายเพียงคนเดียวที่ได้รับผลไปเต็มๆ คืออู๋เจิ้งหยาง

พลังโจมตีของทักษะอสนีบาตพันสายนั้นไม่แข็งแกร่งมากนัก โดยเฉพาะทักษะประเภทให้ผลกระทบวงกว้างเช่นนี้ ทว่าเมื่อถูกกระแทกใส่ด้วยพลังเกือบทั้งหมดโดยไม่ทันได้ตั้งตัว อู๋เจิ้งหยางจึงถูกมันโจมตีอย่างรุนแรง ร่างกายของเขาชาหนึบ เส้นผมลุกเป็นไฟและมีกลิ่นไหม้ลอยออกมาจากร่างกายของเขา

ทว่าในเวลาเดียวกัน เจี่ยงเฟยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ กลับยืนนิ่งเฉย นั่นเป็นเพราะโจวเหว่ยชิงได้ใส่ทักษะที่ 2 ไว้ในลูกศรด้วยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์!

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท