เมื่อหลิงเซียวเซ็นชื่อให้กับทุกคนแล้วหัวหน้าทีมหลินก็เดินเข้ามาหาหลิงเซียว
หลิงเซียวเหลือบมองเขาแล้วพูดว่า “มีอะไรหรือเปล่า”
“ฉันขอโทษสำหรับความหยาบคายของฉันก่อนหน้านี้” หัวหน้าทีมหลินพูด
หลิงเซียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าหัวหน้าทีมหลินที่ดื้อรั้นจะมาขอโทษตนเช่นนี้
หลิงเซียวโบกมือและพูดว่า”ลืมไปเถอะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อน” ทันทีที่หลิงเซียวพูดจบ เขาก็จับมือของ อี้อี้ และเดินจากไป
“เดี๋ยวก่อน!” หัวหน้าทีมหลิน พูดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าหลิงเซียวกำลังจะจากไป
หลิงเซียวหันกลับมาและพูดว่า “มีเรื่องอะไรอีก?”
“ฉันต้องการเชิญคุณเข้าสู่กองกำลังดาบที่แหลมคม!” หัวหน้าทีมหลินกล่าวขึ้นมาทันที
หลิงเซียวส่ายหัวทันทีโดยไม่ต้องหยุดคิดให้เสียเวลา “ผมอาจจะเข้าร่วมกองกำลังดาบที่แหลมคมในอนาคต แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ผมจะเข้าร่วมการแข่งขันแลกเปลี่ยนระดับมัธยมแห่งชาติ แล้วจากนั้นผมจะไปที่มหาวิทยาลัยหวู่ฮั่น”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเซียว หัวหน้าทีมหลิน ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เขาได้แต่พยักหน้า
หลิงเซียวหันหลังและเดินจากไปพร้มกับอี้อี้ แต่สมาชิกจากกองกำลังดาบที่แหลมคมยังคงเงียบ
ทุกคนต่างก็มีทางเลือกของตัวเอง และคนอื่นๆก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปยุ่ง
ผู้เฒ่าจู ไม่ได้ถามว่าจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียวคืออะไรและอยู่ในระดับใด
แต่ในใจของหลิงเซียวเขาก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง
เขารู้สึกได้ถึงจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของตัวเองที่มีรูปแบบที่สอง
เงามืดที่ปรากฏตัวก่อนหน้าคล้ายกับปลาวาฬสีน้ำเงินมันควรจะเป็นคุนในตำนาน!
รูปแบบที่สองควรเป็น ต้าเพิง และการรวมกันของทั้งสองก็คือ คุนเพิง!
ใช่แล้วปรมาจารย์ปีศาจคุนเผิงในตำนานโบราณ!
มันสำคัญด้วยหรือว่าระดับนั้นคืออะไร? มันไม่สำคัญอีกต่อไป
“ถ้าเป็นเช่นนั้นในอนาคตมันจะทรงพลังเพียงใดกัน” หลิงเซียวพึมพำ
สิบนาทีต่อมาหลิงเซียวก็ส่ง เฉิน อี้อี้ กลับบ้าน
สองชั่วโมงต่อมาเฉินลั่วก็กลับบ้านมาพร้อมกับอาหาร
ทั้งสามนั่งบนโต๊ะอย่างมีความสุขและรับประทานอาหารเย็นอย่างอบอุ่น
หลิงเซียวมองไปที่ฉากตรงหน้าเเละรู้สึกอบอุ่นในใจ
ในขณะเดียวกันหัวใจของเขาก็ต้องการให้ตนเองเเข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
มีหลายสิ่งที่ไม่สามารถรักษาไว้ได้หากพวกเขาไม่เเข็งแกร่ง
หลิงเซียวสูญเสียพ่อแม่ไปเขาไม่ต้องการสูญเสียไปมากกว่านี้!
หลิงเซียวไม่ได้มีความเมตตาต่อสิ่งมีชีวิตต่างโลกเลยแม้แต่น้อย
นี่คือสงครามระหว่างอารยธรรมหนึ่งกับอีกอารยธรรมหนึ่ง!
หากไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ล้มลง … พวกเขาก็จะไม่หยุดจนกว่าพวกเขาตาย!
ไม่กี่วันต่อมาหลิงเซียวก็ขึ้นรถไฟความเร็วสูง ไปยังสถานที่สำหรับรอบคัดเลือกของการแข่งขันแลกเปลี่ยนระดับมัธยมแห่งชาติ
ตู้โดยสารนี้ประกอบไปด้วยนักเรียนและครูจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงทั้งหมด
แต่ละโรงเรียนถูกนำมาโดยครูสองคนและมีสถานที่สำหรับการแข่งขัน 5 แห่ง
โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สามมี หลิงเซียว,เซี่ยหยู่ และนักเรียนมัธยมปีสามอีกสามคน
ที่โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สอง หลิงเซียว มองไปที่พวกเขาและไม่พบกับคนที่เขารู้จักอยู่เลย
สำหรับโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่ง มีคนอยู่สองคน ที่หลิงเซียวรู้จักนั่นก็คือซูเหยาและหลิวมู่
ไม่นานสายตาของหลิงเซียวก็มาหยุดอยู่ที่หญิงสาวผมหางม้า
“เธอคือจางรุ่ย อันดับหนึ่งของโรงเรียนใช่ไหม?” หลิงเซียวถามตัวเองอย่างลับๆในใจ
หญิงสาวดูเหมือนจะสังเกตเห็นการจ้องมองของหลิงเซียว เธอเห็นหลิงเซียวทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น
เธอสบตากับหลิงเซียวและขมวดคิ้วพร้อมกับมีร่องรอยของความไม่พอใจบนใบหน้าของเธอ
หลิงเซียวไม่อายเลย เขายิ้มให้เธอแทน
จากนั้นหลิงเซียวก็ยืนขึ้นและเดินไปยังทิศทางของหญิงสาว
“หลิงเซียวคุณกำลังจะไปไหน” เมื่อเห็นการกระทำของหลิงเซียว ครูที่นำมาของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม ก็ถามเสียงดัง
หลิงเซียวได้ยินคำนั้นเขาก็กล่าวตอบในทันทีว่า “ผมจะไปทักทายคนรู้จัก”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ครูก็พยักหน้าราวกับว่ากลัวว่าหลิงเซียวจะก่อปัญหา เขาจึงพูดเพิ่มอีกประโยคว่า
“อย่าทำอะไรแผลงๆล่ะ “
หลิงเซียวโบกมือและพูดว่า”ไม่ต้องกังวล”
เขาพูดเช่นนั้น แต่หลังจากไปถึงที่นั่นประโยคแรกก็ทำให้หนังศีรษะของครูถึงกับลุกซู่!