“หัวหน้า ในสายตาของท่าน ท่านคิดว่าหลานเฟิงจะสามารถเอาชนะเขาได้หรือไม่? ฝ่ายโจมตีมักจะเปลืองแรงมากกว่าฝ่ายป้องกัน แต่โลประสานศาสตรามณียุทธ์ของเขาก็น่าจะเผาผลาญพลังมากเช่นกัน…”
หญิงสาวผู้เป็นหัวหน้ากล่าวว่า “หลานเฟิงทำได้ดีมากแล้ว จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้ใช้ทักษะกักเก็บแม้แต่อย่างเดียว เห็นได้ชัดว่าเขาใช้แค่ความเร็วและความสามารถในการต่อสู้เพื่อตามหาจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ โล่ของหลินเทียนอ้าวนั้นทรงพลังเกินกว่าที่เขาจะผ่านไปได้แม้จะใช้พลังกับทักษะกักเก็บที่มีอย่างเต็มที่ก็ตาม และเขาก็จะพ่ายแพ้หากเลือกใช้แผนเช่นนั้น ด้วยวิธีนี้ เขาจะผลักให้ทั้งคู่เข้าสู่ทางตัน ทั้งสองฝ่ายต่างก็ใช้พลังปราณสวรรค์อย่างเต็มที่และยากที่จะบอกว่าใครจะเป็นฝ่ายหมดแรงก่อน ในเวลานี้ผู้ที่ใช้พลังปราณสวรรค์หมดก่อนจะเป็นฝ่ายแพ้ อย่างไรก็ตาม จากการตัดสินของข้า พวกเขาย่อมไม่พอใจกับการที่ชัยชนะถูกกำหนดโดย ‘สวรรค์’ และโชคชะตา ในช่วงสุดท้าย พวกเขาอาจจะปะทะกันครั้งใหญ่อีกรอบ เมื่อถึงเวลานั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถรักษาความสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้ดีกว่ากันแล้ว”
ราวกับว่าการวิเคราะห์ของเธอคือการทำนายอนาคต ทันทีที่คำพูดออกจากปากของผู้นำกลุ่มอาณาจักรตันตุ้น สถานการณ์บนเวทีก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เมื่อถึงจุดนี้ แม้ว่าการต่อสู้จะผ่านไปไม่นานนัก แต่เนื่องจากความเร็วและความรุนแรงระหว่างการปะทะกัน พลังปราณสวรรค์ของพวกเขาจึงถูกระบายออกไปจำนวนมากแล้ว เช่นเดียวกับที่หัวหน้าของกลุ่มนักรบตันตุ้นได้กล่าวไว้ ไม่มีใครอยากจะพึ่งดวงมากกว่าฝีมือตนเอง ดูเหมือนว่าในขณะนั้น หลินเทียนอ้าวก็ไม่อาจรั้งตัวเองได้อีกต่อไป
ขณะที่โล่ของเขาพุ่งออกไปอย่างกะทันหัน หลินเทียนอ้าวก็ขยับราวกับว่าเขากำลังจะพุ่งไปข้างหน้า เท้าขวาของเขากระแทกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ทำให้เกิดเสียงดังกึกก้องขณะที่ทั้งเวทีสั่นสะเทือนไปด้วยคลื่นกระแทก ทำให้หลานเฟิงเสียจังหวะชะงักไปในเสี้ยววินาที
ทว่าในเสี้ยววินาทีที่หลันเฟิงเสียสมาธินั้น หลินเทียนอ้าวก็ฉวยโอกาสโจมตีใส่อีกฝ่ายด้วยโล่ของเขาอย่างรวดเร็ว โล่ประสานแยกออกเป็น 5 ส่วนทันที โดยทั้งหมดพุ่งเข้าหาหลานเฟิงใน 5 ทิศทางที่แตกต่างกัน ทั้งยังปิดกั้นเส้นทางหลบหนีที่เป็นไปได้ทั้งหมดอีกด้วย
สีหน้าดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเฟิงขณะที่เขายิ้มเยาะ คิดกับตัวเองว่าหลินเทียนอ้าวไม่ใช่คนแรกที่หมดความอดทนก่อนหรอก หมอกสีเขียวหมุนวนขึ้นจากใต้เท้าของเขา ปิดกั้นแรงสั่นสะเทือนจากการกระทืบเท้าของหลินเทียนอ้าวทันที ก่อนที่หมอกนั้นจะขยายตัวออกไปด้านนอก ส่งผลให้โล่ของหลินเทียนอ้าวหยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะ ในช่วงเวลาต่อมา หลานเฟิงก็เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้า เขาผสานตัวเองเข้ากับดาบก่อนจะพุ่งเข้าใส่หลินเทียนอ้าวอย่างรวดเร็ว ความเร็วของเขาถูกดเร่งขึ้นไปถึงขีดสูงสุดและใช้ช่วงเวลานั้นไถลผ่านโล่ไป
แสงสีเขียวพระพริบไหววูบ ทักษะหนึ่งที่โจวเหว่ยชิงใช้บ่อยๆ ก็มาถึงตัวหลินเทียนอ้าวในแทบจะทันที มันคือทักษะโซ่ตรวนวายุ! ในเวลาเดียวกัน ดาบสั้นในมือของหลานเฟิงก็มาถึงหน้าอกของหลินเทียนอ้าวแล้ว
ข้าชนะแล้ว! นั่นเป็นความคิดเดียวในใจของหลานเฟิง ทว่า ณ เวลานั้น แท้จริงแล้วหลินเทียนอ้าวกลับสร้างสถานการณ์ให้ตัวเองจนมุมตั้งแต่ทีแรก และนั่นก็ทำให้เขามีโอกาสที่จะพลิกสถานการณ์…นี่คือโอกาสที่เขากำลังรอคอย
จู่ๆ หลานเฟิงก็เหลือบไปเห็นดวงตาของหลินเทียนอ้าว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นว่าในสถานการณ์ที่ไร้ช่องให้หลบหลีกเช่นนี้ แววตาของเขากลับยังไม่วูบไหวแม้สักนิด
แย่แล้ว…
แม้ว่าหลันเฟิงจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ประเภทว่องไวขั้นสุดยอด แต่ ณ เวลานี้ เวลาที่เขาตัดสินใจโจมตีอย่างเด็ดเดี่ยว มันก็สายเกินไปที่เขาจะเปลี่ยนทิศทางหรือหยุดยั้งการโจมตีของตนเอง
เขาจึงทำได้เพียงกัดฟันจู่โจมด้วยพลังทั้งหมดของเขาอย่างไม่มีทางเลือก
ทันใดนั้น โล่ที่มองไม่เห็นก็ปรากฏขึ้นระหว่างคนทั้งสอง มันคือทักษะเกราะลวงตาของหลินเทียนอ้าว เห็นได้ชัดว่าหลินเทียนอ้าวได้ปล่อยทักษะนี้ออกมาอย่างลับๆ เพื่อเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้าหลังจากที่เขาโจมตีด้วยโล่ประสาน แน่นอนว่าเมื่อเขาทำเช่นนั้น ย่อมไม่มีใครรู้นอกจากตัวเขาเอง
และแน่นอนว่าไม่ได้มีเพียงแค่สิ่งนั้นอย่างเดียว เกราะหินที่หนาทึบและหนักอึ้งยังโผล่ขึ้นมาห่อหุ้มหลินเทียนอ้าวจากบนลงล่างด้วย
*ผลั่วะ* ทักษะเกราะลวงตาถูกทำลายโดยการโจมตีของหลานเฟิง และดาบสั้นในมือของเขายังคงเคลื่อนที่ต่อไปในเส้นทางเดิมได้
ในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ทักษะเกราะลวงตาปิดกั้นการโจมตีของอีกฝ่าย หลินเทียนอ้าวก็สามารถขยับตัวหลบได้อีก 1 นิ้ว ทำให้จุดสำคัญของเขาหลุดพ้นจากระยะโจมตีทันที
ดาบสั้นของหลานเฟิงได้รับการสนับสนุนด้วยพลังเต็มขีดจำกัด ดาบนั้นจึงแทงเข้าที่ไหล่ของหลินเทียนอ้าวพร้อมกับเสียงอันน่าสะพรึงกลัว แม้ว่าพลังส่วนใหญ่ของมันจะถูกทักษะเกราะลวงตาและทักษะผิวหนังหุ้มหินดูดซับเอาไว้ แต่ใบมีดก็ยังสามารถแทงเข้าไปได้ลึกเกือบครึ่งหนึ่ง
อนิจจา การป้องกันของหลินเทียนอ้าวยังถือว่าประสบความสำเร็จและเขาก็ไม่ได้ล้มลงเพราะการโจมตีนั้น จู่ๆหลานเฟิงก็รู้สึกว่าทันทีที่ดาบของเขาแทงเข้าไปในผิวเนื้อของหลินเทียนอ้าว มันก็ถูกกล้ามเนื้อของเขาหนีบเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้ จากนั้นหลินเทียนอ้าวก็คว้าข้อมือของเขาด้วยแรงมหาศาล
ทั้งหมดนี้เป็นแผนของหลินเทียนอ้าว กระทั่งถึงสถานที่ที่เขาจะถูกแทงก็คำนวณเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
