The Divine Nine Dragon Cauldron – ตอนที่ 1079 – จลาจล

ตอนที่ 1079 - จลาจล

  ซือหยูเซี่ยนรึ?ม่อเทียนฉวนสับสน

  ซือหยูได้แสดงพลังในพื้นที่ลับเมฆาม่วงเขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมก็จริง แต่นางไม่ค่อยเชื่อว่าเขามีพลังที่จะทำให้ตำหนักโลหิตเปลี่ยนแปลงและสร้างปาฏิหาริย์แบบนั้น

  ม่อเทียนฉวนตอบด้วยความระแวง

   ข้าก็มีคำถามจะถามเหมือนกัน 

  นางมองเหล่าศิษย์ตำหนักโลหิตการหายตัวไปของศิษย์คนหนึ่งมิอาจรอดพ้นสายตานางได้

  ซือหยูพยักหน้าพวกเขาต้องได้รับการยืนยันในเรื่องสำคัญเรื่องหนึ่ง

  เมื่อเดินผ่านกงซุนหวูซื่อซือหยูคิดพร้อมกับนำไม้เท้าเซียนมณีออกมา มันคือสิ่งที่กงซุนหวูซื่อต้องการอย่างเร่งด่วนเพื่อแก้พิษที่ทำให้นางเป็นอมตะ แต่ที่นี่มีคนมากเกินไป ไม่ดีแน่หากเขาจะใช้สมบัติศักดิ์สิทธิ์  เขารู้ว่าม่อเทียนฉวนย่อมไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปเช่นกัน

  ในห้องลับกลิ่นควันหอมโชย คนมีชื่อเสียงต่างรวมตัวกันที่นี่ แต่ในห้องนั้นเงียบราวป่าช้า

  ผ่านไปนานเสียงถอนหายใจแรงดังขึ้น

   ดีแล้วที่นางรนหาที่ตายข้าจะได้ไม่ต้องลงมือเอง! 

  ม่อเทียนฉวนไม่ได้พูดถึงปิงหวูชิงแต่เป็นหลินหลางนางพูดราวกับว่าการสังหารอสูรที่เป็นเซียนนั้นเป็นเรื่องง่าย

   เหล่าราชาเขตควรจะรู้เรื่องนี้คนเหล่านั้นจะได้เตรียมรับมือ 

  บุรุษเมฆาม่วงดูกังวล

   ข้าเกีงว่าอสูรตนนี้จะถือโอกาสเพิ่มพลังเสียก่อนในตอนที่พวกเรายังไม่รวมเป็นหนึ่ง 

  เมื่อพูดจบบุรุษเมฆาม่วงบ่นโลหิตสีม่วงออกมาเต็มปาก โลหิตเหล่านั้นแบ่งออกเป็นเก้าส่วนและหายไปในความว่างเปล่า  ด้านในโลหิตเหล่านั้นมีข้อความของการกลับมาของเทพอสูรหลินหลางที่มีจิตวิญญาณเทพอยู่กับตัว

  ซือหยูทึ่งเมื่อเห็นการส่งข้อความของบุรุษเมฆาม่วง

  ในจิวโจวตำหนักเมฆาม่วงนับเป็นสำนักระดับกลางเท่านั้น ถึงอย่างนั้น ผู้นำสำนักก็มีวิธีติดต่อกับราชาเขตทั้งเก้า

  จิวโจวที่ไม่ได้เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวแท้จริงมีสายสัมพันธ์แน่นหนากว่าที่เขาคิดไว้

   สุดท้ายเราจะพูดเรื่องเกี่ยวกับเจ้า 

  ม่อเทียนฉวนฉีกยิ้มจ้องมองซือหยูด้วยดวงตาสดใส

  เขาได้ขู่ยอดฝีมือมากกว่าครึ่งในหอคอยให้สาบานผ่านปฏิญาณสัตย์ดวงใจ ต่อมาเขาก็ต่อสู้กับเซียนมณีด้วยตัวเอง หากกู้ไทซูไม่บอกด้วยตัวเองก็ไม่มีใครเชื่อว่าซือหยูมีพลังที่ต่อสู้กับเซียนได้

   ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องเปิดเผยตัวตนแล้วไม่ใช่หรือซือหยูเซี่ยน? 

  ม่อเทียนฉวนมองน้ำเสียงนางดูเย้าแหย่

   หรือข้าต้องบอกเจ้าว่าพวกเรารู้แล้วว่าแม้แต่นามซือหยูเซี่ยนก็เป็นชื่อปลอม 

  บุรุษเมฆาม่วงเงียบเขาคิดเอาไว้แล้วเช่นกันว่าซือหยูเซี่ยนนั้นไม่ใช่ชื่อจริงของเขา

  เงียบอดยู่นานซือหยูมองตาพวกเขา เขาพูด

   ใช่นามแท้จริงข้าคือซือหยู ข้ามาจากโลกอีกใบ 

  ม่อเทียนฉวนกับบุรุษเมฆาม่วงใจเย็นอย่างน่าแปลกใจราวกับเป็นสิ่งที่ทั้งสองรู้อยู่แล้ว

  บุรุษเมฆาม่วงคลายมือเหี่ยวย่นในชายเสื้อพลังอสูรเนรมิตรสลายไปช้า ๆ ความแข็งกร้าวในดวงตาลดระดับลงเช่นกัน

   ข้ามีอีกหนึ่งตัวตนข้าคือบุรุษวิถีอสูรที่สังหารจักรพรรดิโลหิตกับห้าองครักษ์แสงกระจ่าง    ซือหยูพูดอย่างเรียบเฉยเขาเปิดเผยทุกอย่างออกมาโดยไม่มีใครคาดคิด

  ม่อเทียนฉวนกับบุรุษเมฆาม่วงสีหน้าตึงเครียด

   เหล่านั้นคือตัวตนของข้าพวกเจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม? 

  ซือหยูรู้มานานแล้วว่าวันที่เขาต้องเปิดเผยตัวตนจะมาถึง

  บุรุษเมฆาม่วงจิบชาและถามอย่างใจเย็น

   เจ้าไม่กลัวว่าเราจะทำร้ายเจ้ารึ?เจ้าบอกพวกข้าทุกอย่างเลย 

  ซือหยูส่ายหน้าและหัวเราะ

   เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้และเจ้าก็ทำร้ายข้าไม่ได้ ถ้าเจ้าฝืนทำ เจ้าจะมีโอกาสตายสูงกว่า! พวกเรามีศัตรูคนเดียวกัน นั่นคือราชาเขตกลาง เราคือฝ่ายเดียวกัน! ข้าคิดเหตุผลที่เจ้าจะทำร้ายข้าไม่ออก 

  นี่ยังเป็นคำพูดของศิษย์สำนักอยู่อีกหรือ?ซือหยูพูดราวกับว่าพวกเขาทัดเทียมกัน!   บุรุษเมฆาม่วงไม่ได้โกรธแต่ยิ้มอย่างโล่งใจ

   ฮ่าฮ่าฮ่าข้าคิดว่าเราได้พันธมิตรมาเพิ่มคนหนึ่งแล้ว 

  คำพูดของเขาแสดงความยอมรับว่าซือหยูมีคุณสมบัติทัดเทียมพวกเขา

  ม่อเทียนฉวนไม่พูดอะไรแสดงว่านางเองก็ยอมรับเช่นกัน

   หากพวกเจ้ารู้ตัวตนข้า…แล้วใครกันที่บอกพวกเจ้า 

  ซือหยูยังคงยิ้มอย่างใจเย็น

  ดูจากสีหน้าของทั้งสองพวกเขารู้ตัวตนของซือหยูมานานแล้ว น่าจะมีคนบอกเรื่องนี้ตั้งแต่เดือนก่อน

   ตำหนักชิงวิญญาณ 

  บุรุษเมฆาม่วงเงียบอยู่นานก่อนจะมองม่อเทียนฉวน

  ตำหนักชิงวิญญาณรึ?ซือหยูคิด  จริงๆ แล้วก็ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นที่ซือหยูเป็นที่ต้องการตัวจากราชาเขตกลาง

  แม้ซือหยูจะพยายามปิดบังรูปลักษณ์จากตำหนักชิงวิญญาณแต่ยอดฝีมืออย่างเขาที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วดินแดนพรสวรรค์จะไม่ถูกพบตัวได้อย่างไรน? แล้วตำหนักชิงวิญญาณจะไม่พยายามจับตัวเขาหรือ? จะยากเพียงใดกันเมื่อพวกเขามีภาพวาดของซือหยู? ไม่ช้าก็เร็ว เขาจะถูกเผยตัว

  มันไม่นอกเหนือความคาดหมายที่ตำหนักชิงวิญญาณจะเปิดโปงเขา

  แต่ซือหยูรู้ดีว่าตำหนักชิงวิญญาณรู้อะไรอยู่บ้างคนเหล่านั้นไม่รู้ทั้งชื่อจริงและเรื่องที่เขามาจากต่างโลก

  นอกจากเซียนมณีแล้วก็มีคนเดียวที่รู้เรื่องทั้งหมด…

  กู้ไทซู!!

   เจ้ารู้เมื่อใด? 

  ซือหยูถามอีกครั้ง   ข้าเพิ่งจะรู้ 

  ม่อเทียนฉวนเป็นฝ่ายตอบในครั้งนี้

   อะไรเจ้ามีปัญหาเรอะ? 

  ซือหยูมองบุรุษเมฆาม่วง

   บุรุษเมฆาม่วงเจ้าออกไปตามหาศิษย์พี่ใหญ่กู้ไทซูของสำนักเจ้าที่ชื่นชมนักหนาจะดีกว่า ข้าหวังว่ามันจะยังไม่ก่อเรื่อง 

  ทำไมเขาพูดถึงกู้ไทซูในเวลานี้กัน?บุรุษเมฆาม่วงสงสัย แต่เขาก็ไม่กล้าลังเลก่อนจะออกจากห้องลับในทันที

  แต่ทันทีที่ประตูห้องลับเปิดกลิ่นโลหิตที่สายลมพัดพาก็ลอยเข้ามา!

  เขาเห็นว่าทุกยอดเขาของตำหนักเมฆาม่วงเต็มไปด้วยศพคนตายผู้เคราะห์ร้ายไม่ได้มีเพียงแค่ศิษย์ตำหนักเมฆาม่วง เหล่าผู้เฒ่าหรือแม้แต่เจ้าสำนักต่าง ๆ ก็ตกตาย ความสูญเสียปรากฏบนทุกยอดเขา!

  ในอาณาเขตห้องลับที่พวกเขาอยู่นั้นมีค่ายกลที่แบ่งแยกห้องจากโลกภายนอกเอาไว้เป็นเหตุให้คนข้างในไม่ได้ยินเสียงการต่อสู้ที่ด้านนอก

  ปั้ง!

  ผู้เฒ่าคนหนึ่งของตำหนักเมฆาม่วงหล่นจากฟากฟ้าตรงมายังหน้าห้องลับ

   บุรุษเมฆาม่วง…มีคน…กบฏ… 

  คำพูดของเขาขาดหายก่อนสติจะหลุดลอยไปพลังวิญญาณของเขามิอาจเคลื่อนไหว เขาหมดสติไปจากแรงกระแทก

  มีเพียงคนเดียวในดินแดนพรสวรรค์ที่จะหยุดการไหลเวียนของพลังชีวิตได้!

  กู้ไทซู!

  สุดท้ายเขาก็ลงมือ!

  หนทางที่ดีที่สุดสำหรับกู้ไทซูคือการเปิดโปงตัวตนของซือหยูผ่านตำหนักชิงวิญญาณเพื่อทำให้บุรุษเมฆาม่วงม่อเทียนฉวน และซือหยูฆ่ากันเอง ต่อให้ทั้งสามไม่ต่อสู้กัน ทั้งสามก็จะหารือกันอยู่ในห้องลับ

  และเมื่อกู้ไทซูกล้าเปิดโปงเขากู้ไทซูก็ต้องเตรียมรับมือแล้วว่าความสัมพันธ์ของเขากับราชาเขตกลางจะถูกเปิดเผย

  เมื่อมาถึงขั้นนี้สิ่งต่อมาที่เขาจะทำก็คือการก่อกบฏ! ไม่มีผิดเพี้ยน

  แต่ดูจากซากความเสียหายเขาย่อมไม่ใช่คนเดียวที่แปรพักต์!

   เว่ยปูฟาง? 

  ซือหยูมองท้องฟ้าเขาเห็นหุ่นเชิดตัวใหญ่ปล่อยพลังอสูรเนรมิตรออกมาจากทั้งตัว มีพลังของอสูรเนรมิตรขั้นสามอยู่ในหุ่น

  นี่คือหุ่นเชิดตัวเดียวกับที่ทำลายล้างพื้นที่ลับตำหนักเมฆาม่วงก่อนแดนมณีมาถึง!

  คนที่ยืนอยู่เหนือหุ่นเชิดไม่ใช่ใครนอกจากยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งตำหนักชิงวิญญาณบุตรของเจ้าตำหนักชิงวิญญาณ เว่ยปูฟาง!

  จิตสังหารปะทุออกมาจากบุรุษเมฆาม่วงเมื่อได้เห็นหุ่นเชิด

   เป็นฝีมือมัน!    ฆาตกรตัวจริงเบื้องหลังหุ่นเชิดที่พวกเขาค้นหาตัวอย่างยากลำบากปะปนอยู่กับพวกเขามาโดยตลอด

  แต่เจ้าตำหนักชิงวิญญาณกับกู้ไทซูก็หนีไปตั้งแต่ทันทีที่ห้องลับเปิดไม่มีร่องรอยของทั้งสองเหลืออยู่

   ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเจ้าพวกขยะไร้ประโยชน์ กล้าดียังไงมาท้าทายข้า? ลงนรกไปซะ! 

  เว่ยปูฟางหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหุ่นเชิดของเขาร่วงหล่านราวกับดาวตกจากท้องฟ้า

  พลังอสูรเนรมิตรในหุ่นเชิดขยายอย่างไม่รู้จบมันกำลังจะระเบิดตัวเองอีกครั้ง! การระเบิดของอสูรเนรมิตรขั้นสามนั้นรุนแรงพอที่จะทำลายตำหนักเมฆาม่วงเกินครึ่ง กลุ่มอำนาจที่ยังพอมีกำลังในดินแดนพรสวรรค์กำลังจะสูญเสียครั้งใหญ่!

   ฮื่ม! 

  ม่อเทียนฉวนหายตัวไปนางปรากฏตัวอีกครั้งที่หน้าหุ่นเชิด  บุรุษเมฆาม่วงหน้าหมอง

   เจ้าตำหนักม่อระวังตัวด้วย! 

  แม้จะเป็นม่อเทียนฉวนการต้านทานแรงระเบิดด้วยพลังก็เป็นเรื่องอันตราย

 

The Divine Nine Dragon Cauldron

The Divine Nine Dragon Cauldron

Status: Ongoing

หนึ่งประสงค์ทำลายสุริยันจันทราและหมู่ดารา ดัชนีเดียวเข่นฆ่าราชันย์สวรรค์ เพียงปริปากทั้งสวรรค์แลสิบภพพลันวินาศ

เด็กยากจนเดินทางออกจากหุบเขาห่างไกลพร้อมกับมังกรนพเก้าและหม้อวิเศษที่ควบคุมกาลเวลาและพื้นที่กว้างใหญ่ เขาใฝ่หาเส้นทางแห่งพระเจ้าเพื่อท้าทายจักรวาลอันไม่มีสิ้นสุดและต่อสู้กับยุคสมัยในตำนาน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท