เเหมะ…
แหมะ…
น้ำตาของซูเหยาหนดลงมาตกลงบนพื้น
แม้ว่าจางรุ่ยจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ดวงตาของเธอก็แดงก่ำเล็กน้อย
พวกเธอรู้สึกอึดอัดมากเมื่อคิดว่าหลิงเซียวจะเป็นทาสของตระกูลหวังเป็นเวลายี่สิบปีหลังจากนี้
อัจฉริยะแห่งสวรรค์เช่นนี้ ถ้าเขาต้องเป็นทาสในช่วงยี่สิบปีที่ดีที่สุดในชีวิต พวกเธอกลัวว่าอนาคตนักรบจิตวิญญาณของเขาจะจบสิ้น
หวังหนิงก้าวขึ้นไปบนเวทีแล้วพูดอย่างดูถูกว่า “หลิงเซียว ฉันคิดว่าแกเป็นนักรบที่ทรงพลัง แต่ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าแกจะเป็นคนโง่ได้ขนาดนี้!”
“ด้วยสมองของแก แกคู่ควรที่จะต่อสู้กับฉันด้วยงั้นหรือ?”
ข้างนอกเวทีประลอง เหล่าสมาชิกศิลปะการต่อสู้อดไม่ได้ที่จะสังเวชหลิงเซียว
“คนโง่แบบนี้จะมาเปรียบเทียบกับพี่หวังได้ยังไง?”
“เมื่อเทียบกับความฉลาดและพลังการต่อสู้แล้ว อีกไม่นานมันจะต้องถูกพี่หวังโค้นล้มแน่ๆ”
“ทำไมแกไม่ลองคุกเข่าขอความเมตตาล่ะ? บางทีพี่หวังอาจยอมให้แกเป็นทาสไม่กี่ปีแทนยี่สิบปีก็ได้!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
“ตั๊กแตนตำข้าวหยุดรถไม่ได้ มันก็เปรียบเสมือนกับหลิงเซียวในตอนนี้”
“มนุษย์ สิ่งสำคัญที่สุดคือการรู้จักขีดจำกัดของตนเอง!”
“…”
กลุ่มสมาชิกศิลปะการต่อสู้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับหลิงเซียว โดยกล่าวว่าหลิงเซียวดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ที่จะสู้
พวกมันลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่าพลังต่อสู้และความแข็งแกร่งของหลิงเซียวก่อนหน้านี้นั้นน่ากลัวขนาดไหน เรื่องนั้นทำให้พวกมันถึงกับตกใจและหวาดกลัวมาก่อน
ในเวลานี้ซูเหยากัดฟันราวกับว่าเธอเพิ่งตัดสินใจที่ยากลำบากลงไป
“หวังหนิง ฉันสัญญาว่าจะเป็นแฟนแก แต่แกต้องการปล่อยหลิงเซียวไป” ซูเหยากล่าวเสียงดัง
แววตาของหวังหนิงพลันเปร่งประกาย ขณะที่ซูเหยากำลังจะพูดต่อ เธอก็พลันได้ยินหลิงเซียวพูด
หลิงเซียวตำหนิเธอทันที “นี่เป็นเรื่องของฉัน มันไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ!”
“หลิงเซียว! อย่าทำตามอำเภอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน สิ่งต่างๆคงจะไม่เกิดขึ้นและมาถึงจุดนี้” ซูเหยากล่าวอย่างเว้าวอน
“หุบปาก! และไปให้พ้น!” หลิงเซียวตะโกนใส่เธอ
ซูเหยากัดริมฝีปากล่างของตนเองและไม่ได้พูดอะไรอีก
เมื่อหลิงเซียวเห็นแบบนั้น เขาก็รู้สึกโล่งใจ
เขาคิดในใจว่าฉันกำลังจะรวย สาวน้อยเธอช่างวุ่นวายอะไรอย่างนี้
ความริษยาและความโกรธในหัวใจของหวังหนิงยิ่งบ้าคลั่ง ทำไมซูเหยาถึงห่วงใยหลิงเซียวมากถึงกับยอมจ่ายราคามหาศาลเช่นนี้ได้?
“หลิงเซียวแกพร้อมที่จะเป็นข้ารับใช้ของตระกูลหวังของฉันแล้วใช่ไหม!” หวังหนิงกล่าวเสียงดัง
จากนั้นบนศีรษะของมัน ภาพเงาเสมือนจริงก็ค่อยๆควบแน่น
“ไปลงนรกซะ!” หวังหนิงตะโกน
พลังชีวิตและพลังจิตวิญญาณแผ่พุ่งเข้าไปปะทะกับหลิงเซียว!
มุมปากของหลิงเซียวโค้งงอ พลังชีวิตและพลังจิตวิญญาณ พลันแผ่ขยายออกมาด้วยพละกำลังทั้งหมดของเขา!
บูม!
บรรยากาศอันน่าสยดสยองที่เกิดขึ้นนี้พลันทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงศิลปะการต่อสู้ทั้งหมดรู้สึกหวาดกลัว
ทุกคนสัมผัสได้ถึงหัวใจที่แทบจะหยุดเต้นของตนเอง ขาของพวกมันสั่นไม่หยุด!
สมาชิกบางคนกลัวจนปัสสาวะราดออกมาทันที!
สายตาของพวกมันอดไม่ได้ที่จะมองไปยังหลิงเซียว ในเวลานี้ ในสายตาของพวกมันหลิงเซียวไม่ใช่คนอีกต่อไป! แต่เป็นมารผู้ที่สามารถปลิดชีพของพวกมันได้ทุกเมื่อ!
หลิงเซียวโบกมือขวา พลังจิตวิญญาณพลันถูกส่งออกไปปะทะกับพลังของหวังหนิงทันที!
เมื่อมองไปที่มือขวาของหลิงเซียวอีกครั้ง มันก็ไม่มีแม้แต่ร่องรอยของบาดแผลเลย!
“ได้ยินมาว่าแกอยากให้ฉันตายงั้นเหรอ?” หลิงเซียวแสยะยิ้ม
แต่รอยยิ้มนี้ไม่ได้เป็นรอยยิ้มที่ดีสำหรับหวังหนิงเลย มันเป็นเหมือนกับรอยยิ้มของเทพเจ้าแห่งความตาย!
ปัง
หลิงเซียวเตะพื้น รอยเท้าพลันปรากฏขึ้นบนเวทีที่ทำจากโลหะผสม!
“เงาทำลายล้างมาพร้อมกับแสงที่ส่องสว่าง!” หลิงเซียวตะโกน ไม้เท้ายาวในมือของเขาราวกับฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ไม้เท้ายาวพลันเต็มไปด้วยพลังชีวิตและพลังจิตวิญญาณ กลายเป็นเงาร่างปกคลุมท้องฟ้าบุกโจมตีหวังหนิง!