หลินเทียนอ้าวดึงแขนของหลานเฟิงขึ้น เพิกเฉยต่ออาการบาดเจ็บของตัวเองโดยสิ้นเชิง ก่อนจะออกแรงยกหลานเฟิงขึ้นทั้งตัว จากนั้นหลินเทียนอ้าวก็เอนตัวไปข้างหลัง ส่งหลานเฟิงสู่พื้นด้านล่างเวทีอย่างโหดเหี้ยม และเมื่อเขาทำเช่นนั้น เขาก็รีบปล่อยมือเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองยังสามารถทรงตัวอยู่บนเวทีได้ โล่ทั้ง 5 พุ่งตามลงไปที่หลานเฟิง ทำให้มั่นใจได้ว่าเขาจะไม่สามารถพลิกกลับขึ้นมาบนเวทีได้ก่อนที่ร่างของเขาจะแตะถึงพื้น
หลานเฟิงใช้ปลายเท้าแตะพื้น ก่อนจะถีบตัวกลับขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง ในขณะที่เขากำลังจะลงมือต่อ เสียงของผู้ตัดสินก็ดังขึ้น
“หยุด! การต่อสู้จบลงแล้ว”
ร่างกายของหลานเฟิงแข็งทื่อ เขามองไปยังผู้ตัดสินที่ปรากฏตัวต่อหน้าเขาอย่างสับสนและร้องออกมาด้วยความโกรธ “ข้าไม่ได้แพ้!”
ผู้ตัดสินกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “ตามกฎของงานประลอง ใครก็ตามที่ออกจากเวทีถือว่าพ่ายแพ้ กลุ่มนักรบเฟยหลี่กับอาณาจักรตันตุ้น การต่อสู้ครั้งแรก กลุ่มนักรบเฟยหลี่ชนะ”
หลานเฟิงต้องการที่จะประท้วงต่อ แต่น้ำเสียงที่เยือกเย็นก็ดังออกมาจากเรือนพักอาณาจักรตันตุ้น “พอได้แล้ว กลับมานี่ หลานเฟิง แพ้ก็คือแพ้ ขณะที่เขาจับแขนเจ้าก่อนหน้านี้ เขาย่อมฆ่าเจ้าได้หากอยากจะทำ”
แม้ว่าหลานเฟิงจะไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ ทั้งยังรู้สึกไม่พอใจมาก แต่เขาก็ไม่สามารถฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าได้ หลานเฟิงจึงลงจากเวทีไปอย่างหัวเสีย
ในขณะที่เขาทำเช่นนั้น เขาก็จ้องหลินเทียนอ้าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อผิวหุ้มหินของเขาสลายหายไป ไหล่ขวาของหลินเทียนอ้าวก็เปียกชุ่มไปด้วยเลือดอย่างรวดเร็ว เขาใช้พลังปราณสวรรค์ปิดผนึกเส้นเลือดรอบๆ บริเวณนั้นเพื่อห้ามเลือดขณะที่ค่อยๆ เดินลงเวทีไปอย่างไร้ความรู้สึก
ช่วงเวลาที่หลินเทียนอ้าวเดินลงจากเวที โจวเหว่ยชิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว”
ดั่งที่มีคนเคยกล่าวไว้ สิ่งต่างๆ อาจไม่เป็นไปตามแผนการเสมอ ตามแผนทั้งหมดของเขา หลินเทียนอ้าวน่าจะได้พบกับหนึ่งในสมาชิกที่อ่อนแอที่สุดของกลุ่มนักรบตันตุ้นซึ่งน่าจะเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 5 ชุด และเขาก็มั่นใจในตัวหลินเทียนอ้าวว่าจะสามารถเอาชนะอีกฝ่ายไปได้ น่าเสียดายที่เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะเป็นจ้าวมณีประเภทประเภทว่องไวขั้นสุดยอดที่เกิดมาเพื่อขัดขาหลินเทียนอ้าว ถ้าไม่ใช่เพราะระดับพลังปราณที่สูงกว่าคู่ต่อสู้เล็กน้อย ประสบการณ์การต่อสู้ การวางแผน และด้วยความโชคดี พวกเขาอาจพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งสำคัญนี้ไปแล้วก็ได้
ถึงกระนั้น ทุกอย่างก็จบลงด้วยดี ทำให้พวกเขาได้รับชัยชนะครั้งแรกจากกลุ่มตัวเต็ง…
พวกเขาเริ่มต้นได้ดี!
………………………………………………………..