เมื่อมองไปยังหญิงชราหน้าตาประหลาด โจวเหว่ยชิงก็อดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้อีกฝ่ายให้มากขึ้น
เนื่องจากวัตถุดิบทุกชิ้นมีค่าและราคาแพงมาก พวกมันทั้งหมดจึงถูกผลึกแก้วโปร่งใสครอบเอาไว้เพื่อปกป้องมัน ผู้ซื้อสามารถใช้สายตาของพวกเขาเพื่อตรวจสอบได้เพียงอย่างเดียวและห้ามแตะต้องด้วยเกรงว่าจะทำให้เสียหายหรือเผลอไปทำลายมันเข้า
ทว่าหญิงชราแปลกหน้าคนนี้กลับหยิบผลึกแก้วที่ครอบต้นหญ้าออกไปด้านข้าง ทำให้วัตถุดิบนั้นเปลือยเปล่าสัมผัสกับอากาศ ทั้งๆ ที่หญิงชราผู้นั้นเอาแต่พึมพำและชี้ไม้ชี้มือไปที่ต้นหญ้า แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีพนักงานคนไหนเดินเข้ามาห้ามเธอด้วยซ้ำ
เมื่อขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น โจวเหว่ยชิงจึงสามารถได้ยินสิ่งที่หญิงชราพึมพำอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังพูดกับต้นหญ้าต้นเล็กๆ นั่นอยู่ “หนูน้อยไป๋เอ๋อร์ หนูรีบๆ โตนะ ยายจะหาสามีดีๆ ให้เอง”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงชรา โจวเหว่ยชิงก็แทบจะหัวเราะออกมาเสียงดัง เขาคิดกับตัวเองว่า คุณยายท่านนี้ปกติดีหรือไม่? มีปัญหาทางจิตหรือ? แต่…ถ้าเป็นเช่นนั้นนางจะมาอยู่ในศาลาศาสตรามณียุทธ์ได้อย่างไร?
ความรู้สึกอยากจะหัวเราะนั้นคงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีก่อนจะหายวับไป ในเวลาต่อมา ร่างกายของเขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว ดวงตาของโจวเหว่ยชิงเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อจ้องไปที่หญิงชราผู้นั้น
สาเหตุของการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนั้นเป็นเพราะเหว่ยชิงเพิ่งจะได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ต้นหญ้าเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าหญิงชราคือหญ้าหยกใต้พิภพซึ่งเป็นพืชที่มีค่ามาก โจวเหว่ยชิงสามารถมองเห็นได้อย่างเลือนลางว่ารอบๆ หญ้าหยกใต้พิภพนั้นมีแสงวูบวาบเกิดขึ้น สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือหญ้าต้นนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว มันขยายใหญ่ขึ้นด้วยความเร็วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ!
นาง…หวา…นางทำอย่างนั้นได้อย่างไร!? โจวเหว่ยชิงตกตะลึงมากทีเดียว เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเองว่ามนุษย์จะสามารถควบคุมการเจริญเติบโตของพืชชนิดนี้ได้จริงๆ
