รุ่นพี่โรงเรียนมัธยมที่อยู่ข้างๆได้ยินดังนั้นก็ตอบทันที “คุณกำลังบอกว่าการทำงานหนักสามารถบรรลุระดับนี้ได้หรือเปล่า?”
“คุณกำลังจะบอกว่าตื่นมาฝึกตั้งแต่ตีสี่ จนถึงเช้าหรือเปล่า?” เซี่ยหยู่ กล่าว
ซูเหยา พูดแทรก “หลิงเซียวคุณฝึกหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
จางรุ่ยพยักหน้าราวกับเห็นด้วยกับคำพูดของหลิงเซียว
หลิวมู่ มองไปที่ หลิงเซียว อย่างจริงจังเพราะกลัวว่าจะพลาดคำใดคำหนึ่งไป
แม้ว่าคนอื่นๆจะไม่ได้พูดอะไร แต่การแสดงออกของพวกเขาก็จริงจังไม่แพ้กัน
หลิงเซียวหัวเราะเบาๆและพูดว่า “ความลับมันก็คือ… “
ทุกคนต่างจ้องมองไปที่หลิงเซียว
“… พวกคุณไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ตอนตีสี่!”
ทุกคนตกตะลึง และคำพูดของหลิงเซียวยังคงดังก้องอยู่ในใจของพวกเขา
ไม่สามารถเห็นพระอาทิตย์ตอนตีสี่!
มองไม่เห็นพระอาทิตย์!
พระอาทิตย์!
อึก! หลังจากยึกยักมานาน คุณอยากจะพูดแค่นี้ใช่ไหม?
อารมณ์ของทุกคนราวกับจะระเบิดออกและหลิงเซียวก็หัวเราะ
จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ฉันไม่ได้พูดล้อเล่นน่ะ”
คนอื่นๆราวกับโดนหักหลัง ตอนนี้พวกเขาไม่อยากจะเชื่อแม้แต่กับคำพูดเดียวของหลิงเซียวแล้ว
หลิงเซียวไม่สนใจเขาพูดต่อว่า “หลายคนมักจะพูดว่าดูคนๆนั้นสิ เขาเป็นอัจฉริยะ!
เราเป็นแค่คนธรรมดาเราจะไปเปรียบเทียบกับเขาได้อย่างไร
ด้วยคำเพียงคำเดียวก็สามารถลบความพยายามทั้งหมดของคนๆหนึ่ง และให้พวกเขาไปอยู่ในกลุ่มที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะ
ในขณะเดียวกันพวกที่พูดพวกเขาก็นำตัวเองไปอยู่ในกลุ่มของคนธรรมดาและหาเหตุผลที่ทำให้พวกเขาตกต่ำ “
ทุกคนฟังและเริ่มพยักหน้าช้าๆ
“แต่รู้มั้ยความจริงแล้วความพยายามของหลายๆคนนั้นยังคงห่างไกลจากการถึงเพดานความสามารถที่แท้จริงของพวกเขา!” หลิงเซียว พูดเสียงดัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็พยักหน้ามากขึ้น
“ถูกต้อง! พวกเขาหลายคนยอมแพ้กับตัวเอง!”
“ใช่มีอัจฉริยะมากมายในโลกนี้และในจำนวนคนเหล่านั้นก็มีกลายคนที่เป็นคนธรรมดาที่ฝึกฝนอย่างหนัก”
“หลิงเซียวพูดถูก เป็นเรื่องจริงมีพวกเราคนไหนบ้างที่นี่ ที่ไม่ได้ฝึกฝนอย่างหนัก “
ทุกคนพูดคุยและเห็นด้วย
จากนั้นพวกเขาก็ได้ยินหลิงเซียวพูดต่ออีกว่า “มีเพียงผู้ที่สัมผัสเพดานเท่านั้น ที่จะรู้ว่าอัจฉริยะนั้นทรงพลังเพียงใด!”
WTF นี่เขากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน?
ซุปไก่สุดพิเศษอยู่ไหนล่ะ? ทำไมมันถึงกลายเป็นซุปไก่ใส่ยาพิษในทันที?
“พวกคุณคงคิดว่าทุกคนอยู่ในเส้นเริ่มต้นเดียวกัน แต่จริงๆแล้วอัจฉริยะนั้นกำลังยืนอยู่หน้าเส้นชัย ในขณะที่คนธรรมดายืนอยู่ที่เส้นเริ่มต้น!
อัจฉริยะต้องใช้ขาเพียงก้าวเดียวเพื่อไปให้ถึงเส้นชัย แต่คนธรรมดาสามารถชดเชยได้ด้วยการฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น!
ดังนั้นพวกเขาจึงต้องปลอบตัวเองว่าฉันไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก แต่ฉันฝึกฝนมาอย่างหนัก! ฉันสามารถตามทันพวกเขาได้!
แต่ความจริงก็คือคุณฝึกฝนหนัก แต่คนอื่นๆสามารถทำได้ด้วยการก้าวเพียงไม่กี่ก้าว ” หลิงเซียวพูด
ในตู้โดยสารก่อนหน้านี้มีเสียงพูดคุยกันเสียงดังมาก แต่ตอนนี้มันเงียบไปแล้ว
ราวกับว่าในชั่วพริบตารถตู้โดยสารทั้งคันก็ถูกแช่แข็ง
ผ่านไปสามวินาทีจิตใจทุกคนราวกับพังทลายลงมา!
ไอ้เหี้ยเอ้ย! คำพูดมันหักมุมราวกับโค้งหักศอก!
ฉันคิดว่ามันเป็นซุปไก่ชามหนึ่ง แต่กลับกลายเป็นชามที่เต็มไปด้วยสารหนู!
หากการแสดงออกในสายตาของพวกเขาสามารถฆ่าคนได้ตอนนี้หลิงเซียวก็คงจะกลายเป็นโคลนไปแล้ว
หลิงเซียวเมินเฉยต่อสายตาของทุกคน
“เป็นอะไรไป? พวกคุณไม่ถามฉันแล้วเหรอว่าฉันฝึกยังไง ฉันฝึกอะไร ฉันมีความสุขมากเลยน่ะที่จะตอบ!” หลิงเซียวหัวเราะ
ทุกคนต่างพากันก้มหน้าด้วยความเจ็บปวดและนักเรียนมัธยมปลายสามคนที่ถามคำถามต่างก็เสียใจที่ตนได้ถามออกไป
พวกเขาไม่ควรถามคำถามนี้ตั้งแต่แรก! ตอนนี้พวกเขารู้สึกอึดอัด! จนจิตใจของพวกเขาจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว!