ตอนที่ 57 มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมาก
ระบบอัพเกรดเทพชาย ตอนที่ 57 มันเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัดมาก
“โอ้…” หลิงเชียวลากเสียงยาว ราวกับว่าเขาจําอะไรบางอย่างได้
การแสดงออกบนใบหน้าของ ตงหลิ่วชวน พลันเจิดจรัสยิ่งขึ้น เขาคิดในใจว่า “ยังไงเขาก็ยังคงเด็กอยู่ ชื่อของโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ฉวนโจวก็ค่อนข้างโด่งดังอยู่บ้าง”
(ปล.หมาวิทยาลัยหอู่ฮั่น เปลี่ยนเป็นโรงเรียนศิลปะการต่อสู้นะครับ จีนมันเขียนตัวย่อ – ทําให้ผมสับสนนิดหน่อย)
“โอ้…ฉันไม่รู้จัก!” หลิงเซียวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา
แต่สิ่งที่เขาพูดทําให้ ตงหลิ่วชวน ตัวแข็งค้าง
ฟังนะ เธอกําลังพูดภาษามนุษย์อยู่หรือเปล่า?
แม้ว่าโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ฉวนโจวจะไม่ถือว่าเป็นโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ระดับสูงระหว่างโรงเรียนศิลปะการต่อสู้ของทั้งประเทศ
และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงระดับกลางและถูกจัดอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยทั่วไป
แต่เธอก็คือหลิงเซียวจากมณฑลเทียนฉวนไม่ใช่หรือ? โรงเรียนศิลปะการต่อสู้ฉวนโจว ควรเป็นที่รู้จักในมณฑลเทียนฉวนไม่ใช่หรือ?
ขณะที่ ตงหลิ่วชวน ตกอยู่ในความคิดของตัวเอง หลิงเชียวก็กล่าวต่อว่า “ปู่ ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม งั้นฉันไปก่อนนะ”
หลังจากที่ ตงหลิ่วชวน ได้ยินคําพูดของหลิงเซียว เขาก็รู้สึกราวกับว่าถูกสายฟ้าฟาดใส่
ประโยคของหลิงเซียวดังก้องอยู่ในใจของเขา
ปู่…ป่?
ปู่ อะไร! เขาอายุแค่ 50 ต้นๆ เท่านั้น!
ไม่ต้องพูดถึงนักรบอย่างเขาที่มีพละกําลังมหาศาล แม้ว่านักรบจิตวิญญาณจะมีอายุมากกว่า 50 ปี พวกเขาก็ยังคงดูเหมือนมีอายุแค่ 30 ปีเท่านั้น ไม่ใช่หรือ?
เมื่อเห็นท่าทางของ ตงหลิ่วชวน หลิงเซียว ก็อยากจะบ้าตาย
หลิงเชียวรับรู้ได้ว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจเจตนาของชายชราคนนี้ได้จะเกิดอะไรขึ้นถ้าชายชราคนนี้มาทําร้ายตัวเอง?
ขณะที่หลิงเซียวกําลังจะก้าวออกไป เขาก็ถูกค้นพบโดย ตงหลิ่วชวน
ในขณะนี้ ตงหลิ่วชวน สังเกตเห็นบางอย่างแปลกๆเกี่ยวกับหลิงเซียว
เมื่อ ตงหลิ่วชวน คิดเกี่ยวกับมันเขาก็เข้าใจ เขาอธิบายออกมาทันทีว่า “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาทําร้ายเธออย่างแน่นอน…”
ตงหลิ่วชวน ถูกขัดจังหวะโดย หลิงเซีบว ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ
“มันอาจจะจริง แต่อาชญากรก็ไม่เรียกตัวเองว่าอาชญากรเช่นกัน” หลิงเซียว โพล่งออกมาโดยไม่ได้คิด
หลังจากนั้น สถานการณ์ก็กลายเป็นน่าอึดอัดใจอย่างยิ่ง
ตงหลิ่วชวน รู้สึกว่าเขาเกือบจะโกรธเด็กเหลือขอคนนี้เข้าแล้ว เขาดูเหมือนคนร้า ยมากขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?
หลิงเซียวพบว่าปากของตนไวไปหน่อย มันจึงทําให้เขารู้สึกอับอายนิดหน่อย
“ส่วนใหญ่…ฉันกลัวการหายไปเงียบๆอย่างกะทันหัน และกลัวความเป็นห่วงของเพื่อนๆ” หลิงเซียว ต้องการบรรเทาความอับอายของตน แต่ไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไร เขาจึงร้องเพลงออกมาสองสามประโยคเช่นนี้
หลังจากร้องเพลง หลิงเซียวก็ตระหนักว่าเขาเป็นอัจฉริยะจริงๆ และเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็ยิ่งน่าอับอายมากขึ้นไปอีก
ทั้งสองสบตากันอย่างเงียบๆ
ตงหลิ่วชวน เหนื่อยใจเป็นอย่างมาก เขากลัวว่าถ้าพูดมากกว่านี้ เขาจะถูกหลิงเซียวทุบตีจนตาย
และหลิงเชียวก็ตื่นตระหนกเช่นกัน หากเขาปากไวอีกครั้ง ชายชราคนนี้คงโกรธจนตบเขาจนตาย จากนั้นเขาก็ภาวนาขอให้ใครสักคนมีเหตุผล
โชคดีที่ตอนนี้ครูจากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่ 3 พบว่า หลิงเซียว ไม่ได้กลับมานานแล้ว
เขากลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงเชียว แม้ว่าเกมต่อไปจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่ 3 ก็ตาม
หลังจากออกตามหา เขาก็จดจํา ตงหลิวชวน ได้ทันที่จากระยะหลายสิบเมตร
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาในทันที เขากล่าวออกมาว่า “สวัสดี อาจารย์ใหญ่ตง! ฉันเป็นครูของโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่ 3 มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า?”
สีหน้าของ ตง หลิวชวน ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
“เกิดอะไรขึ้น ลองถามเขาดูสิ” ตงหลิ่วชวน กล่าวออกมาอย่างแผ่วเบา
ครูประจําทีมไม่ได้จริงจังกับมัน ด้วยเอกลักษณ์อย่าง ตงหลิ่วชวน และความแข็งแกร่งเขา
ไม่ว่าทัศนคติจะดีหรือไม่ดี หากคุณสามารถพูดคุยกับตัวละครดังกล่าวได้ ครูประจําที่มรู้สึกว่าหลังจากกลับไปที่โรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่ 3 เขาก็สามารถไปโม้ได้ตลอดชีวิตแล้ว
จากนั้น ตงหลิ่วชวน ก็มองไปที่หลิงเซียว และหัวเราะออกมา
ครูประจําทีมรู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ บรรพบุรุษตัวน้อยที่อยู่ข้างหน้าเขาคงไม่ได้ทําอะไร ตงหลิ่วชวน ใช้ไหม? !