ตอนที่ 67 ท้าทาย!
หลายวันต่อมาหลิงเซียวก็อุทิศเวลาทั้งหมดของเขาให้กับการเรียนรู้
เคล็ดหลอมกายาและทักษะบ่มเพาะวิญญาณ ทําให้ความเร็วในการฝึกฝนของหลิงเซียวเร็วขึ้นมาก
ควบคู่ไปกับการหยอกล้อหญิงสาวของสถาบันการต่อสู้ฉวนโจวเป็นครั้งคราว เพื่อเพิ่มค่าสถานะของตัวเอง
เมื่อปัจจัยทั้งสองผสานเข้าด้วยกัน มันจึงทําให้ความเร็วในการฝึกฝนของหลิงเซียวเพิ่มขึ้น
ข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรวิญญาณและสัตว์วิญญาณของโลกอื่น หลิงเซียวจดจํามันได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
หลังจากที่เขาเข้าไป เขาจะได้ไม่พลาดบางสิ่งที่มีมูลค่าสูงไป
ขณะที่อยู่ในสถาบันการต่อสู้ฉวนโจวหลิงเซียวได้ต่อสู้กับนักเรียนของสถาบันการต่อสู้ฉวนโจวหลายสิบครั้ง
การต่อสู้เหล่านี้ช่วยหลิงเซียวได้เป็นอย่างมาก ทําให้เขาสามารถพัฒนาทักษะจิตวิญญาณแรกของเขาได้สําเร็จ แม้ว่ามันจะดูหยาบกระด้างอยู่บ้างก็ตาม
หลายวันผ่านไป หลิงเซียวก็ออกจากสถาบันต่อสู้ฉวนโจว
ส่วนการแข่งขันแลกเปลี่ยนของรอบคัดเลือกได้สิ้นสุดลงแล้ว
การแข่งขันรอบที่สองกําลังจะเริ่มต้นขึ้น
หลิงเซียวที่เพิ่งมาถึงสนามประลอง ก็ถูกอาจารย์จากโรงเรียนมัธยมหนานเฉิงที่ 3 นําตัวเข้าไป
แม้ว่าหลิงเซียวจะไม่ได้มาที่สนามประลองหลายวัน แต่เขาก็ยังรับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์การต่อสู้ของเมืองหนานเฉิง
จางรุ่ยทําผลงานได้ดีในการแข่งขันรอบที่สอง และผ่านเข้ารอบในรอบที่สองได้สําเร็จ
ส่วนซูเหยา บุกทะลวงโดยบังเอิญและประสบความสําเร็จในการเลื่อนขั้นเป็นนักรบจิตวิญญาณ ซึ่งทําให้เธอสามารถผ่านเข้ารอบมาได้
สําหรับคนอื่นๆ ไม่ได้โชคดีเหมือนกับซูเหยา พวกเขาจึงได้แต่กลับไปที่หนานเฉิงอย่างคอตก
หลิงเซียวที่เพิ่งนั่งลง ก็มีคนเดินเข้ามาหาเขา
“แกคือหลิงเซียว?” ชายคนนั้นถาม
หลิงเซียวเงยหน้าขึ้นเมื่อเขาได้ยินคําถามนั้น และรู้สึกว่าคนที่อยู่ข้างหน้าเขาดูแปลกๆ “ฉันคือหลิงเซียวแล้วแกคือ?”
“ฉันคือหวังหมิง แกควรภาวนาให้ตัวเองไม่ได้เจอกับฉันในสนามประลอง”
“มิฉะนั้นแกจะต้องเสียใจ! “หวังหมิงกล่าวอย่างเย็นชา
หลิงเซียวพลันเข้าใจทันที ไม่ใช่ว่าหวังหมิงเป็นพี่ชายของหวังหนิงหรอกหรือ เขามาที่นี่เพื่อมาแก้แค้นงั้นหรือ?
หลิงเซียวหัวเราะ แก้แค้น? มันจะไม่มีวันเกิดขึ้น!
” หวังหมิง? แกมีชื่อเสียงมากงั้นหรือ? ฉันค่อนข้างรู้สึกประทับใจกับนามสกุลของแก” หลิงเซียวกล่าว
สีหน้าของหวังหมิงดูหน้ากลัว หวังหมิงพูดอย่างเย็นชาว่า “หวังหนิงเป็นน้องชายของฉัน ในเมื่อแกกล้าที่จะทําร้ายน้องชายของฉัน แกก็ต้องพร้อมที่จะจ่ายราคา!”
“ตระกูลหวังของฉันไม่ใช่ใครที่ไหนจะมาดูถูกได้!”
“จริงเหรอ ทําไมฉันถึงรู้สึกคุ้นเคยกับคําพูดของแกเล็กน้อย จริงสิ ดูเหมือนว่าหวังหนิงก็พูดแบบเดียวกันกับแก”
“สําหรับผลที่ตามมา แกคงจะได้เห็นมันแล้ว” หลิงเซียวยักไหล่อย่างไม่แยแส
หวังหมิงมองไปที่หลิงเซียวอย่างไม่พอใจและพูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันจะทําให้แกเสียใจที่พูดแบบนี้!”
หลังจากพูดจบหวังหมิงก็หันหลังเดินจากไป
หลิงเซียวหรี่ตาลง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ในไม่ช้ามันก็จางหายไป
บางคนก็คิดว่าเขาสามารถรังแกได้ง่าย หวังหนิงเป็นแบบนี้และหวังหมิงก็เหมือนกัน
ดูเหมือนนั้นพวกนั้นจะเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ นิสัยถึงได้เป็นอย่างนี้
จากนั้นเสียงของพิธีกรในสนามประลองก็ดังขึ้น ” ขณะนี้คอมพิวเตอร์กําลังสุ่มรายชื่อผู้เข้าแข่งขัน และรายการการแข่งขันกําลังจะถูกสร้างขึ้น”
ระบบการแข่งขันของสนามประลองไม่ซับซ้อน ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมด 200 คน จะต้องต่อสู้กันหนึ่งต่อหนึ่ง
และเมื่อถึงรอบ 25 อันดับแรก ผู้เข้าแข่งขันจะต้องต่อสู้กันเพื่อชิง 12 อันดับแรก ส่วนผู้ที่เหลือเศษหนึ่งคนจะต้องรอ หลังจากผู้เข้าแข่งขันทั้ง 24 คน ต่อสู้เสร็จแล้ว ผู้เข้าแข่งขันที่ใช้เวลาต่อสู้นานที่สุดจะต้องต่อสู้กับผู้ที่เหลือเศษและผู้ที่ชนะจะได้เข้าสู่รอบ 12 อันดับแรก
หลังจากจบรอบ 6 อันดับแรก ผู้เข้าแข่งขัน อันดับที่ 3 จะต้องรอ หลังจากผู้เข้าแข่งขันอีกสองคนต่อสู้กัน ผู้ที่ชนะจะต้องต่อสู้กับผู้ที่รอเพื่อตัดสินอันดับหนึ่งในรอบคัดเลือกรอบสุดท้าย
ผู้เข้าแข่งขัน 50 อันดับแรกของการแข่งขันจะมีสิทธิ์เข้าร่วมในรอบการแข่งขันรอบต่อไป
ส่วนผู้เข้าแข่งขันสิบอันดับแรกของสนามประลองจะมีรางวัลอื่นๆเพิ่มเติม ยิ่งอันดับสูงเท่าไหร่ รางวัลก็จะยิ่งดีเท่านั้น
ครึ่งนาทีต่อมา ตารางการต่อสู้ก็พลันปรากฏขึ้นบนหน้าจอ LCD ขนาดใหญ่
หลิงเซียวเหลือบมอง พร้อมกับมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา