Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา – บทที่ 85.3 นักบวชน้ำค้างแข็ง! (3)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเคลื่อนไหวที่น่าอัศจรรย์ของสี่น้อยก็ทำให้เขาดูยากจะหยั่งยิ่งกว่าหลานเฟิง ดูเหมือนว่าเขาจะขยับตัวไปในทิศทางที่คาดเดาได้ยากมาก ขยับปีกในท่าทางต่างๆ เพื่อเคลื่อนไหวในรูปแบบที่เป็นไปไม่ได้ เวลานี้หานปิงได้ร่ายทักษะแท่งน้ำแข็งเหมันต์ออกมาเป็นรอบที่ 5 แล้ว ทว่าสี่น้อยก็ยังคงเคลื่อนที่ไปรอบๆ และหลบหลีกอีกฝ่ายได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขายังคงแสดงความสามารถในด้านความว่องไวโดยไม่มีสัญญาณว่าจะโจมตีอีกฝ่ายแม้แต่น้อย

ด้านหานปิงเองก็แสดงพลังออกมาได้อย่างน่าทึ่งเช่นกัน เขาสามารถรวบรวมแท่งน้ำแข็งได้ 5 กลุ่มใหญ่แล้ว ปัจจุบันแท่งน้ำแข็งที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าก็ยาวถึง 1 ฉื่อ! อากาศบริเวณเวทีเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ และในระยะดังกล่าว แม้แต่บรรยากาศภายในเรือนพักใกล้เคียงก็ยังได้รับผลกระทบไปด้วย

เมื่อแท่งน้ำแข็งทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกัน ลำพังเพียงแค่ 2-3 อันพุ่งโดนเขา สี่น้อยเขาก็ไม่รอดแล้ว นับประสาอะไรกับโดนทั้งหมดนั่นโจมตีเข้าใส่ ในความเป็นจริง เมื่อทักษะระดับต่ำนี้อยู่ในมือของหานปิงมันก็ค่อนข้างน่ากลัวอยู่แล้ว แต่หลังจากที่พวกมันหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังของมันเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าอยู่ในระดับน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว

ในเรือนพักของกลุ่มนักรบตันตุ้น หลานเฟิงที่กำลังชมการต่อสู้อยู่ได้กล่าวออกมาอย่างชื่นชม “นักบวชช่างสมกับเป็นนักบวชจริงๆ การควบคุมและพลังเช่นนี้…เขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว! ดูสภาพของเจ้าคนที่มาจากกลุ่มนักรบเฟยหลี่สิ…นักบวชยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกมาเต็มที่ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงความจริงที่ว่าเขามีมณีเพียง 4 ชุด แม้ว่าเขาจะมีมณี 6 ชุดเหมือนนักบวช เขาก็ยังไม่มีโอกาสจะชนะด้วยซ้ำ”

หญิงสาวผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มนักรบตันตุ้น หรือที่ซ่างกวนหลงหยินเรียกว่าปีศาจน้อยเซินกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “อย่าดูถูกเจ้าคนที่มาจากกลุ่มเฟยหลี่ผู้นั้นเด็ดขาด ความเร็ว ความว่องไว และความสามารถในการหลบหลีกการโจมตีของเขาน่ายกย่องมาก โดยเฉพาะรูปแบบการเคลื่อนไหวของเขา มันน่าประทับใจมากจริงๆ ข้ากล้าพูดได้เลยว่าหากเป็นจ้าวมณีสวรรค์ระดับ 4 ชุดคนอื่นๆ พวกเขาคงจะแพ้หานปิงไปแล้ว แต่เขาคนนั้นก็ยังสามารถยื้อเอาไว้ได้นานขนาดนี้ แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ เขาก็คงจะทนไม่ได้นานกว่านี้เเล้ว อาจารย์ได้มอบรูปแบบการฝึกเช่นนี้ให้กับหานปิงเนื่องจากมันเหมาะกับความพิเศษของเขา เพื่อปรับปรุงจิตวิญญาณและทักษะควบคุมของเขาอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่ามันเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างแท้จริง จนถึงตอนนี้หานปิงนั้นได้เก็บทักษะไว้เพียงอย่างเดียวนั่นก็คือทักษะแท่งน้ำแข็งเหมันต์ ทว่าเขากลับสามารถใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ได้หลายรูปแบบ แทบจะเรียกได้ว่าไม่มีที่สิ้นสุดด้วยซ้ำ แม้แต่ข้าเองก็ยังคิดหนักหากจะต้องต่อสู้กับเขา”

ขณะนี้สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มนักรบตันตุ้น รวมถึงปีศาจน้อยเซินกำลังผ่อนคลายขณะดูการต่อสู้ เนื่องจากพวกเขาคิดว่าไม่มีทางที่หานปิงจะพ่ายแพ้ แม้ว่าสี่น้อยจะยังคงยื้อเวลาเอาไว้ได้ แต่เขาก็ไม่มีโอกาสชนะเนื่องจากความแตกต่างระหว่างระดับพลังของทั้งสองฝ่ายมีมากเกินไป

สำหรับกลุ่มนักรบเฟยหลี่ หากเปรียบเทียบกันแล้ว โจวเหว่ยชิงกลับถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้ดีว่าแม้ว่าสี่น้อยจะแพ้ในท้ายที่สุด แต่เขาก็ทำงานที่ได้รับมอบหมายได้สำเร็จเกือบจะสมบูรณ์แบบแล้ว ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดว่าตนเองโชคดีแค่ไหนที่สามารถเอาชนะสี่น้อยได้ในระหว่างการเดิมพันของพวกเขา

ก่อนหน้านี้ขณะที่พวกเขาเดิมพันกัน สี่น้อยแพ้โจวเหว่ยชิงเพียงเพราะเขาประเมินโจวเหว่ยชิงและทักษะการควบคุมของเขาต่ำเกินไป อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเพราะโจวเหว่ยชิงมีทักษะควบคุมมากเกินไป และเมื่อเขาสามารถปลดปล่อยการโจมตีครั้งแรกได้สำเร็จ เขาก็สามารถควบคุมสี่น้อยไปได้ตลอดการต่อสู้แล้ว เวลานี้เมื่อเห็นสี่น้อยแสดงความว่องไวและการเคลื่อนไหวที่แท้จริงของเขา โจวเหว่ยชิงก็รู้ว่าพลังของอีกฝ่ายน่าประทับใจแค่ไหน บางทีอาจจะอยู่ในระดับที่สูงกว่าจ้าวมณีสวรรค์ประเภทความว่องไวขั้นสุดยอดในระดับพลังปราณเดียวกันก็เป็นได้

แม้ว่าหานปิงจะปลดปล่อยเพียงแค่ทักษะแท่งน้ำแข็งเหมันต์และโล่ป้องกันสีฟ้าที่ไม่ได้เผาผลาญพลังปราณสวรรค์มากนัก แต่ด้วยการเพ่งจิตควบคุมเป็นเวลานานๆ มันก็ยังส่งผลกระทบต่อพลังจิตวิญญาณของเขา ที่สำคัญกว่านั้นคือยิ่งแท่งน้ำแข็งของเขาผสานเข้าด้วยกันมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งเผาผลาญพลังปรานและจิตวิญญาณของเขามากขึ้นเท่านั้นเนื่องจากมันจะแข็งแกร่งและควบคุมได้ยากขึ้น ถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้ก็ต้องมีขีดจำกัดในตัวเองอยู่

ในขณะเดียวกัน เมื่อแท่งน้ำแข็งของเขาขยายตัวใหญ่ขึ้น พลังและความแข็งแกร่งในการเจาะทะลวงของพวกมันก็เพิ่มขึ้นแบบทวีคูณเช่นกัน ทว่าความเร็วของพวกมันกลับช้าลงเล็กน้อย นอกจากนี้ สี่น้อยยังคงมีทักษะบางอย่างที่เก็บงำไว้อยู่

หานปิงเรียกแท่งน้ำแข็งเหมันต์ออกมาอีกรอบ คราวนี้เมื่อพวกมันกระแทกเข้ากับแท่งน้ำแข็งทั้ง 36 อันในอากาศและหลอมรวมเข้าด้วยกัน พวกมันก็ไม่ได้ไล่ตามสี่น้อยอีกต่อไป แต่กลับแยกตัวออกไปในทุกทิศทางของเวที

