หลิงเซียวเดินไปตรงหน้าสาวผมหางม้าและถามว่า “พี่สาวรู้วิธีอุ่นเตียงไหม?”
“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังชีวิต +2!”
“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังวิญญาณ +2! “
ดวงตาของหลิงเซียวเป็นประกายสดใส คนๆนี้ควรจะเป็นจางรุ่ย
ก่อนหน้านี้หลิงเซียวไม่เคยได้พลังชีวิตกับพลังวิญญาณ 2 จุด กับนักเรียนคนไหนมาก่อน!
“ดูเหมือนว่านักรบจิตวิญญาณสามารถให้คุณลักษณะแก่เขาได้มากกว่า คนธรรมดา!” หลิงเซียว ลอบกล่าวในใจพร้อมกับสีหน้าสงบ
และทันใดนั้นครูที่นำทีมก็พลันรู้สึกว่าหนังศีรษะของตนเสียวซ่า ตามที่คาดไว้ในที่สุดสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นจริงๆ
เซี่ยหยู่ และอีกสามคนลอบกลืนน้ำลายในเวลาเดียวกัน หลิงเซียว คนนี้ช่างกล้ามากจริงๆ!
หลิงเซียวอาจไม่แน่ใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แต่เซี่ยหยู่และคนอื่นๆรู้
ผู้หญิงคนนี้คืออันดับหนึ่งของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิง จางรุ่ย ผู้ปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของเธอขึ้นมา
เมื่อ หลิวมู่ และ ซูเหยา ได้ยินคำพูดของหลิงเซียว การแสดงออกบนใบหน้าของพวกเขาก็พลันแข็งค้างขึ้นมาทันที
“แคกแคก… “
ครูและนักเรียนของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สอง สำลักน้ำลายเพราะประโยคที่ร้ายกาจของหลิงเซียว
เมื่อหลิงเซียว มองไปที่พวกเขา ก็ราวกับว่าคนที่สำลักน้ำลายก่อนหน้านี้ไม่ใช่พวกเขาซะอย่างนั้น
“คุณรู้จักฉันด้วยหรือ?” สาวผมหางม้ากล่าวอย่างเย็นชา
หลิงเซียวพูดอย่างหน้าด้าน “ผมไม่รู้จักคุณ แต่ผมคิดว่า … คุณอาจจะเป็นจางรุ่ย”
“คุณรู้ว่าเป็นฉัน แต่คุณก็ยังจะกล้าพูดแบบนั้น?” สีหน้าของจางรุ่ยมืดลงในทันที
ในฐานะนักสู้อันดับต้นๆ ของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่ง ไม่มีใครเคยพูดเรื่องแบบนี้กับเธอมาก่อน
แม้แต่ครูและครูใหญ่ก็ยังให้ความเคารพเธอ
เมื่อหลิงเซียวได้ยินแบบนั้น เขาก็ยิ้มขึ้นมาทันที “ไม่เคยมีใครพูดอะไรกับคุณแบบนี้มาก่อน คุณอยากให้ผมพูดอีกครั้งไหม?”
ครูและนักเรียนจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่สาม หันหน้าหนีไปทันทีเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของหลิงเซียว
การเคลื่อนไหวนี้เป็นไปอย่างราบรื่นราวกับว่ามีการซักซ้อมกันมาก่อน
พวกเขาเงียบ แสดงความหมายว่า: เราไม่รู้จักคนคนนี้!
จางรุ่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ พลังจิตวิญญาณของเธอควบแน่นและส่งฝ่ามือขวาฟาดออกไปทันที
หวือ!
ความเร็วของฝ่ามือมันรวดเร็วมากจนอากาศฉีกขาด!
หลิงเซียวหรี่ตาและส่งฝ่ามือออกไปตอบโต้เช่นเดียวกัน
ปัง
เมื่อฝ่ามือทั้งสองปะทะกันก็ถึงกับทำให้อากาศสั่นสะเทือน
จางรุ่ยตกใจและโพล่งออกมา “นักรบจิตวิญญาณ!”
“มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ที่จะมีเพียงแค่คุณเท่านั้นที่สามารถเป็นนักรบจิตวิญญาณได้?” หลิงเซียว กล่าวอย่างใจเย็น
เมื่อคนอื่นๆได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาก็พลันเบิกกว้าง
ความจริงที่ว่า จางรุ่ย กลายเป็นนักรบจิตวิญญาณในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่เกือบทุกคนในเมืองหนานเฉิงรู้
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เมืองหนานเฉิงไม่เคยมีนักเรียนมัธยมปลายคนใดที่สามารถเข้าถึงอาณาจักรนักรบจิตวิญญาณได้มาก่อน!
แต่หลิงเซียว? โดยพื้นฐานแล้วมันคือตรงกันข้าม
นอกเหนือจากสมาชิกจากกองกำลังดาบที่แหลมคมเพียงไม่กี่คนในวันนั้น โดยพื้นฐานแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ แต่พวกเขาก็ถูกห้ามไม่ให้เผยเเผร่ออกไปโดยกองกำลังดาบที่แหลมคม เพราะกลัวว่าจะสร้างความตื่นตระหนกให้กับผู้คน
เป็นเพราะเหตุนี้ชื่อเสียงของหลิงเซียวจึงไม่เป็นที่รู้จัก
“หลิงเซียว คุณกลายเป็นนักรบจิตวิญญาณตั้งแต่เมื่อไหร่?” ซูเหยา อุทานขึ้นมาทันที หลังจากที่สติสัมปชัญญะของเธอกลับคืนมา
หลิงเซียวมองไปที่เธอและพูดว่า “สามวันก่อน”
เมื่อคนอื่นๆได้ยินคำพูดนั้น พวกเขาก็สูดลมเย็นเข้าปอดทันที
สามวันเพียงแค่ช่วงเวลาสามวันสั้นๆ หลิงเซียวกลับได้ล่ะทิ้งความเป็นมนุษย์ไปแล้ว
นักศิลปะการต่อสู้และนักรบจิตวิญญาณดูเหมือนจะมีความแตกต่างกันเพียงระหว่างคำที่ใช้เรียก
อย่างไรก็ตามมีเพียงคนที่มาถึงระดับนักรบจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขาได้!
นี่เป็นช่องว่างขนาดใหญ่ที่คนธรรมดายากที่จะก้าวข้าม มันเป็นเส้นเเบ่งระหว่างอัจฉริยะและมนุษย์!
เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีเพียงจางรุ่ยคนเดียวเท่านั้นที่เป็นนักรบจิตวิญญาณท่ามกลางทุกคนที่มีอยู่ แต่ตอนนี้กลับมีข้อยกเว้นเกิดขึ้นในหมู่พวกเขาอีกคนแล้ว!
“สามวันก่อนงั้นเหรอ?” ดวงตาของจางรุ่ยเบิกกว้างราวกับว่าเธอจำอะไรบางอย่างได้