จอมนางข้ามภิภพ – บทที่ 19 ซื่อจื่อชอบข้าที่สุดแล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามพิภพ บทที่ 19 ซื่อจื่อชอบข้าที่สุดแล้ว

เสียงเย็นชาดุดันเสียงหนึ่งดังมาจากด้านนอก ทุกคนพากันหันไปมอง

จวินหย่วนโยวปรากฏตัวในชุดเจ้าบ่าวสีแดง ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ คิ้วทั้งคู่แน่นหนาราวกับวาดด้วยน้ำหมึก ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาคมปลาบ แผ่ซ่านรังสีอำมหิตกระหายเลือดและเย็นเยียบ ผลักไสผู้คนออกไป จุดที่สายตาปรายไป ทุกคนจะรู้สึกเพียงว่ากดดันเป็นอย่างมาก ไม่กล้าหายใจแรงด้วยซ้ำ

เขาก้าวเท้ายาวเดินไปหาหยุนถิง มายืนข้างกายนาง ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจน้ำแข็งมีแววอ่อนโยนและรู้สึกผิด

“ขอโทษ ข้ามาช้า ทำให้เจ้าโดนรังแกแล้ว”

วินาทีที่จวินหย่วนโยวปรากฏตัว หยุนถิงก็มองเขาตลอด ไม่คิดว่าซื่อจื่อขี้โรคเวลาใส่ชุดเจ้าบ่าวแล้วจะหล่อขนาดนี้

จู่ๆโดนเขาปกป้องแบบนี้ หยุนถิงรู้สึกแค่ใจเต้นรัวเร็ว ทำไมจู่ๆเธอรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาได้นะ

หยุนถิงพูดอย่างซาบซึ้งและน้อยใจ “ซื่อจื่อเมื่อครู่ท่านช่างหล่อเหลือเกิน ข้าชอบนัก เมื่อครู่พวกเขารังแกข้า บอกว่าท่านไม่ยอมมากราบไหว้ฟ้าดินด้วยตัวเองคือไม่อยากแต่งงานกับข้า ไม่อยากเจอข้า”

“เด็กโง่ ข้ามีหรือจะไม่อยากแต่งงานกับเจ้า ต่อให้ตบแต่งพระชายาซื่อจื่อก็คงเหมือนกับในวันนี้ล่ะ” จวินหย่วนโยวปลอบ

“ข้ารู้ว่าซื่อจื่อชอบข้าที่สุดเลย” หยุนถิงบอก ยื่นมือออกมากอดจวินหย่วนโยวเอาดื้อๆ

ผู้คนที่มาร่วมงานพากันงงเป็นไก่ตาแตก จวินซื่อจื่อผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องรักสะอาด ไม่เคยยอมให้สตรีเข้าใกล้ หยุนถิงผู้นี้หาเรื่องตายรึ

ก่อนหน้านี้ชาวบ้านมากมายเพียงแค่เคยได้ยินว่า จวินซื่อจื่ออุ้มหยุนถิงออกจากหอชุนเฟิง แต่ไม่เคยได้เห็นกับตา ตอนนี้เห็นจวินหย่วนโยวมิได้ผลักหยุนถิงออก สตรีคนอื่นในที่นั้นใจแตกสลายไปตามๆกัน

จวินหย่วนโยวมือหนึ่งโอบเอวหยุนถิง ก้มหัวลงจุมพิตที่หน้าผากนางแผ่วเบา ประหนึ่งตบหน้าทุกคนในที่นั้น

คนพวกนั้นที่ก่อนหน้านี้รังเกียจ เหยียดหยามหยุนถิง พอเห็นภาพนี้พากันมองอึ้งไปเลย

ใบหน้าอัปลักษณ์เหลือคณานั่น จวินซื่อจื่อกลับจุมพิตลงไปได้ นี่มันต้องรสนิยมแปลกขนาดไหน

จวินหย่วนโยวเพียงแค่จุมพิตผิวเผิน ก็ยืดตัวลง “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า ใครรังแกเจ้านะ?”

