จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 18 ใครกล้าไม่เกรงใจสตรีของข้า
ภาพนี้เกิดขึ้นเร็วมาก รั่วจิ่งอยากจะยับยั้งแต่ไม่ทันแล้ว ทุกคนเห็นใบหน้าเจ้าสาวหมดแล้ว
“ทำไมเจ้าสาวมิใช่คุณหนูหยุน เจ้าสาวคนนี้เป็นตัวปลอม!” ท่ามกลางฝูงชน มีคนหนึ่งตะโกนขึ้น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน หรือว่าจวนเฉิงเซี่ยงส่งผิดคน?”
“ลูกสาวตนเองออกเรือนยังผิดคนได้ เป็นไปได้อย่างไรกัน?”
“หรือว่าซื่อจื่อแต่งงานเป็นเรื่องโกหก หรือว่าซื่อจื่อเห็นทุกคนโง่เง่าหลอกง่าย” โม่ฉือชิงแสร้งสวมรอยตะโกนไปด้วย
ชาวบ้านล้วนรู้สึกแย่กับจวินหย่วนโยวทันที ต่างพากันต่อว่า วิพากษ์วิจารณ์ รังเกียจเดียจฉันท์
โม่ฉือชิงยิ้มมุมปากอย่างพอใจ จวินหย่วนโยวแต่งงานแต่เจ้าสาวกลับเป็นตัวปลอม นี่มันช่างเป็นเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า ดูสิว่าเขาจะอธิบายกับทุกคนยังไง
เฉียวเย็นจือสีหน้าสงบเงียบ ไม่ได้มีอารมณ์อะไรมาก
รั่วจิ่งร้อนใจมาก อยากจะอธิบายแต่ก็ไม่รู้จะเอ่ยปากยังไง
หลิงเฟิงกลับมาหลังจากควบคุมม้าเตลิดได้แล้ว เขามีสีหน้าไม่สู้ดีเหมือนกัน ใครจะคิดว่าระหว่างทางเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แต่ยังคงอธิบายอย่างใจเย็น
“ทุกคนอย่าเข้าใจผิด เรื่องวันนี้มีสาเหตุอยู่ เมื่อคืนซื่อจื่อไม่ค่อยสบาย คุณหนูหยุนคอยอยู่ดูแลเขา เลยคิดวิธีแก้นี้ขึ้นมา การรับแต่งเข้าจวนเป็นเพียงพิธีการ วันนี้จวนซื่อจื่อจัดเลี้ยงโต๊ะจีน มิต้องมีค่าใช้จ่ายใดๆ หากผู้ใดว่างขอเชิญมาร่วมดื่มกิน สุราอาหารเลิศรสรับรองพอ”
ทุกคนพากันเย้ยหยัน “คำพูดนี้ใครจะเชื่อกัน ก่อนแต่งงานชายหญิงสองฝ่ายมิอาจพบหน้ากันได้ คุณหนูหยุนอยู่ดูแลซื่อจื่อจนไม่สนใจพิธีแต่งงานแล้ว คิดว่าพวกเราโง่รึ”
“นางเคยแต่งกับหลีอ๋องมาก่อน ไม่ใช่สตรียังมิออกเรือนอะไรนานแล้ว มีอะไรน่าสนใจกัน”
“เขาจะแต่งงานอย่างไรเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้ากัน นี่โต๊ะจีนมิต้องเสียเงินนะ ข้าจะรีบไปกินล่ะ”
พอคนหนึ่งพูดจบ คนอื่นก็พร้อมกันพุ่งไปยังจวนซื่อจื่อ ไม่ต้องจ่ายเงินไปกิน ใครจะไม่กินกัน
“งั้นพวกเราจะทำอย่างไรดี?” รั่วจิ่งถาม
“กลับไป” หลิงเฟิงตอบ ม้าตัวนั้นเมื่อครู่อยู่ดีๆเหตุใดเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาได้ ต้องมีคนจงใจแน่
จวนซื่อจื่อ
หยุนถิงได้ยินคนรับใช้คนนั้นที่กลับมาก่อนรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นบนท้องถนนแล้วสีหน้าเย็นชา มีคนทำให้ม้าตกใจ ดูท่าพิธีแต่งงานวันนี้จะไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่แล้ว
เธอเหล่มองจวินหย่วนโยวที่ยังไม่ได้สติ แววตาหยุนถิงฉายแววคมปลาบวาบผ่าน “ใครก็ได้ ช่วยข้าเปลี่ยนชุด”
