จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 8 เจ้าเป็นสตรีจะไม่เหนียมอายเสียหน่อยรึ
“แน่นอนว่าจริง ข้ามีหรือจะกล้าหลอกลวงฝ่าบาท” หยุนถิงพูดด้วยสีหน้าตึงเครียด
“ขนมมันเทศและเส้นมันทอดที่เจ้าพูดถึงคืออะไร เหตุใดข้ามิเคยได้ยินมาก่อน?” สีหน้าฮ่องเต้เข้มงวดมากขึ้น
“ก็คือวิธีการทำมันเทศ สามารถเก็บรักษาได้นาน พอทำเสร็จแล้วสามารถเก็บไว้ได้ครึ่งปีหนึ่งปีก็ไม่ใช่ปัญหา หากทุกบ้านทุกเรือนทำไว้มากหน่อย ต่อให้หิมะตกหนักแล้วพวกเขาออกจากบ้านไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าไม่มีของกิน ปลูกเองกินเองแบบนี้ก็ไม่ต้องให้ราชสำนักเพิ่มเสบียงให้แล้ว” หยุนถิงตอบ
มือที่อยู่ใต้ชุมคลุมมังกรของฮ่องเต้สั่นไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ทุกปีเอาแค่เสบียงที่ราชสำนักต้องส่งไปช่วยเมืองหนานหยวนก็เป็นจำนวนมหาศาลแล้ว โดยเฉพาะฤดูหนาว เมื่อหิมะตกหนักราษฎร์ไม่อาจออกจากบ้านได้ และไม่มีอาหารอีก ทำให้คนมากมายต้องอดตาย
สองปีมานี้ผลผลิตจากที่อื่นในแคว้นต้าเยียนก็ลดลง เสบียงในท้องพระคลังมีจำนวนจำกัดนัก หากประชาชนสามารถปลูกเองกินเอง กินอิ่มพอเพียง ไม่ต้องให้ราชสำนักช่วยเหลืออีก เช่นนั้นสำหรับแคว้นต้าเยียนแล้ว ถือว่าช่วยประหยัดไปได้ไม่น้อยเลย
“เจ้าทำเป็นหรือไม่?” ฮ่องเต้ถาม
“หม่อมฉันทำเป็นเพคะ” หยุนถิงตอบ
“งั้นเจ้าเขียนวิธีออกมา ข้าจะให้คนไปทำตาม”
หยุนถิงขมวดคิ้วบอก “ฝ่าบาท เขียนออกมานั้นง่ายนัก แต่วิธีการของทุกคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่ทำออกมารสชาติน่ากลัวจะไม่เหมือนกัน ทางที่ดีที่สุดคือฝ่าบาทหาหลายคนมาเรียนกับหม่อมฉันเอง หม่อมฉันสอนอย่างใกล้ชิด แบบนี้รับประกันได้ว่าพวกเขาจะเรียนรู้เป็นทั้งหมด”
“ได้ วิธีนี้ดีนัก ซูกงกงรีบไปเลือกหนึ่งร้อยคนมา” ฮ่องเต้ออกคำสั่ง
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
“ฝ่าบาทท่านไม่ต้องรีบร้อนไปนัก หม่อมฉันเองก็ต้องการตระเตรียมมันเทศ และยังสิ่งของอีกมากมาย อีกสามวันท่านให้คนไปที่จวนซื่อจื่อ ถึงเวลานั้นหม่อมฉันจะเตรียมข้าวของให้พร้อมสอนพวกเขา” หยุนถิงเสนอ
“จะไปจวนซื่อจื่อได้อย่างไร นี่มันเป็นวิธีที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของราษฎร์เมืองหนานหยวนเลยนะ เจ้าต้องการอะไร ข้าจะสั่งคนไปเตรียม พรุ่งนี้เจ้าก็มาสอนที่พระราชวัง อีกยอ่าง เกี่ยวกับวิธีทำมันเทศ เจ้าห้ามถ่ายทอดให้ผู้อื่นอีก” ฮ่องเต้พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด คำสั่งที่ออกจากปากตรงแน่วห้ามบิดพลิ้วเด็ดขาด
“หม่อมฉันน้อมรับคำสั่ง ก็แค่มันเทศเท่านั้น หม่อมฉันยังทำเป็นอีกมากมายนัก หากฝ่าบาทมีปัญหายากๆเช่นนี้อีกมาหาหม่อมฉันได้เลย หม่อมฉันไม่เพียงรักษาร่างกายได้ ยังรักษาจิตใจได้ด้วย” หยุนถิงตอบอย่างเคารพนบนอบ
ดวงตาดำขลับคมปลาบของฮ่องเต้เหล่มองหยุนถิง “สตรีในครัวเรือนเช่นเจ้าเหตุใดจึงรู้เรื่องพวกนี้?”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันรู้ดีว่าใบหน้าอัปลักษณ์ เลยไม่ค่อยได้ออกจากบ้าน ยามอยู่บ้านมิมีอะไรทำก็อ่านหนังสือไป ท่านพ่อเองสะสมหนังสือแปลกประหลาดไม่น้อย หม่อมฉันคิดว่า ต่อไปเมื่อแต่งงานกับหลีอ๋อง คงได้ช่วยอะไรบ้าง ไม่คิดว่าหลีอ๋องรังเกียจหม่อมฉันยิ่งนัก เหยียดหยามหม่อมฉันอย่างนั้นในคืนสมรส ดังนั้นหม่อมฉันเองก็ตัดใจ ในเมื่อสามารถช่วยฝ่าบาทได้ หม่อมฉันยินดียิ่งนัก” หยุนถิงตอบอย่างมีมารยาท ไม่เย่อหยิ่งไม่อ่อนแอ
ฮ่องเต้มองสำรวจนาง ถึงแม้ว่าใบหน้านั้นจะน่าเกลียดไปหน่อย แต่ดวงตาสุกสกาวเป็นประกาย ใสกระจ่าง มั่นคง มั่นใจ เขาที่อยู่ในพระราชวังมานานน้อยนักที่จะได้เห็นดวงตาใสสะอาดเยี่ยงนี้
“ในเมื่อเจ้ามิได้มีใจให้กับ หลีอ๋องอีก เรื่องก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว ข้าเห็นด้วยที่จะยกเลิกสัญญาแต่งงานของพวกเจ้า พรุ่งนี้หากเจ้าสอนคนของข้าได้จริง ข้าจะประทานราชโองการยกเลิกสัญญาแต่งงาน”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท เช่นนั้นหม่อมฉันทูลลา” หยุนถิงถวายบังคม จากนั้นถอยออกไป
ฮ่องเต้เหล่มองทางประตู สายตาเคร่งขรึม สีหน้าเรียบเฉย ทำให้คนดูไม่ออกว่าเขาคิดอะไร
“ฝ่าบาท ท่านว่าคุณหนูหยุนผู้นี้จะทำขนมมันเทศ,มันเทศแห้ง,เส้นมันทอดอะไรเช่นนั้นเป็นจริงรึ หม่อมฉันอยู่มาจนป่านนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย?” กงกงถามอย่างกังวล
“นางยังไม่กล้าหลอกลวงเบื้องสูง แต่ครั้งนี้หลีอ๋องมองพลาดไปจริงๆ” ฮ่องเต้พูดเนิบช้า
“ฝ่าบาท ความหมายของพระองค์คือ?”
“ปัญหาที่ข้าราชบริพารทั้งหมดจัดการไม่ได้ กลับถูกสตรีผู้นี้แก้ไขได้ มันไม่ใช่เพียงบังเอิญ ลูกสาวตระกูลหยุนผู้นี้มิธรรมดาเลย”
“เช่นนั้นฝ่าบาทยังเห็นด้วยให้พวกเขายกเลิกการแต่งงาน?” กงกงถามอย่างไม่เข้าใจ
“ในเมื่อนางเป็นของจวินหย่วนโยวแล้ว ข้าก็ไม่อาจให้หลีอ๋องแต่งงานกับนางได้อีก เจ้าส่งคนไปลอบสังเกตหยุนถิงไว้ หากนางมีการเคลื่อนไหวอันใดรีบมารายงานข้าทันที” สายตาฮ่องเต้มีแววครุ่นคิด
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท” กงกงรีบไปจัดการ
อีกด้านหนึ่ง พอหยุนถิงออกมา ก็เห็นสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากประตู
แต่ที่ทำให้เธอแปลกใจคือ หลีอ๋องก็รออยู่ด้านนอกด้วย
หลีอ๋องในตอนนี้เห็นนางออกมา ใบหน้าเขาเคียดแค้น ดวงตาแดงก่ำ จับจ้องหยุนถิงประหนึ่งสัตว์ร้ายที่กำลังโกรธเกรี้ยว “หญิงอัปลักษณ์ เสด็จพี่ตรัสอันใดกับเจ้า?”
“ฝ่าบาทบอกให้ท่านคืนสินสมรสติดตัวข้ามา อย่าให้ขาดแม้แต่แดงเดียว พรุ่งนี้เขาจะประกาศต่อใต้หล้ายกเลิกสัญญาแต่งงานของท่านกับข้า” หยุนถิงตอบอย่างเย็นชา
“เชอะ ข้ามีหรือจะแยแสสินสมรสแค่นั้นของเจ้า ข้าจะให้คนคืนของเจ้าทั้งหมดมา” หลีอ๋องตะคอกด้วยความโกรธ จากนั้นสะบัดชายเสื้อจากไป
“ดีนี่ ข้าจะให้คนไปตรวจสอบที่จวนหลีอ๋อง” หยุนถิงบอกอย่างยินดี
“ถิงถิง ฝ่าบาททำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่ เหตุใดนานเพียงนี้กว่าจะออกมา?” หยุนเซี่ยงถามอย่างเป็นห่วง
“ท่านพ่อวางใจเถิด ฝ่าบาทมิได้ทำให้ข้าลำบากใจ เพียงให้ข้าช่วยเขาแก้ปัญหาอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้ก็แก้ได้แล้ว” หยุนถิงปลอบ
หยุนเซี่ยงตะลึง “อะไรนะ เจ้าช่วยฝ่าบาทแก้ปัญหาได้?”
คำพูดนี้ฟังแล้วทำไมดูไม่น่าเชื่อใจเลยล่ะ
“มิได้ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเมืองหนานหยวน พวกเรากลับไปแล้วค่อยพูดกัน” หยุนถิงออกปาก
จวินหย่วนโยวขมวดคิ้ว เมืองหนานหยวนเป็นเรื่องที่เร่งร้อนที่สุดของแคว้นต้าเยียน แห้งแล้งมาหลายปี ชาวบ้านเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า เป็นเผือกร้อนที่ทั้งราชสำนักไม่อยากได้รับ ฮ่องเต้กลับมารังแกสตรีผู้หนึ่ง
แต่ฟังจากความหมายของนางแล้ว นางแก้ไขได้จริงๆ จวินหย่วนโยวมองนางอย่างสงสัยว่า นางมีความสามารถอันใด สามารถแก้ปัญหานี้ได้
บนรถม้า หยุนเซี่ยงฟังลูกสาวเล่าความออกมาทั้งหมดอย่างตกตะลึง “ดังนั้น วิธีของเจ้าคือให้เมืองหนานหยวนปลูกมันเทศ?”
“ใช่ ไม่เพียงแค่ปลูกมันเทศ ยังสามารถทำสิ่งของได้อีกมากมาย พรุ่งนี้ข้าจะเข้าวังไปสอนทุกคนทำขนมมันเทศ เส้นมันทอด พอสอนเสร็จหน้าที่ข้าก็เสร็จสิ้นแล้ว” หยุนถิงตอบ
“คุณหนูหยุนช่างเฉลียวฉลาดนัก” จวินหย่วนโยวเอ่ยชื่นชม
“แน่นอนอยู่แล้ว ความสามารถข้ามีมากนัก ซื่อจื่อท่านแต่งกับข้าน่ะเรียกได้ว่าได้สมบัติแล้ว รีบไปมอบสินสอดที่จวนเฉิงเซี่ยงเถอะ” หยุนถิงล้อเขา
จวินหย่วนโยวสีหน้าแข็งค้าง สีหน้าหูแดงเรื่ออย่างประหลาด สตรีผู้นี้ช่างกล้าพูด
หยุนเซี่ยงยังทนฟังต่อไปไม่ไหว “ถิงถิง เจ้าเป็นสตรีนะ จะเหนียมอายหน่อยมิได้รึ เรื่องเช่นนี้จะพูดเองได้อย่างไร?”
“เหตุใดจะมิได้เล่า ข้าชอบซื่อจื่อ ซื่อจื่อเองก็มีใจให้ข้า ใครพูดก่อนแล้วไม่เหมือนกันรึ?” หยุนถิงถาม
หยุนเซี่ยงถอนหายใจอย่างหน่ายใจ มองไปทางจวินหย่วนโยว “บุตรสาวข้าโดนตามใจแต่เด็ก ขอจวินซื่อจื่อโปรดอย่าถือสา”
“มิเป็นไร คุณหนูหยุนตรงไปตรงมาจริงใจ เปิดเผยจริงจัง มิเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย ถือเป็นสตรีที่หาได้ยากยิ่ง” จวินหย่วนโยวชื่นชม
“ไอ้โหย ไม่คิดว่าซื่อจื่อจะมองข้าสูงส่งเพียงนี้ งั้นต่อไปข้าจะยิ่งพยายามรับใช้ซื่อจื่อให้ดียิ่งขึ้น ควรหรือไม่เล่า” หยุนถิงแสร้งส่งสายตาเย้ายวนให้จวินหย่วนโยว