“เขา” หยุนถิงชี้ไปที่โม่ฉือชิง

เมื่อครู่ตอนจวินหย่วนโยวฟื้นขึ้นมา คนรับใช้ก็บอกเรื่องที่ขบวนเจ้าสาวเจอม้าคลั่งทำตกใจระหว่างทาง คนปกติไม่มีทางกล้าทำม้าของจวนซื่อจื่อตกใจบ้าคลั่งแน่ ตอนนี้มาเจอโม่ฉือชิง จวินหย่วนโยวก็เดาได้แล้ว

“องครักษ์เงามังกรอยู่ไหน?” จวินหย่วนโยวตะคอกดังออกมา

ท่ามกลางผู้คน เงาร่างหลายสิบร่างพร้อมใจกันปรากฏตัวจากทุกสารทิศ ทั้งหมดล้วนใส่ชุดดำ ใส่หน้ากากมังกรสีดำ แต่ละคนแผ่รังสีแกร่งกล้า วินาทีที่พวกเขาปรากฏตัว ทั่วทั้งจวนซื่อจื่อพากันเงียบกริบ

เหล่าองครักษ์เงามังกรต่างวิ่งเข้ามาคารวะจวินหย่วนโยว

ทุกคนพากันอึ้งกิมกี่ ว่ากันว่าจวินซื่อจื่อมีองครักษ์เงามังกรกองหนึ่ง แต่ละคนฝีมือร้ายกาจ สามารถสู้หนึ่งต่อร้อย ตอนนั้นทีฮ่องเต้คนก่อนพึ่งขึ้นครองราชย์ไม่นาน ศึกนอกศึกในไม่ขาด ราชสำนักระส่ำระสาย อีกสามแคว้นยังมารุกรานเมืองหลวง แคว้นต้าเยียนเรียกรวมพลกองทหารไม่ทัน เป็นองครักษ์เงามังกรที่สู้รบกับศัตรูอย่างหนึ่งต่อร้อย ไม่กริ่งเกรงความเป็นตาย คุ้มครองฮ่องเต้คนก่อนและเมืองหลวงเอาไว้ได้ ขับไล่กองทัพศัตรูอีกสามแคว้นที่มารุกรานกลับไปได้ ศึกเดียวชื่อเสียงระบือไกลนับจากนั้น

พวกเขาไม่เพียงเป็นองครักษ์เงา ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นวีรบุรุษที่ช่วยแคว้นต้าเยียนจากความทุกข์ทรมาน เป็นเทพสงครามในใจของทุกคน

เพราะอย่างนี้องครักษ์เงามังกรจึงได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้คนก่อนว่าเป็นองครักษ์ลับอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์แคว้นต้าเยียน มีอำนาจสั่งการเหนือกองทัพจักรพรรดิทั้งหมด ไม่ขึ้นตรงต่อราชสำนัก และไม่สังกัดอยู่ในอำนาจใดๆ รับคำสั่งจากจวินหย่วนโยวแต่เพียงผู้เดียว

นี่ก็เป็นสาเหตุว่า ต่อให้จวินหย่วนโยวจะอายุไม่ยืน แต่ทำไมฮ่องเต้และฮองเฮากลับไม่กล้าแตะต้องเขา และยังไว้หน้าเขาไม่น้อย

“ซื่อจื่อมีอันใดจะสั่งการขอรับ?” หลงยีถาม

“ถอดเสื้อผ้าองค์ชายสี่ทั้งหมดแล้วโยนให้ไปเดินวนบนถนน หากไม่ครบสามรอบ ห้ามปล่อยคน!” จวินหย่วนโยวตะคอกสั่ง

“ขอรับ” หลงยีเดินไปทางโม่ฉือชิง จะพาตัวเขาไป

“ซื่อจื่อท่านจะทำเช่นนี้ไม่ได้ จะอย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายสี่ ท่านลบหลู่เขาเช่นนี้ดูจะเกินไปสักหน่อย” เฉียวเย็นจือออกเสียงห้าม

ดวงตาเย็นเยียบของจวินหย่วนโยวเหล่มา “องค์ชายสี่แล้วอย่างไร จงใจทำม้าของขบวนรับเจ้าสาวข้าตกใจอาละวาด และยังรังแกสตรีของข้า ก็น่าจะรู้ว่าจะต้องเจอกันอะไร ทำไม หรือว่าคุณชายเฉียวอยากจะโดนด้วยกัน?”

คำพูดเดียวทำเฉียวเย็นจือหุบปากทันที

ถึงจวินหย่วนโยวจะดูไม่มีพิษมีภัยอะไร ดูขี้โรคอ่อนแอ แต่แท้ที่จริงแล้วเย็นชาอำมหิต กระหายเลือดชั่วร้าย ขอเพียงเขาออกปากก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

ขนาดฮ่องเต้กับไทเฮายังหวั่นเกรงเขา นับประสาอะไรกับเฉียวเย็นจือที่เป็นเพียงบุตรชายโหวเย่

พอคิดว่าจะต้องถูกถอดเสื้อผ้าไปเดินเล่นบนถนน เฉียวเย็นจือสีหน้าไม่น่าดู ไม่กล้าพูดอะไรอีก

เขามองโม่ฉือชิงที่โดนหลงยีพาตัวไปอย่างเห็นใจ ในใจพูดขึ้นว่า “ขอโทษนะ ไม่ใช่ข้าไม่ช่วยเจ้า แต่ข้าช่วยไม่ได้จริงๆ

โม่ฉือชิงถูกพาตัวไป คนอื่นก็ตกใจกันหมด ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว ทั้งหมดพร้อใจกันหุบปาก

จวินหย่วนโยวหันมองหยุนถิง มีแววรักใคร่อ่อนโยนขึ้นในสายตา “พวกเรากราบไหว้ฟ้าดินกันเถอะ”

“ตกลง” หยุนถิงพูดอย่างซาบซึ้ง

ซื่อจื่อช่างน่าเกรงขามจริงๆ ปกป้องเธอขนาดนี้ ทำให้หยุนถิงรู้สึกว่าเขาหล่อมาก หมอนี่มันตัวละครบิ๊กบอสชัดๆ

ขุนนางพิธีการตะโกนทันทีว่า “หนึ่งกราบไหว้ฟ้าดิน”

จากนั้นจวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิง ทั้งสองคนสบตากัน ยิ้มให้กัน จากนั้นกราบไหว้ฟ้าดิน

คนที่อยู่ในห้องและในเรือนพากันมองเบิกตากว้าง ไม่มีใครกล้าพูดอะไร ได้แต่มองดูซื่อจื่อกับหยุนถิงกราบไหว้ฟ้าดินจนเสร็จ

“พิธีเสร็จสิ้น ส่งเข้าห้องหอ”

จวินหย่วนโยวกับหยุนถิงเดินไปยังห้องหอของพวกเขาท่ามกลางการห้อมล้อมของทุกคน

“ซื่อจื่อพิธีสำเร็จแล้ว ทุกคนเข้านั่งลงเถิด ดื่มกินให้เต็มที่ อย่าได้เกรงใจ” พ่อบ้านตะโกนเสียงดัง

ทุกคนเห็นจวินซื่อจื่อเดินไปไกลแล้ว ถึงได้ค่อยผ่อนลมหายใจยาว พากันเข้านั่ง

งานเลี้ยงในจวนซื่อจื่อราวกับงานเลี้ยงในพระราชวัง อาหารและสุราเลิศรสมากมาย มีหลายอย่างนักที่เหล่าเหล่าขุนนางไม่เคยเห็นมาก่อนเลย คราวนี้ทุกคนเลยไม่มีใครเกรงใจ พากันสวาปาม

ในห้องหอ

จวินหย่วนโยวจูงมือหยุนถิงเดินเข้าไป คนรับใช้ช่วยปิดประตูให้พวกเขา

“ไอ้โหย เหนื่อยจริงๆ ไม่คิดว่าแค่พิธีกราบไหว้จะยุ่งยากขนาดนี้” หยุนถิงบอก พลางเดินไปนั่งบนเตียง และถอดเครื่องประดับบนหัวลงวางข้างๆ จากนั้นยกมือนวดท้ายทอย