คนรับใช้ถอยออกไป สาวใช้สองคนเข้ามาช่วยหยุนถิงแต่งหน้าแต่งตัว
หน้าประตูจวนซื่อจื่อ โต๊ะจีนยาวตั้งเรียงอยู่สองข้างทางตั้งแต่หน้าประตู ความยาวเพียงพอพันเมตร ชาวบ้านที่มาห้อมล้อมต่างนั่งลงเริ่มต้นกิน ขอแค่อาหารจานใดหมดลง คนรับใช้ของจวนซื่อจื่อก็จะรีบยกจานใหม่มาเติมทันที เอาแค่ยกอาหารมาวางเร็วและยังไม่ต้องเสียเงิน ก็เรียกคะแนนนิยมให้กับจวนซื่อจื่อระลอกหนึ่ง
พวกหลิงเฟิงมุ่งหน้าตรงเข้าไปในเรือนใน โม่ฉือชิงกับเฉียวเย็นจือก็ตามคนส่วนใหญ่เข้ามาด้วย
ในเรือนล้วนเป็นการรวมตัวของเหล่าขุนนาง คุณหนูคุณชาย แขกเหรื่อเพื่อนฝูงมิตรสหาย ของแคว้นต้าเยียน ครึกครื้นยิ่งนัก
“ได้เวลาฤกษ์งามยามดีแล้ว ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาว” เสียงร้องตะโกนดังขึ้น ทุกคนพากันหันมองมา
เจ้าสาวในชุดแดงเดินเข้าสู่ห้องโถงโดยมีสาวใช้คอยพยุง สตรีทุกคนในที่นั้นพากันอิจฉาตาร้อน
ชุดเจ้าสาวใช้ผ้าใยไหมถักทอขึ้น อ่อนนุ่มเรียบลื่น สบายระบายอากาศ มีเงินนับหมื่นก็หาซื้อไม่ได้ เฝิงกวน เซี่ยเป่ย(เฝิงกวน เซี่ยเป่ย ชุดแต่งงานจีนโบราณ)นี่ยิ่งมาจากร้านดังขึ้นชื่อ เอาแค่ชุดนี้น่ากลัวต่อให้มีหมื่นตำลึงทองก็หาซื้อไม่ได้ ทุกคนพากันถอนหายใจซื่อจื่อช่างร่ำรวยเสียจริง
หลิงเฟิงเห็นซื่อจื่อของตนไม่ได้ออกมา ก็รีบวิ่งไปยืนข้างกายเจ้าสาว
ภาพนี้ทำเอาทุกคนซุบซิบนินทา ติเตียนเป็นการใหญ่
หยุนถิงที่มีผ้าคลุมหน้าปิดอยู่ได้ยินเสียงติเตียนดูถูกรังเกียจที่ทุกคนมีต่อตน แต่กลับพูดอย่างไม่แยแสเลยว่า “เริ่มพิธีเถอะ”
“วันนี้เป็นวันมงคลของคุณหนูหยุนและซื่อจื่อ เพราะมีธุระซื่อจื่อจึงไม่อาจร่วมงานได้ ดังนั้นเลยให้องครักษ์เป็นตัวแทนเขาเข้าร่วมพิธี บัดนี้ถึงเวลาฤกษ์แล้ว กราบไหว้ฟ้าดิน” ขุนนางพิธีการตะโกนดัง
“เรื่องใหญ่ในชีวิตอย่างเข้าพิธีแต่งงานกราบไว้ฟ้าดินยังมาไม่ได้ ข้าว่า จวินซื่อจื่อมิได้คิดแต่งงานจริงดอก” โม่ฉือชิงแค่นเสียงเย็น
หลิงเฟิงถลึงตาใส่อย่างเดือดดาล “องค์ชายสี่อย่าพูดซี้ซั้ว เรื่องที่ซื่อจื่อของข้าตบแต่งคุณหนูหยุนฝ่าบาทยังทรงทราบ มิมีทางปลอมแปลงได้”
“เช่นนั้นเหตุใดมอบสินสอดกับแต่งงานยังต้องหาคนมาทำแทนเลย หากมิใช่เรื่องเท็จ หรือว่าจะป่วยหนักจนลงจากเตียงไม่ได้กัน?” โม่ฉือชิงแกล้งถาม
สีหน้าพ่อบ้านพลันไม่น่าดูขั้นสุด “ผู้มาคือแขก ถ้าองค์ชายสี่คิดจะมาดื่มเหล้ามงคลสักจอก จวนซื่อจื่อของเรายินดีต้อนรับ หากมาก่อกวน จวนซื่อจื่อของเราก็มิใช่รังแกได้ง่ายๆ”
“ไอ้โยะโหย พ่อบ้านท่าทางเดือดเนื้อร้อนใจเช่นนี้ดูท่าข้าจะเดาถูกนะ จวินหย่วนโยวคงมิใช่ป่วยจะตายแล้วกระมัง ถึงได้แต่งหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้แก้เคล็ด?”
หลิงเฟิงโกรธจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน กำลังจะลงมือแต่โดนหยุนถิงห้ามไว้
โม่ฉือชิงเห็นแต่ละคนสีหน้าไม่น่าดู ยิ่งได้ใจ อาศัยจังหวะทุกคนไม่ระวัง ปราดเข้าไปยืนข้างกายหยุนถิง “ข้าจะดูสิว่า เจ้าสาวครั้งนี้คงไม่ใช่ตัวปลอมอีกกระมัง?” พูดเสร็จยื่นมือดึงผ้าคลุมหน้าทิ้งทันที
ใบหน้าของหยุนถิงโผล่ออกมา ไม่เหมือนเดิมที่ดำไปครึ่งหน้า ครั้งหนี้หยุนถิงดำเมี่ยมทั้งหน้า
“ผีหลอก!”
หยุนถิงถึงหันมองคนข้างกาย ชุดคลุมยาวสีแดงโอเวอร์ มาก ใบหน้างามหล่อเหลา ดวงตาคิ้วงามงอน ดวงตาที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิง ตอนนี้กลับเบิกกว้างมากเพราะตกใจมากเกินไป นี่ก็คือองค์ชายสี่โม่ฉือชิง
“องค์ชายสี่เคยเห็นผีหน้าตาน่าเกลียดอย่างนี้รึ?” หยุนถิงย้อนถาม
โม่ฉือชิงถึงได้สติกลับมา บอกอย่างไม่สนใจว่า “ก็มิเคยดอก เจ้านี่หน้าตามิใช่น่าเกลียดธรรมดานะ มิน่าพี่รองถึงหย่าร้างเจ้า จวินหย่วนโยวต้องตาบอดแน่ จะตบแต่งกับเจ้าเนี่ย?”
หยุนถิงไม่โกรธเลยสักนิด ดวงตางามจ้องมองเขาเขม็ง “ซื่อจื่อดวงตาเป็นประกายดุจเปลวไฟ ชอบพอในตัวข้า ไม่สนใจหน้าตาของข้า ไม่เหมือนคนบางคนที่มองคนแค่เปลือกนอกขนาดนั้น มองหน้าพูดจา มีรูปโฉมงามแล้วมีประโยชน์อะไร อีกหลายสิบปีก็เป็นแค่กระดูกขาวกองหนึ่ง”
“เจ้า น่าตายนัก…” โม่ฉือชิงสบเข้ากับดวงตาดำขลับเย็นเยียบของหยุนถิง ยังอยากพูดอะไร แต่ก็พลันชะงักกึก
ทุกคนมองอย่างตกใจสงสัย โม่ฉือชิงพลันยิ้มเหม่อลอย จากนั้นฮัมเพลงขึ้นมา และเริ่มเต้นรำพลางถอดเสื้อผ้า
“องค์ชายสี่มาร่วมเต้นรำฉลองให้กับพิธีแต่งงานของข้ากับซื่อจื่อ ลำบากท่านแล้ส ทุกคนอย่าได้พลาดการแสดงที่ตื่นตาตื่นใจเช่นนี้เลย” หยุนถิงพูดเนิบช้า
ทุกคนในที่นั้นพากันงงเป็นไก่ตาแตก องค์ชายสี่ผู้นี้เหตุใดจู่ๆก็เต้นระบำเปลื้องผ้าขึ้นมาเล่า ไร้ยางอายจริงๆ สตรีมากมายที่ยังไม่ออกเรือนพร้อมกันหันหน้าหนี ไม่กล้ามอง
เฉียวเย็นจือที่อยู่ท่ามกลางฝูงชนมองดูโม่ฉือชิงที่ถอดเสื้อผ้าท่อนบนหมดสิ้น รีบเข้าไปห้ามทันที “โม่ฉือชิง เจ้าทำอะไรน่ะ?”
โม่ฉือชิงกลับเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงเต้นต่อไป ยังคงถอดต่อไป
เฉียวเย็นจือพลันรู้สึกผิดสังเกต เหล่มองหยุนถิงด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “เจ้าทำอะไรกับเขา?”
“ข้าจะทำอะไรกับเขาได้ ข้าไม่ได้แตะต้องมือเขาเลยด้วยซ้ำ องค์ชายสี่เกิดนึกสนุกขึ้นมาเอง อยากเต้นรำให้ทุกคนดู ข้าจะไปห้ามปรามได้รึ?” หยุนถิงทำหน้าไร้เดียงสา
“เจ้าอย่ามาแก้ตัว หากมิใช่เจ้าลงมือ มีหรือเขาจะเป็นเช่นนี้ รีบทำให้เขากลับเป็นปกติซะ ไม่งั้นข้าจะไม่เกรงใจเจ้านะ” เฉียวเย็นจือตะคอกดุดัน
“ใครกล้าไม่เกรงใจสตรีของข้า!”