จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 4 ซื่อจื่อ ท่านคิดจะแต่งงานกับหยุนถิงจริงรึ
พระราชวัง ห้องทรงพระอักษร
ฮ่องเต้โยนหนังสือหย่าร้างนั่นใส่อย่างเดือดดาล “โม่ฉือหาน เจ้าอธิบายมาให้ดีๆ นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
หลีอ๋องโม่ฉือหานหน้าดำคร่ำเครียด เดือดดาลหนักมา แต่ไม่กล้าโอหังต่อหน้าฮ่องเต้ รีบถวายบังคม “เสด็จพี่ กระหม่อมเป็นคนเขียนหนังสือหย่าร้างนี้จริงๆ เมื่อคืนกระหม่อมให้คนนำไปให้หยุนถิง หากว่าเหตุใดจึงไปปรากฏอยู่ที่หน้าประตูหอใต้หล้าในตอนนี้ได้นั้น กระหม่อมเองก็มิรู้ได้”
“ดังนั้นเจ้าจะบอกข้าว่า เจ้าหนังสือหย่าร้างนี่วิ่งไปอยู่หน้าประตูหอใต้หล้าเองงั้นรึ?”
“กระหม่อมมิได้หมายความเช่นนี้”
“เช่นนั้นหลีอ๋องหมายความว่าอะไรเล่า เมื่อคืนพึ่งแต่งงานกับลูกสาวกระหม่อม เช้าวันต่อมาก็แปะหนังสือหย่าร้างไว้ที่หน้าประตูหอใต้หล้า จนคนทั่วทั้งเมืองเซิ่งจิงรู้กันทั่ว หลีอ๋องลบหลู่เหยียดหยามจวนเฉิงเซี่ยงเช่นนี้ คิดว่าจวนเฉิงเซี่ยงของข้าไม่มีคนแล้วงั้นรึ” หยุนเซี่ยงพูดอย่างเดือดดาล
เขารักใคร่ทะนุถนอมหยุนถิงลูกสาวคนนี้แต่เด็ก แต่พอลูกสาวแต่งออกเรือนไป วันที่สองก็ถูกหย่าร้าง ไม่ว่าพ่อคนไหนก็คงรับไม่ได้ การกระทำเช่นนี้ของหลีอ๋องเท่ากับเป็นการตบหน้าจวนเฉิงเซี่ยงอย่างเปิดเผย หากเขาไม่มาร้องขอความยุติธรรมแล้ว ก็คงถูกทั้งราชสำนักเย้ยหยันหัวเราะเยาะแน่
โม่ฉือหานถลึงตาใส่ด้วยความโกรธ “หยุนเซี่ยง ลูกสาวท่านแต่งกับข้าได้อย่างไร ท่านไม่รู้รึ ข้าไม่ได้ต้องการนางเลยสักนิด”
หยุนเซี่ยงโกรธจนหน้าซีดเผือด พลันยกมือขึ้นกุมหน้าอก สีหน้าทรมาน “ฝ่าบาท ขอพระองค์เห็นแก่ที่กระหม่อมอุทิศชีวิตรับใช้แคว้นมาทั้งชีวิต โปรดคืนความยุติธรรมให้กระหม่อมด้วย กระหม่อม…”
หยุนเซี่ยงพูดยังไม่ทันจบ ก็สลบล้มตึงลงไป
ฮ่องเต้สีหน้าเคร่งเครียด “ใครก็ได้ เรียกหมอหลวงมา”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท “ขันทีรีบออกไปเรียก
“หลีอ๋อง เจ้าช่างเก่งนักนักนะ ทำเอาหยุนเซี่ยงโกรธจนเป็นลมได้ ข้าให้เวลาเจ้าสามวันจัดการเรื่องหนังสือหย่าร้างซะ มิเช่นนั้นอย่าว่าแต่ข้าเลย ไทเฮาก็ไม่ละเว้นเจ้าแน่ ออกไปซะเถอะ” ฮ่องเต้ตะคอกดังใส่
“พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมทูลลา” โม่ฉือหานดวงตาเย็นเยียบ ถลึงตาใส่หยุนเซี่ยงที่สลบอยู่ที่พื้นอย่างเดือดดาล ก่อนหมุนตัวออกไป
สุดท้ายพอโม่ฉือหานออกไป ก็ได้ยินคนรับใช้รายงานว่า “ท่านอ๋องแย่แล้ว พระชายานาง คือคุณหนูหยุนไปหอชุนเฟิง และยังยกตัวเองให้เป็นอนุของจวินซื่อจื่อไปแล้ว”
ใบหน้าโม่ฉือหานราวกับฉาบไปด้วยน้ำแข็งทันที มีแววอาฆาตขึ้นมา มือที่แนบลำตัวกำแน่นจนเห็นกระดูก “เกิดอะไรขึ้น?”
คนรับใช้รายงานเรื่องทั้งหมด โม่ฉือหานได้ยินก็เดือดดาลหนักมาก แทบทะลุฟ้า เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ มีรังสีอำมหิตรายล้อมอยู่รอบตัว
“หยุนถิงน่าตายนัก กล้าคบชู้สู่ชาย ข้าจะสับนางเป็นหมื่นๆชิ้น”
…..
จวนซื่อจื่อ
จวินหย่วนโยวพาหยุนถิงที่เมามายไปยังห้องรับแขก แล้วถึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารักความสะอาดที่สุด โดยเฉพาะกอดหญิงเมามายอย่างหยุนถิงมาตลอดทาง มีหรือจะยังทนไหว พออาบน้ำเสร็จ จวินหย่วนโยวเปลี่ยนเป็นชุดคลุมยาวสีดำแดงออกมา รั่วจิ่งรีบยกถ้วยชาให้ทันที
“ซื่อจื่อ ท่านจะรับหยุนถิงเป็นอนุจริงรึ? ถึงนางจะถูกหลีอ๋องหย่าร้างแล้ว แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นพระชายาม่ายหลี หากให้หลีอ๋องรู้เข้า ต้องมาหาเรื่องเป็นแน่?” รั่วจิ่งพูดอย่างกังวล
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวหลีอ๋องรึ?” ประกายเย็นเยียบวาบผ่านดวงตาจวินหย่วนโยว
รั่วจิ่งตกใจปากสั่นบอก “มิได้ขอรับ ซื่อจื่อท่านรูปงามเหนือใคร รูปร่างสูงใหญ่ หลีอ๋องมิใช่คู่ต่อสู้ของท่านอยู่แล้ว แต่คุณหนูหยุนเป็นตัวยุ่งยาก เหตุใดซื่อจื่อท่านถึงพานางกลับมาเล่า?”
“เพราะนางบอกว่าข้าอยู่ได้อีกไม่เกินสามปี” จวินหย่วนโยวตอบเอื่อยเฉื่อย
ร่างกายของเขา เขารู้ดีที่สุด หมอเทวดาเคยบอกเขาเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นจวินหย่วนโยวเลยพานางกลับมา
เพียงแต่ไม่รู้ว่าหยุนถิงรู้วิชาแพทย์จริงๆ หรือแค่คุยโวโอ้อวดเท่านั้น
รั่วจิ่งอุทานอย่างตกใจ “หรือว่าคุณหนูหยุนรู้วิชาแพทย์ เป็นไปไม่ได้นี่นา นางเย่อหยิ่งจองหอง ทำสิ่งเลวร้ายมากมาย ไม่ร่ำเรียนวิชา อยู่ในจวนเฉิงเซี่ยงตั้งแต่เล็ก เป็นคนไร้ประโยชน์ที่เลื่องชื่อในเมืองหลวง เหตุใดจู่ๆก็รู้วิชาแพทย์ขึ้นมาได้ล่ะ?”
จวินหย่วนโยวเหล่มองภาพนอกหน้าต่าง ดวงตาทุ้มลึกนั่นมีแววคมปลาบวาบผ่าน “เช่นนั้นต้องถามนางต่อหน้าแล้วล่ะ”
“ซื่อจื่อแย่แล้ว หลีอ๋องพาคนมาแล้ว บอกว่าให้ท่านมองตัวคุณหนูหยุนออกมา” คนรับใช้เข้ามารายงานอย่างร้อนรน
มือที่ถือถ้วยชาของจวินหย่วนโยวชะงักเล็กน้อย “หลีอ๋องมาเร็วดีนี่ รั่วจิ่งเจ้าไปบอกหยุนถิง บอกว่าหลีอ๋องนำคนมาจับตัวนางกลับไปแล้ว”
“ขอรับ” รั่วจิ่งรีบไปจัดการ
หยุนถิงที่อยู่ในห้องไม่ได้หลับเลยสักนิด เธอนอนสบายอารมณ์อยู่บนเตียง อย่าพูดไป เตียงของจวนซื่อจื่อนี่อ่อนนุ่มดี เทียบได้กับSIMMONSในยุคปัจจุบัน
เธอแกล้งเมาให้ซื่อจื่ออุ้มเธอกลับมา ก็เพื่อให้ทุกคนรู้ถึงความสัมพันธ์ของซื่อจื่อกับเธอ ต่อให้ไอ้เลวหลีอ๋องนั่นมานึกเสียใจตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ด้านนอกประตู รั่วจิ่งเคาะประตูอยู่หลายครั้ง “คุณหนูหยุน หลีอ๋องพาคนมารออยู๋ที่หน้าประตูจวนซื่อจื่อ บอกว่าจะจับตัวท่านกลับไป”
หยุนถิงที่เดิมแกล้งหลับอยู่ในห้อง พอได้ยินคำนี้ก็ผลุดลุกขึ้นนั่งจากเตียง พุ่งไปที่หน้าประตู “หลีอ๋องมาเร็วขนาดนี้เลย”
“ใช่ ซื่อจื่อใหข้ามาถามท่าน ว่าจะกลับไปกับเขาไหม?” รั่วจิ่งตอบ
“แน่นอนว่าไม่ ข้าพึ่งจะหนีจากหลุมไฟได้ ไม่อยากกลับไปหรอก ซื่อจื่อของพวกเจ้าอยู่ที่ไหนรึ พาข้าไปพบเขาได้หรือไม่?” หยุนถิงถาม
“ได้” รั่วจิ่งนำทาง หยุนถิงเดินผ่านสองทางเดินจนถึงห้องโถง
เธอเองก็ไม่มีเวลาชื่นชมของประดับและสไตร์สของห้องโถง รีบหันมองจวินหย่วนโยว “ซื่อจื่อ ตอนนี้ข้าเป็นอนุของท่าน ท่านจะให้หลีอ๋องนำข้ากลับไปไม่ได้นะ”
สายตาจวินหย่วนโยวทุ้มลึก เหล่หยุนถิงพลางว่า “ทำให้หลีอ๋องไม่พอใจเพื่ออนุคนหนึ่ง แถมยังเป็นหญิงอัปลักษณ์อีก เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ?”
จู่ๆหยุนถิงก็โดนรังเกียจ มีแววกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ข้าหน้าตาน่าเกลียดจริง แต่ข้าเป็นแบบนี้ซื่อจื่อถึงวางใจได้ไง ว่าข้าไม่มีทางคบชู้แน่นอน ข้ายังไม่ได้รังเกียจที่ท่านอายุสั้นเลย ท่านกลับมารังเกียจข้าก่อน”
“รั่วจิ่ง ส่งนางออกไปให้หลีอ๋อง” น้ำเสียงจวินหย่วนโยวเย็นชาไปหลายส่วน
“อย่าสิ ซื่อจื่อ ข้าจะทำข้อตกลงกับท่านเรื่องหนึ่ง ร่างกายของท่านน่ะอย่างมากอยู่ได้อีกสามปี ข้าสามารถทำให้ท่านอยู่นานขึ้นสิบปีได้ แต่เงื่อนไขคือข้าต้องการอยู่ในนามของอนุซื่อจื่อ ท่านช่วยข้าสลัดหลีอ๋องให้หลุด” หยุนถิงเอ่ยปากเนิบช้า
จวินหย่วนโยวถึงได้ตั้งใจมองนาง รูปร่างเล็กบาง หน้าตาอัปลักษณ์ กระโปรงยาวสีอ่อนบนตัวดูเรียบง่าย ไม่มีเครื่องประดับเลย ยิ่งส่งผลให้ใบหน้าน้อยของนางยิ่งเหี่ยวย่นมากขึ้น ไม่มีท่าทีของสตรีเลย
มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ใสกระจ่าง สะอาด คล่องแคล่ว ประหนึ่งจิ้งจอกที่ว่องไวคล่องแคล่ว
“ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไรกัน?”
หยุนถิงไม่พูดอะไร ก็เข้ามาช่วยจับชีพจรให้จวินหย่วนโยว รั่วจิ่งอยากขวาง แต่กลับโดนสายตาจวินหย่วนโยวห้ามปรามไว้
ผ่านไปสักพัก หยุนถิงถึงดึงมือกลับ “พิษอยู่ในร่างท่านหลายปี มันตามออกมาจากในครรภ์มารดา ดังนั้นร่างกายเลยโดนสูบเกลี้ยง หลายปีมานี้ก็ใช้ยาดีคอยพยุงไว้ ไม่เช่นนั้นร่างกายนี้พังนานแล้ว ข้าสามารถคิดค้นยาที่ระงับพิษให้ท่านได้ชั่วคราว ส่วนจะแก้พิษได้ทั้งหมดหรือไม่นั้น ข้าไม่แน่ใจ พิษของท่านร้ายนัก ข้าไม่เคยเจอมาก่อน”
มือที่อยู่ในชายเสื้อของจวินหย่วนโยวกำแน่นเล็กน้อย หญิงอัปลักษณ์ตรงหน้านี้รู้วิชาแพทย์จริงๆ และยังเก่งกาจเพียงนี้