จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 17 ทำไมเขาใช้การไม่ได้แล้วล่ะ
ถึงปากนางจะพูดอย่างนี้ แต่กลับไม่ได้ยกมือขึ้นดึงเสื้อผ้ากลับที่ ตรงกันข้ามนางกลับแนบร่างเบียดอ้อมกอดโม่ฉือหานมากขึ้น
ปกติท่านอ๋องชอบอย่างนี้ที่สุด ดังนั้นลั่วโรวเอ๋อร์เลยลองมาหมดแล้วรับรองไม่มีพลาด
โม่ฉือหานมองใบหน้าน้อยเย้ายวนงดงามตรงหน้า ผิวนางงามขาวดุจหิมะ ผิวเรียบลื่นมีแรงสะท้อน ดวงตางามงอนขึ้นเย้ายวน เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้างดงามกว่าครึ่ง ทำให้คนเลือดลมพลุ่งพล่าน
โม่ฉือหานพลันหายใจหนักหน่วง สายตาทุ้มลึกขึ้น มือใหญ่โอบเอวลั่วโรวเอ๋อร์ไว้ และจูบนางอย่างดุดัน
เรียกร้องเอาแต่ใจ ไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด รุนแรงแข็งแกร่ง
ริมฝีปากลั่วโรวเอ๋อร์เจ็บมาก ปกติท่านอ๋องอ่อนโยนมาก ไม่เคยรุนแรงแข็งแกร่งอย่างนี้ โม่ฉือหานทำให้นางตกใจ หวาดกลัว แต่ก็รอคอยไม่น้อย
ลั่วโรวเอ๋อร์ทำใจกล้ายื่นมือไปโอบรอบคอโม่ฉือหาน ตอบสนองเขา
สายตาโม่ฉือหานฉายแววพอใจ สตรีควรจะเป็นเช่นนี้ แนบร่างใต้ร่างบุรุษ พอคิดถึงหญิงอัปลักษณ์หยุนถิงคนนั้น โม่ฉือหานยิ่งเดือดดาลและไม่แยแส และระบายความไม่พอใจในใจออกมาจนหมด
กาเหล้าและจอกเหล้าบนโต๊ะไม่รู้ว่าโดนโม่ฉือหานปัดตกพื้นตอนไหน ตัวลั่วโรวเอ๋อร์เอนนอนบนโต๊ะ ในตอนที่อารมณ์ของทั้งสองคนถึงจุดเดือด จะเข้าสู่จุดสำคัญ สีหน้าโม่ฉือหานพลันเย็นชาลงมา สีหน้าดำมืด
“ท่านอ๋อง ท่านเป็นอะไรรึ?” ลั่วโรวเอ๋อร์ถามอย่างไม่เข้าใจ
“ไสหัวไป ไสหัวออกไป!” โม่ฉือหานตะคอกดังด้วยความโกรธ และผลักนางลงพื้น
ลั่วโรวเอ๋อร์ไปกระแทกกับขอบโต๊ะพอดี ขาเจ็บแทบตาย สีหน้าซีดเผือด แต่นางไม่กล้ารอช้า รีบคว้าหยิบเสื้อผ้าที่พื้นมาคลุมกาย และถอยออกไปทันที
โม่ฉือหานซัดกำปั้นใส่โต๊ะอย่างเดือดดาล โต๊ะยาวตัวนั้นพลันแตกออกเป็นสองเสี่ยง
“น่าตายนัก!” โม่ฉือหานดวงตาคมปลาบ สบถด่าออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าขมวดมุ่น
เวลาสำคัญ เหตุใดเขากลับใช้การไม่ได้ขึ้นมาล่ะ?
ปกติเขาแข็งแกร่งเร่าร้อน อยู่กับลั่วโรวเอ๋อร์ ต่อให้ไม่พักผ่อนทั้งคืนก็มิเป็นไร ครั้งนี้เหตุใดจู่ๆก็เป็นเช่นนี้ได้?
โม่ฉือหานคิดไม่ตก ในสมองพลันวาบผ่านใบหน้าอัปลักษณ์ยิ่งนักของหยุนถิง ยิ่งเดือดดาลหนักขึ้น
ต้องเป็นเพราะโดนหญิงอัปลักษณ์นางนั้นทำเขาขยะแขยงแน่ โม่ฉือหานปลอบตัวเองในใจ
….
เช้าวันต่อมา จวนซื่อจื่อตีฆ้องร้องป่าว ครึกครื้นยิ่งนัก ขบวนเจ้าบ่าวขบวนใหญ่หามกล่องแดงมงคลหลายร้อยกล่องเดินไปบนถนนอย่างเอิกเกริก ช่างดูอลังการนัก เรียกได้ว่าสินสอดเจ้าสาวยาวนับสิบลี้
ชาวบ้านออกมารุมดูกันแต่เช้าแล้ว อดอิจฉาซื่อจื่อที่ร่ำรวยยิ่งนักไม่ได้
ทุกคนมองไปที่คนนำหน้า คนที่อยู่บนม้าตัวใหญ่มิใช่จวินหย่วนโยว แต่เป็นหลิงเฟิง ชาวบ้านก็พากันพูดคุยกระซิบกระซาบ
“ซื่อจื่อแต่งงาน ไม่มารับด้วยตัวเอง แต่กลับให้องครักษ์ใกล้ชิดมาแทน หรือว่าจริงๆแล้วซื่อจื่อมิได้อยากแต่งงานกับหยุนถิง?” หนึ่งในชาวบ้านพูดขึ้น
“เจ้าเองก็ไม่คิดเลย จวินซื่อจื่อเป็นใครกัน จะรักใคร่หญิงอัปลักษณ์หยุนถิงได้อย่างไร แถมยังเป็นหญิงม่ายผัวหย่า”
“เมื่อคืนยังพลอดรักกับซื่อจื่อกลางถนน สุดท้ายวันนี้ซื่อจื่อไม่มารับขบวนเจ้าสาวด้วยตัวเอง เท่ากับโดนตบหน้าแล้ว หยุนถิงช่างอับอายเสียจริง”
รั่วจิ่งที่ขี่ม้าอยู่ ได้ยินชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์หยุนถิง ก็เดือดดาล ตอนกำลังจะย้อน ก็โดนสายตาหลิงเฟิงปรามไว้
“ทำตามที่พ่อบ้านบอก” หลิงเฟิงกำชับ
“ก็ได้” รั่วจิ่งเปิดกล่องใหญ่ด้านหลังออก จากนั้นตะโกนเสียงดังว่า
“วันนี้ซื่อจื่อของเราร่างกายอ่อนแอไม่อาจมารับขบวนเจ้าสาวด้วยตนเองได้ รู้สึกผิดต่อคุณหนูหยุนยิ่งนัก ดังนั้นซื่อจื่อเลยสั่งข้าให้สาดหนึ่งหมื่นเบี้ยเหรียญพวงเป็นการขอขมาคุณหนูหยุน วันนี้ทุกคนที่เจอล้วนได้กันหมด ไม่ต้องเกรงใจ”
รั่วจิ่งพูดไปพลาง ยื่นมือคว้าหมับเบี้ยในกล่องสาดออกไปพลาง ลูกน้องคนอื่นด้านหลังเห็นอย่างนั้น ก็กอดกล่องสาดเงินเหมือนกัน
ชาวบ้านที่มารุมดูขบวนงงเป็นไก่ตาแตก ซื่อจื่อช่างรวยยิ่งนัก ไม่อาจมารับขบวนเจ้าสาวได้ด้วยตัวเอง ยังสาดเงิน คราวนี้เลยไม่มีใครกล้าซุบซิบนินทาหยุนถิงอีก ต่างพากันย่อตัวลงเก็บเงิน
รั่วจิ่งสีหน้าได้ใจ ความคิดนี้ของพ่อบ้านดีนัก คราวนี้ช่วยกู้หน้าให้คุณหนูหยุนดีเลย
ตำแหน่งชั้นสองติดหน้าต่างของโรงน้ำชาข้างถนน มีเงาร่างสองร่างมองเหตุการณ์วันนี้เก็บรายละเอียดไว้หมด
“เจ้าว่าจวินหย่วนโยวโดนลาถีบหัวหรือไม่ คิดตบแต่งหญิงอัปลักษณ์อย่างหยุนถิง ยังสาดเงินเพื่อนาง นี่มันคิดไม่ตกขนาดไหนกันนะ?” องค์ชายสี่โม่ฉือชิงบ่นพร่ำ
“จวินหย่วนโยวไม่เหมือนคนที่คิดไม่ตกเลย” เฉียวเย็นจือที่อยู่ฝั่งตรงข้ามตอบพลางจิบชา
โม่ฉือชิงเลิกคิ้วมองมา “ความหมายของเจ้าคือ?”
“ถึงจวินหย่วนโยวจะอายุสั้น แต่ก็เป็นซื่อจื่อแห่งแคว้นต้าเยียน ฐานะสูงส่ง อยากได้สตรีเช่นใดไม่ได้กัน ทำไมต้องมาเลือกหยุนถิงด้วย หากบอกว่าเป็นรักแท้ เจ้าเชื่อรึ?” เฉียวเย็นจือย้อนถามกลับ
“แน่นอนว่าไม่เชื่อ ใบหน้าดำเมี่ยมราวกับถ่านดำนั่นของหยุนถิง แค่เห็นก็อยากอาเจียนแล้ว ไม่งั้นพี่รองข้าคงไม่ให้หนังสือหย่าหรอก” โม่ฉือชิงเบ้ปากบอก
เรื่องหลีอ๋องให้หนังสือหย่ากับหยุนถิงนั้นกระจายไปทั่วทั้งเมือง โม่ฉือชิงกับเฉียวเย็นจือต้องรู้แน่นอน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็แสดงว่าหยุนถิงต้องมีอะไรเลิศเลอกว่าผู้อื่นแน่ ทำให้จวินหย่วนโยวมองนางใหม่ กระทั่งยอมผิดใจกับหลีอ๋องเพื่อนาง” เฉียวเย็นจือบอกอย่างมั่นใจ
“ไอ้โหย เจ้าพูดอย่างนี้ ข้ารู้สึกว่ามีเหตุผลอยู่บ้าง ไป พวกเราก็ไปดูกันว่าหญิงอัปลักษณ์หยุนถิงมีดีอะไร” โม่ฉือชิงลากเฉียวเย็นจือไป
ขบวนรับเจ้าสาวตีฆ้องร้องป่าวตลอดทางมุ่งตรงไปยังจวนตระกูลหยุน จากนั้นหยุดลงที่หน้าประตู
หลิงเฟิงลงจากม้ามาคารวะ หยุนเซี่ยงจูงมือเจ้าสาวเดินออกมา “ลำบากองครักษ์หลิงแล้ว”
“หยุนเซี่ยงเกรงใจไปแล้ว ยินดีเช่นกัน” หลิงเฟิงตอบ
สาวใช้พยุงเจ้าสาวขึ้นเกี้ยว จากนั้นหลิงเฟิงขึ้นม้า พาขบวนย้อนกลับทางเดิม
หยุนเซี่ยงถึงแอบถอนหายใจโล่งอก เมื่อคืนจวนซื่อจื่อส่งคนมาบอกว่าหยุนถิงไม่กลับจวนวันนี้ ดังนั้นแต่เช้าหยุนเซี่ยงเลยหาสาวใช้มาแต่งชุดเจ้าสาวแทน ในใจก็ภาวนาให้ทุกอย่างราบรื่น
ท่ามกลางฝูงชน เฉียวเย็นจือเหล่มองเจ้าสาวที่ถูกพยุงขึ้นเกี้ยวคนนั้น พลางขมวดคิ้วน้อยๆ “เจ้าสาวคนนั้นเป็นตัวปลอม”
โม่ฉือชิงมองไปอย่างตกใจ “เจ้ารู้ได้อย่างไร เจ้าอย่าพูดจาซี้ซั้วนะ?”
“เมื่อครู่ข้าเห็นสาวใช้พยุงนาง มือของนางด้านมาก แค่ดูก็รู้ว่าเป็นมือคนทำงาน ถึงหยุนถิงจะอัปลักษณ์แต่ก็เป็นบุตรสาวภรรยาเอกของจวนเฉิงเซี่ยง ไม่มีทางมีมือเช่นนั้นได้” เฉียวเย็นจือตอบ
โม่ฉือชิงเลิกคิ้วบอก “พูดเช่นนี้ หยุนเซี่ยงแต่งบุตรสาวตัวปลอม แบบนี้มีละครสนุกดูแล้ว ปกติเจ้าจวินหย่วนโยวนั่นน่ารังเกียจที่สุด วันนี้ข้าจะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เขาสักชิ้นแล้วกัน”
เฉียวเย็นจือเองก็อยากดูสิว่าระหว่างจวินหย่วนโยวกับหยุนถิงมีลับลมคมในอะไรกันแน่ ดังนั้นเลยไม่ได้ห้ามปราม
จากนั้นโม่ฉือชิงกับเฉียวเย็นจือก็เดิรตามขบวนกลับไป พอมาถึงถนนที่ครึกครื้นที่สุดของเมืองหลวง โม่ฉือชิงควักหนึ่งตำลึงเงินออกจากสายรัดเอวและใส่กำลังภายในยิงไปที่ม้า
ม้าพลันโดนโจมตี ตกใจ พุ่งไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง เจ้าสาวในรถม้าพลันตกใจร้องกรี๊ดออกมา
หลิงเฟิงสีหน้าเคร่งขรึม กระโจนขึ้นบนม้าตัวนั้น ดึงบังเหียนไว้ “รีบช่วยคน!”
รั่วจิ่งกลับพุ่งไปข้างในรถม้า ช่วยเจ้าสาวที่ตกใจออกมา และพานางลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย
โม่ฉือชิงปราดร่างเข้าไปอย่างรวดเร็ว กระชากผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวออกทันที