จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 9 เจ้าอยากเป็นแค่อนุจริงรึ
มุมปากจวินหย่วนโยวกระตุก ไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอสตรีใจกล้าเช่นนี้
หยุนเซี่ยงฟังแล้วหน้าแดงก่ำ หันหน้าหนีไปทางอื่นไม่กล้ามอง รู้สึกเสียใจที่นั่งรถม้าคันเดียวกับพวกเขา แต่เพื่อการแต่งงานของบุตรสาว หยุนเซี่ยงได้แต่ทนหน้าด้านพูดต่อ
“ซื่อจื่อขออภัย ถิงถิงเป็นแก้วตาดวงใจของกระหม่อม โดนตามใจจนเคยตัว ในเมื่อบุตรสาวมีสัมพันธ์ทางกายกับซื่อจื่อแล้ว มิทราบซื่อจื่อคิดจะมามอบสินสอดเมื่อใดกัน?”
“พรุ่งนี้ฮ่องเต้จะยกเลิกสัญญาแต่งงานระหว่างหลีอ๋องกับคุณหนูหยุน วันมะรืนข้าจะไปมอบสินสอด” จวินหย่วนโยวพูดอย่างเคร่งขรึม
“ซื่อจื่อตรงไปตรงมายิ่งนัก เช่นนั้นกระหม่อมจะรอข่าวดีจากท่าน ยังไงซะบุตรสาวออกเรือนก็ต้องการเวลาตระเตรียมสักเล็กน้อย” หยุนเซี่ยงพูดอย่างพอใจ
“ท่านพ่อยังต้องตระเตรียมสิ่งใดอีกเล่า พรุ่งนี้ซื่อจื่อมามอบสินสอด มะรืนก็แต่งงานเลย ถึงเวลานั้นท่านเชิญสหายทั่วทั้งเมืองหลวงมาร่วมดื่มกินเหล้ามงคลก็ได้แล้ว หากเป็นเครือญาติที่อยู่ไกลหน่อยก็ไม่ต้องแจ้งดอก?” หยุนถิงรีบบอก
หยุนเซี่ยงขมวดคิ้วหน้าดำทะมึน ทำหน้าอยากตาย “ลูกเอ้ย ต่อให้เจ้าออกเรือนเป็นครั้งที่สองก็มิต้องรีบร้อนเพียงนี้กระมัง?”
“ซื่อจื่อไม่รังเกียจข้านี่นา นี่ข้าแค่กลัวซื่อจื่อจะกลับคำมิใช่รึไง จะได้มิต้องคิดเพ้อฝันต่อไป” หยุนถิงอธิบาย
หยุนเซี่ยงแทบอยากจะหารูมุดลงไป ขายขี้หน้าจริงๆ ทำไมเขาถึงมีบุตรสาวที่ไม่รู้จักเหนียมอายเช่นนี้นะ
“ท่านพ่อ ท่านรีบกลับไปส่งคนไปนำสินสมรสที่จวนหลีอ๋องกลับมาเถิด จากนั้นก็ตระเตรียมสินสมรสให้ข้า ถึงจะเป็นการออกเรือนครั้งที่สองข้าก็ไม่อยากทำให้ตนเองรู้สึกไม่ดี ท่านต้องช่วยข้าจัดให้ครึกครื้นยิ่งใหญ่นะ” หยุนถิงกำชับ
“วางใจเถอะ งานสมรสของลูกสาวข้า พ่อต้องจัดให้ยิ่งใหญ่แน่นอน”
“เช่นนั้นข้าจะไปรอข่าวดีของท่านที่จวนซื่อจื่อ ท่านพ่อกลับดีๆนะ” หยุนถิงเอ่ยปาก
ด้านหน้าจะถึงจวนซื่อจื่อแล้ว หยุนถิงตามจวินหย่วนโยวลงจากรถม้า คนขับรถม้าส่งหยุนเซี่ยงไป
พอเห็นบุตรสาวเดินเข้าไปในจวนซื่อจื่อโดยไม่หันกลับมาเลย หยุนเซี่ยงถอนหายใจ ลูกสาวที่แต่งออกเปรียบเสมือนน้ำที่สาดออกไปจริงๆ นางยังมิได้แต่งเลยแต่กลับรีบร้อนปานนี้ เขาลืมถามเรื่องที่นางรู้วิชาแพทย์ไปเลย ครั้งหน้าเจอหน้าต้องถามเรื่องนี้ให้ละเอียด
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงเดินเข้าไปอย่างรู้ทาง นั่งลงบนเก้าอี้ในห้องโถงอย่างหมดสภาพ ท่านั่งไม่ดีเลย “วันนี้รับมือฮ่องเต้เหนื่อยนัก นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพูดจาต่อหน้าฮ่องเต้ ดูท่าฮ่องเต้ก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นนี่นา”
“หัวใจคนเรายากจะคาดเดา โดยเฉพาะหัวใจฮ่องเต้ ต่อไปเจ้าไปพระราชวังให้น้อยลงหน่อยแล้วกัน” จวินหย่วนโยวเอ่ยเตือน
วันนี้หยุนถิงช่วยฮ่องเต้แก้ปัญหาเมืองหนานหยวนไป ต้องทำให้ฮ่องเต้สงสัยแน่ เพราะทั่วทั้งราชสำนักยังคิดไม่ออกถึงวิธีการ หญิงนางนี้น่ากลัวจะไม่รู้ว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตราย
หยุนถิงหันหัวมองมา “ซื่อจื่อ นี่ท่านเป็นห่วงข้ารึ ข้าดีใจนัก ซาบซึ้งนัก ท่านพูดอีกสิ”
สายตาจวินหย่วนโยวเผยแววหน่ายใจ “เจ้านี่ต่อไปอย่าได้เผยความฉลาดให้มันมากไปนักล่ะ โดยเฉพาะต่อหน้าฮ่องเต้ คนผู้นั้นมิใช่ย่อยๆเลย”
“ก็ได้ ครั้งหน้าข้าจะแสร้งทำโง่ซึมต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ละกัน”
คนรับใช้ยกน้ำชาขนมเข้ามา จวินหย่วนโยวยังไม่ทันยืนมือ หยุนถิงก็ยื่นมือมายกขนมถาดนั้นมาไว้หน้าตนเอง และหยิบเข้าปากคำโต
รั่วจิ่งมุมปากกระตุก คุณหนูหยุนผู้นี้ช่างไม่เห็นตนเองเป็นคนนอกเลยสักนิด
“กินเสร็จก็กลับไปพักผ่อนซะ อีกครู่ข้าจะให้คนไปเรียกเจ้ามาทานอาหารเย็น” จวินหย่วนโยวเอ่ยขึ้น
“ได้เลย ซื่อจื่อท่านช่างจิตใจดีนัก สามารถแต่งกับท่านถือเป็นบุญของข้า” หยุนถิงยิ้มอย่างดีใจ
“เมื่อครู่ข้ากำลังจะถามเจ้า เจ้าอยากเป็นแค่อนุจริงๆรึ ถ้าเจ้าอยากเป็นพระชายาซื่อจื่อ ก็มิใช่ว่าเป็นไม่ได้?” จวินหย่วนโยวมองมาอย่างเนิบช้า
ไม่มีสตรีนางใดไม่ชอบอำนาจฐานะตำแหน่ง ถึงหยุนถิงจะหน้าตาน่าเกลียด และออกเรือนครั้งที่สอง แต่นางก็เป็นบุตรภรรยาเอกของเฉิงเซี่ยง หากเป็นแค่อนุดูจะไม่ยุติธรรมกับนาง
“ไม่ต้อง ฐานะอนุก็ดีแล้ว เป็นพระชายาซื่อจื่อเหนื่อยเกินไป ต้องรับมือคนและเรื่องราวมากมายเกินไป และยังต้องระมัดระวังคำพูดการกระทำ ทำสิ่งใดไม่ระวังเล็กน้อยก็จะโดนคนเก็บเอามากล่าวโทษ ข้าไม่อยากโดนคนจับจ้องตลอดเวลาไม่ว่าจะกินดื่มหรือทำอะไร ข้าค่อนข้างเกลียดความยุ่งยาก เป็นอนุอิสระดี ทำอะไรตามใจได้ ถกเถียงหึงหวง ต่อให้บางครั้งเล่นเล่ห์กลบ้างก็ไม่โดนใครว่าอะไร เพราะนั่นเป็นสิ่งที่อนุจะทำ ซื่อจื่อท่านก็รู้ ข้าเป็นอนุของท่านเพราะอยากจะมีฐานะที่สมเหตุสมผล กลัวว่าต่อไปจะโดนหลีอ๋องรังควานอีก ดังนั้นพวกเราต่างต้องการคนละอย่าง ท่านก็ไม่ต้องคิดมากไป แต่สิ่งที่ข้าควรได้ก็อย่าได้ขาดล่ะ หากวันหน้าท่านพบสตรีที่ชอบ ก็สามารถแต่งเข้ามาได้ ขอเพียงนางไม่หาเรื่องข้า ข้าก็ไม่มีทางหาเรื่องผู้ใดก่อนแน่” หยุนถิงพูดอย่างจริงจัง
จวินหย่วนโยวค่อนข้างแปลกใจ สตรีผู้นี้ช่างมองเรื่องราวได้ขาดและทะลุปรุโปร่ง ถือว่าแกร่งกว่าสตรีที่เชี่ยวชาญการวางแผนหรือเล่ห์เพทุบายมากนักละ เพราะจวินหย่วนโยวเองก็ไม่ชอบสตรีที่น่ารำคาญ
หากมิใช่เพราะนางสามารถช่วยตนแก้พิษได้ จวินหย่วนโยวไม่มีทางยอมให้หยุนถิงเข้าจวนซื่อจื่อได้หรอก แต่ตอนนี้ดูแล้ว สตรีผู้นี้ดูจะเหนือความคาดหมายของเขานัก ดูน่าสนใจกว่าที่คาดคิดไว้
“เช่นนี้ก็ดีมาก” จวินหย่วนโยวพยักหน้ารับปาก
“เช่นนั้นพรุ่งนี้ซื่อจื่อท่านตบแต่งจวนไว้ให้ดี โดยเฉพาะห้องหอของเรา ข้าชอบเตียงใหญ่ นุ่มเป็นพิเศษ ทางที่ดีที่สุดคือนอนลงไปแล้วยุบตัวลง แบบนั้นเวลานอนถึงจะสบาย” หยุนถิงเรียกร้องออกมา
จวินหย่วนโยวหน้าตึงเล็กน้อย แก้มแดงเรื่อมาก พลันไอค่อกแค่กออกมาอย่างแรง
หยุนถิงรีบพุ่งขึ้นจากเก้าอี้ ยื่นมาช่วยตบหลังให้จวินหย่วนโยว อีกมือจับชีพจรเขา
“ซื่อจื่อ ชีพจรท่านดูสับสน ลมปราณปั่นป่วน ทำไมจู่ๆก็ตื่นเต้นขึ้นมา หรือว่าท่านเฝ้ารอห้องหอของเรา?” หยุนถิงถาม
“อย่าพูดซี้ซั้ว” จวินหย่วนโยวบอกหน้าตึง สตรีผู้นี้พูดแต่ละคำไม่มีคำใดจริงจังเลย
“เตรียมเข็มเงินให้ข้าหนึ่งชุด” หยุนถิงบอก
องครักษ์หลิงเฟิงหันมองเจ้านายตน พอเห็นซื่อจื่อพยักหน้า เขาก็รีบไปนำมา พริบตาเดียวในมือเขาก็ถือล่วมยามาด้วย “เข็มเงินและสิ่งช่วยชีวิตบางอย่างอยู่ในนี้แล้ว”
“ขอบคุณมาก” หยุนถิงเปิดล่วมยาออก หยิบเข็มเงินออกมา เธอไม่ได้พูดกับจวินหย่วนโยว และลงเข็มใส่เขาอย่างรวดเร็วคุ้นเคย
ทำเอาหลิงเฟิงแทบกลั้นหายใจ พูดอย่างเป็นห่วงว่า “คุณหนูหยุนท่านไม่ต้องดูจุดชีพจรให้ดีก่อน ก็ปักเข็มลงไปมั่วๆอย่างนี้รึ?”
“ปักเข็มมั่วซั่ว ถ้าข้าปักเข็มมั่วซั่ว ซื่อจื่อของเจ้าตอนนี้คงนอนพะงาบไปแล้ว หาจุดชีพจรน่ะนั่นน่ะหมอธรรมดา ข้าไม่ต้องหรอก วางใจเถอะ ซื่อจื่อของเจ้าน่ะไม่เป็นอะไรหรอก เขาดูตื่นเต้นไปหน่อย หากไม่ระงับไว้น่ากลัวจะเป็นการกระตุ้นพิษในตัว ซื่อจื่อของเจ้าน่ะรูปงามขนาดนี้ ข้าไม่อยากให้เขาเป็นอะไร ข้ายังหวังให้เขาช่วยค้ำหน้าให้ข้านี่นา” หยุนถิงตอบ เข็มเงินในมือกลับไม่หยุดเลย
หลิงเฟิงสีหน้าตื่นเต้น คุณหนูหยุนผู้นี้วิชาแพทย์ดีขนาดนี้รึ ทางที่ดีนางสามารถรักษาซื่อจื่อได้ ไม่เช่นนั้นหากซื่อจื่อเป็นอะไรขึ้นมา เขาจะไม่ปล่อยหยุนถิงแน่
“เจ้าไปนำน้ำร้อนมาถังหนึ่ง เอาแบบที่ร้อนมาก อีกเดี๋ยวจะเอามาให้ซื่อจื่อเจ้าแช่ตัว” หยุนถิงสั่งการ