ชุดแต่งงานกับเครื่องประดับผมในยุคโบราณนี่เหนื่อยมากจริงๆ เธอทนปวดคออยู่ครึ่งค่อนวันแล้วเนี่ย

“เรื่องในวันนี้ข้าคิดไม่รอบคอบเอง ทำให้เจ้าลำบากแล้ว” จวินหย่วนโยวเดินเข้ามา นิ้วมือเรียวยาวขาวเนียนยืนมาช่วยนวดต้นคอให้หยุนถิง

“ไอ้โหย ไม่คิดว่าซื่อจื่อจะนวดเป็นด้วย หรือว่าเมื่อก่อนท่านเคยเรียน สบายจริงๆ ซ้ายหน่อย หนักอีกนิด” หยุนถิงเองก็ไม่เกรงใจเขา

“ข้านวดให้เพียงแค่เจ้าเท่านั้น” น้ำเสียงน่าฟังของจวินหย่วนโยวลอยมา

หยุนถิงยิ้มทั้งตา หันไปมองเขา “ซื่อจื่อ ท่านช่างจีบเก่งจริง”

“จีบ?” จวินหย่วนโยวมองมาอย่างไม่เข้าใจ

“แปลว่าท่านปากหวานมาก ซื่อจื่อข้าหิวแล้ว ให้คนนำอาหารเข้ามาหน่อยได้หรือไม่?” หยุนถิงพูด จากนั้นท้องเธอก็ดังจ๊อกจ๊อกมาทันที

เมื่อคืนเธอดูแลจวินหย่วนโยวทั้งคืน ตอนเช้าได้กินข้าวต้มไปชามเดียว ยุ่งวุ่นวายจนถึงตอนนี้หยุนถิงต้องหิวแทบตายอยู่แล้ว

จอมนางข้ามภิภพ

จอมนางข้ามภิภพ

Status: Ongoing
นางเป็นบุตรีเอกแห่งจวนเฉิงเสี้ยง เป็นยัยอัปลักษณ์ไร้ค่าผู้ฉาวโฉ่ กลับมีรักแรกพบกับหลีอ๋อง คะยั้นคะยอจะอภิเษกสมรสกับหลีอ๋องอย่างไม่กลัวสิ่งใด ณคืนวันอภิเษกถูกหลีอ๋องทำอัปยศอดสูจนตายพอลืมตาขึ้นดันทะลุมิติมาอีกภพหนึ่งกลายเป็นศาสตราจารย์หมอพิษสมัยใหม่ควบสองบัณฑิต คนที่เคยรังแกนาง มันต้องเอาคืนเป็นร้อยเท่าพันเท่า นาง…จัดการกับพวกสันดานชั่วอย่างออกนอกหน้า หาเงินอย่างถ่อมตน มัสมบัติระรวยใต้หล้า เพื่อหลุดพ้นจากหลีอ๋อง เลยแต่งในฐานะนางสนมของซื่อจื่อ กลับคิดไม่ถึงว่าจะไปกระตุกหนวดเสือให้เข้าแล้ว เขาเป็นซื่อจื่อผู้ป่วยเสาะแสะ สุขุมอ่อนโยน เย็นชาเจ้าเล่ห์ ร่างมีพิษที่จะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน หยุนถิงเป็นคนช่วยเขาแก้พิษ ทำให้เขากลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง เขาสาบานว่า จะอยู่กินกับนางแต่เพียงผู้เดียว หลังแต่งงาน นางนวดเอวที่ปวดอยู่ เตะเขาลงจากเตียง:“รับจดหมายรักจากหญิงอื่น ยังกล้ามานอนกับหม่อมฉันอีกรึ?” เขารีบอธิบาย:“น้องนาง ข้าผิดไปแล้ว ใครกล้ามาแย่งข้าไปจากเจ้า ข้าจะตัดขานางให้รู้แล้วรู้รอด” นางยักคิ้วหลิ่วตา:ก็ท่านนี่แหละที่เป็นต้นเหตุ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท