หลิงเซียวกล่าวต่อว่า “ทำไมผู้หญิงถึงได้อยากปีนขึ้นไปบนเตียงของฉันกันน่ะ”
“เฮ้อ…ฉันเกลียดโลกนี้ ความหล่อเหลาอันรุ่งเรืองของฉันมันปกปิดความสามารถอันน่าทึ่งของฉัน ฉันไม่สามารถกำจัดเสน่ห์ที่น่ารังเกียจนี้ของฉันได้!”
ในขณะที่พูด เขาก็ลูบผมของเขาราวกับทำอะไรไม่ถูก
เมื่อคนอื่นๆได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาก็พูดอะไรไม่ออก
แต่จากการแสดงออกของพวกเขาจะเห็นได้ว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่สามารถเอาชนะหลิงเซียวได้ พวกเขาคงจะไปลุมตื้บหลิงเซียวแล้ว
“การแสดงออกแบบนั้นหมายความว่าอะไร ถึงหน้าตาจะดูไม่หล่อ แต่ก็มีเสน่ห์ไม่ใช่หรือ?” หลิงเซียวกล่าวอย่างโกรธเคือง
ทันทีที่หลิงเซียวพูดคำนี้ออกไป คนอื่นๆก็หมดอารมณ์ทันที
หลังจากระบบอวยพรอย่างต่อเนื่องแม้ว่าหลิงเซียว จะมีใบหน้าขี้หมาแห้ง มันก็ไม่สามารถพูดได้ว่าเขาไม่มีเสน่ห์
ในทางตรงกันข้ามทุกการเคลื่อนไหวของหลิงเซียวสามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้
แม้ว่า … ใบหน้านี้จะดูเลอะเทอะและดูราคาถูกไปหน่อยก็เถอะ
จางรุ่ยกัดฟันเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้
เธอต่อต้านความโกรธในใจของเธอและถามว่า “เมื่อสามวันก่อน ที่โรงเรียนประถมหนานเฉิง นักเรียนมัธยมคนนั้นคือคุณใช่หรือเปล่า?”
หลิงเซียวผงะไปชั่วขณะจากนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว “คุณรู้ได้ยังไง?”
“ไม่สำคัญ” จางรุ่ยตอบ
จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกมาและพูดว่า “มาทำความรู้จักกันใหม่ ฉันชื่อจางรุ่ยเป็นเทพีสงครามแห่งหนานเฉิง!”
“ผมหลิงเซียว เป็นผู้ชายที่หล่อเหลาและแข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” หลิงเซียวก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนั้น พวกเขาก็งุนงงเล็กน้อย ทำไมทั้งสองที่เพิ่งจะต่อสู้กันก่อนหน้านี้ ตอนนี้กลับกลายมาเป็นจับมือกันและสร้างสันติภาพขึ้นมา?
เมื่อฟังการแนะนำตัวของทั้งสองคนที่หยิ่งผยองเหมือนกัน ทุกคนก็พึมพำในใจและอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่านี่คือการรวมตัวกันในตำนานของคนหลงตัวเองหรือไม่?
ผู้คนจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่หนึ่ง ยิ่งอธิบายไม่ถูก
เทพีสงครามวันนี้เธอคงไม่ได้กินยาลืมเขย่าขวดมาใช่ไหม? เธอคุยง่ายขนาดนี้ได้ยังไง?
นี่มันไม่ถูกต้อง! จะต้องมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง!
ชูเหยา เป็นคนแรกที่ตอบสนอง เธอถามขึ้นมาในทันทีว่า “รุ่ยรุ่ย เกิดอะไรขึ้นกับเมืองหนานเฉิง เมื่อสามวันก่อน”
คนที่เหลือก็กลับมามีสติอีกครั้ง
จางรุ่ยเหลือบมองไปที่หลิงเซียวอย่างลึกล้ำและพูดว่า “เมื่อสามวันก่อนมีนักรบจิตวิญญาณต่างโลกจำนวนเล็กน้อยปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหนานเฉิง!”
“จริงเหรอ? นักรบจิตวิญญาณจากต่างโลกบางคนออกมาจากรอยแยกมิติอื่นจริงๆ?”
“มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะออกมา แต่พวกเขากลับปรากฏตัวขึ้นในสถานที่เล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ในใจกลางเมือง! “
“หืม? ไม่ถูกต้อง! จางรุ่ยเธอกำลังจะบอกว่าหลิงเซียวต่อสู้กับนักรบจากต่างโลก? “
” … “
ในไม่ช้าทุกคนก็ตระหนักได้ถึงคำพูดที่จางรุ่ยกำลังจะสื่อ
จากนั้นพวกเขาก็มองไปที่หลิงเซียวด้วยความประหลาดใจทันที ราวกับว่าพวกเขากำลังคิดถึงบางสิ่งที่น่าตกใจ
คราวนี้จางรุ่ยพูดออกมาตรงๆ “ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเคยได้ยินเรื่องนี้หรือเปล่า เย็นวันนั้นเหนือหนานเฉิงเล็กน้อย มีเงามืดของจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดยาวหนึ่งพันเมตรปรากฏขึ้น! ถ้าฉันเดาไม่ผิด นั่นน่าจะเป็น จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียว!”
“ให้ตายเถอะ!”
“จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิด ยาวหนึ่งพันเมตร? “
“นั่นไม่ได้หมายความว่า จิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของหลิงเซียวมีระดับที่สูงมากหรอกเหรอ? “
ก่อนที่พวกเขาจะทันได้พูดอะไรต่อ จางรุ่ยก็พูดอะไรบางอย่างเพิ่มเติม ข่าวนี้ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิม
“สมาชิกสามคนจากกองกำลังดาบที่แหลมคมในวันนั้น ที่เป็นนักรบจิตวิญญาณระดับหนึ่งและระดับสอง ทั้งสามคนล้วนพ่ายแพ้ให้แก่นักรบจากต่างโลก!”
“แต่หลังจากที่หลิงเซียวปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดขึ้นมา เขาก็สามารถเอาชนะนักรบต่างโลกนั้นได้โดยตรง !” จางรุ่ยกล่าวอย่างช้าๆ
เว้ง!
คำพูดของจางรุ่ยเป็นเหมือนระเบิดที่ทำให้ทุกคนตกตะลึง
หลิงเซียวที่เพิ่งปลุกจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์แห่งกำเนิดของเขา กลับสามารถทำให้นักรบต่างโลกที่สู้กับสมาชิกจากกองกำลังดาบที่แหลมคมทั้งสามจนแพ้พ่าย พิการได้
แน่ใจเหรอว่านี่ไม่ได้โกหกกัน