*พรึ่บ* *พรึ่บ* *พรึ่บ* *พรึ่บ* *พรึ่บ* เสียงหลายๆ เสียงดังขึ้นพร้อมกันขณะที่เหล่าแท่งน้ำแข็งยาว 2 ฉื่อปักลึกลงไปบนพื้นเวที ล้อมพื้นที่รอบนอกทั้งหมดของเวทีเอาไว้ ที่น่าประทับใจคือระยะห่างระหว่างแต่ละอันนั้นเกือบจะเท่ากัน โดยทั้งหมดก่อตัวเป็นเสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ 36 ต้นรอบๆ เวที

ลางสังหรณ์ที่กระซิบบอกว่าสิ่งเลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้นทำให้สี่น้อยรู้สึกขนลุก และถึงแม้ว่าบนเวทีจะหนาวจัด แต่เสื้อผ้าของเขากลับเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีของคลื่นพายุแท่งน้ำแข็ง เขาจึงพยายามหลบหลีกอย่างเต็มที่ด้วยพลังทั้งหมดที่มี และในเวลานี้สี่น้อยก็ได้ใช้พลังปราณสวรรค์ของตัวเองไปมากกว่าครึ่งหนึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือพลังจิตวิญญาณอีกจำนวนมหาศาล อย่างไรก็ตาม เขารู้ดีว่าตนเองจะต้องทำต่อไปเพื่อยื้อเวลาให้ถึงที่สุด

เพราะเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองว่าสิ่งต่างๆ กำลังจะเลวร้ายขึ้น สี่น้อยจึงตอบสนองทันที ปีกที่อยู่ด้านหลังของเขากางออกอย่างเต็มที่ในขณะที่เขาบินขึ้นสู่อากาศด้วยความเร็วสูงสุด

แท่งน้ำแข็งอีก 36 อันลอยออกมาอีกครั้งและพุ่งไปที่เสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ทั้ง 36 ต้น คราวนี้แท่งน้ำแข็งใหม่เป็นสีฟ้าเข้ม เห็นได้ชัดว่าพลังปราณสวรรค์ที่อยู่ภายในมีมากกว่าที่เคยทั้งในด้านคุณภาพและปริมาณ

“ระเบิด” วินาทีต่อมา แท่งน้ำแข็งสีน้ำเงินเข้มอันใหม่ทั้ง 36 ก็พุ่งเข้าใส่เสาน้ำแข็งทั้ง 36 ต้น ก่อให้เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นมาอีกรอบ แท่งน้ำแข็งและเสาน้ำแข็งพลันระเบิดออกอย่างกะทันหัน พ่นฝุ่นน้ำแข็งและเศษน้ำแข็งไปทั่วทั้งเวที ในเวลาเดียวกัน กระแสพลังรุนแรงของพลังปราณสวรรค์ธาตุน้ำก็กวาดไปทั่วเวทีราวกับคลื่นยักษ์

ทักษะนี้ของหานปิงเป็นทักษะที่เขาคิดค้นขึ้นเอง โดยใช้ทักษะแท่งน้ำแข็งเหมันต์เป็นพื้นฐาน เรียกว่าการสังเวยเยือกแข็ง พลังและความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมันมีมากมายมหาศาลจนแม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ระดับเทวะขั้นแรก (มณี 7 ดวง) ก็ไม่อาจเทียบเคียงได้ ที่สำคัญกว่านั้น เนื่องจากทักษะนี้เป็นการผสานและวิวัฒน์ทักษะระดับต่ำ มันจึงใช้พลังปรานเพียงประมาณ 3 ใน 10 ส่วนของพลังปราณสวรรค์ทั้งหมดของเขา แต่พลังของมันกลับแข็งแกร่งเกินกว่าการใช้พลังปราณสวรรค์ทั้งหมดของเขาเลยด้วยซ้ำ นอกจากนี้ มันยังเป็นทักษะผลกระทบวงกว้างด้วย!

เมื่อการต่อสู้เริ่มต้นขึ้นครั้งแรก หานปิงไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าเขาจะถูกบังคับให้นำทักษะสังเวยเยือกแข็งนี้ออกมาใช้ และในตอนแรกเขาคิดเพียงว่าหลังจากหลอมรวมแท่งน้ำแข็งเพียงไม่กี่ครั้ง เขาก็จะสามารถโค่นสี่น้อยลงได้แล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปก็เห็นได้ชัดว่าสี่น้อยมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเกินกว่าที่เขาจะรับมือได้ และการเคลื่อนไหวที่คาดเดาไม่ได้ของเขาก็ยากเกินกว่าที่หานปิงจะจัดการด้วยแผนเดิม

หานปิงไม่อยากจะเสียเวลาอีกต่อไป และหากเขาได้รับชัยชนะเพราะพลังปราณของสี่น้อยหมดลง นั่นจะเป็นการสร้างความอัปยศอดสูให้กับตัวเองเสียเปล่า ด้วยเหตุนี้ ในที่สุดเขาก็เลือกที่จะใช้ทักษะระดับสุดยอดที่คิดค้นขึ้นเอง และทักษะผลกระทบวงกว้างนี้ของเขาย่อมสามารถกำจัดคู่ต่อสู้ที่แสนเจ้าเล่ห์นี้ได้อย่างแน่นอน ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะเผยให้มหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนอื่นๆ ได้เห็นพลังที่แท้จริงของหุบเขาอเวจีสีเลือดด้วย

ถ้าหลานเฟิงไม่แพ้ในการต่อสู้ครั้งแรก บางทีหานปิงอาจจะไม่ได้ใช้ทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้ก็ได้ แต่ความอัปยศอดสูของฝ่ายผู้พ่ายแพ้ก็ได้จุดชนวนความโกรธและเผาผลาญศักดิ์ศรีของพวกเขาจนสิ้น ในใจของหานปิง เขาจะไม่อยู่รอสร้างความบันเทิงให้กับใครก็ตามที่ดูถูกหุบเขาอเวจีสีเลือด เมื่อเขาปล่อยทักษะนี้ออกไป รังสีสังหารก็ถูกจุดประกายขึ้นมาในใจแล้ว เขาต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูเพื่อแสดงให้กลุ่มนักรบเฟยหลี่และทุกๆ คนเห็นว่าการท้าทายมหาดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้นจะต้องแลกกับความสูญเสียอันใหญ่หลวงขนาดไหน

เสาน้ำแข็งขนาดใหญ่ทั้ง 36 ต้นไม่ได้ระเบิดทั้งหมดในเวลาเดียวกัน แต่กลับระเบิดทีละต้นเป็นจังหวะตามลำดับ ด้วยวิธีนี้ แรงระเบิดของพวกมันจึงก่อตัวขึ้นเป็นกระแสลมวนอันน่าสะพรึงกลัว ไม่เพียงแต่จะเป็นพลังระเบิดทำลายล้างที่น่าอัศจรรย์เท่านั้น แต่ยังทำให้อุณหภูมิทั้งหมดโดยรอบลดลงมากยิ่งขึ้นด้วย

ทักษะสังเวยเยือกแข็งสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่หยุดนิ่ง พลังระเบิดนั้นหมุนวนอยู่รอบตัวพวกเขาทั้งคู่และสามารถนำไปใช้ได้ตามที่หานปิงต้องการ เขาเสียเวลาใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อคิดค้นและฝึกฝนทักษะนี้ มันเป็นความภาคภูมิใจและความสุขของเขาอย่างแท้จริง

เมื่อเกิดการระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง กลุ่มนักรบในเรือนพักทั้งหมดก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเวทีหินเพชรทั้งหลังเปลี่ยนเป็นก้อนน้ำแข็งสีฟ้า ความเย็นในอากาศแผ่เข้ามาทำให้พวกเขาหนาวสะท้านไปถึงกระดูก สำหรับทักษะธาตุน้ำ การที่หานปิงใช้พวกมันได้ในระดับนี้ก็อาจกล่าวได้ว่าเขามาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว

ศาสตรามณียุทธ์ที่อยู่ในมือของสี่น้อยหายไปแล้ว ทันทีที่เขาสัมผัสถึงอันตรายที่ใกล้เข้ามาได้ เขาก็ตอบสนองทันที อนิจจา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น แรงระเบิดที่น่าสะพรึงกลัวและความเย็นยะเยือกก็มาจ่อถึงปลายเท้าของเขาแล้วเช่นกัน

เมื่อชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย สมองของสี่น้อยจึงวิ่งวุ่นคิดหาทางแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน ปฏิกิริยาของเขารวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ สี่น้อยพุ่งออกจากพื้นที่ของทักษะผลกระทบวงกว้างในแทบจะทันที เมื่อทักษะสังเวยเยือกแข็งพุ่งเข้ามา เขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศได้ 30 เมตรแล้ว อย่างน้อยก็สามารถหลีกเลี่ยงการปะทะครั้งใหญ่ได้ทันเวลา อนิจจา เขากลับยังคงติดอยู่ในระยะของแรงระเบิด และขณะลอยอยู่ในกลางอากาศ เขาก็พลันตกอยู่ในช่วงวิกฤติอย่างกะทันหัน

ในวินาทีสุดท้าย สี่น้อยใช้ปีกทั้งสองข้างพันรอบตัวของเขาก่อนจะทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด

เขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน สะบัดมือออกมา ถุงหนังมิติที่ใช้บรรจุน้ำพลันปรากฏขึ้นในมือและถูกบีบจนแตกในทันที ไม่นานละอองน้ำก็ถูกฉีดพ่นออกมารอบตัวของเขาอย่างรวดเร็ว

ในตอนนั้นอุณหภูมิรอบเวทีกลับเย็นยะเยือกอย่างไม่น่าเชื่อ แม้ว่าสี่น้อยจะเอาปีกพันรอบตัวแล้ว แต่เมื่อน้ำปรากฏขึ้น มันก็แข็งตัวและกลายเป็นผลึกน้ำแข็งโอบรอบตัวเขาทันที

เมื่อถึงจุดนั้น การกระทำที่แปลกประหลาดของสี่น้อยก็สัมฤทธิ์ผล แม้ว่าทั้งร่างของเขาจะถูกแช่แข็งอยู่กลางก้อนน้ำแข็ง อีกทั้งแรงระเบิดก็ถูกก้อนน้ำแข็งเหล่านั้นดูดซับไป แต่แรงปะทะก็ยังทำให้ร่างของเขาถูกเหวี่ยงขึ้นไปบนอากาศสูงถึง 60 เมตร เมื่อแรงระเบิดสลายไป ในที่สุดเขาก็ค่อยๆ ร่วงลงสู่พื้น

เมื่อถึงตอนนั้น โจวเหว่ยชิงก็ออกจากเรือนพักมาแล้วครึ่งทาง เกือบจะขอยอมแพ้และช่วยเหลือสี่น้อยเพื่อป้องกันไม่ให้เขาหล่นกระแทกพื้น เพราะถึงอย่างไรการหล่นลงมาจากความสูงระดับนั้นก็อาจทำให้บาดเจ็บรุนแรงหรือฆ่าเขาได้เลยทีเดียว

“เหว่ยชิง ไม่ต้อง!” หลินเทียนอ้าวคว้าตัวเขาไว้ แทบจะหยุดเขาไว้ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เขาจะพูดว่ายอมแพ้

ความคิดของหานปิงเกือบจะเหมือนกับโจวเหว่ยชิง เมื่อเขาเห็นสี่น้อยเอาถุงมิติโปรยน้ำออกมา ดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดฝันมาก่อนว่าจะมีใครใช้วิธีดังกล่าวเพื่อทำให้ทักษะสังเวยเยือกแข็งของเขาอ่อนกำลังลง นั่นเป็นการใช้พลังของฝ่ายตรงข้ามเพื่อปกป้องตัวเองอย่างแท้จริง

สำหรับจ้าวมณีสวรรค์ที่จะมีอุปกรณ์มิติติดตัวนั้น เป็นเรื่องธรรมดามากที่จะมีอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นอยู่ข้างใน อย่างไรก็ตาม การคิดแผนดังกล่าวและลงมือในช่วงเวลาวิกฤตย่อมไม่ง่ายดายอย่างที่คิด

ถึงอย่างนั้น เจ้าคิดว่าจะหนีพ้นหรือ? หานปิงยิ้มเยาะอย่างเย็นชากับตัวเอง แม้ว่าเขาจะสามารถหลบหลีกแรงระเบิดส่วนใหญ่ของทักษะสังเวยเยือกแข็งได้ แต่ในการทำเช่นนั้น เขาก็ปล่อยให้ตัวเองถูกแช่แข็งและกลายเป็นคนไร้เรี่ยวแรงเช่นกัน เพราะด้วยอุณหภูมิของทักษะสังเวยเยือกแข็ง แม้แต่น้ำธรรมดาก็จะจับตัวเหมือนก้อนน้ำแข็งหมื่นปี และมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหลบหนีพ้น นอกจากนี้ ในสายตาของเขา ร่างกายของสี่น้อยก็น่าจะแข็งทื่อจนไม่สามารถดิ้นหลุดได้อย่างแน่นอน

หากก้อนน้ำแข็งตกลงสู่พื้น ร่างของสี่น้อยก็จะแตกเป็นเสี่ยงๆ พร้อมกับก้อนน้ำแข็งนั้น

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แท่งน้ำแข็งอีกอันก็ก่อตัวขึ้นอย่างลับๆ บริเวณพื้น มุมแหลมหันเข้าหาสี่น้อยที่กำลังหล่นลงมาพอดิบพอดี

………………………………………………………….

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

Status: Ongoing
นี่คือโลกใบใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใคร อัปเดตวันละ 2 ตอนในโลกที่ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่งทุกอย่าง ผู้มีพลังเหยียบย่ำผู้อ่อนแอมีเด็กผู้ชายผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อหวังจะก้าวขึ้นเป็นราชาจ้าวมณีสวรรค์ในอาณาจักรเล็กๆ ที่ยังต้องดิ้นรนในสงครามซึ่งรายล้อม ตัวเขาในฐานะที่เกิดในตระกูลแม่ทัพจึงจำเป็นต้องมุ่งมั่นทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ทว่าสวรรค์กลับไม่เป็นใจ เด็กชายเกิดมาพร้อมลมปราณอุดตัน ฝึกวิชาใดๆ ก็ไร้ผล ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเศษสวะไร้ค่าในสายตาผู้อื่น!?ทำลายความภาคภูมิใจของบิดา… กลายเป็นความอัปยศอดสูของคู่หมั้น…หากแต่เขากลับใช้ชีวิตอย่างปกติสุข เที่ยวเล่นจับปลาไปวันๆ โดยไร้ความละอาย!ทว่า…เมื่อพลาดพลั้งถูกฆ่าและทิ้งให้ตาย ท้ายที่สุดสวรรค์ก็เมตตาไข่มุกรัตติกาลจากต่างมิติถูกดึงดูดด้วยแรงดิ้นรนอยากมีชีวิตอยู่ของเขามันมอบพลังที่เปลี่ยนให้เขากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์ที่หายากที่สุด!สิ่งนั้นปลุกศักยภาพของเขาขึ้นมา… แท้จริงแล้วเขาไม่ได้ไร้ค่า…แต่นั่นจะเป็นของขวัญจากสวรรค์ที่มาเปลี่ยนชะตาของเขาได้จริงหรือ?ร่วมผจญภัยไปกับ ‘โจวเหว่ยชิง’ ตัวเอกผู้ไร้ยางอายที่ใช้เล่ห์กลทุกอย่างในการเอาตัวรอดเพื่อมุ่งไปสู่จุดสูงสุดของโลกการฝึกวิชา สร้างยอดกองทัพ ปกป้องคนที่เขารักและขยายอาณาจักรเล็กๆ ให้ยิ่งใหญ่เกรียงไกร!นี่คือโลกใบที่ไม่คุ้นเคย พบกับระบบพลังใหม่ สุดยอดศาสตราวุธ และตัวเอกที่ไม่เหมือนใครมาร่วมหัวเราะและร้องไห้ไปกับผลงานชิ้นใหม่ของ Tang Jia San Shao ผู้เขียน ตำนานจอมยุทธ์ภูตถังซาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท