แต่เมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จางรุ่ยไม่จำเป็นต้องหลอกลวงพวกเขาเลยแม้แต่น้อยดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ยอมรับความจริงนี้
พวกเขามองไปที่หลิงเซียวด้วยความอิจฉาริษยาและมีความเกลียดชังอยู่ในสายตาของพวกเขา
คนอื่นแข็งแกร่ง แต่คุณไม่สามารถจะทำอะไรกับมันได้ คุณมีวิธีไหมล่ะ?
หลิงเซียวไม่สนในสิ่งที่พวกเขาคิด เขาพูดขึ้นมาว่า “จางรุ่ย คุณยังไม่ได้ตอบคำถามของผมเลย”
หลิงเซียวพูดถึงเรื่องเดิมอีกครั้ง พลันทำให้หัวใจของทุกคนเต้นรัวในทันที
พี่ชายถึงจะอยากตายก็ไม่ควรทำแบบนี้!
เขากลายเป็นนักรบจิตวิญญาณไปแล้ว ทำไมพวกเขาถึงสถุลและไร้ยางอายขนาดนี้อีก?
ทุกคนพูดไม่ออก คนสถุลอย่างเขาที่กลายเป็นนักรบจิตวิญญาณ พระเจ้าไปหาเหตุผลของเรื่องนี้มาจากไหน?
จางรุ่ยขมวดคิ้ว “คุณน่าสนใจแบบนี้ตลอดเลยเหรอ”
ทันทีที่เสียงของเธอลดลงเธอก็ได้ยินเสียงของหลิงเซียวที่พูดออกมาอย่างชอบธรรมว่า “ขโมยก็น่าสนใจ! เพราะมันสามารถทำให้คุณขึ้นสวรรค์ได้!”
“ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังชีวิต +1! “
” ติ้ง! โฮสต์แสดงสันดานสถุลออกมาสำเร็จ พลังวิญญาณ +1! “
หลิงเซียวอดไม่ได้ที่จะมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าขณะที่เขาฟังเสียงแจ้งเตือนของระบบ
คนอื่นจะเป็นโรคประสาทตายอยู่แล้ว ถ้าพวกเขาเกิดสู้กันขึ้นมาจริงๆ พวกเขาที่อยู่ใกล้ๆคงจะมีจุดจบที่อนาถอย่างแน่นอน!
การต่อสู้ระหว่างเทพเจ้า แล้วพวกเขาที่เป็นคนธรรมดาจะอยู่รอดได้อย่างไร
“คุณอยู่ห่างจากจะฉันดีกว่า! ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า ฉันจะควบคุมตัวเองได้!” จางรุ่ยมองไปที่หลิงเซียวราวกับมองคนตาย
หลิงเซียวยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
จากนั้นหลิงเซียวก็ขยับมือขวากำหมัดแน่นและออกหมัดพุ่งตรงไปที่ใบหน้าของจางรุ่ยโดยตรง!
ความเร็วนั้นรวดเร็วมากจนกลายเป็นภาพที่พร่ามัว!
ดวงตาของ จางรุ่ย เบิกกว้างเธอเอียงศีรษะพยายามที่จะหลบ
แต่หมัดของหลิงเซียวราวกับว่ามันมีดวงตามันพุ่งตามมาทันทีที่เธอขยับ!
จางรุ่ยต้องการที่จะยกมือขึ้นเพื่อป้องกัน แต่มันก็สายเกินไป
ก่อนที่หมัดจะมาถึงลมจากหมัดก็ได้พุ่งเข้ามาปะทะที่ใบหน้าของเธอแล้ว จนทำให้ใบหน้าของเธอรู้สึกเจ็บปวด
จางรุ่ยหลับตาลงด้วยความสิ้นหวังรอการมาถึงของหมัดของเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปสามวินาทีความเจ็บปวดที่คาดไว้ก็ยังคงไม่มา
จางรุ่ยลืมตาขึ้นและเห็นหมัดของหลิงเซียวหยุดอยู่ห่างจากเธอเพียงหนึ่งเซนติเมตร
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงของหลิงเซียวที่พูดอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ เพราะผมสามารถรับมือกับมันได้ หมัดนี้ถือว่าเป็นการตอบแทนจากฝ่ามือก่อนหน้านี้ของคุณก็แล้วกัน”
ทันทีที่เขาพูดจบหลิงเซียวก็หดมือกลับไปพร้อมกับเดินจากไป
จางรุ่ยเฝ้ามองหลิงเซียวจากไป ด้วยสีหน้าที่สับสน ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
“รุ่ยรุยเป็นไรหรือเปล่า” ซูเหยากล่าวถามอย่างเป็นห่วง
เมื่อจางรุ่ยได้ยินดังนั้นเธอก็กลับมามีสติอีกครั้ง
“ไม่ … ไม่เป็นไร”
ซูเหยาเหลือบมองเธออย่างสงสัย แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไร
คราวนี้สาตาทุกคนมองไปที่หลิงเซียวแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ก่อนหน้านี้มันก็ทำให้พวกเขาตกใจมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้มันกลับทำให้พวกเขารับรู้ถึงช่องว่างระหว่างทั้งสองฝ่ายได้อย่างสมบูรณ์
ความเร็วในการตอบสนองของจางรุ่ยนั้นเร็วมาก หากเป็นพวกเขาแทน พวกเขาคาดว่าพวกเขาคงจะไม่สามารถตอบสนองได้เลย!
“หลิงเซียวคุณฝึกฝนอย่างไร ทำไมถึงแข็งแกร่งได้มากขนาดนี้!”
“ใช่แล้วคุณรีบบอกพวกเรามาเถอะ”
“หลิงเซียว พี่หลิง พี่โปรดสอนพวกเราด้วยเถอะ”
หลังจากได้เห็นพลังของหลิงเซียว นักเรียนชั้นปีที่สามก็กลายเป็นสุนัขเลียทันที
เมื่อคนอื่นๆเห็นเช่นนั้น ในใจของพวกเขาก็พลันดูถูก!
พวกเขาคิดเช่นนั้นในใจ แต่ร่างกายของพวกเขากลับซื่อสัตย์ หูของพวกเขากางผึ่งทีละข้างเพื่อแอบฟังในทันที
เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงเซียวจึงพูดว่า “พวกคุณเคยเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตอนตีสี่หรือเปล่า?”