ตอนที่ 64 ตาเฒ่า
ทันทีที่อาจารย์ปรุงยากล่าวเช่นนี้ออกมา ดวงตาของเหล่านักเรียนก็แทบจะถลนออกมาจากเบ้า
คุณภาพของยาเม็ดแบ่งออกเป็นสามระดับ แย่ที่สุดคือระดับต่ํา ทั่วไปคือระดับกลาง และดีที่สุดคือระดับสูง
การสกัดกลั่นเม็ดยาโลหิตโลหิตขั้นต้นระดับสูงไม่ใช่เรื่องยากสําหรับนักปรุงยาระดับกลาง
แต่นั่นสําหรับนักปรุงระดับกลาง! ไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียนศิลปะการต่อสู้หรือสถาบันใด นักปรุงยาระดับกลางก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีสถานะและอํานาจอยู่ในมือ!
แล้วหลิงเซียวล่ะ? ผู้ที่เรียนวิชาปรุงยาเพียง 20 นาทีโดยไม่มีพื้นฐานใดๆ
เพียงแค่เริ่มหลอมเม็ดยาโลหิตโลหิตขั้นต้นในครั้งแรกก็ได้ระดับสูงแล้ว ล้อกันเล่นหรือไง?
หลิงเซียวส่ายหัวและแสร้งทําเป็นพูดว่า “เฮ้อ ไม่ได้ ฉันเรียนรู้ทันทีที่เรียนศิลปะการต่อสู้ระ ดับกลางเมื่อครั้งก่อน ส่วนการเรียนปรุงยาในครั้งนี้ โชคดีที่ฉันระวังตัวไม่งั้นเตาคงระเบิดไปแล้ว
อัก!
นอกจากหลิงเซียวแล้ว คนอื่นๆก็เกือบจะกระอักเลือดออกมา
ที่แท้นายไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาเท่านั้น แต่พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ก็ยังสูงจนน่าตกใจไม่แพ้กันใช่ไหม?
อะไรคือเกือบจะระเบิด? เมื่อพิจารณาจากความเร็วในการประสานอินของหลิงเชียวแล้ว การ ที่เตาเกือบที่จะระเบิดมันเป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?
ไม่ มันไม่ถูกต้อง! ก่อนหน้านี้ไม่มีวี่แววและข้อบ่งชี้ว่าเรากําลังจะระเบิดอยู่เลย!
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ทุกคนในห้องก็พลันรู้สึกแย่
มันเหมือนกับเทพแห่งการเรียนที่สอบได้คะแนนเต็ม แต่จงใจถอนหายใจต่อหน้าพวกที่สอบตกและบอกว่าเขาทําได้ไม่ดีและไม่ได้คะแนนสําหรับคําถามเพิ่มเติม
ความรู้สึกกล้ามเนื้อหัวใจถูกบีบเช่นนี้มันทรมานมาก!
บรรยากาศในห้องปรุงยาพลันหดหูอยู่พักหนึ่ง
นักเรียนทุกคนมีความคิดที่จะกระโดดลงจากตึก ช่องว่างระหว่างความสามารถมันใหญ่เกินไปจนพวกเขาอยากจะยอมแพ้ในชีวิต
ในตอนนั้นเอง ตง หลิ่วชวน ก็กลับมา
เขาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาดภายในห้องปรุงยา จึงถามหยั่งเชิงว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? หลิงเซียวก่อเรื่องอีกแล้วเหรอ?”
กลุ่มนักเรียนที่ได้ยินคําพูดของ ตง หลิ่วชวน ก็พลันยิ้มข่มขึ้นในใจ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหลิงเชียว แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพวกเขา!
“ตาเฒ่า ถ้ายังพูดแบบนี้อยู่อีก อีกหน่อยผมคงต้องพลิกหน้าแล้ว!” หลิงเซียวแสร้ง ทําเป็นโกรธ
หลิงเซียวก่อเรื่องอีกแล้ว? ฉันหลิงเซียวไม่ใช่คนแบบนั้น
แก๊กๆ เอาล่ะ หลิงเซียวรู้สึกราวกับว่า อาจจะ… บางที… บางที… บางครั้งเขาก็เป็นคน แบบนั้นจริงๆ
นักเรียนทุกคนรู้สึกขนลุกขนพอง พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงเซียวจะกล้าเรียกอา จารย์ใหญ่ตงว่า”ตาเฒ่า!”
นี่มันความกล้าระดับไหนกัน? นายไม่กลัวว่าจะอาจารย์ใหญ่ตงตบจนตายเลยเหรอ?
พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ในมิติเดียวกันกับหลิงเซียว
เมื่อ ตง หลิ่วชวน ได้ยินคําพูดของหลิงเซียว ก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไอ้สารเลวน้อยคนนี้ไม่ไว้หน้าเขาเลยสักนิด
ต่อหน้านักเรียนมากมายและอาจารย์ปรุงยา ช่วยไว้หน้าให้ฉันสักหน่อยไม่ได้เลยหรือ?
ขณะที่เหล่านักเรียนคิดว่าหลิงเซียวกําลังจะโชคร้าย ฉากที่ทําให้พวกเขาตกตะลึงก็พลันปรากฏขึ้น
“อะแฮ่ม เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” ตง หลิ่วชวน กล่าวอย่างกระอักกระอ่วน
เหล่านักเรียนทุกคนพากันตกตะลึงในทันที นี่หลิงเซียวเป็นใครกันแน่?
เรียก ตง หลิ่วชวน ว่า “ตาเฒ่า” ต่อหน้า แต่ ตง หลิ่วชวน กลับไม่โกรธเลยสักนิด เป็นไปได้ไหมว่าสมองของ ตง หลิ่วชวน นั้นพังไปแล้ว
ขณะมีพวกเขากําลังงุนงง อยู่ๆก็มีนักเรียนคนหนึ่งที่ใจกล้ารนหาที่ตาย เขาถามออกมาทันทีว่า “ตาเฒ่า หลิงเซียวเป็นใครกันแน่?”
นักเรียนคนี้ไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาคิดว่าหลิงเซียวเรียกได้ เขาก็ควรที่จะเรียกได้
ตง หลิวชวน ขยับร่างกายและตบเข้าไปที่ใบหน้าของนักเรียนคน
ร่างของนักเรียนคนนั้นพลันบินลอยออกไปราวกับลูกกระสุนปืนใหญ่ และถูกฝังไว้ในกําแพงทันที!