แม้แต่จ้าวมณีสวรรค์ที่มีทักษะธาตุชีวิตก็ไม่ควรจะทำอะไรแบบนี้ได้อยู่ดี เนื่องจากทักษะธาตุชีวิตจะทำให้พวกเขาสามารถยืมพลังชีวิตของบรรดาพืชได้เท่านั้น โดยส่วนใหญ่จะใช้เพื่อควบคุมหรือเพิ่มพลังพืชประจำตัวของพวกเขาเอง แต่สำหรับหญ้าหยกใต้พิภพที่วางขายอยู่ที่นี่ มันจะเป็นพืชประจำตัวของนางได้อย่างไร? แต่ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ล่ะก็ นางสามารถทำเช่นนั้นด้วยวิธีใด? เป็นเวลาครู่ใหญ่ที่นอกจากความตกตะลึงแล้วโจวเหว่ยชิงก็ยังรู้สึกสงสัยด้วย
หญ้าหยกใต้พิภพคือพืชที่มีพิษร้ายแรงแต่ก็มีคุณสมบัติพิเศษอีกอย่างหนึ่งด้วย นั่นก็คือเมื่อบดเป็นผงและผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ มันจะช่วยเพิ่มความเข้ากัน ทำให้สามารถนำวัตถุดิบที่ไม่สามารถผสมกันมาใช้ร่วมกันได้ ในการสร้างหมึกศาสตรามณียุทธ์ที่มีคุณภาพสูงสุดนั้น วัตถุดิบชิ้นนี้เป็นส่วนผสมที่หายากและยอดเยี่ยมมากจริงๆ ด้วยเหตุนี้อัตราความล้มเหลวในการสร้างหมึกศาสตรามณียุทธ์จึงลดลงและคุณภาพก็จะดีขึ้นอย่างพรวดพราดด้วย
โจวเหว่ยชิงเคยเห็นหญ้าหยกใต้พิภพที่โตเต็มที่ก่อนหน้านี้แล้วในชั้นแรก และมันก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบ “ต้องซื้อ” ที่เขาได้หมายหัวเอาไว้ในแผนของเขาด้วย
ทว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงกลับก็เห็นความแตกต่างระหว่างหญ้าหยกใต้พิภพต้นนี้กับหญ้าหยกใต้พิภพที่เขาเห็นในชั้นแรกอย่างรวดเร็ว ขณะที่มันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาเขา ขนสีทองที่เรียวบางราวขนวัวก็ค่อยๆ งอกขึ้นมาปกคลุมทั่วลำต้นของมัน
ขนสีทองเหล่านั้นแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งใบจนเกือบจะปกคลุมทั่วทุกตารางนิ้ว สีทองสุกปลั่งของมันตัดกันได้ดีกับสีเขียวมรกตดั้งเดิมของหญ้าหยกใต้พิภพ เผยให้เห็นรูปลักษณ์ใหม่ที่ทอประกายสุกใสพร้อมกับความสดใหม่
นี่…นี่คือ? หญ้าหยกใต้พิภพขนทอง? เป็นอีกครั้งหัวใจของโจวเหว่ยชิงเต้นรัวด้วยความแตกตื่น
เมื่อเทียบกับหญ้าหยกใต้พิภพธรรมดาๆ แล้ว หญ้าหยกใต้พิภพขนทองจัดว่าเป็นยอดสมบัติในบรรดาขุมทรัพย์ทั้งหมด มันไม่ได้เป็นเพียงวัตถุดิบสำหรับหมึกศาสตรามณียุทธ์อีกต่อไป แต่สามารถใช้เป็นตัวผสานที่สำคัญในการสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์! เมื่อสร้างม้วนคัมภีร์ที่เป็นส่วนหนึ่งของชุดศาสตรามณียุทธ์สำเร็จ ไม่ว่าจะอยู่ในระดับใดก็ตาม การสร้างชุดศาสตรามณียุทธ์จำเป็นต้องมีขั้นตอนการผสานเพื่อเชื่อมชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกัน
บนโลกนี้มีตัวกลางผสานหลายประเภท ทว่าหญ้าหยกใต้พิภพขนทองนี้ถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในชนิดที่มีคุณภาพสูงสุด แม้แต่ชุดศาสตรามณียุทธ์ในตำนานก็ต้องอาศัยพวกมันร่วมกับวัตถุดิบที่มีค่าชนิดอื่นๆ สร้างขึ้นมา โจวเหว่ยชิงไม่คาดคิดว่าจะได้เห็นพวกมันที่นี่ ในศาลาศาสตรามณียุทธ์ชั้นที่ 2 แห่งนี้!
ในขณะที่โจวเหว่ยชิงจมอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ทันใดนั้นหญิงชราข้างๆ เขาก็ตัวสั่นสะท้านและส่งเสียงอุทานออกมาเบาๆ หญ้าหยกใต้พิภพขนทองที่เคยเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ และมั่นคงกำลังเร่งความเร็วขึ้นเต็มพิกัดอย่างน่าหวาดกลัว ขนสีทองที่งอกอยู่ทั่วทั้งต้นก็เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างผิดปกติแทนที่จะอยู่ในรูปแบบที่เป็นระเบียบก่อนหน้านี้
“ดึงต้นกล้าให้งอก[1] จริงๆ สินะ เฮ้อ…ข้าใช้พลังมากเกินไปหน่อย…” หญิงชราพูดอย่างหดหู่
ไม่แน่ใจว่าเทพแห่งความโชคดีอาจจะทำลังประทานพรให้โจวเหว่ยชิง หรืออาจเป็นเพราะเขามุ่งความสนใจไปที่หญ้าหยกใต้พิภพขนทองมากเกินไป เมื่อเด็กหนุ่มเห็นการเติบโตอย่างฉับพลันควบคู่ไปกับพลังชีวิตของต้นหญ้าที่ค่อยๆหมดลง เขาจึงยกมือขึ้นและโบกไปทางต้นหญ้าเล็กๆ นั้นโดยไม่รู้ตัว ทั้งยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทำไมเขาจึงปล่อยทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ออกมาได้รวดเร็วขนาดนั้น
ทันใดนั้นเอง จู่ๆ หญ้าหยกใต้พิภพขนทองที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วก็พลันหยุดชะงักลงชั่วขณะก่อนที่จะกลับมาเติบโตในอัตราความเร็วที่ช้าลงกว่าเดิม
“เอ๋?” หญิงชราที่กำลังจะรามือร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เธอรีบร่ายมือไปทางต้นหญ้าต่อทันที ไม่นานต้นหญ้าก็เปล่งแสงออกมาอีกครั้ง และขนสีทองที่กระจัดกระจายอยู่อย่างยุ่งเหยิงก่อนหน้านี้ก็จัดเรียงตัวเองใหม่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย พวกมันแทบจะส่องแสงสีทองสุกปลั่งออกมาจนแสบตา เห็นได้ชัดว่าตอนนี้พวกมันเติบโตเต็มที่แล้ว!
*ฟู่* หญิงชราปล่อยลมหายใจออกมาเสียงดัง ใบหน้าของเธอดูมีความสุขมาก หลังจากพลิกข้อมือ กล่องหยกสีขาวก็ปรากฏขึ้นในมือทันที ในเวลาเดียวกัน มืออีกข้างของหญิงชราก็โบกไปทางหญ้าหยกใต้พิภพขนทองและต้นหญ้าที่กำลังเรืองแสงเหล่านั้นก็ลอยขึ้นมา ก่อนจะล่องลอยตีลังกาลงไปในกล่องอย่างแปลกประหลาด แม้ขณะหญิงชราปิดกล่องก็ยังสามารถมองเห็นแสงสีทองจางๆ แผ่ออกมาจากภายในได้
หลังจากทำเช่นนั้น หญิงชราก็หันหน้ามามองโจวเหว่ยชิง และเขาก็ต้องประหลาดใจที่เห็นว่าหญิงชราผมขาวคนนี้ไม่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าเลย ผิวของเธอเรียบเนียนเปล่งปลั่งเหมือนเด็กทารกและมีใบหน้าที่งดงามอย่างน่าประหลาดใจ ใครๆ ก็ย่อมจินตนาการได้ว่าครั้งหนึ่งหญิงสาวตรงหน้านี้ต้องเคยเป็นสาวสวยอันดับต้นๆ เมื่อยังแรกรุ่นแน่นอน
“ไม่เลวเลยศิษย์น้อย ขอบคุณสำหรับทักษะหน่วงเวลาสมบูรณ์ของเจ้า ไม่เช่นนั้นไป๋เอ๋อร์อาจจะไม่รอดก็ได้”
โจวเหว่ยชิงกล่าวด้วยความนอบน้อม “ข้าโชคดีมากที่อยู่ตรงนี้พอดี มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญน่ะขอรับ ผู้อาวุโส ข้าขอถามอะไรหน่อยได้หรือไม่? ท่านกระตุ้นพืชให้เติบโตอย่างรวดเร็วได้อย่างไร? โดยเฉพาะอย่างยิ่งพืชที่มีคุณภาพสูงเช่นหญ้าหยกใต้พิภพขนทองต้นนี้?”
รอยยิ้มจางๆ พาดผ่านใบหน้าของหญิงชราขณะที่เธอกล่าวว่า “ไป๋เอ๋อร์น้อยไม่ได้มีคุณภาพสูงขนาดนั้น แต่ความเร็วในการเติบโตกลับช้าเกินไป เจ้ามีทักษะธาตุกาลเวลา ตาเฒ่าคนอื่นๆไม่ได้บอกหรือว่าจะควบคุมการเติบโตของพืชโดยใช้สิ่งนั้นได้อย่างไร? หากเจ้าไม่เร่งให้มันเติบโตจนเกินกำลังเหมือนข้าก่อนหน้านี้ ด้วยทักษะธาตุกาลเวลาที่มี เจ้าจะไม่มีทางล้มเหลวอย่างแน่นอน”
“เอ๋? ตาเฒ่า?” โจวเหว่ยชิงถามด้วยความแปลกใจ
หญิงชราตรวจสอบเขาอย่างใกล้ชิดและพูดว่า “เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นใครงั้นรึ?”
โจวเหว่ยชิงชะงัก จากนั้นก็กล่าวว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้พบผู้อาวุโส ผู้น้อยคนนี้มีชื่อว่าโจวเหว่ยชิง ข้าขอทราบชื่อของท่านผู้อาวุโสได้หรือไม่?”
หญิงชราส่งเสียงอืมเบาๆ จากนั้นก็ยกมือขึ้นจับมือซ้ายของโจวเหว่ยชิงทันที
ดูเหมือนว่ามือของเธอจะเคลื่อนไหวช้ามาก แต่ทั้งโจวเหว่ยชิงและหลินเทียนอ้าวที่อยู่ใกล้ๆ กลับไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา ราวกับว่าทันทีที่เธอยกมือขึ้น มือของโจวเหว่ยชิงก็อยู่ในฝ่ามือของเธอแล้ว
โจวเหว่ยชิงไม่รู้สึกถึงคำสาปหรือผนึกใดๆ บนร่างกายของเขา ทว่าเมื่อหญิงชราจับข้อมือของเขา เขาก็สัมผัสถึงพลังงานที่ไหลผ่านข้อมือของเขาได้อย่างชัดเจน
“เอ๊ะ?” หญิงชราปล่อยเขาด้วยความประหลาดใจ “ศิษย์น้อย เจ้าไม่ได้เป็นลูกศิษย์ของตาแก่พวกนั้นจริงๆ หรือ?”
โจวเหว่ยชิงยิ้มและกล่าวว่า “ผู้อาวุโส ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านกำลังพูดถึงใคร!”
หญิงชราขมวดคิ้วพลางพูดว่า “แล้วเจ้ามาที่เกาะมณีสวรรค์ได้อย่างไร? บนเกาะนี้ข้าไม่เคยเห็นใครที่มีระดับพลังปราณต่ำขนาดเจ้ามาก่อน เป็นเวลาแสนนานแล้วที่ข้าได้พบเห็นผู้ที่มีมณีเพียง 3 ชุด ศิษย์น้อยที่มีมณี 5 ชุดเหมือนคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เจ้ายังดูธรรมดาสามัญมากกว่าอีก”
โจวเหว่ยชิงหน้าแดงและคิดกับตัวเองว่า ระดับพลังปราณต่ำเช่นนี้น่าขายหน้าจริงๆ ใครๆ ก็มักจะดูถูกข้าเพราะเรื่องนี้อยู่เรื่อย!
“ผู้อาวุโส ข้าเป็นสมาชิกของกลุ่มนักรบเฟยหลี่ มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประลองมณีสวรรค์รอบชิงชนะเลิศ” เขาสามารถคาดเดาเกี่ยวกับสถานะของหญิงชราคนนี้ได้ เขาจึงไม่ได้พยายามปกปิดอะไรขณะที่ตอบคำถามอย่างนอบน้อม
หญิงชราจ้องมองโจวเหว่ยชิงอย่างทำอะไรไม่ถูกด้วยสีหน้าไม่มั่นคง ในช่วงเวลาต่อมา เธอก็หัวเราะพลางมองไปที่โจวเหว่ยชิงด้วยท่าทางแปลกประหลาด เป็นสายตาของนักล่า ราวกับหมาป่าที่กำลังมองดูลูกแกะตัวจ้อย
โจวเหว่ยชิงตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว เขาจึงรีบเอ่ยอย่างรวดเร็วว่า “ผู้อาวุโส หากท่านไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวไปเลือกวัตถุดิบที่จะซื้อก่อนนะขอรับ ลาก่อน”
ขณะที่เขากำลังจะจากไป หญิงชราก็ขัดจังหวะเขาอย่างรวดเร็ว “เดี๋ยวก่อน ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ใช่ไหม? เจ้าอยู่ในระดับไหนล่ะ?”
โจวเหว่ยชิงตอบว่า “ข้ากำลังจะไปถึงระดับสูงแล้วขอรับ” แท้จริงแล้ว เมื่อระดับพลังปราณของเขาเพิ่มขึ้นถึงขั้นมณี 3 ชุด พลังปราณสวรรค์และพลังจิตวิญญาณของเขาก็พัฒนาขึ้นไปพร้อมกัน ด้วยความสามารถในการสร้างม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ของเขา โจวเหว่ยชิงจึงสามารถเข้าสู่ระดับสูงได้อย่างแน่นอน
หญิงชราถามต่อไปว่า “แล้วอาจารย์ของเจ้าคือใคร?”
โจวเหว่ยชิงตอบว่า “อาจารย์ของข้ามีชื่อว่าฮูเหยียนเอ้าป๋อ”
หญิงชราชะงักไปราวกับสับสน ก่อนที่จะเอ่ยออกมาในที่สุด “ฮูเหยียนเอ้าป๋อ? อืม…ไม่เคยได้ยินชื่อเลย เฮ้อ…ข้าคิดอะไรอยู่! อาจารย์ศาสตรามณียุทธ์จะไม่มีอาจารย์ของตัวเองได้อย่างไร? ช่างน่าขายหน้า น่าขายหน้าเสียจริงๆ”
ขณะพูดเช่นนั้นก็มีบางอย่างปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเธอ จากนั้นหญิงชราก็ขยับมือมาตรงหน้าเขาพลางพูดว่า “ศิษย์น้อย เนื่องจากเจ้าได้ช่วยเหลือข้าก่อนหน้านี้ ดังนั้นข้าจึงจะมอบของขวัญให้เจ้า ด้วยวิธีนี้ เจ้าจะได้รับส่วนลดจากที่นี่ไม่ว่าจะซื้ออะไรในศาลาศาสตรามณียุทธ์แห่งนี้ก็ตาม”
สิ่งนั้นเป็นแหวนเงินฝังทับทิมสีแดงเม็ดเล็กๆ ประดับไว้เป็นตัวอักษรสองคำ เมื่อโจวเหว่ยชิงเพ่งมองดูใกล้ๆ เขาก็พบว่าทั้งสองคำนั้นคือคำว่า เว่ยหยาง
หญิงชรายิ้มจางๆ และเอ่ยว่า “ นั่นคือชื่อของข้า หากเจ้าต้องการสั่งทำม้วนคัมภีร์แบบพิเศษ เจ้าก็สามารถไปที่ชั้น 4 เพื่อตามหาข้าได้”
โจวเหว่ยชิงหยิบแหวนขึ้นมาสวมที่นิ้วของเขาด้วยความสุขใจ เขารู้ว่าการคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาถูกต้องและหญิงชราคนนี้น่าจะเป็นอาจารย์ศาสตรามณียุทธ์ระดับเทวะหรือสูงกว่านั้น
“ผู้อาวุโสเว่ยหยาง ข้ากำลังจะมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 4 เพื่อสั่งซื้อม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์สำหรับสหายของข้าคนนี้พอดี เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านแล้ว” ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น เขาก็ชี้ไปยังหลินเทียนอ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขา
เว่ยหยางเหลือบมองหลินเทียนอ้าวครู่หนึ่งจากนั้นก็พูดว่า “แล้วตัวเจ้าล่ะ? ไม่ต้องการม้วนคัมภีร์ศาสตรามณียุทธ์ที่สั่งทำเป็นพิเศษหรือ? เห็นว่าเจ้าได้ช่วยข้าไว้ก่อนหน้านี้ หากเจ้าจะสั่งทำให้ตัวเอง ข้าจะให้ส่วนลดครึ่งราคา”
โจวเหว่ยชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดออกมาในที่สุดว่า “ตอนนี้ข้ายังไม่ต้องการสิ่งนั้น ข้าจึงยังไม่อยากรบกวนท่านผู้อาวุโส ในอนาคตหากข้าต้องการ ข้าจะไปตามหาท่านแน่นอนขอรับ…เอ่อ…แล้ว…สหายของข้าล่ะ…?”
……………………………………….
[1] 拔苗助长 แปลตรงๆคือ ”ดึงต้นกล้าให้โต” เป็นสำนวนแปลว่า “การพยายามฝืนกฏเกณฑ์ธรรมชาติ/หรือการรีบร้อนเร่งให้งานใดๆ สำเร็จโดยใช้วิธีที่ผิด